.1
.........นับแต่ “กานดา” ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน “มนัส” ก็ยังคงทำตัวเป็นปกติเหมือนเมื่อครั้งที่กานดายังมีชีวิตอยู่ เคยทำงานอย่างไรเขาก็ทำอย่างนั้น เคยพูดเล่นพูดหัวกับใครเขาก็ทำอย่างนั้น แต่ที่คนไม่เข้าใจคือเขายังทำตัวเหมือนกานดายังมีชีวิตอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ
ทุกเช้า เพื่อนบ้านจะเห็นเขาเดินอ้อมรถไปเปิดประตูอีกฝั่ง เหมือนที่เคยเปิดให้กานดาเข้าไปนั่ง แล้วจึงปิดประตูเดินมาฝั่งคนขับ สตารท์รถออกจากบ้านไป ที่ทำงานของกานดา ที่มนัสเคยมาส่งเธอทุกทุกเช้า เขาจะจอดรถหน้าตึก ลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้กานดาลง เขาก็ยังทำอยู่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้ไม่มีกานดา
กลางวัน เขาจะขี่มอเตอร์ไซด์คันเก่าจากที่ทำงานซึ่งไม่ไกลมากนัก มายังโรงอาหารที่ทำงานกานดา สั่งอาหารสองชุด แล้วไปนั่งทานคนเดียว โดยอาหารอีกชุดจะอยู่ตรงข้าม เหมือนที่กานดาเคยนั่งทานกับเขา
เย็น เลิกงาน เขาจะขับรถมาจอดหน้าตึกที่ทำงานกานดา อ้อมมาเปิดประตูรถเหมือนที่เคยทำให้กานดาขึ้น นั่ง ปิดประตู แล้วขับออกไป
ที่บ้านตอนเย็น ที่เขาเคยมาจอดหน้าบ้าน เปิดประตูให้กานดาลง แล้วจึงนำรถไปเก็บในโรงจอดรถ เขาก็ยังทำอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ไม่มี กานดา.....
อาจไม่น่าแปลกใจนัก เพราะคนอาจคิดว่าเขายังทำใจต่อการสูญเสียภรรยาไปก่อนวัยอันควรไม่ได้ ถ้าเขาไม่ยังคงเดินบ่นพูดคนเดียวหัวเราะคนเดียว บริเวณบ้าน ชี้มือชี้ไม้ เหมือนมีคนสนทนาด้วย แม้แต่ในรถยนต์ หากใครบังเอิญติดรถเขามา เขาจะให้นั่งเบาะหลัง แล้วฟังเขาสนทนาคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราว ทำเอาคนนั่งมาด้วยขนลุกเกรียว ไม่กล้าขออาศัยมาอีกเลย......
แต่ไม่มีใครกล้าถามเขา ไม่มีใครอยากสนทนากับเขาเรื่องนี้ ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะเขาก็ยังเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนเดิม ฟังเพลงเบาๆ ในห้องทำงานส่วนตัว ผิวปากตามเพลง ทักทายคนโน้น คนนี้ เหมือนผ่านมา
แถวบ้านย่านที่มนัสอยู่ ขโมยชุกชุม โดยงัดโดนปีนกันแทบทุกบ้าน แต่บ้านมนัสหลังจากเกิดเรื่องน่าขนพองกับขโมยสองคนนั้น ไม่มีขโมยไหนกล้าแหยมมาอีกเลย ..เรื่องเกิดในคืนที่มนัสไปร่วมงานศพเพื่อนคนหนึ่ง หลังจากกานดาเสียชีวิตได้ราวหกเดือน.....
(โปรดอ่านต่อตอนต่อไปข้างล่างครับ)
"หลอน"
.........นับแต่ “กานดา” ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน “มนัส” ก็ยังคงทำตัวเป็นปกติเหมือนเมื่อครั้งที่กานดายังมีชีวิตอยู่ เคยทำงานอย่างไรเขาก็ทำอย่างนั้น เคยพูดเล่นพูดหัวกับใครเขาก็ทำอย่างนั้น แต่ที่คนไม่เข้าใจคือเขายังทำตัวเหมือนกานดายังมีชีวิตอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ
ทุกเช้า เพื่อนบ้านจะเห็นเขาเดินอ้อมรถไปเปิดประตูอีกฝั่ง เหมือนที่เคยเปิดให้กานดาเข้าไปนั่ง แล้วจึงปิดประตูเดินมาฝั่งคนขับ สตารท์รถออกจากบ้านไป ที่ทำงานของกานดา ที่มนัสเคยมาส่งเธอทุกทุกเช้า เขาจะจอดรถหน้าตึก ลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้กานดาลง เขาก็ยังทำอยู่อย่างนั้น เพียงแต่วันนี้ไม่มีกานดา
กลางวัน เขาจะขี่มอเตอร์ไซด์คันเก่าจากที่ทำงานซึ่งไม่ไกลมากนัก มายังโรงอาหารที่ทำงานกานดา สั่งอาหารสองชุด แล้วไปนั่งทานคนเดียว โดยอาหารอีกชุดจะอยู่ตรงข้าม เหมือนที่กานดาเคยนั่งทานกับเขา
เย็น เลิกงาน เขาจะขับรถมาจอดหน้าตึกที่ทำงานกานดา อ้อมมาเปิดประตูรถเหมือนที่เคยทำให้กานดาขึ้น นั่ง ปิดประตู แล้วขับออกไป
ที่บ้านตอนเย็น ที่เขาเคยมาจอดหน้าบ้าน เปิดประตูให้กานดาลง แล้วจึงนำรถไปเก็บในโรงจอดรถ เขาก็ยังทำอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ไม่มี กานดา.....
อาจไม่น่าแปลกใจนัก เพราะคนอาจคิดว่าเขายังทำใจต่อการสูญเสียภรรยาไปก่อนวัยอันควรไม่ได้ ถ้าเขาไม่ยังคงเดินบ่นพูดคนเดียวหัวเราะคนเดียว บริเวณบ้าน ชี้มือชี้ไม้ เหมือนมีคนสนทนาด้วย แม้แต่ในรถยนต์ หากใครบังเอิญติดรถเขามา เขาจะให้นั่งเบาะหลัง แล้วฟังเขาสนทนาคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราว ทำเอาคนนั่งมาด้วยขนลุกเกรียว ไม่กล้าขออาศัยมาอีกเลย......
แต่ไม่มีใครกล้าถามเขา ไม่มีใครอยากสนทนากับเขาเรื่องนี้ ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะเขาก็ยังเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนเดิม ฟังเพลงเบาๆ ในห้องทำงานส่วนตัว ผิวปากตามเพลง ทักทายคนโน้น คนนี้ เหมือนผ่านมา
แถวบ้านย่านที่มนัสอยู่ ขโมยชุกชุม โดยงัดโดนปีนกันแทบทุกบ้าน แต่บ้านมนัสหลังจากเกิดเรื่องน่าขนพองกับขโมยสองคนนั้น ไม่มีขโมยไหนกล้าแหยมมาอีกเลย ..เรื่องเกิดในคืนที่มนัสไปร่วมงานศพเพื่อนคนหนึ่ง หลังจากกานดาเสียชีวิตได้ราวหกเดือน.....
(โปรดอ่านต่อตอนต่อไปข้างล่างครับ)