เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 28 กค. 2560 ที่ผ่านมา ประมาณเวลาเที่ยง
ในขณะที่คุณพ่อ อายุ 77 คุณแม่ อายุ 79 น้องสาว อายุ 40 หลานชาย อายุ 9 ขวบ
กำลังขับรถ ฟอร์ดเรนเจอร์ สีขาว จากเส้นรังสิต องค์รักษ์ เพื่อเลี้ยวขวาเข้ามอเตอร์เวย์
เพื่อมุ่งหน้าไปสุพรรณบุรีปรากฎว่า เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียว ก็ได้เลี้ยวขวาเข้ามอเตอร์เวย์
ซึ่งได้ผ่านเลนที่ 1 เลนที่ 2และหัวรถกำลังเข้ามอเตอร์เวย์ ปรากฏว่า มีรถมิตซู วิ่งเลนซ้ายสุด
พุ่งมาชนบริเวณล้อหน้าขวาอย่างจัง แบบไม่มีเบรก หลังเกิดเหตุ น้องก็เรียกผมไปที่เกิดเหตุ
แต่ไม่พบคู่กรณี ตำรวจก็ได้ลากรถทั้งสองคันไปสน. และเพิ่งทราบว่าคู่กรณีนั่งรถมูนิธิไปโรงพยาบาล
สำหรับ คุณพ่อ และแม่ก็ฟกช้ำ เราก็เดินทางไปสน. และลงบันทึกประจำวันไว้
ต่อมาตำรวจก็ได้นัดกันที่สน. ปรากฏว่าคู่กรณีบอกว่า ไม่รู้เรื่อง ขับมาเฉยๆ รู้อีกที่ก็ตู้มแล้ว
ไม่อยากให้เกิดเหตุ เขาไม่มีพยาน ไม่มีอะไรเลย คุณมีประกันมีพยานก็ไปฟ้องเอา
และตำรวจก็ได้นัดให้ปากคำเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยอัยการเป็นโจกย์ฟ้องคนที่ขับมาชนคุณพ่อว่าฝ่าไฟแดง
โดยมีพยานดังนี้
1. คนขายพวงมาลัย
2. ตำรวจในป้อมยาม
3. พยานบุคคลในรถของเรา
และเมื่อสามวันก่อน ศาลนัดพร้อม เราก็ไปกัน ทั้งนี้แจ้งพ่อให้ฟ้องค่าเสียหายนอกเหนือจากประกัน
ฟ่อก็ไม่เอาไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากได้เงินคนอื่น แต่พอมาถึงศาล
คู่กรณีเอาทนายมา (ต่อมาเห็นนามสกุลจึงทราบว่าเป็นญาติกัน) มาบอกว่า ขณะที่ขับมาไฟไม่ติด
และฝั่งพ่อฝ่าไฟแดงมา คือปฎิเสธข้อกล่าวหาอัยการ จึงนัดสอบสวนวันที่ 24 เมษายนปีหน้า
ปรากฎว่าวันนี้คุณพ่อผมโทรมาได้รับหมายศาล เรียกคดีมโนสาเร่ห์ ถูกแจ้งความว่า
ขับรถโดยประมาททำให้คู่กรณีเสียทรัพย์และบาดเจ็บเป็นเงิน 120,000 บาท โดยนัดไปขึ้นศาลวันที่ 15 มีนาคมปีหน้า
ก็งงว่า คดียังไม่สิ้นสุด ทำไม่ถึงเรียกไปตกลงค่าเสียหาย
แล้วคู่กรณี อ้างพยานคือตนเอง คนเดียวเท่านั้น ยังไม่อ้างผู้หญิงในรถอีกคนเป็นพยานเลย
จริงๆแล้วรถพ่อมีประกันภัยชั้น 1 ซ่อมรถเสร็จแล้ว และเบิกค่าพยาบาลค่าลากรถจากประกันภัยมาหมดแล้ว
สอบถามว่า
1. ตามหมายเรียก เราเป็นจำเลยต้องไปไหมครับ
2. หากต้องไปมอบอำนาจให้ประกันภัยไปได้ไหมหรือไปเอง
3. เราสามารถอ้างอิงกับคดี ที่อัยการสั่งฟอ้องยังไม่สิ้นสุดได้หรือไม่
4. หากกรณีนี้เราไม่ผิด เราจะฟ้องกลับแจ้งความเท็จได้หรือไม่
ตอนนี้รู้สึกว่า เรื่องกับตานี้คงไม่จบง่ายๆ
ฝ่าไฟแดงมาชนรถพ่อผม อัยการสั่งฟ้อง แต่กลับโดนคู่กรณี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ในขณะที่คุณพ่อ อายุ 77 คุณแม่ อายุ 79 น้องสาว อายุ 40 หลานชาย อายุ 9 ขวบ
กำลังขับรถ ฟอร์ดเรนเจอร์ สีขาว จากเส้นรังสิต องค์รักษ์ เพื่อเลี้ยวขวาเข้ามอเตอร์เวย์
เพื่อมุ่งหน้าไปสุพรรณบุรีปรากฎว่า เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียว ก็ได้เลี้ยวขวาเข้ามอเตอร์เวย์
ซึ่งได้ผ่านเลนที่ 1 เลนที่ 2และหัวรถกำลังเข้ามอเตอร์เวย์ ปรากฏว่า มีรถมิตซู วิ่งเลนซ้ายสุด
พุ่งมาชนบริเวณล้อหน้าขวาอย่างจัง แบบไม่มีเบรก หลังเกิดเหตุ น้องก็เรียกผมไปที่เกิดเหตุ
แต่ไม่พบคู่กรณี ตำรวจก็ได้ลากรถทั้งสองคันไปสน. และเพิ่งทราบว่าคู่กรณีนั่งรถมูนิธิไปโรงพยาบาล
สำหรับ คุณพ่อ และแม่ก็ฟกช้ำ เราก็เดินทางไปสน. และลงบันทึกประจำวันไว้
ต่อมาตำรวจก็ได้นัดกันที่สน. ปรากฏว่าคู่กรณีบอกว่า ไม่รู้เรื่อง ขับมาเฉยๆ รู้อีกที่ก็ตู้มแล้ว
ไม่อยากให้เกิดเหตุ เขาไม่มีพยาน ไม่มีอะไรเลย คุณมีประกันมีพยานก็ไปฟ้องเอา
และตำรวจก็ได้นัดให้ปากคำเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยอัยการเป็นโจกย์ฟ้องคนที่ขับมาชนคุณพ่อว่าฝ่าไฟแดง
โดยมีพยานดังนี้
1. คนขายพวงมาลัย
2. ตำรวจในป้อมยาม
3. พยานบุคคลในรถของเรา
และเมื่อสามวันก่อน ศาลนัดพร้อม เราก็ไปกัน ทั้งนี้แจ้งพ่อให้ฟ้องค่าเสียหายนอกเหนือจากประกัน
ฟ่อก็ไม่เอาไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากได้เงินคนอื่น แต่พอมาถึงศาล
คู่กรณีเอาทนายมา (ต่อมาเห็นนามสกุลจึงทราบว่าเป็นญาติกัน) มาบอกว่า ขณะที่ขับมาไฟไม่ติด
และฝั่งพ่อฝ่าไฟแดงมา คือปฎิเสธข้อกล่าวหาอัยการ จึงนัดสอบสวนวันที่ 24 เมษายนปีหน้า
ปรากฎว่าวันนี้คุณพ่อผมโทรมาได้รับหมายศาล เรียกคดีมโนสาเร่ห์ ถูกแจ้งความว่า
ขับรถโดยประมาททำให้คู่กรณีเสียทรัพย์และบาดเจ็บเป็นเงิน 120,000 บาท โดยนัดไปขึ้นศาลวันที่ 15 มีนาคมปีหน้า
ก็งงว่า คดียังไม่สิ้นสุด ทำไม่ถึงเรียกไปตกลงค่าเสียหาย
แล้วคู่กรณี อ้างพยานคือตนเอง คนเดียวเท่านั้น ยังไม่อ้างผู้หญิงในรถอีกคนเป็นพยานเลย
จริงๆแล้วรถพ่อมีประกันภัยชั้น 1 ซ่อมรถเสร็จแล้ว และเบิกค่าพยาบาลค่าลากรถจากประกันภัยมาหมดแล้ว
สอบถามว่า
1. ตามหมายเรียก เราเป็นจำเลยต้องไปไหมครับ
2. หากต้องไปมอบอำนาจให้ประกันภัยไปได้ไหมหรือไปเอง
3. เราสามารถอ้างอิงกับคดี ที่อัยการสั่งฟอ้องยังไม่สิ้นสุดได้หรือไม่
4. หากกรณีนี้เราไม่ผิด เราจะฟ้องกลับแจ้งความเท็จได้หรือไม่
ตอนนี้รู้สึกว่า เรื่องกับตานี้คงไม่จบง่ายๆ