“อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง” STAR WARS EP.8 (เปิดเผยเนื้อหาในเรื่อง)

ตามอ่านหลายกระทู้ในนี้ มีความคิดเห็นของบางท่านบอกว่า ไม่ชอบ SUB PLOT ของ ฟินน์และโรส ในส่วนของการไปตามหา “MASTER CODEBREAKER”

แต่เมื่อมานั่งดูเนื้อหาในส่วนนี้ให้ถี่ถ้วนกลับพบว่า เนื้อเรื่องในส่วนนี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของในเอพิโสดนี้


และแน่นอนคือ ตัวขับเคลื่อนสำคัญในอนาคตสำหรับ ไตรภาครุ่นที่ 4 ของสตาร์ วอร์  

ตั้งแต่ประเด็นเรื่อง ความร่ำรวยของกลุ่มคมที่ทำธุรกิจจากกองเลือด (ค้าสงคราม) ไปจนถึงภาวะต้องการปลดแอกความเป็นทาสสู่ความหวังของนักปฎิวัติในเด็กที่มีพลัง FORCE  (โดยในส่วนนี้จะเขียนอีกกระทู้หนึ่งในอนาคต)




ขอกลับมาพูดถึงว่าทำไม เนื้อหาตอนนี้จึงเป็น “ฉากสำคัญ” ของการขับเคลื่อน EPISODE : THE LAST JEDI  นั่นก็เพราะฉากในส่วนนี้ว่าด้วยสารที่ว่า  “อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง” 

(เปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง)


แน่นอนหากฟินน์และโรสไม่ไปตามหานักถอดรหัสจนทำให้แผนการหนีของโฮลโดถูกเปิดเผยจนฝ่ายปฐมภาคีใช้ปืนใหญ่ยิงยานที่กำลังหลบหนี เราก็คงไม่เห็นฉากสุดยอดแห่งการ “กามิกาเซ่” ระดับจักรวาล  ที่เป็นการปูเส้นเรื่องในอนาคตสำหรับการสร้างกลุ่มปฐมภาคีกลับขึ้นมาใหม่ของผู้นำสูงสุด “ไคโร เร็น”  ที่น่าจะเป็นเส้นเรื่องต่อไปในอีก ไตรภาค ยุคที่ 4


รวมถึงการตัดความสัมพันธ์แบบคู่รักของ ฟินน์กับเรย์ไปโดยปริยาย ไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่ของโพและเธอ




ขณะที่ฟินน์ โรสและโพ กำลังวางแผนทำภารกิจปลดล๊อกเครื่องติดตามของฝ่ายศัตรู ทั้งสองได้พบกับ “ดีเจ”  ระหว่างถูกคุมขังและมีความสามารถในการถอดรหัสของปฐมภาคี  โดยภาวะคับขัน ฟินน์และโรสตัดสินใจที่จะตอบรับ เชื่อใจ “คนที่เจอในคุก” เพื่อให้ไปทำภารกิจที่มีความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นสูงมาก


มากขนาดที่ว่า  นายพลโฮลโดถึงกับเดือดจัดและตวาดแผนของทั้งสามคนเพราะมันคือการเอา ชีวิตของกลุ่มกบฏไปเสี่ยงกับแผนที่มีความ้ลมเหลวสูง คิดเอาว่าขนาด เลอาต้องลุกจากเตียงผู้ป่วยไอซียู มาหยุดยั่งภารกิจลับของทั้งสามคน



โฮลโดมีแผนรับมือกับกลุ่มปฐมภาคี ด้วยการถอยไปตั้งหลัก โดยอพยพฝ่ายตัวเองที่เหลือทั้งหมดไปที่ยานขนส่ง พรางตัวเพื่อจะไปยังดาวที่มีฐานตั้งมั่นเก่าแก่ของฝ่ายกบฎ แล้วให้ยานแม่เป็นตัวล่อกลุ่มปฐมภาคีต่อไป

แต่สุดท้ายแผนนี้กลับมาแตกและทำให้ชีวิตของฝ่ายกบฎต้องสูงเสียงเป็นจำนวนมาก จาก 400 คน เหลือไม่ถึง 20-30 คน นั่นก็เพราะความอ่อนประสบการณ์ของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง โพ ฟินน์ และโรส แน่นอนทั้งสามคนได้บทเรียนอันมีค่าไปแล้ว  พวกเขาได้ประสบการณ์และบอกกับดีเจไปแล้ว



และบทเรียนสำคัญนั้นก็คือ อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง

ตัวละครที่ไม่บอกชื่ออย่างชัดเจน แต่มีความสามารถในการถอดรหัสที่เรียกกันว่า “ดีเจ”  ได้ให้แง่คิดกับฟินน์ว่า ในภาวะสงครามนั้น มันไม่มีฝ่ายดีและฝ่ายเลว  มันก็เป็นการต่อสู้ของคนสองฝ่าย และมีบุคคลที่สามที่แสวงหาผลประโยชน์จากความขัดแย้งนี้



แต่ฟินน์ไม่เอะใจเลยว่า คนที่กำลังสอนเขานั้นก็แสวงหาผลประโยชน์เช่นกันและพร้อมที่จะใช้ความสามารถให้แก่ใครก็ได้ที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด

และนั่นเองที่ดีเจได้เผยข้อมูลสำคัญแก่ฝ่ายปฐมภาคี บอกว่า กลุ่มกบฏแอบขึ้นยานขนส่งเพื่อหนีไปยังดาวแล้วไปตั้งหลักใหม่ เมื่อฝ่ายปฐมภาคีรู้ก็ไปตรวจสอบข้อมูลว่า จริงอย่างที่ดีเจบอก กลุ่มปฐมภาคีจึงตบรางวัลให้อย่างงามแก่ดีเจ และแน่นอนมันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของฟินน์และโรส  เป็นบทเรียนล้ำค่าของทั้งคู่แล้วต้องแลกด้วยชีวิตของกลุ่มกบฎ





คิดดูว่า หากฟินน์ โรส และโพ ไม่วางแผนเพื่อที่จะไปตามหา “ปรมาจารย์ด้านการถอดรหัส”   ฝ่ายปฐมภาคีก็คงไม่รู้แผนของนายพลโฮลโด และแน่นอนก็ลดความสูญเสียของกลุ่มกบฎได้เป็นจำนวนมาก





ดีเจบอกกับฟินน์ว่า  “จงเป็นอิสระ อย่าเลือกข้าง” 




แต่หากเราได้เลือกข้างไปแล้ว สารในเนื้อหาส่วนนี้กำลังบอกเราว่า “อย่าไว้ใจจนถึงขั้นต้องฝากความหวังและชีวิตให้กับคนที่ไม่เลือกข้าง” 




สิ่งที่น่ากลัวกว่า ศัตรูของเรา ก็คือ กลุ่มคนที่ไม่เลือกข้างและพร้อมแสวงหาผลประโยชน์จากกองเลือดเพื่อความร่ำรวยของตัวเอง


ดังนั้นจึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่ในทางการเมืองโลกแล้ว บริษัทค้าอาวุธจึงมีอิทธิพลสำคัญในการเมืองอเมริกาเสมอ  


สงครามไม่มีวันจบสิ้นบนโลกของเราและความรุนแรงจะไม่มีวันจบลง จนกว่าเราจะรู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงก็คือ บรรดากลุ่มคนที่พยายามสร้างความขัดแย้งในสังคมแล้วแบ่งพวกเราออกเป็นฝักเป็นฝ่ายแล้วต่อสู่กัน


คุ้น ๆ ไหมนะว่า มันกำลังเกิดขึ้นในสังคมสักแห่งที่ใกล้ ๆ เรานี่เอง



https://www.facebook.com/gamebhandavis/posts/1938219739552102
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่