ตามอ่านหลายกระทู้ในนี้ มีความคิดเห็นของบางท่านบอกว่า ไม่ชอบ SUB PLOT ของ ฟินน์และโรส ในส่วนของการไปตามหา “MASTER CODEBREAKER”
แต่เมื่อมานั่งดูเนื้อหาในส่วนนี้ให้ถี่ถ้วนกลับพบว่า เนื้อเรื่องในส่วนนี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของในเอพิโสดนี้
และแน่นอนคือ ตัวขับเคลื่อนสำคัญในอนาคตสำหรับ ไตรภาครุ่นที่ 4 ของสตาร์ วอร์
ตั้งแต่ประเด็นเรื่อง ความร่ำรวยของกลุ่มคมที่ทำธุรกิจจากกองเลือด (ค้าสงคราม) ไปจนถึงภาวะต้องการปลดแอกความเป็นทาสสู่ความหวังของนักปฎิวัติในเด็กที่มีพลัง FORCE (โดยในส่วนนี้จะเขียนอีกกระทู้หนึ่งในอนาคต)
ขอกลับมาพูดถึงว่าทำไม เนื้อหาตอนนี้จึงเป็น “ฉากสำคัญ” ของการขับเคลื่อน EPISODE : THE LAST JEDI นั่นก็เพราะฉากในส่วนนี้ว่าด้วยสารที่ว่า “อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง”
(เปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง)
แน่นอนหากฟินน์และโรสไม่ไปตามหานักถอดรหัสจนทำให้แผนการหนีของโฮลโดถูกเปิดเผยจนฝ่ายปฐมภาคีใช้ปืนใหญ่ยิงยานที่กำลังหลบหนี เราก็คงไม่เห็นฉากสุดยอดแห่งการ “กามิกาเซ่” ระดับจักรวาล ที่เป็นการปูเส้นเรื่องในอนาคตสำหรับการสร้างกลุ่มปฐมภาคีกลับขึ้นมาใหม่ของผู้นำสูงสุด “ไคโร เร็น” ที่น่าจะเป็นเส้นเรื่องต่อไปในอีก ไตรภาค ยุคที่ 4
รวมถึงการตัดความสัมพันธ์แบบคู่รักของ ฟินน์กับเรย์ไปโดยปริยาย ไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่ของโพและเธอ
ขณะที่ฟินน์ โรสและโพ กำลังวางแผนทำภารกิจปลดล๊อกเครื่องติดตามของฝ่ายศัตรู ทั้งสองได้พบกับ “ดีเจ” ระหว่างถูกคุมขังและมีความสามารถในการถอดรหัสของปฐมภาคี โดยภาวะคับขัน ฟินน์และโรสตัดสินใจที่จะตอบรับ เชื่อใจ “คนที่เจอในคุก” เพื่อให้ไปทำภารกิจที่มีความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นสูงมาก
มากขนาดที่ว่า นายพลโฮลโดถึงกับเดือดจัดและตวาดแผนของทั้งสามคนเพราะมันคือการเอา ชีวิตของกลุ่มกบฏไปเสี่ยงกับแผนที่มีความ้ลมเหลวสูง คิดเอาว่าขนาด เลอาต้องลุกจากเตียงผู้ป่วยไอซียู มาหยุดยั่งภารกิจลับของทั้งสามคน
โฮลโดมีแผนรับมือกับกลุ่มปฐมภาคี ด้วยการถอยไปตั้งหลัก โดยอพยพฝ่ายตัวเองที่เหลือทั้งหมดไปที่ยานขนส่ง พรางตัวเพื่อจะไปยังดาวที่มีฐานตั้งมั่นเก่าแก่ของฝ่ายกบฎ แล้วให้ยานแม่เป็นตัวล่อกลุ่มปฐมภาคีต่อไป
แต่สุดท้ายแผนนี้กลับมาแตกและทำให้ชีวิตของฝ่ายกบฎต้องสูงเสียงเป็นจำนวนมาก จาก 400 คน เหลือไม่ถึง 20-30 คน นั่นก็เพราะความอ่อนประสบการณ์ของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง โพ ฟินน์ และโรส แน่นอนทั้งสามคนได้บทเรียนอันมีค่าไปแล้ว พวกเขาได้ประสบการณ์และบอกกับดีเจไปแล้ว
และบทเรียนสำคัญนั้นก็คือ อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง
ตัวละครที่ไม่บอกชื่ออย่างชัดเจน แต่มีความสามารถในการถอดรหัสที่เรียกกันว่า “ดีเจ” ได้ให้แง่คิดกับฟินน์ว่า ในภาวะสงครามนั้น มันไม่มีฝ่ายดีและฝ่ายเลว มันก็เป็นการต่อสู้ของคนสองฝ่าย และมีบุคคลที่สามที่แสวงหาผลประโยชน์จากความขัดแย้งนี้
แต่ฟินน์ไม่เอะใจเลยว่า คนที่กำลังสอนเขานั้นก็แสวงหาผลประโยชน์เช่นกันและพร้อมที่จะใช้ความสามารถให้แก่ใครก็ได้ที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด
และนั่นเองที่ดีเจได้เผยข้อมูลสำคัญแก่ฝ่ายปฐมภาคี บอกว่า กลุ่มกบฏแอบขึ้นยานขนส่งเพื่อหนีไปยังดาวแล้วไปตั้งหลักใหม่ เมื่อฝ่ายปฐมภาคีรู้ก็ไปตรวจสอบข้อมูลว่า จริงอย่างที่ดีเจบอก กลุ่มปฐมภาคีจึงตบรางวัลให้อย่างงามแก่ดีเจ และแน่นอนมันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของฟินน์และโรส เป็นบทเรียนล้ำค่าของทั้งคู่แล้วต้องแลกด้วยชีวิตของกลุ่มกบฎ
คิดดูว่า หากฟินน์ โรส และโพ ไม่วางแผนเพื่อที่จะไปตามหา “ปรมาจารย์ด้านการถอดรหัส” ฝ่ายปฐมภาคีก็คงไม่รู้แผนของนายพลโฮลโด และแน่นอนก็ลดความสูญเสียของกลุ่มกบฎได้เป็นจำนวนมาก
ดีเจบอกกับฟินน์ว่า “จงเป็นอิสระ อย่าเลือกข้าง”
แต่หากเราได้เลือกข้างไปแล้ว สารในเนื้อหาส่วนนี้กำลังบอกเราว่า “อย่าไว้ใจจนถึงขั้นต้องฝากความหวังและชีวิตให้กับคนที่ไม่เลือกข้าง”
สิ่งที่น่ากลัวกว่า ศัตรูของเรา ก็คือ กลุ่มคนที่ไม่เลือกข้างและพร้อมแสวงหาผลประโยชน์จากกองเลือดเพื่อความร่ำรวยของตัวเอง
ดังนั้นจึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่ในทางการเมืองโลกแล้ว บริษัทค้าอาวุธจึงมีอิทธิพลสำคัญในการเมืองอเมริกาเสมอ
สงครามไม่มีวันจบสิ้นบนโลกของเราและความรุนแรงจะไม่มีวันจบลง จนกว่าเราจะรู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงก็คือ บรรดากลุ่มคนที่พยายามสร้างความขัดแย้งในสังคมแล้วแบ่งพวกเราออกเป็นฝักเป็นฝ่ายแล้วต่อสู่กัน
คุ้น ๆ ไหมนะว่า มันกำลังเกิดขึ้นในสังคมสักแห่งที่ใกล้ ๆ เรานี่เอง
https://www.facebook.com/gamebhandavis/posts/1938219739552102
“อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง” STAR WARS EP.8 (เปิดเผยเนื้อหาในเรื่อง)
และแน่นอนคือ ตัวขับเคลื่อนสำคัญในอนาคตสำหรับ ไตรภาครุ่นที่ 4 ของสตาร์ วอร์ ตั้งแต่ประเด็นเรื่อง ความร่ำรวยของกลุ่มคมที่ทำธุรกิจจากกองเลือด (ค้าสงคราม) ไปจนถึงภาวะต้องการปลดแอกความเป็นทาสสู่ความหวังของนักปฎิวัติในเด็กที่มีพลัง FORCE (โดยในส่วนนี้จะเขียนอีกกระทู้หนึ่งในอนาคต)
ขอกลับมาพูดถึงว่าทำไม เนื้อหาตอนนี้จึงเป็น “ฉากสำคัญ” ของการขับเคลื่อน EPISODE : THE LAST JEDI นั่นก็เพราะฉากในส่วนนี้ว่าด้วยสารที่ว่า “อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง” (เปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง)
แน่นอนหากฟินน์และโรสไม่ไปตามหานักถอดรหัสจนทำให้แผนการหนีของโฮลโดถูกเปิดเผยจนฝ่ายปฐมภาคีใช้ปืนใหญ่ยิงยานที่กำลังหลบหนี เราก็คงไม่เห็นฉากสุดยอดแห่งการ “กามิกาเซ่” ระดับจักรวาล ที่เป็นการปูเส้นเรื่องในอนาคตสำหรับการสร้างกลุ่มปฐมภาคีกลับขึ้นมาใหม่ของผู้นำสูงสุด “ไคโร เร็น” ที่น่าจะเป็นเส้นเรื่องต่อไปในอีก ไตรภาค ยุคที่ 4
รวมถึงการตัดความสัมพันธ์แบบคู่รักของ ฟินน์กับเรย์ไปโดยปริยาย ไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่ของโพและเธอ
ขณะที่ฟินน์ โรสและโพ กำลังวางแผนทำภารกิจปลดล๊อกเครื่องติดตามของฝ่ายศัตรู ทั้งสองได้พบกับ “ดีเจ” ระหว่างถูกคุมขังและมีความสามารถในการถอดรหัสของปฐมภาคี โดยภาวะคับขัน ฟินน์และโรสตัดสินใจที่จะตอบรับ เชื่อใจ “คนที่เจอในคุก” เพื่อให้ไปทำภารกิจที่มีความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นสูงมาก
มากขนาดที่ว่า นายพลโฮลโดถึงกับเดือดจัดและตวาดแผนของทั้งสามคนเพราะมันคือการเอา ชีวิตของกลุ่มกบฏไปเสี่ยงกับแผนที่มีความ้ลมเหลวสูง คิดเอาว่าขนาด เลอาต้องลุกจากเตียงผู้ป่วยไอซียู มาหยุดยั่งภารกิจลับของทั้งสามคน
โฮลโดมีแผนรับมือกับกลุ่มปฐมภาคี ด้วยการถอยไปตั้งหลัก โดยอพยพฝ่ายตัวเองที่เหลือทั้งหมดไปที่ยานขนส่ง พรางตัวเพื่อจะไปยังดาวที่มีฐานตั้งมั่นเก่าแก่ของฝ่ายกบฎ แล้วให้ยานแม่เป็นตัวล่อกลุ่มปฐมภาคีต่อไป แต่สุดท้ายแผนนี้กลับมาแตกและทำให้ชีวิตของฝ่ายกบฎต้องสูงเสียงเป็นจำนวนมาก จาก 400 คน เหลือไม่ถึง 20-30 คน นั่นก็เพราะความอ่อนประสบการณ์ของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง โพ ฟินน์ และโรส แน่นอนทั้งสามคนได้บทเรียนอันมีค่าไปแล้ว พวกเขาได้ประสบการณ์และบอกกับดีเจไปแล้ว
และบทเรียนสำคัญนั้นก็คือ อย่าไว้ใจคนที่ไม่เลือกข้าง ตัวละครที่ไม่บอกชื่ออย่างชัดเจน แต่มีความสามารถในการถอดรหัสที่เรียกกันว่า “ดีเจ” ได้ให้แง่คิดกับฟินน์ว่า ในภาวะสงครามนั้น มันไม่มีฝ่ายดีและฝ่ายเลว มันก็เป็นการต่อสู้ของคนสองฝ่าย และมีบุคคลที่สามที่แสวงหาผลประโยชน์จากความขัดแย้งนี้
แต่ฟินน์ไม่เอะใจเลยว่า คนที่กำลังสอนเขานั้นก็แสวงหาผลประโยชน์เช่นกันและพร้อมที่จะใช้ความสามารถให้แก่ใครก็ได้ที่ให้ผลประโยชน์สูงสุด และนั่นเองที่ดีเจได้เผยข้อมูลสำคัญแก่ฝ่ายปฐมภาคี บอกว่า กลุ่มกบฏแอบขึ้นยานขนส่งเพื่อหนีไปยังดาวแล้วไปตั้งหลักใหม่ เมื่อฝ่ายปฐมภาคีรู้ก็ไปตรวจสอบข้อมูลว่า จริงอย่างที่ดีเจบอก กลุ่มปฐมภาคีจึงตบรางวัลให้อย่างงามแก่ดีเจ และแน่นอนมันแลกมาด้วยความเจ็บปวดของฟินน์และโรส เป็นบทเรียนล้ำค่าของทั้งคู่แล้วต้องแลกด้วยชีวิตของกลุ่มกบฎ
คิดดูว่า หากฟินน์ โรส และโพ ไม่วางแผนเพื่อที่จะไปตามหา “ปรมาจารย์ด้านการถอดรหัส” ฝ่ายปฐมภาคีก็คงไม่รู้แผนของนายพลโฮลโด และแน่นอนก็ลดความสูญเสียของกลุ่มกบฎได้เป็นจำนวนมาก
ดีเจบอกกับฟินน์ว่า “จงเป็นอิสระ อย่าเลือกข้าง”
แต่หากเราได้เลือกข้างไปแล้ว สารในเนื้อหาส่วนนี้กำลังบอกเราว่า “อย่าไว้ใจจนถึงขั้นต้องฝากความหวังและชีวิตให้กับคนที่ไม่เลือกข้าง”
สิ่งที่น่ากลัวกว่า ศัตรูของเรา ก็คือ กลุ่มคนที่ไม่เลือกข้างและพร้อมแสวงหาผลประโยชน์จากกองเลือดเพื่อความร่ำรวยของตัวเอง
ดังนั้นจึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่ในทางการเมืองโลกแล้ว บริษัทค้าอาวุธจึงมีอิทธิพลสำคัญในการเมืองอเมริกาเสมอ
สงครามไม่มีวันจบสิ้นบนโลกของเราและความรุนแรงจะไม่มีวันจบลง จนกว่าเราจะรู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงก็คือ บรรดากลุ่มคนที่พยายามสร้างความขัดแย้งในสังคมแล้วแบ่งพวกเราออกเป็นฝักเป็นฝ่ายแล้วต่อสู่กัน
คุ้น ๆ ไหมนะว่า มันกำลังเกิดขึ้นในสังคมสักแห่งที่ใกล้ ๆ เรานี่เอง
https://www.facebook.com/gamebhandavis/posts/1938219739552102