คุณพ่อเสียมีวิธีทำใจหรือรับมือกับเรื่องที่เกิดกันอย่างไรกัน???

คือพ่อเราเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง คุณพ่อเป็นมะเร็งที่ปอดทางครอบครัวเราก็ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งใกล้กับวังหลัง เพราะตอนนั้นหมอบอกว่า'ยังไงก็หาย' เราก็มีความหวังและดีใจว่า'ยังไงก็หาย' รักษาไปๆมาๆมะเร็งลามขึ้นสมองแถมยังลามไปทั่วร่างกินกระดูกจนแทบไม่เหลือ เดินก็ไม่ได้ พูดไม่ได้ และทางโรงบาลกลับบอกว่า'ให้ทำใจไว้'แล้วก็ให้เอาพ่อเรากลับบ้าน จากนั้นครอบครัวเราก็ย้ายคุณพ่อไปโรงบาลใกล้บ้านๆ เพื่อพักฟื้นให้สบายก่อนที่เขาจะจากไป ในตอนนั้นเอง แม่ของเราก็ไปหายาต่างๆที่ต้านมะเร็งหรือรักษามะเร็งมาให้กับพ่อของเรา ปรากฎว่ากินในระยะแรกอาการพ่อของเราดีขึ้น ขาพ่อเราที่เคยบวมกลับค่อยๆหายบวม พูดชัดขึ้น ทางโรงบาลก็เลยย้ายไปที่บ้านพักแห่งหน่งที่ซึ่งเป็นของผู้ป่วย  เพราะกลัวติดเชื้อทที่ปอด บ้านพักนี้เป็นของโรงบาลที่ครอบครัวเราเพิ่งย้ายให้พ่อไปพักอยู่ ต่อมาวันหนึ่งพ่อเราเป็นไข้จึงถูกส่งตัวกลับไปไว้ที่โรงบาล ปรากฎว่า'ติดเชื้อที่ปอด'หมอเลยรักษาตามอาการ สักพักก็ดีขึ้นจึงย้ายกลับไปบ้านพัก แต่ในคราวนี้ตอนขนย้าย คนที่ทำหน้าที่ขนยกพ่อเราเหมือนกับพลาดจนกระดูกพ่อเราหัก พ่อเราเลยต้องอยู่ที่โรงบาล อยู่ไปอีกสักพัก วันหนึ่งระหว่างที่แม่ของเราคุยกับพ่อ ความดันพ่อก็ตกลงจนในตอนนั้นแม่เราคิดว่า'พ่อไปละ' แต่สุดท้ายก็ยังไม่ไป ในช่วงนั้นเราเรียนอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงรายและกำลังจะสอบปลายภาค เราก็โทรคุยกับแม่ว่า'พ่อเป็นไงบ้าง แม่เราก็บอกว่า'ดีขึ้นแล้ว' แม่เราก็ให้คุยกับพ่อ เราก็บอกพ่อว่า'รักพ่อนะ' แล้วแม่เราก็บอกว่า'พ่อฟื้นแล้ว เขากระพริบตา และพยายามพยักหน้า' พอมาถึงวันที่ 10 ธันวา ซึ่งเป็นวันเกิดเรา เราโทรหาแม่เพื่อถามอาการพ่อ แต่ลูกพี่ลูกน้องของเราที่เป็นพี่สาวเรารับสายแทนแล้วบอกว่า'เดี๋ยวแม่เราโทรกลับ' เรารออยู่นานจนดึกแม่ก็ไม่โทรกลับ ตอนนั้นเราก็เอะใจแต่ยังไม่คิดอะไร จนกระทั้งวันที่ 15 เราสอบเสร็จ เราก็กลับมาบ้าน โดยแม่มารับเราที่ BTS บางหว้า ระหว่างทางเราก็ถามว่า'ขาพ่อเป็นไงบ้าง' แม่เราก็ตอบว่า'หายแล้ว' ตอนนั้นเป็นการเอะใจครั้งที่สองของเราว่า'ทำไมแม่ตอบเลี่ยงๆ' พอมาถึงบ้านป้าเรา ตอนที่เราเขาไปในบ้าน เราเห็นป้าของเราแอบกระซิบแม่เรา ตอนนั้นเราก็ว่ามันแปลกๆละ หลังจากกินข้าวเสร็จ ป้าเราก็มาบอกว่า'พ่อเสียแล้วนะ ตั้งแต่วันที่ 9' คือ ความรู้สึกตอนนั้น เราคิดว่าเรารับมันได้เพราะเราก็เตรียมใจกับเรื่องนี้มาแล้วบ้าง แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด เราอยากจะร้องไห้ออกมาให้ดังๆ แต่ว่าเราก็พยายามกั้นมันเอาไว้ แม่เราก็บอกให้'ร้องออกมาดังๆ' แต่เราก็ทำไม่ได้ พ่อเราสู้อดทนต่อสู้กับโรคมะเร็งมาถึง 14 เดือนสุดท้ายก็จากไป วันนี้เป็นวันเผาของพ่อเรา ซึ่งตอนเผานั้น ต้องเปิดฝาโลงก่อนเพื่อให้เห็นหน้าครั้งสุดท้าย เมื่อได้เห็นพ่อเราแล้ว เราอยากจะร้องแต่ก็กั้นไว้ เพราะตอนนั้นเราคิดอยู่อย่างเดียวแบบที่พ่อเคยสอนมาคือ'เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง อดทน'เราเลยไม่ร้อง แต่พอกลับมาบ้าน เราเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เราก็ร้องไห้เบาๆ เราคิดถึงแต่เรื่องที่เราเคยอยู่กับพ่อ พ่อพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เล่าอะไรให้เราฟังบ้างในสมัยที่เขายังเป็นเด็กหรือสมัยที่ยังเรียนช่างกลปทุมวันจนกระทั้งรับปริญญา พ่อพาเราไปช่วยงานที่ไหนบ้าง เพลงฝรั่งยุค 60s-80s ที่เรากับพ่อชอบฟัง นึกถึงสิ่งที่เขาเคยสอนเราในเรื่องของการเรียนและงานด้านวิศวะ และเราก็นึกถึงคำสัญญาที่พ่อเคยให้ไว้กับเราว่า'จะขึ้นมาหา'แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มา สำหรับเราแล้วพ่อเราเป็นคนที่เก่ง งานไหนที่ยากๆ คนอื่นทำไม่ได้ หรือแก้ปัญหาไม่ได้ พ่อเราทำได้ พ่อเราจบวิศวะเครื่องมือวัด แต่ความสามารถของเขาทำงานได้เทียบเท่าวิศวะไฟฟ้า วิศวะระบบควบคุม วิศวะเครื่องกล และเป็นพ่อค้าด้วย พ่อเราทำงานอิสระเกี่ยวกับด้านไฟฟ้า เครื่องเจน(เครื่องปั่นไฟ) ระบบควบคุมไฟฟ้าภายในอาคาร ระบบฟายปั๊ม เขียนแบบเกี่ยวกับตู้คอนโทรลไฟฟ้า งานของพ่อเราได้เงินเยอะก็จริงแต่ก็ทำงานหนัก เหล้าก็ไม่ดื่มบุหรี่ก็ไม่สูบ เรารู้ว่าพ่อเรามีเพื่อนเยอะ พอวันเผา ทำให้เรารู้เพิ่มว่า เพื่อนของพ่อเราที่เป็นช่างกลปทุมวันหรือคนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนนั้นแต่ละคนที่มานั้นไม่ธรรมดา(บางคนเราก็รู้ เพราะเจอบ่อย)บางคนเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับด้านเครื่องปั่นไฟรายใหญ่ บางคนเป็นผอ.ของหน่วยงานรัฐ บางคนเป็นเจ้าของกิจการเกี่ยวกับด้านอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เราภูมิใจคือ ช่างกลปทุมวัน การที่พวกเขาเป็นเพื่อนรักกันจนวันตาย และบอกว่า'พ่อของเราเป็นคนเก่งมาก หาตัวจับยาก'(รวมถึงคนที่เคยร่วมงานด้วยกัน) พ่อเราตอนที่เขายังเด็ก เขาเรียนไปทำงานไป สิ่งนี้แหละที่ทำให้พ่อของเราเก่งและมีประสบการณ์มาก เรารู้ตัวเองว่าต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ และเดินหน้าต่อไป แต่ว่าพ่อนึกถึงเรื่องของพ่อทีไร'เราก็จะน้ำตาไหลแทบทุกครั้ง' อยากถามเพื่อนๆที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ว่า มีวิธีรับมือกับมันยังไง???
ป.ล.ขอโทษผู้อ่านด้วย เราอาจจะเขียนยาวไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่