[CR] เที่ยวรัวรัว : Jimjilbang (จิมจิลบัง) ไปเกาหลีต้องลองอาบน้ำนอกบ้าน

สวัสดีค่ะ “พี่หยอดวัดยาง” จะชวนไปอาบน้ำกัน !
หลายคนที่ชอบดูซีรี่เกาหลีต้องเคยเห็นฉากที่พระเอก-นางเอก ไปที่ Jimjilbang ใส่ชุดกางเกงขาสั้นสีสันสดใส พร้อมผ้าขนหนูหูแกะน่ารักมุ้งมิ้ง
“พี่หยอด” ก็เป็นคนนึงที่เป็นติ่งซีรี่เกาหลี ก็เลยต้องหาโอกาสไปสัมผัสกับวัฒนธรรมการอาบน้ำนอกบ้านแบบเกาหลีดูเสียหน่อย...  
ว่าแล้วก็มาเล่าประสบการณ์การเข้า Jimjilbang ดีกว่า

ก่อนอื่นขอฝากเพจเของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบ
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว”
www.facebook.com/travelruarua หรือที่ www.travelruarua.com


จริงๆแล้วใน Seoul มี Jimjilbang อยู่หลากหลายที่ค่ะ บางที่เปิด 24 ชั่วโมง บางที่มีเวลาเปิดปิด แต่ที่ดังๆฮิตๆหน่อยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คงจะเป็น Dragon Hill Spa แต่สำหรับครั้งนี้ “พี่หยอด” ไปใช้บริการ Jimjilbang อีกที่หนึ่งที่มีชื่อว่า “Siloam Sauna” ค่ะ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากที่พักในแถวๆ Seoul Station

พิกัด Siloam Spa
49 Jungnim-ro, Jungnim-dong, Jung-gu, Seoul, South Korea
https://goo.gl/maps/VXwnLKXjQsy


ช่วงที่ “พี่หยอด” ไปเข้า Jimjilbang เป็นช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ค่ะ อากาศหนาวสุดๆไปเลย
เมื่อเข้าไปด้านใน ก็จะเจอกับเคาเตอร์ชำระค่าบริการ เราก็ต้องไปชำระเงินซะก่อนนะ
โดยค่าบริการจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ แบบกลางวัน กับ กลางคืนค่ะ  โดยถ้าราคาแบบอาบน้ำอย่างเดียวก็จะถูกกว่าแบบที่สามารถเข้าซาวน่าได้
ราคาสำหรับครั้งนี้ที่เลือกใช้บริการอยู่ที่ 15,000 บาท/คน (ประมาณ 450 บาท) ค่ะ

เมื่อชำระเงินเสร็จแล้ว เราก็จะได้ใบเสร็จมา 1 ใบพร้อมกับชุดซึ่งมีเสื้อ 1 ตัวและกางเกงขาสั้น 1 ตัว สำหรับที่นี่จะเป็นสีส้ม-แดงค่ะ
โดยที่เคาเตอร์ก็จะมีป้ายบอกทางเข้าห้องอาบน้ำ แยกหญิง-ชาย ชัดเจน


เอาล่ะ พร้อมจะผลักประตูเข้าไปละคะ !!! (แอบตื่นเต้นนิดๆเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร และต้องทำยังไงบ้าง 555)

เมื่อเปิดประตูเข้าไป... สิ่งแรกที่เห็นคืออาจุมม่าจำนวนมากไร้เสื้อผ้าบนเรือนร่าง เดินขวักไขว่ไปมา
ณ ตอนนั้นได้แต่อุทานดังๆในใจว่า  “อุ่ย!!” จากนั้นยืนนิ่งๆตั้งสติ 3 วินาที คุณป้าเจ้าหน้าที่ที่เคาเตอร์ด้านในก็ชี้มือไปที่ตู้รองเท้า

อ๋อ อันดับแรกเราต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า ใส่ไว้ในตู้ แล้วก็ดึงกุญแจตู้ออกให้กับคุณป้าเจ้าหน้าที่ที่เค้าเตอร์ พร้อมกับแสดงใบเสร็จที่เราได้รับตอนที่ชำระเงินด้านนอกค่ะ
เรานำกุญแจตู้รองเท้า และใบเสร็จ มาแลกผ้าขนหนู 2 ผืนเล็ก กับกุญแจตู้ล็อกเกอร์ ซึ่งจะมีสายคล้องข้อมือมาให้ด้วย โดยหมายเลขของล็อคเกอร์ ที่เราต้องไปเก็บของก็จะห้อยอยู่กับกุญแจที่คุณป้าเจ้าหน้าที่ให้เรามาค่ะ

ตู้ใส่รองเท้า
คุณป้าเจ้าหน้าที่ ที่เราต้องมาแลกกุญแจตู้ล็อคเกอร์

ตอนนี้สายตาเราเริ่มคุ้นเคยและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ตอนนั้นได้แล้ว 5555
เราก็เดินหาตู้ล็อกเกอร์ของเราตามหมายเลขค่ะ โดยจะมีอยู่เยอะมากกกกกกกก แต่ก็จะแบ่งเป็นโซนๆตามหมายเลข


จากนั้นถึงเวลาถอดค่ะ ระหว่างกำลังทำใจกับอาการเขิลอายของตัวเอง สายตาเราก็สอดส่องไปดูว่าคนอื่นๆเค้าทำยังไงกัน ก็ได้ข้อสรุปมาประมาณนี้...
- ถอดเสื้อผ้าให้หมดทุกชิ้น
- เอากุญแจคล้องไว้ที่ข้อมือ
- ตอนลงไปอาบน้ำพกผ้าขนหนูลงไปผืนเดียว (อีกผืนเก็บไว้ก่อน)
- พกสบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟังไปด้วย (ถ้ามี)

***ระหว่างนี้จะไม่มีภาพประกอบนะคะ โปรดใช้จิตนาการส่วนบุคคล***

เมื่อพร้อมแล้วก็ถึงเวลาไปอาบน้ำ ตามป้าย Bath Room ไปเลยค่ะ ของที่นี่เราต้องเดินลงไปอีกชั้นนึง

เมื่อลงไปก็จะเจอกับห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ มีทั้งแบบฝักบัว นั่งเก้าอี้เตี้ยๆแบบตัวใครตัวมัน (ประมาณเดียวกับการนั่งอาบน้ำก่อนลงไปแช่ออนเซนของญี่ปุ่น) ชำระล้างร่างกายเสร็จแล้ว ก็จะมีโซนที่เป็นอ่างแช่ตัว มีให้เลือกหลายแบบทั้ง Salt Bath, Jade Bath, Mugwort Bath และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละอ่างก็จะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน

ในบริเวณเดียวกันก็ยังมีห้องซาวน่าบริการด้วย หรือถ้าใครอยากจัดเต็มแบบสะอาดทุกซอกทุกมุม ในห้อง Bath Room นี้ก็มีบริการขัดตัวให้ด้วยค่ะ
แอบหันไปดูเค้าจะให้ไปนอนบนเบาะแล้วมีเจ้าหน้าที่มายืนขัด ยืนนวดตัว แถมสระผมให้เราด้วย ดูสบายไปอี๊ก

อาบน้ำกันสบายตัวแล้ว ก่อนกลับขึ้นไปบนห้อง Locker Room ก็จะมีโซนโต๊ะหน้ากระจกให้เราได้จัดระเบียบร่างกายค่ะ มีของใช้ต่างๆบริการ เช่น หวี คัตตอนบัด โลชั่นทาตัว และมีเครื่องชั่งน้ำหนักให้ด้วย เท่าที่สังเกตดูคนส่วนมาจะชั่งก่อนและหลังอาบน้ำเลย ณ ตอนนั้นผ้าขนหนูก็จะเปียกหมดแล้ว เราต้องใส่ไว้ที่ตะกร้าคะ ไม่นำกลับขึ้นไปแบบเปียกๆ

จากนั้นก็ได้เวลาแต่งตัวสไตล์ Jimjilbang กันซะที ตรวจเช็คเสมอนะคะว่ากุญแจยังห้อยอยู่ที่ข้อมือเรา...
หลังจากนี้ก็เป็นช่วงเวลาชิวแล้วค่ะ เราได้ผ่านจุดพีคที่สุดมาแล้ว 5555
อย่าลืมพกผ้าขนหนูอีกผืนที่ยังไม่ได้ใช้และของใช้เท่าที่จำเป็นติดตัวไว้ เดี๋ยวเราจะเดินขึ้นไปข้างบนในโซน Resting Room กันแล้วค่ะ (ในห้อง Locker Room มีห้องทำผมเสริมสวยด้วยนะ เผื่อมีใครสนใจ)

เดินตามป้าย Fomentation Room เพื่อขึ้นไปยัง Resting Area ได้เลยค่ะ ก่อนถึงทางขึ้นมีร้านเสริมสวยด้วย

เมื่อเดินขึ้นมาในโซน Resting Room ชั้น2 นี่เป็นจุดบรรจบกันของทุกคนที่เข้ามาใช้บริการทั้งชาย-หญิงค่ะ
ถ้ามากันเพื่อนหลายๆคน ก็จุดนี้แหละคะที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้ง 555 หลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่เคาเตอร์ซื้อบัตร

ชั้นนี้จะมีพื้นที่โถงให้เราได้นั่ง/นอนกันตามสบายค่ะ มีหมอนสี่เหลี่ยมบริการ หยิบมาใช้ได้ตามสะดวก ระหว่างนี้ว่างๆก็ลองนั่งพับผ้าขนหนูเป็นหูแกะมาใส่ครอบหัวแบบพระเอก-นางเอกซีรี่ดูได้นะ อิอิ  
หากใครพับไม่เป็นลองเข้าไปดูวิธีได้ตาม link นี้คะ https://goo.gl/6TsNiX

รอบๆบริเวณนี้จะเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องทำเล็บ ห้องเครื่องเล่นของเด็กๆ ห้อง Oxygen โซฟาสปาเท้าด้วยหิน และมีห้องอาหารด้วยค่ะ
มา Jimjilbang ทั้งทีต้องได้ลองชิม 2 อย่างค่ะ นั่นก็คือ
- น้ำข้าวเกาหลี Jeontong Sikhye แก้วละ4,000 วอน
- ไข่ต้ม Maekbanseok Gyeran ฟองละ 2,000 วอน มีเกลือเป็นซองๆให้ด้วยเผื่อใครอยากเพิ่มรสชาติ


เมื่อชิวที่ชั้น 2 จนเพลินแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นไปสำรวจสถานที่บนชั้นอื่นๆกันบ้างค่ะ ที่ Jimjilbang แห่งนี้มีทั้งหมดอยู่ 5 ชั้นด้วยกัน
แต่ละชั้นก็มีห้องนันทนาการ และสปาที่หลากหลาย

อย่างที่ชั้น 3 ก็จะประกอบไปด้วย ห้องฟิตเนส ห้องโต๊ะปิงปอง ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องเครื่องเล่มเกมส์ต่างๆ มีตู้คีบตุ๊กตา และยังมีโซนเก้าอี้นวดไฟฟ้าด้วย ซึ่งก็ต้องหยอดเหรียญเพื่อใช้บริการเพิ่มเติม


ชั้นที่ 4 จะเป็นโซนรวมห้อง Fomentation ต่างๆหรือพวกห้องสปา ห้องอบตัวทำนองนี้
โดยแต่ละห้องก็จะมีแร่ธาตุ อุณหภูมิที่แตกต่างกัน เช่น Salt Fomentation, Loess Fomentation, Jade Fomentation, Hardwood Chacoal
ซึ่งเราก็สามารถเลือกที่จะเข้าไปนอนอบตัวในแต่ละห้องได้ตามสบาย
และที่พิเศษหน่อยก็คงจะเป็นห้อง Ice Room นี่แหละคะ หนาวเหมือนเข้าไปนั่งในตู้เย็นเลย
โดยที่หน้าห้องจะมีอุณหภูมิแจ้งไว้ และข้อควรปฏิบัติเช่น ห้ามนำมือถือ ไฟแช็ก อาหาร และหมอนเข้าไปภายในห้องอบ
สำหรับชั้นนี้หากใครออกมาจากห้องอบแล้วกระหายน้ำก็มีคาเฟ่เล็กๆไว้บริการด้วยค่ะ


ชั้นที่ 5 จะเป็นชั้นสำหรับคนที่ต้องการจะนอนยาวๆที่ Jimjilbang ค่ะ
มีทั้ง Men’s Sleeping Room และ Women’s Sleeping Room ชั้นนี้ไฟจะสลัวมากกว่าปกติคือเหมาะแก่การนอนจริงๆ
สำหรับคนที่นอนกรนก็มีห้องพิเศษแยกไว้ให้ที่ Snore Room ด้วย คือไม่รบกวนกันแน่นอน ที่นอนก็จะแบ่งเป็นช่องๆ อารมณ์ประมาณ Capsule Hotel
และที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Red Clay Cave หรือถ้ำดินแดง สรรพคุณของห้องนี้คือจะช่วยในเรื่องของการไหลเวียนของเลือดได้ดี

ชื่อสินค้า:   South Korea
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่