ทันทีที่ยัยป้าหน้ามึนโผหน้าเล็กๆ เข้าไปถาม ฟิลิปีโน ฟิลิปีนา ที่แสนจะใจดีก็มักจะส่งภาษาตากาล็อกกลับมาเป็นชุดทุกครั้งไป แล้วป้าจะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ทำตาโต กระพริบตาปริบๆ แล้วบอกออกไปว่า ขอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้มั๊ยคะ ก็จะได้รับคำถามต่อว่า พูดภาษาตากาล็อกไม่ได้หรือ (ประมาณว่า กระแดะนะเราน่ะ) ยัยป้าก็ต้องบอกว่า ค่ะ ไม่ได้ค่ะ คำถามต่อมา แล้วมาจากไหนเนี่ย ยัยป้าพยายามพูดภาษาอังกฤษให้ชัดที่สุด I am Thai. จากนั้นเสียงหัวเราะก๊ากก็ตามมาทุกครั้ง อ้าวนึกว่า Filippina ยู อาร์ ไทยแลนเดอร์ หรอ แม่นค่ะ ไอ แอม ไทยแลนด์ เด้อ ค่ะ แล้วยัยป้าก็ยิ้มหน้าบาน การที่มีคนมาบอกเราว่า เราหน้าเหมือนผู้หญิงฟิลิปปินส์ ป้าถือเอาเองว่าเป็นการชมว่าเราสวย (มโนไป เพราะว่า เท่าที่เห็นมาผู้หญิงประเทศนี้ส่วนใหญ่สวยหวาน ยิ่งมองยิ่งสวย) หลังจากนั้นเรื่องดีๆ ก็มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งไป บ้างก็เป็นเรื่องฮาน้ำตาเล็ด สุดท้ายจะได้มิตรภาพกลับมาเสมอ
การแบกเป้ครั้งนี้ไปแบบไม่มีแผน ไม่มีข้อมูล ไม่รู้อะไรเลย ฟังดูอาจจะเปรี้ยวไป แต่เรื่องจริงคือไม่ได้เตรียมตัวเลย จอง Hostel ไว้ที่มะนิลา 1 คืน เพื่อตั้งหลัก ที่เหลือว่ากันทีหลัง ระยะเวลาการเดินทางครั้งนี้ 20 วัน
Manila
เครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเช้า ไปถึงมะนิลาประมาณ 11.30 น. ออกจาก ตม. ได้ก็แลกเงินก่อน ค่าเงินต่อ 1 USD = 50.60 PPH (1 THB = 0.64 PPH) เดินตรงไปเรียกแท็กซี่ แท็กซี่ที่นี่มี 2 ประเภท (พี่ รปภ. สนามบินบอกมา) สีเหลืองคือ แท็กซี่มิเตอร์ สีขาวคือ แท็กซี่เหมา อันนี้แล้วแต่ความสามารถในการต่อรองราคา แต่สุดท้ายแล้ว แท็กซี่สีเหลืองที่ป้านั่ง ก็ไม่เคยกดมิเตอร์ก็กลายเป็นแท็กซี่เหมาไปทุกที พี่ รปภ.ที่สนามบินพูดถูก อย่าเสียเวลารอแท็กซี่เหลือง เพราะสุดท้ายคุณก็ต้องเหมาอยู่ดี เชื่อพี่ รปภ. แต่แรกก็ไม่ต้องยืนแบกเป้รอนานนม
ขึ้นรถปุ๊บป้าเอาชื่อและที่อยู่ Hostel ให้ดู พี่แท็กซี่แกก็เปิดราคามาที่ 500 PPH ยัยป้างง เดี๋ยวนะเป็น Taxi Meter ไม่ใช่หรือ พี่แกก็กล่าวต่อไปว่าด้วยเรื่องของการไม่กดมิเตอร์เนื่องจากว่า ย่านที่จะไปนี้รถติดมหาโหด (Makati) ถ้ากดมิเตอร์จะแพงกว่ามาก ยัยป้าก็ทำใจเย็นๆ แล้วต่อรองราคาไปที่ 400 PPH (กำลังขึ้นๆ) พี่แกหันมายิ้มทำหน้าตาจิ้มลิ้ม ได้ครับ (อ้าว ทำไมง่ายจัง นี่กะว่างานนี้มียาว) แต่ว่าเคยเรียก Grab Taxi จาก Hostel เดียวกันไปสนามบิน ราคา Grab ประมาณ 320 PPH แสดงว่า พี่แกก็ไม่ได้ใจร้ายนะ
ถึง Z Hostel แบบทุลักทุเล คราวนี้รู้แล้วว่าทำไมบอกว่ากดมิเตอร์น่าจะแพงกว่า ก็เพราะว่า พี่แกพาหลงซะนานเชียว ถึง Hostel ประมาณ บ่ายโมง สอบถามน้อง Reception ว่า ถ้าจะซื้อกระเป๋าเป้ จะต้องไปที่ไหน น้องก็วาดแผนที่ให้เรียบร้อย เดินไปเรื่อยก็เจอห้าง โอ้โห ย่านนี้มันคือมะนิลาจริงๆ หรือ ทำไมมันต่างกันราวฟ้ากับเหว กับสองข้างทางที่ผ่านมาตะกี้ นี่มัน New York ชัดๆ ได้กระเป๋าเสร็จเดินกลับ Hostel ได้เวลาอาหารเย็น ขึ้นไปบน Rooftop Hostel จ้า สวยมาก (เสียงสูงร้อยแปดสิบเดซิเบล)
หลังจากนั้นเราก็ต้องหาที่ไปสำหรับพรุ่งนี้ ดูแผนที่ที่แปะอยู่ที่ฝาผนัง Hostel เลือกไปทางเหนือก่อนละกัน Search ดู น่าจะเป็น Vigan เมืองโบราณ ก็เลยถามน้อง Reception ว่า รถบัสไป Vigan มีกี่โมง แล้วใช้เวลาประมาณกี่ชั่วโมง ได้ความว่า รถเที่ยวแรก 09.00 น. ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.
ตื่นเช้ามา check out เรียบร้อย ให้น้อง Reception เรียก Grab Taxi ให้ ไป Partas Bus Terminal
ขออธิบายเรื่องระบบรถบัสของที่นี่ คือคล้ายๆ บ้านเราที่แต่ละเส้นทางก็จะมีบริษัทเดินรถเป็นเจ้าของเส้นทางเดินรถ แต่ที่นี่ไม่มีสถานีขนส่ง ต้องรู้ว่า บริษัทนี้วิ่งไปไหน แล้วไปขึ้นรถที่ไหน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บนถนน Aurora ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถานีรถบัสแทบจะทั่วทุกหัวเมือง
ตัดภาพกลับมาที่ยัยป้า นั่ง Taxi ไปถึง Partas Bus Termial ด้วยราคา 330 PPH ลงรถปุ๊บ บอกลุง รปภ. ว่าจะไป Vigan หลังจากลุงรู้ว่าไม่ใช่ Filippina ลุงก็บริการทุกระดับประทับใจมาก จนได้ตั๋วมารอบ 19.30 น. ด้วยราคามาตรฐาน 805 PPH บอกลุงว่า เนี่ยมีเวลาตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะขึ้นรถ จะไป Rizal Park ลุงก็เรียกแท็กซี่ประจำ Terminal มาให้ พี่แกเสนอมาที่ 600 PPH ลุงถึงกับเดินหนี ต่อมาได้ 500 PPH ลุงกำชับไว้ว่า ต้องกลับมาก่อนรถออก 1 ชม. นะ
ขึ้นรถปุ๊บ พี่แกก็ยิ้มมุมปาก (ใช่ซี๊เลือดชั้นยังติดริมฝีปากบนแกอยู่เลย)
คนขับ : จะไปไหนนะ Ocean Park หรือ
คนนั่ง : เดี๋ยว ไม่ใช่ นะ Rizal Park
คนขับ : หา อะไรนะ ไป Rizal Park ไปทำไม แน่ใจนะ
คนนั่ง : ทำไมหล่ะ อันตรายหรือ
คนขับ : ใช่ เธอจะไปเจอใคร นัดเพื่อนไว้หรอ
คนนั่ง : ปล่าว ทำไมหล่ะ ไปคนเดียวไม่ได้หรอ
คนขับ : มันอันตรายนะ แน่ใจป่าว
คนนั่ง : อืม ก็ไม่รู้อ่ะ เห็นในอินเตอร์เน็ตเค้าแนะนำกันมา
คนขับ : อืม เค้าว่าไงกันอ่ะ
คนนั่ง : ก็ดีนะ หรือว่าเฮียมีที่แนะนำมั๊ยหล่ะ ไม่เคยมามะนิลา ไม่รู้เหมือนกัน
คนขับ : (พูดมาประมาณ 10 ที่)
คนนั่ง : อืม ไป Rizal Park (คิดในใจ โหเฮีย จะมีใครน่ากลัวกว่าเฮียอีกหรอเนี่ย)
แล้วก็ไปส่ง Ocean Park จนได้ อ้างว่าไม่มีที่จอดรถ (จริงๆมันใกล้กันเดินถึงกันได้) แต่ก็ขอบคุณเฮียเพราะว่า ได้เจอวิวนี้เพราะความขี้เกียจของเฮีย
ด้านขวามือของภาพ จะเป็นร้านอาหารยื่นออกไปในทะเล ชื่อว่า Harber Restaurant อาหารอร่อยดี บรรยากาศน่านอนกลางวันมาก
กินอิ่มแล้วยัยป้าก็ต้องแบกกระเป๋า 10 กิโล พร้อมสังขารอันทรุดโทรมเดินไป Rizal Park แล้วก็คิดถึงคำพูดเฮีย โหถ้าเดิน Park นี้แล้วอันตรายนะ ประเทศนี้ก็ไม่มีที่ปลอดภัยแล้วค่ะ คนเดินเป็นร้อย แต่ก็มีคนขอเงิน ขายเสื่อ manicure ขายนกบิน ขายของเล่น สารพัด หลบกันเอาเองละกัน กลางคืนว่ากันว่า มีน้ำพุ สวยงาม ส่วนกลางวัน ณ ตอนนี้ นั่งฟินอยู่กับเพลง Christmas กลางสวน
Rizal Park จะมี 2 ส่วน มีถนนตัดกลาง ฝั่งหนึ่งจะเป็นสวนสาธารณะ มีสนามหญ้า มีสระน้ำ มีน้ำพุ อีกฝั่งจะเป็น Museum แห่งชาติ 2 แห่ง และมีแผนที่ประเทศฟิลิปปินส์ลอยอยู่กลางน้ำ
ได้เวลาต้องหารถกลับไปสถานีขนส่ง หาแท็กซี่ยากเย็น งานงอกละป้า เดินมาตรงถนนเส้นกลาง Park มีสถานีรถ Jeepney จัดเลยละกัน เดินไปใกล้ๆ ป้ายรถ Jeepney ก็มีเฮียคนนึง แกยืนจัดคิวรถอยู่ ใครจะเข้าใครจะออกต้องคอยแกอนุญาต ออกแนวมาเฟียคุมวิน แต่เฮียเค้าใจดีนะ จะไปไหนก็บอกเค้า เฮียก็จัดการโบกให้เลยจ้า คันไหนโบกไม่จอดก็จะมีการชี้หน้ากันเล็กน้อย พอให้รู้ตัว เมื่อรถจอดปุ๊บ เฮียก็หันมาบอกว่า ขอ 5 PPH ซี ค่าโบกรถอ่ะ ควานหาเหรียญในกระป๋าได้มา 3 PPH หันไปหาเฮีย มีแค่นี้ได้มั๊ยคะ เฮียบอก ได้ๆ (ใจดีลดให้ 2 PPH) จากนั้นก็จัดการสั่งเสียคนขับให้เรียบร้อยว่าต้องจอดตรงไหน ถึงแล้วต้องบอกด้วยนะ อะไรประมาณนี้ คุ้มมั๊ยหล่ะ 3 PPH สำหรับป้าโครตคุ้ม เพราะว่า นั่งรถไปประมาณ 1 ชม. 30 นาที คนขับก็ส่งตรง Coubao เดินไปอีกหน่อยก็ถึง Partas Termial ละ (ก่อนหน้านี้เฮียคุมวินแกบอกไว้ว่า จะส่งตรงถนนเส้นหลังนะ เธอลงรถแล้วเดินหน่อยนะ คือเฮียไม่มีมั่ว ไม่มีโกหก เป๊ะเว่อร์)
ค่ารถ 19 PPH ยัยป้าใจใหญ่ Tip ไปเลยจ้า ให้ไป 20 PPH ไม่ต้องทอนเพ่ แหม่ ระยะเวลาขาไปกับขากลับ เกือบจะเท่าๆ กัน แต่ราคานี่ซิ 20 PPH กับ 500 PPH มันก็จะจุกๆ หน่อย
การใช้บริการ Jeepney ถ้าใครอยากจะลองก็เดินเข้าไปถามที่ป้ายได้เลยจ้า อยากไปไหนก็บอกพี่ๆ เค้าไป มันจะมีแทบทุกถนน มันค่อนข้างจากซับซ้อน แต่ก็ไม่ยากมากมาย ให้แน่คือต้องถาม พี่ๆ เค้าใจดี (จริงๆ นะ)
[CR] THE PHILIPPINES – แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวดินแดนเจ็ดพันเกาะ…..ฟิลิปปินส์
ทันทีที่ยัยป้าหน้ามึนโผหน้าเล็กๆ เข้าไปถาม ฟิลิปีโน ฟิลิปีนา ที่แสนจะใจดีก็มักจะส่งภาษาตากาล็อกกลับมาเป็นชุดทุกครั้งไป แล้วป้าจะทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่ทำตาโต กระพริบตาปริบๆ แล้วบอกออกไปว่า ขอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้มั๊ยคะ ก็จะได้รับคำถามต่อว่า พูดภาษาตากาล็อกไม่ได้หรือ (ประมาณว่า กระแดะนะเราน่ะ) ยัยป้าก็ต้องบอกว่า ค่ะ ไม่ได้ค่ะ คำถามต่อมา แล้วมาจากไหนเนี่ย ยัยป้าพยายามพูดภาษาอังกฤษให้ชัดที่สุด I am Thai. จากนั้นเสียงหัวเราะก๊ากก็ตามมาทุกครั้ง อ้าวนึกว่า Filippina ยู อาร์ ไทยแลนเดอร์ หรอ แม่นค่ะ ไอ แอม ไทยแลนด์ เด้อ ค่ะ แล้วยัยป้าก็ยิ้มหน้าบาน การที่มีคนมาบอกเราว่า เราหน้าเหมือนผู้หญิงฟิลิปปินส์ ป้าถือเอาเองว่าเป็นการชมว่าเราสวย (มโนไป เพราะว่า เท่าที่เห็นมาผู้หญิงประเทศนี้ส่วนใหญ่สวยหวาน ยิ่งมองยิ่งสวย) หลังจากนั้นเรื่องดีๆ ก็มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งไป บ้างก็เป็นเรื่องฮาน้ำตาเล็ด สุดท้ายจะได้มิตรภาพกลับมาเสมอ
การแบกเป้ครั้งนี้ไปแบบไม่มีแผน ไม่มีข้อมูล ไม่รู้อะไรเลย ฟังดูอาจจะเปรี้ยวไป แต่เรื่องจริงคือไม่ได้เตรียมตัวเลย จอง Hostel ไว้ที่มะนิลา 1 คืน เพื่อตั้งหลัก ที่เหลือว่ากันทีหลัง ระยะเวลาการเดินทางครั้งนี้ 20 วัน
Manila
เครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเช้า ไปถึงมะนิลาประมาณ 11.30 น. ออกจาก ตม. ได้ก็แลกเงินก่อน ค่าเงินต่อ 1 USD = 50.60 PPH (1 THB = 0.64 PPH) เดินตรงไปเรียกแท็กซี่ แท็กซี่ที่นี่มี 2 ประเภท (พี่ รปภ. สนามบินบอกมา) สีเหลืองคือ แท็กซี่มิเตอร์ สีขาวคือ แท็กซี่เหมา อันนี้แล้วแต่ความสามารถในการต่อรองราคา แต่สุดท้ายแล้ว แท็กซี่สีเหลืองที่ป้านั่ง ก็ไม่เคยกดมิเตอร์ก็กลายเป็นแท็กซี่เหมาไปทุกที พี่ รปภ.ที่สนามบินพูดถูก อย่าเสียเวลารอแท็กซี่เหลือง เพราะสุดท้ายคุณก็ต้องเหมาอยู่ดี เชื่อพี่ รปภ. แต่แรกก็ไม่ต้องยืนแบกเป้รอนานนม
ขึ้นรถปุ๊บป้าเอาชื่อและที่อยู่ Hostel ให้ดู พี่แท็กซี่แกก็เปิดราคามาที่ 500 PPH ยัยป้างง เดี๋ยวนะเป็น Taxi Meter ไม่ใช่หรือ พี่แกก็กล่าวต่อไปว่าด้วยเรื่องของการไม่กดมิเตอร์เนื่องจากว่า ย่านที่จะไปนี้รถติดมหาโหด (Makati) ถ้ากดมิเตอร์จะแพงกว่ามาก ยัยป้าก็ทำใจเย็นๆ แล้วต่อรองราคาไปที่ 400 PPH (กำลังขึ้นๆ) พี่แกหันมายิ้มทำหน้าตาจิ้มลิ้ม ได้ครับ (อ้าว ทำไมง่ายจัง นี่กะว่างานนี้มียาว) แต่ว่าเคยเรียก Grab Taxi จาก Hostel เดียวกันไปสนามบิน ราคา Grab ประมาณ 320 PPH แสดงว่า พี่แกก็ไม่ได้ใจร้ายนะ
ถึง Z Hostel แบบทุลักทุเล คราวนี้รู้แล้วว่าทำไมบอกว่ากดมิเตอร์น่าจะแพงกว่า ก็เพราะว่า พี่แกพาหลงซะนานเชียว ถึง Hostel ประมาณ บ่ายโมง สอบถามน้อง Reception ว่า ถ้าจะซื้อกระเป๋าเป้ จะต้องไปที่ไหน น้องก็วาดแผนที่ให้เรียบร้อย เดินไปเรื่อยก็เจอห้าง โอ้โห ย่านนี้มันคือมะนิลาจริงๆ หรือ ทำไมมันต่างกันราวฟ้ากับเหว กับสองข้างทางที่ผ่านมาตะกี้ นี่มัน New York ชัดๆ ได้กระเป๋าเสร็จเดินกลับ Hostel ได้เวลาอาหารเย็น ขึ้นไปบน Rooftop Hostel จ้า สวยมาก (เสียงสูงร้อยแปดสิบเดซิเบล)
หลังจากนั้นเราก็ต้องหาที่ไปสำหรับพรุ่งนี้ ดูแผนที่ที่แปะอยู่ที่ฝาผนัง Hostel เลือกไปทางเหนือก่อนละกัน Search ดู น่าจะเป็น Vigan เมืองโบราณ ก็เลยถามน้อง Reception ว่า รถบัสไป Vigan มีกี่โมง แล้วใช้เวลาประมาณกี่ชั่วโมง ได้ความว่า รถเที่ยวแรก 09.00 น. ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.
ตื่นเช้ามา check out เรียบร้อย ให้น้อง Reception เรียก Grab Taxi ให้ ไป Partas Bus Terminal
ขออธิบายเรื่องระบบรถบัสของที่นี่ คือคล้ายๆ บ้านเราที่แต่ละเส้นทางก็จะมีบริษัทเดินรถเป็นเจ้าของเส้นทางเดินรถ แต่ที่นี่ไม่มีสถานีขนส่ง ต้องรู้ว่า บริษัทนี้วิ่งไปไหน แล้วไปขึ้นรถที่ไหน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บนถนน Aurora ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถานีรถบัสแทบจะทั่วทุกหัวเมือง
ตัดภาพกลับมาที่ยัยป้า นั่ง Taxi ไปถึง Partas Bus Termial ด้วยราคา 330 PPH ลงรถปุ๊บ บอกลุง รปภ. ว่าจะไป Vigan หลังจากลุงรู้ว่าไม่ใช่ Filippina ลุงก็บริการทุกระดับประทับใจมาก จนได้ตั๋วมารอบ 19.30 น. ด้วยราคามาตรฐาน 805 PPH บอกลุงว่า เนี่ยมีเวลาตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะขึ้นรถ จะไป Rizal Park ลุงก็เรียกแท็กซี่ประจำ Terminal มาให้ พี่แกเสนอมาที่ 600 PPH ลุงถึงกับเดินหนี ต่อมาได้ 500 PPH ลุงกำชับไว้ว่า ต้องกลับมาก่อนรถออก 1 ชม. นะ
ขึ้นรถปุ๊บ พี่แกก็ยิ้มมุมปาก (ใช่ซี๊เลือดชั้นยังติดริมฝีปากบนแกอยู่เลย)
คนขับ : จะไปไหนนะ Ocean Park หรือ
คนนั่ง : เดี๋ยว ไม่ใช่ นะ Rizal Park
คนขับ : หา อะไรนะ ไป Rizal Park ไปทำไม แน่ใจนะ
คนนั่ง : ทำไมหล่ะ อันตรายหรือ
คนขับ : ใช่ เธอจะไปเจอใคร นัดเพื่อนไว้หรอ
คนนั่ง : ปล่าว ทำไมหล่ะ ไปคนเดียวไม่ได้หรอ
คนขับ : มันอันตรายนะ แน่ใจป่าว
คนนั่ง : อืม ก็ไม่รู้อ่ะ เห็นในอินเตอร์เน็ตเค้าแนะนำกันมา
คนขับ : อืม เค้าว่าไงกันอ่ะ
คนนั่ง : ก็ดีนะ หรือว่าเฮียมีที่แนะนำมั๊ยหล่ะ ไม่เคยมามะนิลา ไม่รู้เหมือนกัน
คนขับ : (พูดมาประมาณ 10 ที่)
คนนั่ง : อืม ไป Rizal Park (คิดในใจ โหเฮีย จะมีใครน่ากลัวกว่าเฮียอีกหรอเนี่ย)
แล้วก็ไปส่ง Ocean Park จนได้ อ้างว่าไม่มีที่จอดรถ (จริงๆมันใกล้กันเดินถึงกันได้) แต่ก็ขอบคุณเฮียเพราะว่า ได้เจอวิวนี้เพราะความขี้เกียจของเฮีย
ด้านขวามือของภาพ จะเป็นร้านอาหารยื่นออกไปในทะเล ชื่อว่า Harber Restaurant อาหารอร่อยดี บรรยากาศน่านอนกลางวันมาก
กินอิ่มแล้วยัยป้าก็ต้องแบกกระเป๋า 10 กิโล พร้อมสังขารอันทรุดโทรมเดินไป Rizal Park แล้วก็คิดถึงคำพูดเฮีย โหถ้าเดิน Park นี้แล้วอันตรายนะ ประเทศนี้ก็ไม่มีที่ปลอดภัยแล้วค่ะ คนเดินเป็นร้อย แต่ก็มีคนขอเงิน ขายเสื่อ manicure ขายนกบิน ขายของเล่น สารพัด หลบกันเอาเองละกัน กลางคืนว่ากันว่า มีน้ำพุ สวยงาม ส่วนกลางวัน ณ ตอนนี้ นั่งฟินอยู่กับเพลง Christmas กลางสวน
Rizal Park จะมี 2 ส่วน มีถนนตัดกลาง ฝั่งหนึ่งจะเป็นสวนสาธารณะ มีสนามหญ้า มีสระน้ำ มีน้ำพุ อีกฝั่งจะเป็น Museum แห่งชาติ 2 แห่ง และมีแผนที่ประเทศฟิลิปปินส์ลอยอยู่กลางน้ำ
ได้เวลาต้องหารถกลับไปสถานีขนส่ง หาแท็กซี่ยากเย็น งานงอกละป้า เดินมาตรงถนนเส้นกลาง Park มีสถานีรถ Jeepney จัดเลยละกัน เดินไปใกล้ๆ ป้ายรถ Jeepney ก็มีเฮียคนนึง แกยืนจัดคิวรถอยู่ ใครจะเข้าใครจะออกต้องคอยแกอนุญาต ออกแนวมาเฟียคุมวิน แต่เฮียเค้าใจดีนะ จะไปไหนก็บอกเค้า เฮียก็จัดการโบกให้เลยจ้า คันไหนโบกไม่จอดก็จะมีการชี้หน้ากันเล็กน้อย พอให้รู้ตัว เมื่อรถจอดปุ๊บ เฮียก็หันมาบอกว่า ขอ 5 PPH ซี ค่าโบกรถอ่ะ ควานหาเหรียญในกระป๋าได้มา 3 PPH หันไปหาเฮีย มีแค่นี้ได้มั๊ยคะ เฮียบอก ได้ๆ (ใจดีลดให้ 2 PPH) จากนั้นก็จัดการสั่งเสียคนขับให้เรียบร้อยว่าต้องจอดตรงไหน ถึงแล้วต้องบอกด้วยนะ อะไรประมาณนี้ คุ้มมั๊ยหล่ะ 3 PPH สำหรับป้าโครตคุ้ม เพราะว่า นั่งรถไปประมาณ 1 ชม. 30 นาที คนขับก็ส่งตรง Coubao เดินไปอีกหน่อยก็ถึง Partas Termial ละ (ก่อนหน้านี้เฮียคุมวินแกบอกไว้ว่า จะส่งตรงถนนเส้นหลังนะ เธอลงรถแล้วเดินหน่อยนะ คือเฮียไม่มีมั่ว ไม่มีโกหก เป๊ะเว่อร์)
ค่ารถ 19 PPH ยัยป้าใจใหญ่ Tip ไปเลยจ้า ให้ไป 20 PPH ไม่ต้องทอนเพ่ แหม่ ระยะเวลาขาไปกับขากลับ เกือบจะเท่าๆ กัน แต่ราคานี่ซิ 20 PPH กับ 500 PPH มันก็จะจุกๆ หน่อย
การใช้บริการ Jeepney ถ้าใครอยากจะลองก็เดินเข้าไปถามที่ป้ายได้เลยจ้า อยากไปไหนก็บอกพี่ๆ เค้าไป มันจะมีแทบทุกถนน มันค่อนข้างจากซับซ้อน แต่ก็ไม่ยากมากมาย ให้แน่คือต้องถาม พี่ๆ เค้าใจดี (จริงๆ นะ)