ภารกิจเที่ยวโตเกียว ญี่ปุ่น 7 วัน 6 คืน
วันแรก ...
https://ppantip.com/topic/37172971
วันที่สอง ...
https://ppantip.com/topic/37175485
วันที่ 3-4 ...
https://ppantip.com/topic/37176547
วันที่ 5 วันนี้ตั้งใจว่าจะตื่นเช้าไปเข้าดิสนีย์ซีเป็นคนแรก แต่กว่าจะออกเดินทาง ก็ปาไปเจ็ดโมงกว่าอีกแล้ว คราวนี้ต้องขึ้นรถไฟสามต่อ เจอต่อแรกก็อึ้งซะแล้ว เพราะเป็นวันทำงาน คนเต็มรถ ไม่สามารถเบียดเข้าไปได้ ว่าจะได้ไปก็ขบวนที่สามแล้ว ทำให้เวลาที่จะไปถึงดิสนีย์ช้าออกไปอีก จากนั้นเราก็ไปต่อรถ JR เพื่อไป maihama และต่อรถไฟของดิสนีย์ที่ต้องเสียเงินอีกตะหาก คำนวณดูแล้วเฉพาะค่ารถไฟเข้าไปสวน วันนึงก็ได้หลายล้านเยนแล้ว
เราเลือกไปดิสนีย์ซี เพราะดูเครื่องเล่นของดิสนีย์แลนด์แล้ว เหมือนๆ กับที่ฮ่องกงเลย ไม่ไปดีกว่า เราไปถึงประตูประมาณ แปดโมงครึ่งกว่าๆ แถวที่ต่อซื้อบัตรไม่เยอะ เพราะคงเข้าไปกันแล้ว ส่วนเราซ์ื้อบัตรจากเมืองไทยที่ HIS ราคาต่างกันไม่มาก แต่ไม่ต้องรอซ์้อตั๋ว สามารถเข้าไปในสวนสนุกได้เลย เราก็ตรงไปที่ตรวจตั๋วแล้วเข้าไปกันเลย ที่นี่ดีอย่าง ไม่ได้ตรวจอะไรมาก เอาน้ำ เอาขนมเข้าไปก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อเข้าไปถึงก็ตระการตากับความยิ่งใหญ่อลังการของสวนสนุกแห่งนี้ แต่เราต้องรีบไปจองคิวเครื่องเล่นสุดฮิต คือ Toy Story Mania เราจองตอนเก้าโมงกว่า ได้เวลาเล่น 19.30-20.30 ดีกเลย แล้วก็เลยต่อคิวที่ Tower of Terror
ต่อคิวไม่นานก็ได้เล่นแล้ว เป็นเครื่องเล่นที่อยู่ในลิฟต์ ดึงเราขึ้นลง ก็ตื่นเต้นดี ไม่ได้เล่นแบบนี้มานานแล้ว แถมถ่ายรูปเราไว้อีก เดินออกมามีรูปให้เลือกซื้อ แต่คงไม่ได้เงินเรา จากนั้นก็เดินผ่านโซนพอร์ตดิสคัฟเวอรี่ เห็นคนต่อเครื่องเล่นนีโม่มากมาย เราจะไปขอ Fast Pass ไม่ได้แล้ว ต้องรอสองชั่วโมงหลังจากที่เราจอง Toy Story Mania ไว้ เลยเดินเลยไปโซน ลอสท์์ริเวอร์เดลต้า ต่อคิวเล่น Indiana Jones สักครู่ก็ได้เล่น เป็นการขับรถผจญภัย ไม่หวาดเสียว แต่ตื่นเต้นดี จากน้นก็ไปกินพิซซ่าที่โซนเมอร์เมดลากูน ที่ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะเป็นเครื่องเล่นเด็กเล็กมากกว่า แล้วไปจองคิว เครื่อเงล่น Journey to the Center of the Earth ได้เวลา 15.30-16.30 แล้วไปต่อคิวเครื่องเล่นใต้ทะเล 20,000 โยชน์ ต่อคิวแปบเดียวก็ได้เล่น ก็ดูไปเพลินเพลิน แล้วไปต่อที่โซนอาราเบียนโคสต์ ดูภาพยนตร์ 3 มิติ แล้วมานั่งม้าหมุน จากนั้นก็กลับไปดูโชว์ที่ Hanger Stage ที่มีแต่ภาษาญีุ่่ปุ่น ไม่เข้าใจ แต่ตระการตาด้วย แสงสีเสียงและเอฟเฟกต์
จากนั้นก็กลับไปที่ โซนพอร์ตดิสคัฟเวอรี่ เล่นเรือบล้ำ แล้วไปกด Fast Pass ของนีโม่ ได้เล่น 17.30-18.30 จากนั้นก็ขึ้นรถไฟกลับไปดูบอร์ดเวย์โชว์ แล้วก็ไปเดินดูเรือเดินทะเล ดูป้อมปราการ แล้วเดินไปเล่นนีโม่ เขาว่าเป็นเครื่องเล่นใหม่ คนต่อคิวเยอะมาก ขนาด Fast Pass ยังต้องต่อคิว แล้วเราก็เดินกลับไปดูโชว์ที่ทะเลสาปตรงกลางได้สักพัก ก็ไปต่อคิวเพื่อเล่น Toy Story แล้วก็ไปดูโชว์อีก แล้วก็รอดูการแสดงพลุที่จัดขึ้นพิเศษสำหรับเทศกาลคริสมาส
พลุเลิกคนเริ่มกลับกันเยอะมาก กว่าจะได้ขึ้นรถไฟคงนาน เลยเดินไปดูว่า Top Story มีคนเล่นไหม ดูแล้วสสวนปิดก็คงไม่ได้เล่น เลยเดินไปขึ้นเรือกอนโดล่า นั่งเรือเพลินๆ ก็กลับ
มาคราวนี้เล่นได้เกือบหมด ไม่รวมเครืองเล่นเด็กเล็ก และเครื่องเล่นหวาดเสียว อาจเป็นเพราะไม่ใช่วันหยุดและคนน้อย ก่อนไปต้องเช็คดูว่า วันใดที่คนน้อยค่อยไป ที่เว็บ
http://www15.plala.or.jp/gcap/disney/ (ขอขอบคุณหลายๆ กระทู้ที่บอกให้มาตรวจสอบที่เว็บนี้)
ดูได้ทั้งดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์ซี รวมถึงสภาพอากาศ ที่สำคัญคือ วันไหนคนน้อยว่า 20 (หรือ 20,000) วันนั้นเที่ยวสบายครับ
เราออกจากสวนสามทุ่มกว่าๆ แล้วก็ขึ้นรถไฟดิสนีย์ไปสถานี maihama ต่อรถ JR ไปสถานี…. แล้วซื้อตั๋ววันรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเก็บตกและซื้อของฝาก คงต้องไปหลายที่ คำนวณแล้วคุ้ม จากนั้นก็เดินทางกลับที่พักแบบหมดแรง โดยอาหารเย็นมือนี้ก็ Yoshinoya อีกเช่นเคย
วันที่ 6 วันเก็บตกและซื้อของฝาก วันนี้ชิวๆ เลยตื่นสายหน่อย เกือบเก้าโมง แล้วไปซื้อของกินที่ FamilyMart เพื่อเอามากินที่โรงแรม กว่าจะออกจากโรงแรมเกือบสิบโมง จากนั้นเราก็เดินไปหาของกินอันเลื่องชื่อแถววัดเซ็นโชจิ เข้าไปจุดธุปไหว้พระ
แล้วก็เดินจากแผนที่เพื่อชิมขนมต่างๆ และซื้อของฝาก ได้ของมาพอควร
(ซาลาเปาทอด หลากไส้)
(ขนมไข่ไส้ถี่วแดง)
(มันญี่ปุ่นเชื่อม)
(ขนมข้าวทอด เค็มไปหน่อย)
(ขนมดังโงะ)
ตอนแรกว่าจะหาแวะซื้อตอนกลับ แต่ดูแล้วซื้อไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวกลับมาดึก ร้านแถววัดหกโมงเย็นก็ปิดแล้ว จากนั้นก็ไปขึ้นรถใต้ดินไปฮาราจูกุ เพื่อไปศาลเจ้าเมจิ
คราวนี้ได้เข้าไปสักการะอดีตจักรพรรดิเมจิ ก่อนอื่นต้องล้างปาก ล้างมือ ล้างหน้าด้วยก็ดีครับ
มีการเขียนแผ่นป้ายเพื่อขอพรต่างๆ ภาษาไทยก็เยอะอยู่ ของเราเป็นแบบเขียนขอพรในกระดาษแทน
จากนั้นก็ออกจากศาลไปหาข้างเที่ยงกิน ไปพบร้านชาวบ้านขายราเมง อร่อยมาก ราคาไม่แพง ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใกล้ๆ แถวถนนวัยรุ่นในฮาราจูกุ
เราเดินไปในถนนสายแฟชั่นนี้สักครู่ ว่าจะไปชิมเครปญี่ปุ่น แต่ไปถึง เราก็ยังอิ่มอยู่เลยไม่ได้ซื้อ
จากนั้นก็เดินไปหาซื้อของฝาก แต่ไม่พบร้านที่ว่า ค่อนข้างหายากทีเดียว เริ่มมืดแล้ว รีบไปซื่อของตีกม่วงที่ Ueno ดีกว่า กว่าจะไปถึงก็มืดแล้ว
แวะถ่ายรูปแพนด้าหน้าสวนอูเอโนะสักครู่ ก็เดินไปตึกทม่วง ไกลอยู่เหมือนกัน จากนั้นคุณผู้หญิงก็ชอบๆๆๆ กันสนุกมือ จนเต็มตระกร้า ไม่รู้ว่าจะใส่กระเป๋ากลับบ้านได้ไหม แต่เอาเข้าจริงถึงบ้านก็พบว่า ซื้อมาน้อยไป ซื้อไปซื้อมา เช็คบิล หมดไปหมื่นกว่าเยน ก็ไม่เท่าไหร่ จากนั้นก็แบกขึ้นรถไฟกลับที่พักเพื่อเตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน ก่อนถึงที่พัก เจอร้านที่เห็นตั้งแต่วันแรกว่าเปิด 24 ชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าเป็นพวกร้านสลอตแมชชีน ก็เลยไม่ได้เข้า ไหนๆ วันสุดท้ายแล้ว ลองเข้าดู ปรากฎว่ามีของฝากเต็มเลย (ตอนหลัง คุณอา ที่ทำงานคุณผู้ชายบอกว่า มันคือร้านอด็องกี้ ซื้อของฝากที่นี่ก็ได้) โห เราก็อุตสาหก์แบกมาแต่ไกล ขนขึ่นรถไฟใต้ดิน แล้วแบกอีกกว่ากิโล เพื่อกลับที่พัก เลยกลับไปซื้อองกินนิดหน่อยที่ Family Mart แล้วไปกินในโรงแรม จากนั้นก็แพ็คของเข้ากระเป๋าเดินทาง แล้วอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ต้องไปสนามบินแต่เช้า เครื่องออก 9.15
ทริปนี้นับเป็นทริปท่องเที่ยวต่างประเทศที่สนุกมาก มีทุกรสชาต
ข้อคิดที่ได้
- ควรศึกษาการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่นก่อน และกำหนดวันและสถานที่ที่ต้องการเดินทืางให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ดูว่า ควรซ์้อตั๋วรถไฟแบบเต็มวันจะคุ้มไหม (มีทั้ง 24, 48 และ 72 ชั่วโมง คือไม่ได้นับแบบหมดวัน แต่จะนับตั้งแต่เวลาที่ใช้ครั้งแรกไปอีก 24 ชั่วโมง) ถ้าวางแผนไปเที่ยวในตัวเมืองเต็มวัน ก็คุ้ม แต่ถ้าต้องเปลี่ยนผู้ให้บริการบ่อยๆ ก็ไม่คุ้ม (มีทั้ง Tokyo Metro, Toei, JR) เพราะตั๋วจะไม่ครอบคลุม
- ในเมืองจะเริ่มคึกคัก ร้านค้าต่างๆ จะเริ่มเปิดให้บริการ 9.00 ขึ้นไป (เท่าที่ผมเห็น) ดังนั้นเช้าๆ อาจจะเหมือนเมืองร้าง แต่นักท่องเที่ยวก็จะรู้สึกสบายดี
- ที่นี่หาถังขยะยากมาก แทบจะไม่มีบนท้องถนน แต่เมืองกลับสะอาดมาก แต่ในกรุงเทพ ถังขยะเกือบจะมีอยู่ทุกๆ 10 เมตร แต่ก็ยังสกปรก แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับไม่ได้มีถังขยะ แต่มาจากวินัยในการร่วมกันรักษาความสะอาด
- วินัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับรถแล้ว ถึงแม้ไฟแดง ไม่มีรถและคนเดินผ่าน ก็ไม่มีการฝ่าไฟแดง คนใช้ถนน ในขณะที่ไฟข้ามจะเป็นสีแดง และไม่มีรถวิ่งผ่านก็ไม่ข้าม (ต้องถามคนกทมว่า ในกรณีเหล่านี้ ปฏิบัติเหมือนกับเขาไหม)
- การเลี้ยงดูเด็ก เขาจะให้เด็กรับผิดชอบเหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้เด็กเล็กขึ้นรถไฟ ก็ไม่มีใครลุกขึ้นให้นั่ง
- ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเจริญก้าวหน้า บริการต่างๆ มักจะมีแอปให้โหลดเพื่อตรวจสอบบริการของเขาว่าให้บริการอะไรบ้าง เวลาเปิด เวลาปิด เงื่อนไขต่างๆ หรือแม้แต่การจองล่วงหน้า จะช่วยให้เราสะดวกมากขึ้นครับ
[CR] ...ภารกิจพิชิตโตเกียวครั้งแรก [วันที่ 5-6 Disney Sea, ชิมชมชอปในเมืองโตเกียว]
วันแรก ...https://ppantip.com/topic/37172971
วันที่สอง ...https://ppantip.com/topic/37175485
วันที่ 3-4 ...https://ppantip.com/topic/37176547
วันที่ 5 วันนี้ตั้งใจว่าจะตื่นเช้าไปเข้าดิสนีย์ซีเป็นคนแรก แต่กว่าจะออกเดินทาง ก็ปาไปเจ็ดโมงกว่าอีกแล้ว คราวนี้ต้องขึ้นรถไฟสามต่อ เจอต่อแรกก็อึ้งซะแล้ว เพราะเป็นวันทำงาน คนเต็มรถ ไม่สามารถเบียดเข้าไปได้ ว่าจะได้ไปก็ขบวนที่สามแล้ว ทำให้เวลาที่จะไปถึงดิสนีย์ช้าออกไปอีก จากนั้นเราก็ไปต่อรถ JR เพื่อไป maihama และต่อรถไฟของดิสนีย์ที่ต้องเสียเงินอีกตะหาก คำนวณดูแล้วเฉพาะค่ารถไฟเข้าไปสวน วันนึงก็ได้หลายล้านเยนแล้ว
เราเลือกไปดิสนีย์ซี เพราะดูเครื่องเล่นของดิสนีย์แลนด์แล้ว เหมือนๆ กับที่ฮ่องกงเลย ไม่ไปดีกว่า เราไปถึงประตูประมาณ แปดโมงครึ่งกว่าๆ แถวที่ต่อซื้อบัตรไม่เยอะ เพราะคงเข้าไปกันแล้ว ส่วนเราซ์ื้อบัตรจากเมืองไทยที่ HIS ราคาต่างกันไม่มาก แต่ไม่ต้องรอซ์้อตั๋ว สามารถเข้าไปในสวนสนุกได้เลย เราก็ตรงไปที่ตรวจตั๋วแล้วเข้าไปกันเลย ที่นี่ดีอย่าง ไม่ได้ตรวจอะไรมาก เอาน้ำ เอาขนมเข้าไปก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อเข้าไปถึงก็ตระการตากับความยิ่งใหญ่อลังการของสวนสนุกแห่งนี้ แต่เราต้องรีบไปจองคิวเครื่องเล่นสุดฮิต คือ Toy Story Mania เราจองตอนเก้าโมงกว่า ได้เวลาเล่น 19.30-20.30 ดีกเลย แล้วก็เลยต่อคิวที่ Tower of Terror
ต่อคิวไม่นานก็ได้เล่นแล้ว เป็นเครื่องเล่นที่อยู่ในลิฟต์ ดึงเราขึ้นลง ก็ตื่นเต้นดี ไม่ได้เล่นแบบนี้มานานแล้ว แถมถ่ายรูปเราไว้อีก เดินออกมามีรูปให้เลือกซื้อ แต่คงไม่ได้เงินเรา จากนั้นก็เดินผ่านโซนพอร์ตดิสคัฟเวอรี่ เห็นคนต่อเครื่องเล่นนีโม่มากมาย เราจะไปขอ Fast Pass ไม่ได้แล้ว ต้องรอสองชั่วโมงหลังจากที่เราจอง Toy Story Mania ไว้ เลยเดินเลยไปโซน ลอสท์์ริเวอร์เดลต้า ต่อคิวเล่น Indiana Jones สักครู่ก็ได้เล่น เป็นการขับรถผจญภัย ไม่หวาดเสียว แต่ตื่นเต้นดี จากน้นก็ไปกินพิซซ่าที่โซนเมอร์เมดลากูน ที่ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะเป็นเครื่องเล่นเด็กเล็กมากกว่า แล้วไปจองคิว เครื่อเงล่น Journey to the Center of the Earth ได้เวลา 15.30-16.30 แล้วไปต่อคิวเครื่องเล่นใต้ทะเล 20,000 โยชน์ ต่อคิวแปบเดียวก็ได้เล่น ก็ดูไปเพลินเพลิน แล้วไปต่อที่โซนอาราเบียนโคสต์ ดูภาพยนตร์ 3 มิติ แล้วมานั่งม้าหมุน จากนั้นก็กลับไปดูโชว์ที่ Hanger Stage ที่มีแต่ภาษาญีุ่่ปุ่น ไม่เข้าใจ แต่ตระการตาด้วย แสงสีเสียงและเอฟเฟกต์
จากนั้นก็กลับไปที่ โซนพอร์ตดิสคัฟเวอรี่ เล่นเรือบล้ำ แล้วไปกด Fast Pass ของนีโม่ ได้เล่น 17.30-18.30 จากนั้นก็ขึ้นรถไฟกลับไปดูบอร์ดเวย์โชว์ แล้วก็ไปเดินดูเรือเดินทะเล ดูป้อมปราการ แล้วเดินไปเล่นนีโม่ เขาว่าเป็นเครื่องเล่นใหม่ คนต่อคิวเยอะมาก ขนาด Fast Pass ยังต้องต่อคิว แล้วเราก็เดินกลับไปดูโชว์ที่ทะเลสาปตรงกลางได้สักพัก ก็ไปต่อคิวเพื่อเล่น Toy Story แล้วก็ไปดูโชว์อีก แล้วก็รอดูการแสดงพลุที่จัดขึ้นพิเศษสำหรับเทศกาลคริสมาส
พลุเลิกคนเริ่มกลับกันเยอะมาก กว่าจะได้ขึ้นรถไฟคงนาน เลยเดินไปดูว่า Top Story มีคนเล่นไหม ดูแล้วสสวนปิดก็คงไม่ได้เล่น เลยเดินไปขึ้นเรือกอนโดล่า นั่งเรือเพลินๆ ก็กลับ
มาคราวนี้เล่นได้เกือบหมด ไม่รวมเครืองเล่นเด็กเล็ก และเครื่องเล่นหวาดเสียว อาจเป็นเพราะไม่ใช่วันหยุดและคนน้อย ก่อนไปต้องเช็คดูว่า วันใดที่คนน้อยค่อยไป ที่เว็บ http://www15.plala.or.jp/gcap/disney/ (ขอขอบคุณหลายๆ กระทู้ที่บอกให้มาตรวจสอบที่เว็บนี้)
ดูได้ทั้งดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์ซี รวมถึงสภาพอากาศ ที่สำคัญคือ วันไหนคนน้อยว่า 20 (หรือ 20,000) วันนั้นเที่ยวสบายครับ
เราออกจากสวนสามทุ่มกว่าๆ แล้วก็ขึ้นรถไฟดิสนีย์ไปสถานี maihama ต่อรถ JR ไปสถานี…. แล้วซื้อตั๋ววันรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเก็บตกและซื้อของฝาก คงต้องไปหลายที่ คำนวณแล้วคุ้ม จากนั้นก็เดินทางกลับที่พักแบบหมดแรง โดยอาหารเย็นมือนี้ก็ Yoshinoya อีกเช่นเคย
วันที่ 6 วันเก็บตกและซื้อของฝาก วันนี้ชิวๆ เลยตื่นสายหน่อย เกือบเก้าโมง แล้วไปซื้อของกินที่ FamilyMart เพื่อเอามากินที่โรงแรม กว่าจะออกจากโรงแรมเกือบสิบโมง จากนั้นเราก็เดินไปหาของกินอันเลื่องชื่อแถววัดเซ็นโชจิ เข้าไปจุดธุปไหว้พระ
แล้วก็เดินจากแผนที่เพื่อชิมขนมต่างๆ และซื้อของฝาก ได้ของมาพอควร
(ซาลาเปาทอด หลากไส้)
(ขนมไข่ไส้ถี่วแดง)
(มันญี่ปุ่นเชื่อม)
(ขนมข้าวทอด เค็มไปหน่อย)
(ขนมดังโงะ)
ตอนแรกว่าจะหาแวะซื้อตอนกลับ แต่ดูแล้วซื้อไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวกลับมาดึก ร้านแถววัดหกโมงเย็นก็ปิดแล้ว จากนั้นก็ไปขึ้นรถใต้ดินไปฮาราจูกุ เพื่อไปศาลเจ้าเมจิ
คราวนี้ได้เข้าไปสักการะอดีตจักรพรรดิเมจิ ก่อนอื่นต้องล้างปาก ล้างมือ ล้างหน้าด้วยก็ดีครับ
มีการเขียนแผ่นป้ายเพื่อขอพรต่างๆ ภาษาไทยก็เยอะอยู่ ของเราเป็นแบบเขียนขอพรในกระดาษแทน
จากนั้นก็ออกจากศาลไปหาข้างเที่ยงกิน ไปพบร้านชาวบ้านขายราเมง อร่อยมาก ราคาไม่แพง ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใกล้ๆ แถวถนนวัยรุ่นในฮาราจูกุ
เราเดินไปในถนนสายแฟชั่นนี้สักครู่ ว่าจะไปชิมเครปญี่ปุ่น แต่ไปถึง เราก็ยังอิ่มอยู่เลยไม่ได้ซื้อ
จากนั้นก็เดินไปหาซื้อของฝาก แต่ไม่พบร้านที่ว่า ค่อนข้างหายากทีเดียว เริ่มมืดแล้ว รีบไปซื่อของตีกม่วงที่ Ueno ดีกว่า กว่าจะไปถึงก็มืดแล้ว
แวะถ่ายรูปแพนด้าหน้าสวนอูเอโนะสักครู่ ก็เดินไปตึกทม่วง ไกลอยู่เหมือนกัน จากนั้นคุณผู้หญิงก็ชอบๆๆๆ กันสนุกมือ จนเต็มตระกร้า ไม่รู้ว่าจะใส่กระเป๋ากลับบ้านได้ไหม แต่เอาเข้าจริงถึงบ้านก็พบว่า ซื้อมาน้อยไป ซื้อไปซื้อมา เช็คบิล หมดไปหมื่นกว่าเยน ก็ไม่เท่าไหร่ จากนั้นก็แบกขึ้นรถไฟกลับที่พักเพื่อเตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน ก่อนถึงที่พัก เจอร้านที่เห็นตั้งแต่วันแรกว่าเปิด 24 ชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าเป็นพวกร้านสลอตแมชชีน ก็เลยไม่ได้เข้า ไหนๆ วันสุดท้ายแล้ว ลองเข้าดู ปรากฎว่ามีของฝากเต็มเลย (ตอนหลัง คุณอา ที่ทำงานคุณผู้ชายบอกว่า มันคือร้านอด็องกี้ ซื้อของฝากที่นี่ก็ได้) โห เราก็อุตสาหก์แบกมาแต่ไกล ขนขึ่นรถไฟใต้ดิน แล้วแบกอีกกว่ากิโล เพื่อกลับที่พัก เลยกลับไปซื้อองกินนิดหน่อยที่ Family Mart แล้วไปกินในโรงแรม จากนั้นก็แพ็คของเข้ากระเป๋าเดินทาง แล้วอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ต้องไปสนามบินแต่เช้า เครื่องออก 9.15
ทริปนี้นับเป็นทริปท่องเที่ยวต่างประเทศที่สนุกมาก มีทุกรสชาต
ข้อคิดที่ได้
- ควรศึกษาการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่นก่อน และกำหนดวันและสถานที่ที่ต้องการเดินทืางให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ดูว่า ควรซ์้อตั๋วรถไฟแบบเต็มวันจะคุ้มไหม (มีทั้ง 24, 48 และ 72 ชั่วโมง คือไม่ได้นับแบบหมดวัน แต่จะนับตั้งแต่เวลาที่ใช้ครั้งแรกไปอีก 24 ชั่วโมง) ถ้าวางแผนไปเที่ยวในตัวเมืองเต็มวัน ก็คุ้ม แต่ถ้าต้องเปลี่ยนผู้ให้บริการบ่อยๆ ก็ไม่คุ้ม (มีทั้ง Tokyo Metro, Toei, JR) เพราะตั๋วจะไม่ครอบคลุม
- ในเมืองจะเริ่มคึกคัก ร้านค้าต่างๆ จะเริ่มเปิดให้บริการ 9.00 ขึ้นไป (เท่าที่ผมเห็น) ดังนั้นเช้าๆ อาจจะเหมือนเมืองร้าง แต่นักท่องเที่ยวก็จะรู้สึกสบายดี
- ที่นี่หาถังขยะยากมาก แทบจะไม่มีบนท้องถนน แต่เมืองกลับสะอาดมาก แต่ในกรุงเทพ ถังขยะเกือบจะมีอยู่ทุกๆ 10 เมตร แต่ก็ยังสกปรก แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับไม่ได้มีถังขยะ แต่มาจากวินัยในการร่วมกันรักษาความสะอาด
- วินัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับรถแล้ว ถึงแม้ไฟแดง ไม่มีรถและคนเดินผ่าน ก็ไม่มีการฝ่าไฟแดง คนใช้ถนน ในขณะที่ไฟข้ามจะเป็นสีแดง และไม่มีรถวิ่งผ่านก็ไม่ข้าม (ต้องถามคนกทมว่า ในกรณีเหล่านี้ ปฏิบัติเหมือนกับเขาไหม)
- การเลี้ยงดูเด็ก เขาจะให้เด็กรับผิดชอบเหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้เด็กเล็กขึ้นรถไฟ ก็ไม่มีใครลุกขึ้นให้นั่ง
- ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเจริญก้าวหน้า บริการต่างๆ มักจะมีแอปให้โหลดเพื่อตรวจสอบบริการของเขาว่าให้บริการอะไรบ้าง เวลาเปิด เวลาปิด เงื่อนไขต่างๆ หรือแม้แต่การจองล่วงหน้า จะช่วยให้เราสะดวกมากขึ้นครับ