Star Wars: Episode VIII - The Last Jedi (Rian Johnson, 2017)
คะแนน B+
By Form Corleone
"เปลี่ยนผ่านยุคเก่าเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีพร้อมทั้งความสนุกและความชื่นใจ" วิธีรักษาของเก่ากับผสมความเป็นสิ่งใหม่ที่ 'The Last Jedi' ทำนั้นเราคิดว่าน่าชื่นชมและน่ายกย่องอยู่ไม่น้อย โดยต้องไม่ลืมว่ามหากาพย์สตาร์วอร์สอุบัติขึ้นมารูปแบบไหน การไม่ทิ้งของเก่าและใส่ของใหม่ลงไปจึงเป็นความยากและดาบสองคมในเวลาเดียวกัน ที่จะสร้างสรรค์ออกมาให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียว จนอาจทำให้เรารักงานภาคนี้หรือไม่ชอบงานภาคนี้ไปเลยในเวลาเดียวกัน(แต่พอดูจบแล้ว รักเลย!) ช่วงขณะที่ดูเรานึกถึง 'Empire Strikes Back' และเทียบเคียงว่าตัวงานมีความละม้ายคล้ายกัน เพียงแต่งานภาคนี้ไปได้ไกลกว่าในความคิดของเรา คือมันสามารถที่จะตอบสนองการต่อยอดหรือเปลี่ยนผ่านยุคสมัยไปได้ ทั้งการเคารพความคลาสสิคและความแปลกใหม่ของประเด็นที่สอดแทรกเพิ่มเติมมาในมุมที่เราไม่เคยได้รับข้อความแบบนั้นจากสตาร์วอร์สภาคไหน สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้งานภาคนี้ดูดีและสนุกสนานคือการเปิดทางจาก 'The Force Awakens' ที่ทิ้งปมปริศนาอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ เพื่อให้งานภาคนี้ได้ใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างสร้างสรรค์และคุ้มค่าที่สุด วิธีการเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจจากภาคก่อนค่อยๆคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดความต่อเนื่องในการเป็นหนังภาคต่อออกไป 'Last Jedi' ก็ยังคงดูสนุกและพร้อมไปด้วยฉากลุ้นและเอาใจช่วยตัวละครพร้อมทั้งเหตุการณ์พลิกผันหรือจุดเปลี่ยนที่ทั้งเดาได้และเดาไม่ได้ไปพร้อมๆกัน ผสมด้วยมุกตลกที่สอดแทรกมาเป็นระยะๆ (บางมุกก็ขำ บางอันก็ไม่จำเป็น) ที่ถ้าเราลองตัดมุกตลกออกไปจากเรื่อง หนังเองแทบที่จะไม่มีจังหวะให้เราได้หยุดพักกันเลย ฉะนั้น การใส่มุกตลกจึงช่วยหยุดให้เราได้พักหายใจหายคอลงสักพัก เพียงแต่บางครั้งมันก็เยอะเกินความจำเป็นไปสักนิด
หนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงมีช่วงเวลาที่ยืดเยื้ออยู่พอควร แต่ความดีในความยาวนี้คือ 'ไรอัน จอห์นสัน' สามารถที่จะพาตัวหนังกลับมาได้ทุกจังหวะที่เหมือนจะเริ่มหลุดออกจากความสนุก มันเลยทำให้เรารู้สึกดูได้เรื่อยๆ(อารมณ์แบบไม่อยากให้หนังจบ) พร้อมการผสมตัวละครเก่าและตัวละครใหม่ และแม้ว่าจะมีตัวละครที่เยอะ แต่คาแรกเตอร์ที่ต่างกันของแต่ละตัวทำให้เราสามารถจำภาพของเหล่านักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครนั้นๆได้เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะออกมาเยอะหรือออกมาน้อยก็ตาม บางตัวละครออกมาเพียงนิดเดียวแต่เมสเสจที่ตัวละครส่งมาถึงกลับมีพลังในมุมกว้างและน่าสนใจมาก โดยเฉพาะการแทรกตัวละครที่อยู่ระหว่างความดีและความเลวจนทำให้ประเด็นของหนังมันไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม ตัวละครแต่ละตัวมีความก้าวกระโดดไปอีกขั้นจาก 'The Force Awakens' ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของหนังภาคต่อ เพียงแต่สิ่งที่ดีคือเราได้เห็นตัวละครแทบทุกตัวเรียนรู้ผลกระทบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหนังไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวละครเพียงตัวเดียวหรือใส่ใจเพียงตัวละครหลัก ทำให้ตัวละครทุกตัวไม่ถูกทอดทิ้ง(แม้มุกตลกจะทำให้ฝั่งตัวร้ายดูไม่น่าเกรงขามอยู่ก็ตาม) ดังนั้น เสน่ห์ของตัวละครในสตาร์วอร์สยุคปัจจุบันจึงไม่ได้ต่างกันมากนักกับยุคเก่า ที่นักแสดงไม่ได้ดังแต่เล่นแล้วมีเสน่ห์น่ามองจนคนจำภาพได้ และเชื่อว่าเมื่อหนังผ่านไปอีกหลายปีคนก็ยังจำภาพคาแรกเตอร์ตัวละครได้อยู่ นอกจากนั้น การเล่าเรื่องของ 'ไรอัน จอห์นสัน' สำหรับเรามันไม่ได้เดินตามรอยเดิมเสียทั้งหมด วิธีเล่าเรื่องมันเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์จนแอบกังวลใจว่า ep9 มันจะออกมาในทิศทางไหนเพราะ 'Last Jedi' เล่นปล่อยของกันมาแบบจัดเต็มขนาดนี้
ท้ายสุด 'The Last Jedi' อาจจะไม่ได้มีฉากแอคชั่นที่โดดเด่นเท่า 'The Force Awakens' แต่ความสนุกและความกลมกลืนเราคิดว่าทำได้ดีกว่าและชอบมากกว่า นอกเหนือสิ่งอื่นใด งานภาคนี้ก็ทำให้เรายอมรับการจากลาของตัวละครเก่าได้อย่างปลื้มใจ+หายคิดถึงตัวละครเก่าๆ พร้อมทั้งโอบรับตัวละครใหม่มาไว้ในใจเราได้สำเร็จ และของแถมคือโมเม้นของการเติบโตพร้อมความขัดแย้งที่รอการมาถึงของ ep9 ฉะนั้น ความสำเร็จทั้ง 'The Force Awakens' และ 'The Last Jedi' จึงเป็นการก้าวเดินไปสู่ยุคใหม่ของสตาร์วอร์สอย่างแท้จริง จนน่าจะเป็นหนังแห่งการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยที่ดีที่สุดในจักวาลโลกภาพยนตร์(สำหรับเรา)ก็ว่าได้ การเดินทางของตัวละครใน 'The Last Jedi' จึงเป็นเหมือนบทใหม่ของซีรีย์ชุดสตาร์วอร์ส ที่มีตัวละครเก่ามาส่งไม้ต่อให้อย่างยอดเยี่ยม และส่งผ่านให้เด็กน้อยยุคใหม่หลงรักสตาร์วอร์สเหมือนที่เราเคยหลงรักในสมัยเด็กๆ ที่มีทั้งความสนุกและความสุข ตื่นตาตื่นใจไปกับยานบิน มนต์เสน่ห์ของดาบไลท์เซเบอร์ ความเท่ห์ของอัศวินเจไดในตำนาน รวมทั้งปัญหาการเมือง ความดำ-ขาว ด้านมืดด้านสว่างของจิตใจ ความสับสนเลือกข้าง ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เราหลงรักและรอการมาถึงอีกครั้งของ ep9 จนอยากให้เวลาผ่านไปเท่าความเร็วแสงเสียจริงๆเลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ป.ล. เรียงลำดับความชอบซีรีย์สตาร์วอร์ส ep 5/8/Rogue One/4/7/6/3/1/2 ^^
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: Star Wars: Episode VIII - The Last Jedi (Rian Johnson, 2017) เขียนโดย Form Corleone
คะแนน B+
By Form Corleone
"เปลี่ยนผ่านยุคเก่าเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีพร้อมทั้งความสนุกและความชื่นใจ" วิธีรักษาของเก่ากับผสมความเป็นสิ่งใหม่ที่ 'The Last Jedi' ทำนั้นเราคิดว่าน่าชื่นชมและน่ายกย่องอยู่ไม่น้อย โดยต้องไม่ลืมว่ามหากาพย์สตาร์วอร์สอุบัติขึ้นมารูปแบบไหน การไม่ทิ้งของเก่าและใส่ของใหม่ลงไปจึงเป็นความยากและดาบสองคมในเวลาเดียวกัน ที่จะสร้างสรรค์ออกมาให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียว จนอาจทำให้เรารักงานภาคนี้หรือไม่ชอบงานภาคนี้ไปเลยในเวลาเดียวกัน(แต่พอดูจบแล้ว รักเลย!) ช่วงขณะที่ดูเรานึกถึง 'Empire Strikes Back' และเทียบเคียงว่าตัวงานมีความละม้ายคล้ายกัน เพียงแต่งานภาคนี้ไปได้ไกลกว่าในความคิดของเรา คือมันสามารถที่จะตอบสนองการต่อยอดหรือเปลี่ยนผ่านยุคสมัยไปได้ ทั้งการเคารพความคลาสสิคและความแปลกใหม่ของประเด็นที่สอดแทรกเพิ่มเติมมาในมุมที่เราไม่เคยได้รับข้อความแบบนั้นจากสตาร์วอร์สภาคไหน สิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้งานภาคนี้ดูดีและสนุกสนานคือการเปิดทางจาก 'The Force Awakens' ที่ทิ้งปมปริศนาอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ เพื่อให้งานภาคนี้ได้ใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างสร้างสรรค์และคุ้มค่าที่สุด วิธีการเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจจากภาคก่อนค่อยๆคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดความต่อเนื่องในการเป็นหนังภาคต่อออกไป 'Last Jedi' ก็ยังคงดูสนุกและพร้อมไปด้วยฉากลุ้นและเอาใจช่วยตัวละครพร้อมทั้งเหตุการณ์พลิกผันหรือจุดเปลี่ยนที่ทั้งเดาได้และเดาไม่ได้ไปพร้อมๆกัน ผสมด้วยมุกตลกที่สอดแทรกมาเป็นระยะๆ (บางมุกก็ขำ บางอันก็ไม่จำเป็น) ที่ถ้าเราลองตัดมุกตลกออกไปจากเรื่อง หนังเองแทบที่จะไม่มีจังหวะให้เราได้หยุดพักกันเลย ฉะนั้น การใส่มุกตลกจึงช่วยหยุดให้เราได้พักหายใจหายคอลงสักพัก เพียงแต่บางครั้งมันก็เยอะเกินความจำเป็นไปสักนิด
หนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงมีช่วงเวลาที่ยืดเยื้ออยู่พอควร แต่ความดีในความยาวนี้คือ 'ไรอัน จอห์นสัน' สามารถที่จะพาตัวหนังกลับมาได้ทุกจังหวะที่เหมือนจะเริ่มหลุดออกจากความสนุก มันเลยทำให้เรารู้สึกดูได้เรื่อยๆ(อารมณ์แบบไม่อยากให้หนังจบ) พร้อมการผสมตัวละครเก่าและตัวละครใหม่ และแม้ว่าจะมีตัวละครที่เยอะ แต่คาแรกเตอร์ที่ต่างกันของแต่ละตัวทำให้เราสามารถจำภาพของเหล่านักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครนั้นๆได้เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะออกมาเยอะหรือออกมาน้อยก็ตาม บางตัวละครออกมาเพียงนิดเดียวแต่เมสเสจที่ตัวละครส่งมาถึงกลับมีพลังในมุมกว้างและน่าสนใจมาก โดยเฉพาะการแทรกตัวละครที่อยู่ระหว่างความดีและความเลวจนทำให้ประเด็นของหนังมันไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม ตัวละครแต่ละตัวมีความก้าวกระโดดไปอีกขั้นจาก 'The Force Awakens' ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของหนังภาคต่อ เพียงแต่สิ่งที่ดีคือเราได้เห็นตัวละครแทบทุกตัวเรียนรู้ผลกระทบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหนังไม่ได้โฟกัสไปที่ตัวละครเพียงตัวเดียวหรือใส่ใจเพียงตัวละครหลัก ทำให้ตัวละครทุกตัวไม่ถูกทอดทิ้ง(แม้มุกตลกจะทำให้ฝั่งตัวร้ายดูไม่น่าเกรงขามอยู่ก็ตาม) ดังนั้น เสน่ห์ของตัวละครในสตาร์วอร์สยุคปัจจุบันจึงไม่ได้ต่างกันมากนักกับยุคเก่า ที่นักแสดงไม่ได้ดังแต่เล่นแล้วมีเสน่ห์น่ามองจนคนจำภาพได้ และเชื่อว่าเมื่อหนังผ่านไปอีกหลายปีคนก็ยังจำภาพคาแรกเตอร์ตัวละครได้อยู่ นอกจากนั้น การเล่าเรื่องของ 'ไรอัน จอห์นสัน' สำหรับเรามันไม่ได้เดินตามรอยเดิมเสียทั้งหมด วิธีเล่าเรื่องมันเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์จนแอบกังวลใจว่า ep9 มันจะออกมาในทิศทางไหนเพราะ 'Last Jedi' เล่นปล่อยของกันมาแบบจัดเต็มขนาดนี้
ท้ายสุด 'The Last Jedi' อาจจะไม่ได้มีฉากแอคชั่นที่โดดเด่นเท่า 'The Force Awakens' แต่ความสนุกและความกลมกลืนเราคิดว่าทำได้ดีกว่าและชอบมากกว่า นอกเหนือสิ่งอื่นใด งานภาคนี้ก็ทำให้เรายอมรับการจากลาของตัวละครเก่าได้อย่างปลื้มใจ+หายคิดถึงตัวละครเก่าๆ พร้อมทั้งโอบรับตัวละครใหม่มาไว้ในใจเราได้สำเร็จ และของแถมคือโมเม้นของการเติบโตพร้อมความขัดแย้งที่รอการมาถึงของ ep9 ฉะนั้น ความสำเร็จทั้ง 'The Force Awakens' และ 'The Last Jedi' จึงเป็นการก้าวเดินไปสู่ยุคใหม่ของสตาร์วอร์สอย่างแท้จริง จนน่าจะเป็นหนังแห่งการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยที่ดีที่สุดในจักวาลโลกภาพยนตร์(สำหรับเรา)ก็ว่าได้ การเดินทางของตัวละครใน 'The Last Jedi' จึงเป็นเหมือนบทใหม่ของซีรีย์ชุดสตาร์วอร์ส ที่มีตัวละครเก่ามาส่งไม้ต่อให้อย่างยอดเยี่ยม และส่งผ่านให้เด็กน้อยยุคใหม่หลงรักสตาร์วอร์สเหมือนที่เราเคยหลงรักในสมัยเด็กๆ ที่มีทั้งความสนุกและความสุข ตื่นตาตื่นใจไปกับยานบิน มนต์เสน่ห์ของดาบไลท์เซเบอร์ ความเท่ห์ของอัศวินเจไดในตำนาน รวมทั้งปัญหาการเมือง ความดำ-ขาว ด้านมืดด้านสว่างของจิตใจ ความสับสนเลือกข้าง ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เราหลงรักและรอการมาถึงอีกครั้งของ ep9 จนอยากให้เวลาผ่านไปเท่าความเร็วแสงเสียจริงๆเลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ป.ล. เรียงลำดับความชอบซีรีย์สตาร์วอร์ส ep 5/8/Rogue One/4/7/6/3/1/2 ^^
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/