คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
เหมือนจะยาก แต่ถ้าคุณรู้สถานีต้นทาง ปลายทาง ซึ่งคุณต้องหาข้อมูลล่วงหน้ามาแล้ว แล้วใช้ Hyperdia จะรู้ด้วยซ้ำว่า ช่วงเวลาตามแผนที่วางไว้ จะไปสายไหน ต้องต่อรถที่สถานีอะไร ต่อสายอะไร รถสายนั้นจะมาเวลาเท่าไร บางกรณีจะรู้ถึงขั้นว่าชานชลาไหนด้วยซ้ำ
ดังนั้น แม้แผนที่จะดูวุ่นวายสับสน ก็ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะเราจะสนใจแค่สายรถที่เราจะไปในรอบนี้เท่านั้น สิ่งที่ต้องรู้ควรจะเป็นว่าจะไปที่ชานชลาเพื่อขึ้นรถสายนั้น ได้อย่างไรมากกว่า ยิ่งเจอสถานีใหญ่ มีหลายชานชลา อันนี้สิ คุณเลี่ยงไม่ได้
ผมเลยอยากแชร์เรื่องนี้ แม้คุณจะไม่ได้ถาม แต่ผมคิดว่า แค่แผนที่รถไฟคุณยังเห็นว่าวุ่นวาย คุณคงยังไม่ได้สัมผัสบรรยากาศการขึ้นรถไฟที่สถานีใหญ่มาก่อน
เอาละ เมื่อคุณเข้าไปในสถานี จงมองหาป้ายบอกชานชลาที่ต้องไปขึ้นรถไฟสายเป้าหมาย หาง่ายเพราะป้ายบอกชานชลา ส่วนใหญ่เป็นป้ายแขวน และป้ายที่ติดผนังก็พอมี (มักจะอยู่ไกล้จะถึงชานชลาเป้าหมายละ) มองหาแถบสีสายรถที่จะไป
ที่แถบสีสายรถ จะมีชื่อสายรถกำกับ และบอกหมายเลขชานชลา ก็ดูเจาะอีกทีว่า เป็นชานชลารถไฟที่วิ่งไปในทิศทางที่เราจะไปหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ ป้ายแขวนที่พบอันแรก ๆ อาจยังไม่มีข้อมูล แบบนี้ก็อาจจะบอกตรงจุดที่ไกล้จะถึงชานชลา หรืออาจเลยไปจนถึงจุดแยกทางเดินขึ้นชานชลาโน่นเลย ก็เป็นได้ เดินตามป้ายไปจนถึงนั้นแหละ
ตัวอย่าง คุณอยู่ที่สถานีชินจูกุ จะไปสถานีโตเกียว คุณรู้ละว่าคุณต้องไปรถสาย Chuo สายสีแดง ก็มองหาป้ายบอกทางเดินไปชานชลาของสายสีแดง ซึ่งมีป้ายสีกำกับไว้อย่างที่บอก ตอนแรก มักจะบอกเป็น 2 ชานชลา ก็ตามป้ายที่ว่าไปเรื่อย ๆ
พอไกล้ถึงปลายทาง จะมีรายละเอียดให้ทราบว่า ชานชลาใด จะไปทิศทางใด รถสาย Chuo นี้ วิ่งตามแนวตะวันตกกับตะวันออกของโตเกียว ผ่าวงสาย Yamanote ทางตะวันตกจะวิ่งไปทาง Mitaka ทางตะวันออกจึงจะไปทางสถานี Tokyo
ก็เหมือนกับอยู่สยาม จะไปสวนจตุจักร แต่ขึ้นทิศที่ไปสำโรง ถ้าขึ้นผิด ชีวิตเปลี่ยน ยังไง ยังงั้น
หากคุณจะไป Kichijoji เดินแหล่งฮิป หรือ Nakano เพราะเป็นโอตาคุ คุณต้องไปทางทิศมุ่งหน้า Mitaka
แต่คุณก็ต้องทำการบ้านมาแล้วละว่า คุณจะไป Tokyo ก็เลือกชานชลาที่บอกว่า for Tokyo ไรงี้
ตรงจุดที่จะขึ้นไปชานชลานี้ มักจะมีแผนที่เส้นทางรถไฟย่อ ๆ เฉพาะช่วง ติดให้ทราบว่า ตอนนี้อยู่สถานีไหนไหน รถที่จะเทียบชานชลาจะไปสถานีไหนต่อไปบ้าง
ก็ดูอีกทีให้แน่ใจ แล้วพอขึ้นไปถึงชานชลา จะมีป้ายแขวนเป็นป้ายไฟ บอกเวลา และชื่อสายรถไฟที่กำลังจะเข้าเทียบ แล้วก็มีบอกว่า for ทิศทางไหนอีกแหละ
นี่ไง บอกแล้ว บอกอีก แค่เราต้องรู้ว่าจะไปไหน สายอะไร ก็ไปได้ละ บนเส้นทางในสถานีก็บอกละเอียดซะขนาดนี้ จะเป็นสถานีใหญ่อย่างโตเกียว หรือชินจูกุ มันก็แค่ป้ายเยอะ คนเยอะกว่าดูคับคั่ง วุ่นวาย น่าจะสร้างความสับสน
ซึ่งถ้าเรา Focus กับเป้าหมาย ตัดข้อมูลอื่นออก เหลือแต่ป้ายบอกทางไปเป้าหมาย อย่างนี้ก็ง่ายละ ลองเดินไม่กี่ครั้ง ก็จะเข้าใจ
วิธีนี้ ใช้ได้ไม่ว่ากับรถใต้ดิน รถบนดิน เลยไปจนถึงรถชินกันเซนเลยแหละ เพราะหัวใจคือ ไปให้ถึงชานชลาที่เป็นเป้าหมายให้ได้ แค่นั้น
บางสถานี อาจขาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างไปบ้าง แต่ก็ยังมีข้อมูลมากพอจะพาไปถึงชานชลาที่ถูกต้องได้เสมอ
มันเป็นภาพชีวิต ที่คุณจะเจอทุกวัน เพราะเป็นที่ทราบว่า การเดินทางในโตเกียว ที่สะดวกและประหยัดเวลาน่ะ รถไฟน่าจะดีที่สุด
การเดินหาชานชลา จึงเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานทุกว้น วันแล้ววันเล่า ไกล้บ้าง ไกลบ้าง ยิ่งสถานีใหญ่ยิ่งเดินสนุก
สำหรับสถานีเล็ก ๆ มีรถผ่านไม่กี่สาย ก็ไม่ซับซ้อนอะไร ลองไปหาความชำนาญที่สถานีใหญ่อย่าง โตเกียว ชินจูกุ ชินากาว่า มีทั้งรถใต้ดิน บนดิน รวมกันแล้ว บางสถานีนับสิบสาย บางสถานีมีชินกันเซนอีกตะหาก จากนั้นลองขั้น advance ขึ้น JR ต่อใต้ดิน จะเป็น Metro, Seibu, Toei หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแหละ อย่าง Asakusa, Tokyo Skytree รถไฟ JR ไปไม่ถึง ก็ต้องใต้ดินแหละ
ถึงตรงนี้ คุณจะมั่นใจไม่ว่าจะไปไหน ไกล้ไกล ถ้าเป็นการเดินทางโดยรถไฟชั้นไม่กลัวละ
แล้วเรื่องสายรถไฟนี้ กรณีสายเดียวกัน แต่มีรถ Local และ Rapid ก็ต้องดูด้วยนะว่า สถานีที่คุณจะลง รถจอดหรือเปล่า เพราะรถ Rapid จะไม่จอดทุกสถานี อันนี้ดูจาก แผนที่รถไฟนั้นแหละ เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ต่อ ๆ ไม่ต้องร้อนใจ
สำหรับเรื่องที่เที่ยว ไม่อาจแนะนำอะไรได้ เพราะไม่รู้แนวของคุณ เป็นผม ผมจะไปสถานที่ที่คิดว่า ทัวร์ไม่พาไป อย่างพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ตลาดนัดสนามม้า ตลาดนัด Mottanai หรือนิทรรศการ งานแสดง ที่ตรงตามความสนใจของเรา และไม่ได้แสดงประจำ แต่มีการจัดในช่วงที่เราไปพอดี อย่าง Tokyo Toy Fair, Tokyo Motor Show และตอนนี้ก็มีนิทรรศการ Doraemon ที่ Roppongi Hills อะไรงี้ ที่ว่ามานี้ มีเพื่อน ๆ มา Review ไว้แล้วมากพอดู ก็ตามนั้นละครับ
ดังนั้น แม้แผนที่จะดูวุ่นวายสับสน ก็ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะเราจะสนใจแค่สายรถที่เราจะไปในรอบนี้เท่านั้น สิ่งที่ต้องรู้ควรจะเป็นว่าจะไปที่ชานชลาเพื่อขึ้นรถสายนั้น ได้อย่างไรมากกว่า ยิ่งเจอสถานีใหญ่ มีหลายชานชลา อันนี้สิ คุณเลี่ยงไม่ได้
ผมเลยอยากแชร์เรื่องนี้ แม้คุณจะไม่ได้ถาม แต่ผมคิดว่า แค่แผนที่รถไฟคุณยังเห็นว่าวุ่นวาย คุณคงยังไม่ได้สัมผัสบรรยากาศการขึ้นรถไฟที่สถานีใหญ่มาก่อน
เอาละ เมื่อคุณเข้าไปในสถานี จงมองหาป้ายบอกชานชลาที่ต้องไปขึ้นรถไฟสายเป้าหมาย หาง่ายเพราะป้ายบอกชานชลา ส่วนใหญ่เป็นป้ายแขวน และป้ายที่ติดผนังก็พอมี (มักจะอยู่ไกล้จะถึงชานชลาเป้าหมายละ) มองหาแถบสีสายรถที่จะไป
ที่แถบสีสายรถ จะมีชื่อสายรถกำกับ และบอกหมายเลขชานชลา ก็ดูเจาะอีกทีว่า เป็นชานชลารถไฟที่วิ่งไปในทิศทางที่เราจะไปหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ ป้ายแขวนที่พบอันแรก ๆ อาจยังไม่มีข้อมูล แบบนี้ก็อาจจะบอกตรงจุดที่ไกล้จะถึงชานชลา หรืออาจเลยไปจนถึงจุดแยกทางเดินขึ้นชานชลาโน่นเลย ก็เป็นได้ เดินตามป้ายไปจนถึงนั้นแหละ
ตัวอย่าง คุณอยู่ที่สถานีชินจูกุ จะไปสถานีโตเกียว คุณรู้ละว่าคุณต้องไปรถสาย Chuo สายสีแดง ก็มองหาป้ายบอกทางเดินไปชานชลาของสายสีแดง ซึ่งมีป้ายสีกำกับไว้อย่างที่บอก ตอนแรก มักจะบอกเป็น 2 ชานชลา ก็ตามป้ายที่ว่าไปเรื่อย ๆ
พอไกล้ถึงปลายทาง จะมีรายละเอียดให้ทราบว่า ชานชลาใด จะไปทิศทางใด รถสาย Chuo นี้ วิ่งตามแนวตะวันตกกับตะวันออกของโตเกียว ผ่าวงสาย Yamanote ทางตะวันตกจะวิ่งไปทาง Mitaka ทางตะวันออกจึงจะไปทางสถานี Tokyo
ก็เหมือนกับอยู่สยาม จะไปสวนจตุจักร แต่ขึ้นทิศที่ไปสำโรง ถ้าขึ้นผิด ชีวิตเปลี่ยน ยังไง ยังงั้น
หากคุณจะไป Kichijoji เดินแหล่งฮิป หรือ Nakano เพราะเป็นโอตาคุ คุณต้องไปทางทิศมุ่งหน้า Mitaka
แต่คุณก็ต้องทำการบ้านมาแล้วละว่า คุณจะไป Tokyo ก็เลือกชานชลาที่บอกว่า for Tokyo ไรงี้
ตรงจุดที่จะขึ้นไปชานชลานี้ มักจะมีแผนที่เส้นทางรถไฟย่อ ๆ เฉพาะช่วง ติดให้ทราบว่า ตอนนี้อยู่สถานีไหนไหน รถที่จะเทียบชานชลาจะไปสถานีไหนต่อไปบ้าง
ก็ดูอีกทีให้แน่ใจ แล้วพอขึ้นไปถึงชานชลา จะมีป้ายแขวนเป็นป้ายไฟ บอกเวลา และชื่อสายรถไฟที่กำลังจะเข้าเทียบ แล้วก็มีบอกว่า for ทิศทางไหนอีกแหละ
นี่ไง บอกแล้ว บอกอีก แค่เราต้องรู้ว่าจะไปไหน สายอะไร ก็ไปได้ละ บนเส้นทางในสถานีก็บอกละเอียดซะขนาดนี้ จะเป็นสถานีใหญ่อย่างโตเกียว หรือชินจูกุ มันก็แค่ป้ายเยอะ คนเยอะกว่าดูคับคั่ง วุ่นวาย น่าจะสร้างความสับสน
ซึ่งถ้าเรา Focus กับเป้าหมาย ตัดข้อมูลอื่นออก เหลือแต่ป้ายบอกทางไปเป้าหมาย อย่างนี้ก็ง่ายละ ลองเดินไม่กี่ครั้ง ก็จะเข้าใจ
วิธีนี้ ใช้ได้ไม่ว่ากับรถใต้ดิน รถบนดิน เลยไปจนถึงรถชินกันเซนเลยแหละ เพราะหัวใจคือ ไปให้ถึงชานชลาที่เป็นเป้าหมายให้ได้ แค่นั้น
บางสถานี อาจขาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างไปบ้าง แต่ก็ยังมีข้อมูลมากพอจะพาไปถึงชานชลาที่ถูกต้องได้เสมอ
มันเป็นภาพชีวิต ที่คุณจะเจอทุกวัน เพราะเป็นที่ทราบว่า การเดินทางในโตเกียว ที่สะดวกและประหยัดเวลาน่ะ รถไฟน่าจะดีที่สุด
การเดินหาชานชลา จึงเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานทุกว้น วันแล้ววันเล่า ไกล้บ้าง ไกลบ้าง ยิ่งสถานีใหญ่ยิ่งเดินสนุก
สำหรับสถานีเล็ก ๆ มีรถผ่านไม่กี่สาย ก็ไม่ซับซ้อนอะไร ลองไปหาความชำนาญที่สถานีใหญ่อย่าง โตเกียว ชินจูกุ ชินากาว่า มีทั้งรถใต้ดิน บนดิน รวมกันแล้ว บางสถานีนับสิบสาย บางสถานีมีชินกันเซนอีกตะหาก จากนั้นลองขั้น advance ขึ้น JR ต่อใต้ดิน จะเป็น Metro, Seibu, Toei หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแหละ อย่าง Asakusa, Tokyo Skytree รถไฟ JR ไปไม่ถึง ก็ต้องใต้ดินแหละ
ถึงตรงนี้ คุณจะมั่นใจไม่ว่าจะไปไหน ไกล้ไกล ถ้าเป็นการเดินทางโดยรถไฟชั้นไม่กลัวละ
แล้วเรื่องสายรถไฟนี้ กรณีสายเดียวกัน แต่มีรถ Local และ Rapid ก็ต้องดูด้วยนะว่า สถานีที่คุณจะลง รถจอดหรือเปล่า เพราะรถ Rapid จะไม่จอดทุกสถานี อันนี้ดูจาก แผนที่รถไฟนั้นแหละ เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ต่อ ๆ ไม่ต้องร้อนใจ
สำหรับเรื่องที่เที่ยว ไม่อาจแนะนำอะไรได้ เพราะไม่รู้แนวของคุณ เป็นผม ผมจะไปสถานที่ที่คิดว่า ทัวร์ไม่พาไป อย่างพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ ตลาดนัดสนามม้า ตลาดนัด Mottanai หรือนิทรรศการ งานแสดง ที่ตรงตามความสนใจของเรา และไม่ได้แสดงประจำ แต่มีการจัดในช่วงที่เราไปพอดี อย่าง Tokyo Toy Fair, Tokyo Motor Show และตอนนี้ก็มีนิทรรศการ Doraemon ที่ Roppongi Hills อะไรงี้ ที่ว่ามานี้ มีเพื่อน ๆ มา Review ไว้แล้วมากพอดู ก็ตามนั้นละครับ
แสดงความคิดเห็น
รถไฟญี่ปุ่นมันช่าง...