การส่องกล้องคืออะไร เจ็บไหม มีหลายคนหวาดกลัวกับการส่องกล้อง ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ส่องกล้องให้ฟัง ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดจริงๆ
อาการของเราคือมีอาการปวดท้องบริเวณกลางหน้าอกใต้ราวนม ปวดมากขนาดบางครั้งก็อาเจียรออกมา แต่เป็นบ่อยจึงต้องไปพบหมอกันละ การตรวจของหมอคือ เอามือกดบริเวณใต้หน้าอก กลับไม่เจ็บ หมอกดบริเวณด้านข้างฝั่งขวา เจ็บละทีนี้ ไม่ได้เจ็บตรงที่กดนะมาเจ็บใต้หน้าอกเฉยเลย จุกด้วย หมอบอกต้องส่องกล้องดูละว่าเป็นอะไร ก็เลยนัดวันมาส่องกล้อง หมอบอกใช้เวลาไม่เกินครึ่งชม.ก็เสร็จ ไม่ต้อง admit ไม่เสียคชจ.เพราะเป็นการรักษา ลืมบอกว่าเราใช้สิทธิประกันสังคม
ก่อนวันนัดส่องกล้องหมอสั่งให้ งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน เพื่อที่จะมาส่องกล้องประมาณ 9 โมง พอเช้ามาถึงรพ. พยาบาลก็พาเข้าห้องผ่าตัดซึงเป็นห้องส่องกล้องนั่นแหละ อุปกรณ์เยอะแยะไปหมด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร พยาบาลก็ถามชื่อ อายุ แล้วก็ให้นอนลงบนเตียง พยาบาลก็ถือกระปุกยามาแล้วบอกว่า พ่นยาชาใส่คอนะคะ ไม่ต้องกลัว แค่ขมนิดหน่อย พอพ่นใส่คอแค่นั้นละ ไม่ใช่แค่ขม แต่ข๊มมม..............ขม พยาบาลบอก กลืนได้นะคะ ไม่เป็นไร แล้วก็ถามว่าคอรู้สึกหนาๆรึยัง เราก็พยักหน้า คุณหมอก็เข้ามาพูดคุยด้วย บอกว่ามองจอได้นะ ดูไปพร้อมๆกัน เราก็อ้าว.....ที่อ่านๆมา บางคนบอกโดนวางยาคล้ายๆครึ่งหลับครึ่งตื่น บางคนวางยาสลบกันไปเลย แต่เรานี่แค่พ่นยาชารึ จะเป็นไงมั่งวะเนี่ย จะทรมาณขนาดไหน อะไรยังไง คิดเยอะแยะไปหมด กลัวก็กลัว ใจก็เต้น หวาดไปหมด
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เข้ามาถึงจุดนี้แล้วนี่ แล้วพยาบาลก็เอาแท่งสี่เหลี่ยมแข็งๆมาให้กัด บอกว่ากัดไว้นะคะ จับตัวนอนตะแคงซ้าย คู้เข่า กอดหมอนไว้ค่ะ บอกอะไรเราทำตามทั้งหมด แล้วเอาถาดมารองน้ำลาย บอกว่าน้ำลายไหลไม่เป็นไรปล่อยมาเลยค่ะ ตาเราก็มองหมอไป หูก็ฟังพยาบาลไป หมอใช้สายคล้ายๆสายไฮโดรลิค แหย่ใส่ปากที่เรากัดแท่งไว้น่ะ แล้วก็บอกให้เรากลืนเข้าไป แต่นะเวลานั้นกลืนคืออะไรไม่รู้กลายเป็นเราขย้อนออก ช่วงที่เราขย้อนหมอก็ค่อยๆ ดันสายเข้าไป พอหมอบอกให้กลืนไม่ใช่ขย้อน เราก็เลยกลืนน้ำลาย ทีนี้สายก็เข้าไปเลย คอชาอยู่ไม่รู้สึกอะไร แต่หมอบอกว่าเข่ามาได้ 35 เซ็นละ ต่อไปคือส่วนของกระเพาะอาหาร หมอก็ส่องไปเรื่อยๆ ส่องจนทั่วแล้วก็แนะนำเราว่าตรงนี้คืออะไร ตรงนั้นคืออะไร หมอจะบรรยายตลอดเวลาที่ ส่องเพราะดูหน้าจอไปพร้อมๆ กัน ก็เจอจุดที่เป็นแผลในกระเพาะ พอเจอหมอก็ให้พยาบาลสอดสายสลิงเล็กๆ เข้าไปที่สายกล้องแล้วตัดเนื้อเยื่อออกมานิดนึง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย ก็ไม่เจ็บอะไรตอนที่ตัด คือไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วหมอก็ส่องไปที่ลำใส้เล็ก ก็ไม่มีอะไร ไม่มีเนื้องอก ไม่มีติ่งอะไร ก็เริ่มถอยกล้องออกมา ส่องบริเวณทางเดินอาหาร ซึ่งปรากฎว่าหลวมนิดๆ แล้วหมอก็เอากล้องออก บอกว่าเสร็จแล้วครับ แต่หลังจากนี้ประมาณ 2 ชม.ค่อยทานอาหารนะครับ เพราะคอยังชาอยู่เดี๋ยวทานเข้าไปจะสำลักได้ แล้วเราก็มานุ่งคุยกับหมอเพื่อฟังสรุปผล ผลคือ
1.ทางเดินอาหารหลวมนิดหน่อย ยังไม่ต้องถึงกับผ่าตัด หมอจัดยามาให้กิน หมอแจ้งว่าสาเหตุเกิดจากการทานอาหารมันๆ เยอะ เช่น กาแฟ นม ขาหมู คือถ้าทานประจำจะทำให้ไขมันไปจับที่ทางเดินอาหาร ทำให้ทางเดินอาหารหลวมได้ ( เราไม่กินกาแฟ ไม่กินนม ไม่ค่อยกินขาหมู แต่ชอบกินเบค่อน สามชั้นสไลด์)
2.เป็นแผลที่กระเพาะส่วนล่าง หมอจัดยามาให้กิน
แนวทางการปฏิบัติตัวคือ ให้ทานอาหารไม่ต้องอิ่ม คือให้ทานประมาณ 3 ใน 4 ของกระเพาะ เพื่อป้องกับอาหารย้อนมาถึงทางเดินอาหารที่หลวม แล้วอาหารอาจจะย้อนออกมาได้
ให้ทานอาหารอ่อน จืด ไม่เผ็ด ไม่มัน ประมาณ 14 วัน หรือจนกว่าจะหาย
แล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้ นัดฟังผลตรวจชิ้นเนื้ออีก 2 อาทิตย์
เห็นไหม การส่องกล้องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่เจ็บ ไม่ปวด ใช้เวลาน้อย เมื่อมีอาการปวดท้องแล้วอย่าปล่อยปละละเลย คิดว่าเป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย พอหมอกันเถอะ
ข้อเสียมีอย่างเดียวคือ หิวมาก แต่ยังกินข้าวไม่ได้ ต้องรอยาชาหมดฤทธิ์ กลายเป็นมื้อเช้ากินไปตอนเที่ยง
ส่องกล้องไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
อาการของเราคือมีอาการปวดท้องบริเวณกลางหน้าอกใต้ราวนม ปวดมากขนาดบางครั้งก็อาเจียรออกมา แต่เป็นบ่อยจึงต้องไปพบหมอกันละ การตรวจของหมอคือ เอามือกดบริเวณใต้หน้าอก กลับไม่เจ็บ หมอกดบริเวณด้านข้างฝั่งขวา เจ็บละทีนี้ ไม่ได้เจ็บตรงที่กดนะมาเจ็บใต้หน้าอกเฉยเลย จุกด้วย หมอบอกต้องส่องกล้องดูละว่าเป็นอะไร ก็เลยนัดวันมาส่องกล้อง หมอบอกใช้เวลาไม่เกินครึ่งชม.ก็เสร็จ ไม่ต้อง admit ไม่เสียคชจ.เพราะเป็นการรักษา ลืมบอกว่าเราใช้สิทธิประกันสังคม
ก่อนวันนัดส่องกล้องหมอสั่งให้ งดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน เพื่อที่จะมาส่องกล้องประมาณ 9 โมง พอเช้ามาถึงรพ. พยาบาลก็พาเข้าห้องผ่าตัดซึงเป็นห้องส่องกล้องนั่นแหละ อุปกรณ์เยอะแยะไปหมด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร พยาบาลก็ถามชื่อ อายุ แล้วก็ให้นอนลงบนเตียง พยาบาลก็ถือกระปุกยามาแล้วบอกว่า พ่นยาชาใส่คอนะคะ ไม่ต้องกลัว แค่ขมนิดหน่อย พอพ่นใส่คอแค่นั้นละ ไม่ใช่แค่ขม แต่ข๊มมม..............ขม พยาบาลบอก กลืนได้นะคะ ไม่เป็นไร แล้วก็ถามว่าคอรู้สึกหนาๆรึยัง เราก็พยักหน้า คุณหมอก็เข้ามาพูดคุยด้วย บอกว่ามองจอได้นะ ดูไปพร้อมๆกัน เราก็อ้าว.....ที่อ่านๆมา บางคนบอกโดนวางยาคล้ายๆครึ่งหลับครึ่งตื่น บางคนวางยาสลบกันไปเลย แต่เรานี่แค่พ่นยาชารึ จะเป็นไงมั่งวะเนี่ย จะทรมาณขนาดไหน อะไรยังไง คิดเยอะแยะไปหมด กลัวก็กลัว ใจก็เต้น หวาดไปหมด
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เข้ามาถึงจุดนี้แล้วนี่ แล้วพยาบาลก็เอาแท่งสี่เหลี่ยมแข็งๆมาให้กัด บอกว่ากัดไว้นะคะ จับตัวนอนตะแคงซ้าย คู้เข่า กอดหมอนไว้ค่ะ บอกอะไรเราทำตามทั้งหมด แล้วเอาถาดมารองน้ำลาย บอกว่าน้ำลายไหลไม่เป็นไรปล่อยมาเลยค่ะ ตาเราก็มองหมอไป หูก็ฟังพยาบาลไป หมอใช้สายคล้ายๆสายไฮโดรลิค แหย่ใส่ปากที่เรากัดแท่งไว้น่ะ แล้วก็บอกให้เรากลืนเข้าไป แต่นะเวลานั้นกลืนคืออะไรไม่รู้กลายเป็นเราขย้อนออก ช่วงที่เราขย้อนหมอก็ค่อยๆ ดันสายเข้าไป พอหมอบอกให้กลืนไม่ใช่ขย้อน เราก็เลยกลืนน้ำลาย ทีนี้สายก็เข้าไปเลย คอชาอยู่ไม่รู้สึกอะไร แต่หมอบอกว่าเข่ามาได้ 35 เซ็นละ ต่อไปคือส่วนของกระเพาะอาหาร หมอก็ส่องไปเรื่อยๆ ส่องจนทั่วแล้วก็แนะนำเราว่าตรงนี้คืออะไร ตรงนั้นคืออะไร หมอจะบรรยายตลอดเวลาที่ ส่องเพราะดูหน้าจอไปพร้อมๆ กัน ก็เจอจุดที่เป็นแผลในกระเพาะ พอเจอหมอก็ให้พยาบาลสอดสายสลิงเล็กๆ เข้าไปที่สายกล้องแล้วตัดเนื้อเยื่อออกมานิดนึง เพื่อส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย ก็ไม่เจ็บอะไรตอนที่ตัด คือไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วหมอก็ส่องไปที่ลำใส้เล็ก ก็ไม่มีอะไร ไม่มีเนื้องอก ไม่มีติ่งอะไร ก็เริ่มถอยกล้องออกมา ส่องบริเวณทางเดินอาหาร ซึ่งปรากฎว่าหลวมนิดๆ แล้วหมอก็เอากล้องออก บอกว่าเสร็จแล้วครับ แต่หลังจากนี้ประมาณ 2 ชม.ค่อยทานอาหารนะครับ เพราะคอยังชาอยู่เดี๋ยวทานเข้าไปจะสำลักได้ แล้วเราก็มานุ่งคุยกับหมอเพื่อฟังสรุปผล ผลคือ
1.ทางเดินอาหารหลวมนิดหน่อย ยังไม่ต้องถึงกับผ่าตัด หมอจัดยามาให้กิน หมอแจ้งว่าสาเหตุเกิดจากการทานอาหารมันๆ เยอะ เช่น กาแฟ นม ขาหมู คือถ้าทานประจำจะทำให้ไขมันไปจับที่ทางเดินอาหาร ทำให้ทางเดินอาหารหลวมได้ ( เราไม่กินกาแฟ ไม่กินนม ไม่ค่อยกินขาหมู แต่ชอบกินเบค่อน สามชั้นสไลด์)
2.เป็นแผลที่กระเพาะส่วนล่าง หมอจัดยามาให้กิน
แนวทางการปฏิบัติตัวคือ ให้ทานอาหารไม่ต้องอิ่ม คือให้ทานประมาณ 3 ใน 4 ของกระเพาะ เพื่อป้องกับอาหารย้อนมาถึงทางเดินอาหารที่หลวม แล้วอาหารอาจจะย้อนออกมาได้
ให้ทานอาหารอ่อน จืด ไม่เผ็ด ไม่มัน ประมาณ 14 วัน หรือจนกว่าจะหาย
แล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้ นัดฟังผลตรวจชิ้นเนื้ออีก 2 อาทิตย์
เห็นไหม การส่องกล้องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่เจ็บ ไม่ปวด ใช้เวลาน้อย เมื่อมีอาการปวดท้องแล้วอย่าปล่อยปละละเลย คิดว่าเป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย พอหมอกันเถอะ
ข้อเสียมีอย่างเดียวคือ หิวมาก แต่ยังกินข้าวไม่ได้ ต้องรอยาชาหมดฤทธิ์ กลายเป็นมื้อเช้ากินไปตอนเที่ยง