สืบเนื่องจากกระทู้นี้ที่ดิฉันตั้งไว้
https://ppantip.com/topic/37172742
หลังจากนั้นไม่นานได้มีพี่น้องคริสเตียนชาวต่างชาติคนหนึ่งติดต่อมาทางหลังไมค์และได้คุยกันทางโทรศัพท์กับดิฉันและน้องชาย ท่านได้แนะนำวิธีการที่ดีมากๆ และน้องชายของดิฉันนำไปใช้แล้วยืนยันว่าได้ผลดีขึ้นจริงๆ ดิฉันจึงอยากนำมาแชร์ เผื่อว่าอาจจะมีพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับปัญหาเดียวกัน การสนทนาทางโทรศัพท์นั้นส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันนำมาแปลให้ฟัง แต่อาจมีการอ้างอิงคำภาษาอังกฤษประกอบบางส่วนเพื่อเพิ่มความเข้าใจ เนื้อหามีดังนี้
---------------------------------------
1. จงพึงระลึกว่าพื้นเพภูมิหลังชีวิตแต่ละคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน แต่ละคนจึงมีปัญหานี้หนักเบาไม่เท่ากัน บางคนมีภูมิหลังที่ถลำลึกลงไปในเรื่องนี้อย่างมากจนกลายเป็นพฤติกรรมเสพติด ในขณะที่บางคนมีประสบการณ์เรื่องนี้เพียงแค่ผิวเผิน ดังนั้นจงอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นในเรื่องนี้ และอย่าลืมว่าในสายตาของพระเจ้าคุณเป็นเพียงคนป่วยที่ต้องการหมอ ไม่ใช่คนเลว พระเยซูเสด็จลงมาเพื่อหาคนป่วย ไม่ใช่มาเพื่อหาคนชอบธรรม
2. จงอย่าพยายามใช้พระบัญญัติ หรือกฎใดๆเข้ามาแก้ปัญหา เพราะพระเจ้าทราบดีอยู่แล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถรักษาพระบัญญัติได้ แต่มนุษย์มักหยิ่งพยองคิดว่าตัวเองทำได้ แต่จงใช้ "พระเมตตา" (Grace) เข้ามาแก้ปัญหา
3. อย่าอาศัยความพยายามของตนเอง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดจะทำให้ตัวเองเป็นคนชอบธรรมได้ด้วยตนเอง มิฉะนั้นพระเยซูคงไม่ต้องลงมา แต่จงใช้ "พระเมตตา" (Grace)
4. จงพักสงบจิตใจ ไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะกลับไปกระทำผิดอีกหรือไม่ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะยิ่งกังวลก็ยิ่งย้ำคิด ยิ่งย้ำคิดก็ยิ่งย้ำทำ ถ้าจะทำก็ทำไปเลยไม่ต้องกังวล
5. สมการของซาตานคือ กฎบัญญัติ > ความวิตกกังวล > พบว่าตัวเองทำผิด > ละอายใจ > พยายามเลิก > อดใจไม่ไหวทำซ้ำ > ละอายใจหนักกว่าเก่า > ไม่กล้าสู้หน้าพระเจ้า > หลบหนีห่างจากพระเจ้า > ละทิ้งพระเจ้า
6. พระเจ้ารักมนุษย์โดยไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ต้องรอให้มนุษย์เป็นคนชอบธรรมก่อน เพราะท่านรู้ว่าไม่มีใครทำได้ ท่านรักเราทั้งๆที่เรายังทำบาป แต่เราไม่รู้
7. ซาตานอยากให้เราเพ่งเล็ง (Focus) ที่ตัวเราเองมากที่สุด "ดูสิ แกทำผิดอีกแล้ว หน้าไม่อาย สกปรกแบบนี้ยังจะมีหน้าไปสู้หน้าพระเจ้าอีกหรอ แกมันไอ้คนบ้ากาม" ยิ่งเราเพ่งเล็งที่ตัวเองมากเท่าไร เราก็จะละสายตาไปจากพระเยซู แต่พระเยซูอยากให้เรามองเพ่งไปที่ท่านเท่านั้น ไม่ต้องมองที่ตัวเราเอง
สรุปสิ่งที่ควรทำและง่ายมากๆคือ
ทำจิตใจให้สงบสุขทุกเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้วบนไม้กางเขน ให้เพ่งไปที่ความรักของพระเยซู แล้วความรักของท่านจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเราเองโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยายามของเรา ในระหว่างนี้ถ้าอยากจะทำก็ทำแล้วไม่ต้องกล่าวโทษตัวเองเพราะยิ่งกล่าวโทษตัวเองก็ยิ่งเพ่งเล็งมาที่ตัวเอง ยิ่งห้ามก็ยิ่งคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งทำ ดังนั้นเมื่อไม่ห้ามจะได้คิดน้อยลง เมื่อคิดน้อยลงก็จะทำน้อยลง ค่อยๆลดปริมาณ หรือเว้นระยะห่างไปเรื่อยๆจนร่างกายไม่รู้สึกว่าต้องการ
น้องชายของดิฉันยืนยันว่าหลังจากทำตามคำแนะนำนี้แล้วดีขึ้นมาก นอกจากไม่เครียดแล้วยังทำน้อยลง คิดน้อยลง
เนื้อหายังมีอีกมากที่ดิฉันจำได้ไม่หมด และไม่มีเวลาพอมาพิมพ์ในนี้ได้ หากพี่น้องท่านใดสนใจอยากทราบเพิ่มเติม สามารถสอบถามทางหลังไมค์
วิธีเลิกช่วยตัวเอง (สำหรับคริสเตียน)
https://ppantip.com/topic/37172742
หลังจากนั้นไม่นานได้มีพี่น้องคริสเตียนชาวต่างชาติคนหนึ่งติดต่อมาทางหลังไมค์และได้คุยกันทางโทรศัพท์กับดิฉันและน้องชาย ท่านได้แนะนำวิธีการที่ดีมากๆ และน้องชายของดิฉันนำไปใช้แล้วยืนยันว่าได้ผลดีขึ้นจริงๆ ดิฉันจึงอยากนำมาแชร์ เผื่อว่าอาจจะมีพี่น้องคริสเตียนคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับปัญหาเดียวกัน การสนทนาทางโทรศัพท์นั้นส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันนำมาแปลให้ฟัง แต่อาจมีการอ้างอิงคำภาษาอังกฤษประกอบบางส่วนเพื่อเพิ่มความเข้าใจ เนื้อหามีดังนี้
---------------------------------------
1. จงพึงระลึกว่าพื้นเพภูมิหลังชีวิตแต่ละคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน แต่ละคนจึงมีปัญหานี้หนักเบาไม่เท่ากัน บางคนมีภูมิหลังที่ถลำลึกลงไปในเรื่องนี้อย่างมากจนกลายเป็นพฤติกรรมเสพติด ในขณะที่บางคนมีประสบการณ์เรื่องนี้เพียงแค่ผิวเผิน ดังนั้นจงอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นในเรื่องนี้ และอย่าลืมว่าในสายตาของพระเจ้าคุณเป็นเพียงคนป่วยที่ต้องการหมอ ไม่ใช่คนเลว พระเยซูเสด็จลงมาเพื่อหาคนป่วย ไม่ใช่มาเพื่อหาคนชอบธรรม
2. จงอย่าพยายามใช้พระบัญญัติ หรือกฎใดๆเข้ามาแก้ปัญหา เพราะพระเจ้าทราบดีอยู่แล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถรักษาพระบัญญัติได้ แต่มนุษย์มักหยิ่งพยองคิดว่าตัวเองทำได้ แต่จงใช้ "พระเมตตา" (Grace) เข้ามาแก้ปัญหา
3. อย่าอาศัยความพยายามของตนเอง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดจะทำให้ตัวเองเป็นคนชอบธรรมได้ด้วยตนเอง มิฉะนั้นพระเยซูคงไม่ต้องลงมา แต่จงใช้ "พระเมตตา" (Grace)
4. จงพักสงบจิตใจ ไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะกลับไปกระทำผิดอีกหรือไม่ ไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะยิ่งกังวลก็ยิ่งย้ำคิด ยิ่งย้ำคิดก็ยิ่งย้ำทำ ถ้าจะทำก็ทำไปเลยไม่ต้องกังวล
5. สมการของซาตานคือ กฎบัญญัติ > ความวิตกกังวล > พบว่าตัวเองทำผิด > ละอายใจ > พยายามเลิก > อดใจไม่ไหวทำซ้ำ > ละอายใจหนักกว่าเก่า > ไม่กล้าสู้หน้าพระเจ้า > หลบหนีห่างจากพระเจ้า > ละทิ้งพระเจ้า
6. พระเจ้ารักมนุษย์โดยไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ต้องรอให้มนุษย์เป็นคนชอบธรรมก่อน เพราะท่านรู้ว่าไม่มีใครทำได้ ท่านรักเราทั้งๆที่เรายังทำบาป แต่เราไม่รู้
7. ซาตานอยากให้เราเพ่งเล็ง (Focus) ที่ตัวเราเองมากที่สุด "ดูสิ แกทำผิดอีกแล้ว หน้าไม่อาย สกปรกแบบนี้ยังจะมีหน้าไปสู้หน้าพระเจ้าอีกหรอ แกมันไอ้คนบ้ากาม" ยิ่งเราเพ่งเล็งที่ตัวเองมากเท่าไร เราก็จะละสายตาไปจากพระเยซู แต่พระเยซูอยากให้เรามองเพ่งไปที่ท่านเท่านั้น ไม่ต้องมองที่ตัวเราเอง
สรุปสิ่งที่ควรทำและง่ายมากๆคือ
ทำจิตใจให้สงบสุขทุกเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้วบนไม้กางเขน ให้เพ่งไปที่ความรักของพระเยซู แล้วความรักของท่านจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเราเองโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยายามของเรา ในระหว่างนี้ถ้าอยากจะทำก็ทำแล้วไม่ต้องกล่าวโทษตัวเองเพราะยิ่งกล่าวโทษตัวเองก็ยิ่งเพ่งเล็งมาที่ตัวเอง ยิ่งห้ามก็ยิ่งคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งทำ ดังนั้นเมื่อไม่ห้ามจะได้คิดน้อยลง เมื่อคิดน้อยลงก็จะทำน้อยลง ค่อยๆลดปริมาณ หรือเว้นระยะห่างไปเรื่อยๆจนร่างกายไม่รู้สึกว่าต้องการ
น้องชายของดิฉันยืนยันว่าหลังจากทำตามคำแนะนำนี้แล้วดีขึ้นมาก นอกจากไม่เครียดแล้วยังทำน้อยลง คิดน้อยลง
เนื้อหายังมีอีกมากที่ดิฉันจำได้ไม่หมด และไม่มีเวลาพอมาพิมพ์ในนี้ได้ หากพี่น้องท่านใดสนใจอยากทราบเพิ่มเติม สามารถสอบถามทางหลังไมค์