...
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...
โห้ย !! ตกใจหมด’จารย์จี’ จู่ ๆ ก็มาเปิดประตูวิก รู้อยู่บานพับมันตก ...
ถามผมทำไรอยู่รึ .. แหะ ๆ กำลังดูมาลัยน้ำใจจากพ่อยกแม่ยกน่ะ จะเอาไปกล่าวขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่หน้าเวที
ไม่มีท่านมาชม วิกเราก็เฉาแย่ .. ถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณ ธุ ธุ
แยกอะไรหรือ .. อ๋อ !! ผมแยกมาลัยออกเป็นกอง ๆ น่ะ
รู้สึกตื่นเต้น สมัยผมมาเปิดวิกตะก่อน มันไม่มีมาลัยแบบนี้ให้นิ
นี่ .. นี่ ... อันเหลือง ๆ ดอกดาวเรืองนี่เรียกมาลัยถูกใจ ดอกกุหลาบสีชมพูนี่ชื่อมาลัยหลงรัก ดอกมะลินี่เป็นมาลัยซึ้งใจ ดอกทานตะวันพวงใหญ่ ๆ นี่มาลัยสุดทึ่ง
… จารย์สงสัยอันนี้รึ ... ... จารย์เห็นดอกมันแปลก ๆ ใช่ไหม
แหะ ๆ ดอกกัญชาน่ะจารย์ .. เอามาทำมาลัยขำกลิ้ง
ขำกลิ้งกันทั้งคนให้คนรับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮาหรือเมากัญชา ฮ่า ๆ ...
……
แต่ ... เอ ... จารย์สงสัยไหม ... วิกเราช่วงนี้มันดัดแปลงเป็นโรงงิ้ว แสดงหนังจีนบู๊ดุเด็ดเผ็ดมัน แล้วทำไมผมได้มาลัยขำกลิ้งมาตั้งหลายพวงหว่า ...
ไม่นาจารย์ ... หนังกำลังภายในมันไม่ตลกนิ จารย์เคยเห็นรึ
อุ้ยเสี่ยวป้อหรือ .. ไม่หน่อ ขนาดอุ้ยเสี่ยวป้อมันก็แค่ยิ้ม ๆ มันไม่ถึงกับฮา ...
อย่างนั้นจารย์ก็นึกไม่ออกแล้วรึ ... โอ้ย !! ผมก็ไม่เคยเห็นกำลังภายในตลก
มาถามผมว่ามีประสบการณ์ขนาดไหนหรือ ผมนี่แหละไปรำมวยจีนสิบแปดอรหันต์หน้าจอหนัง ระหว่าเขาเบรคขายยาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก
อยากฟังหรือ ... ช่วยกันขายมาลัยตอนเปิดโรงนะถึงจะเล่า โอเช .. ลูกผู้ชายกล่าวแล้วไม่คืนคำ
...........
ตอนเด็ก ๆ ผมชอบดูหนังกลางแปลง วันหนึ่งรถขายยามันประกาศจะฉาย ‘กระบี่ไร้เทียมทาน ตอนพรายผีเสื้อดำ’ ไอ้ผมก็ตื่นเต้น ตอนนั้นในทีวีกำลังสนุก ฉีเส้าเฉียนเป็นฮุ้นปวยเอี๊ยงดังทั้งบ้านทั้งเมือง คนแทบจะมาทั้งตำบลมืดฟ้ามัวดินมันขายยาได้ตั้งเยอะ คนก็ช่วยซื้อให้หมดไว ๆ จะได้รีบดูกระบี่ไร้เทียมทาน ตอนพรายผีเสื้อดำ
พออีตอนฉายจริง ๆ ดันเป็นหนังสิบหก ม.ม. เรื่องอะไรไม่รู้
ขึ้นจอแล้วคนในหนังตัวนิ๊ดดดดดเดียว ฉายมาไม่รู้เท่าไหร่จนฟิล์มเป็นเส้น ๆ ดู ๆ ยังกะฝนตกทั้งเรื่อง
จะตีกันแต่ละทีมันต้องมีคนกระโดดมาห้าม “....ช้าก่อน !!! ..” ตลอด หนังไม่มีอะไรเลย ไอ้คนพากย์ก็พูดเองเออเองอย่างกะจะสนุก
ท้ายสุดรุ่นพี่แถวบ้านผมคงรำคาญเลยเอาหนังสะติ๊กยิงหัวคนพากย์มันซะ (ก็ไอ้คนขายยานั่นแหละ)
โอ้โฮ .. คราวนี้มันพากย์ด่ากระจาย ในหนังเค้ากำลังคุยกันดี ๆ มันก็พากย์เป็น “ไอ้สุนัขลอบกัด แน่จริงมาดวลวิทยายุทธ์กับกุ ..
บางทีก็พากย์ตั้งฉายาตัวละครเป็น ‘จอมยุทธ์ NA'ตัวเมีย’ ... 'นักฆ่าหมาลอบกัด' ฯลฯ ...”
ท้ายสุดพอหมั่นไส้จัดก็มีคนแอบไปล้มจอหนัง คราวนี้มันเล่นด่าตรง ๆ เลยโดนยำสารพัดจนกำนันต้องไปห้าม ไม่งั้นคนขายยาอ่วมอรทัย
ผลรึ ..!! จับมือใครดมไม่ได้เพราะมันมืด รู้แต่หมู่บ้านผมรถขายยาไม่มาฉายตั้งหลายเดือน แหะ ๆ ..
.... สงสัยไรจารย์ ... อ๋อ เป็นเด็กในเมือง ไม่เคยเห็นหนังสิบหกมอมอ ...
หา !! .. เคยแต่ดูหนังแปดมิล ... พุทโธ่เอ๋ย .. เห็นเป็นคนธรรมมะธรรมโม ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้แบบนี้
อย่าบอกใครรึ ... โห้ย จารย์ไม่ต้องกลัว เด็กรุ่นนี้ไม่มีใครรู้จักหนังแปดมิลกันหรอก
ถ้าจะมีก็ต้องเป็นลายครามรุ่นราชวงศ์หมิงแบบแม่นางลิ หรือไม่ก็รุ่นเดอะแบบลุงเจียวต้ายแหละโน่นแหละ ถึงจะรู้ .. ฮี่ ๆ ..
ไม่ต้องกลัวสิจารย์ เราคุยกันแค่สองคน ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเอาสิ่งศักดิ์สิทธ์มานินทา ฮิ ฮิ
.......................................................
มีอีกเรื่อง อ๊ะ .. หมู่บ้านผมมันใหญ่ รถขายยามาบ่อย ก็เลยดูหนังกันบ่อย
... ตกลงจะฟังไหม ชอบขัดคอจริง ... ฟังนะ โอเช ..
คราวนี้รถขายยามาอีกยี่ห้อนึงไม่ใช่โอสถสภาล่ะ จะเป็นห้างขายยาตรากระต่ายบินรึเปล่าไม่รู้ เป็นเรื่องจอมยุทธ์อะไรสักอย่าง ... จำไม่ได้ บอกว่าเป็นจออาร์ทสามสิบห้า ม.ม. คันนี้ไม่เป็นปัญหาหนังใช้ได้ค่อนข้างใหม่ ระบบสามสิบห้า ม.ม. ของจริง เสียแต่ว่าพอจบเรื่องแรกมันเอาแต่ขายยา กว่าจะฉายเรื่องนี้ก็เอาจนดึก เด็ก ๆ อย่างพวกผมหาวแล้วหาวอีก
แต่พอฉายเข้าสักเกือบครึ่งเรื่องหนังมันชักงงแฮะ พระเอกเดี๋ยวเก่ง เดี๋ยวไม่เก่ง ผู้ร้ายก็ชักเข้าชักออก บอกว่าจะบุกไปแล้วก็ยกพวกไปทางอื่นเฉย คนที่ว่าจะมาช่วยพระเอกอยู่ ๆ ก็หายไปเลย เป็นใครโผล่มาแทนก็ไม่รู้
ก็ดูกันแบบงง ๆ ทั้งเรื่องแหละจารย์ ผมเองก็หลับไปตั้งหลายยก
มาเฉลยอีตอนหนังจบ ไอ้คนขายยาควบตำแหน่งคนพากย์มันบอก ...
“... วันนี้ถ้าดูหนังไม่รู้เรื่อง ... ขอพี่น้องโปรดให้อภัย ผู้ช่วยผมใส่ฟิล์มผิดม้วน ...”
เวรแท้ !!!
ชาวบ้านด่ากันตรึม แต่ไม่มีใครเอาเรื่อง หนังก็จบแล้ว ง่วงก็ง่วง ..
....
ยังไม่จบจารย์ ต่ออีกนิด อย่าเพิ่งหาว
ตอนนั้นผมยังอยู่ประถมไปกับพี่ข้างบ้านสองคน ไปถึงที่ฉายหนังก็หานั่งเอาตามคันนา ปน ๆ กับชาวบ้านไปแหละ
พอหนังจบก็ปลุกพี่เขาตื่น แล้วก็ลุกเดินตามชาวบ้านไปเรื่อย ๆ เป็นกลุ่มใหญ่
หนังวันนั้นฉายอีกหมู่บ้านหนึ่งไกลจากแถวบ้านผมเอาการ เดิน ๆ ไปชาวบ้านก็ทยอยเข้าบ้านใครบ้านมันไปเรื่อย ๆ คนก็ลดน้อยไปตามระยะทาง จนคนหลายร้อยเหลือแค่สี่ห้าคนผมก็ชักหายง่วง เขย่าพี่เขาที่กำลังสะลึมสะลือเดิน
ฉิบ ... กลายเป็นว่าพวกผมเดินผิดทาง จะกลับบ้านเหนือดันเดินกลับไปพร้อมชาวบ้านใต้ คนละทิศเลย
ตอนออกจากทุ่งนาตรงที่ฉายหนังคนมันเยอะ ไม่รู้ตัวหรอกว่าหลงทิศ
หันมาอีกที ถนนทั้งเส้นมืดสนิท ผู้คนเข้าบ้านกันหมด ดึกสงัดบ้านนอกมันน่ากลัวจริง ๆ
กลัวผีก็กลัว หมาก็ไล่ คืนนั้นพวกผมทั้งเดินทั้งวิ่งร้องไห้กันกลับบ้านไปตลอดทาง ... หมา .. แม่...งงง ก็ไล่ตลอดทาง
นี่แหละจารย์ ประสบการณ์กับหนังกำลังภายใน อ้าว !! ไหงกรนคร่อก ๆ หลอกให้เล่า เอ๊อ ...
ท่านผู้ชมมากันล่ะมั้งจารย์ เปิดโรงงิ้วเราดีกว่าเนาะ ...
เปิดม่านนนนนนนนนนนนนน ....
จดหมายเปิดผนึกถึงพี่น้องผองเพื่อนชาวยุทธภพ ( 3 ) ว่าด้วยนิยายกำลังภายในบู๊ดุเดือดเลือดพล่าน ..ตอน 3
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ...
โห้ย !! ตกใจหมด’จารย์จี’ จู่ ๆ ก็มาเปิดประตูวิก รู้อยู่บานพับมันตก ...
ถามผมทำไรอยู่รึ .. แหะ ๆ กำลังดูมาลัยน้ำใจจากพ่อยกแม่ยกน่ะ จะเอาไปกล่าวขอบพระคุณท่านทั้งหลายที่หน้าเวที
ไม่มีท่านมาชม วิกเราก็เฉาแย่ .. ถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณ ธุ ธุ
แยกอะไรหรือ .. อ๋อ !! ผมแยกมาลัยออกเป็นกอง ๆ น่ะ
รู้สึกตื่นเต้น สมัยผมมาเปิดวิกตะก่อน มันไม่มีมาลัยแบบนี้ให้นิ
นี่ .. นี่ ... อันเหลือง ๆ ดอกดาวเรืองนี่เรียกมาลัยถูกใจ ดอกกุหลาบสีชมพูนี่ชื่อมาลัยหลงรัก ดอกมะลินี่เป็นมาลัยซึ้งใจ ดอกทานตะวันพวงใหญ่ ๆ นี่มาลัยสุดทึ่ง
… จารย์สงสัยอันนี้รึ ... ... จารย์เห็นดอกมันแปลก ๆ ใช่ไหม
แหะ ๆ ดอกกัญชาน่ะจารย์ .. เอามาทำมาลัยขำกลิ้ง
ขำกลิ้งกันทั้งคนให้คนรับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮาหรือเมากัญชา ฮ่า ๆ ...
……
แต่ ... เอ ... จารย์สงสัยไหม ... วิกเราช่วงนี้มันดัดแปลงเป็นโรงงิ้ว แสดงหนังจีนบู๊ดุเด็ดเผ็ดมัน แล้วทำไมผมได้มาลัยขำกลิ้งมาตั้งหลายพวงหว่า ...
ไม่นาจารย์ ... หนังกำลังภายในมันไม่ตลกนิ จารย์เคยเห็นรึ
อุ้ยเสี่ยวป้อหรือ .. ไม่หน่อ ขนาดอุ้ยเสี่ยวป้อมันก็แค่ยิ้ม ๆ มันไม่ถึงกับฮา ...
อย่างนั้นจารย์ก็นึกไม่ออกแล้วรึ ... โอ้ย !! ผมก็ไม่เคยเห็นกำลังภายในตลก
มาถามผมว่ามีประสบการณ์ขนาดไหนหรือ ผมนี่แหละไปรำมวยจีนสิบแปดอรหันต์หน้าจอหนัง ระหว่าเขาเบรคขายยาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก
อยากฟังหรือ ... ช่วยกันขายมาลัยตอนเปิดโรงนะถึงจะเล่า โอเช .. ลูกผู้ชายกล่าวแล้วไม่คืนคำ
...........
ตอนเด็ก ๆ ผมชอบดูหนังกลางแปลง วันหนึ่งรถขายยามันประกาศจะฉาย ‘กระบี่ไร้เทียมทาน ตอนพรายผีเสื้อดำ’ ไอ้ผมก็ตื่นเต้น ตอนนั้นในทีวีกำลังสนุก ฉีเส้าเฉียนเป็นฮุ้นปวยเอี๊ยงดังทั้งบ้านทั้งเมือง คนแทบจะมาทั้งตำบลมืดฟ้ามัวดินมันขายยาได้ตั้งเยอะ คนก็ช่วยซื้อให้หมดไว ๆ จะได้รีบดูกระบี่ไร้เทียมทาน ตอนพรายผีเสื้อดำ
พออีตอนฉายจริง ๆ ดันเป็นหนังสิบหก ม.ม. เรื่องอะไรไม่รู้
ขึ้นจอแล้วคนในหนังตัวนิ๊ดดดดดเดียว ฉายมาไม่รู้เท่าไหร่จนฟิล์มเป็นเส้น ๆ ดู ๆ ยังกะฝนตกทั้งเรื่อง
จะตีกันแต่ละทีมันต้องมีคนกระโดดมาห้าม “....ช้าก่อน !!! ..” ตลอด หนังไม่มีอะไรเลย ไอ้คนพากย์ก็พูดเองเออเองอย่างกะจะสนุก
ท้ายสุดรุ่นพี่แถวบ้านผมคงรำคาญเลยเอาหนังสะติ๊กยิงหัวคนพากย์มันซะ (ก็ไอ้คนขายยานั่นแหละ)
โอ้โฮ .. คราวนี้มันพากย์ด่ากระจาย ในหนังเค้ากำลังคุยกันดี ๆ มันก็พากย์เป็น “ไอ้สุนัขลอบกัด แน่จริงมาดวลวิทยายุทธ์กับกุ ..
บางทีก็พากย์ตั้งฉายาตัวละครเป็น ‘จอมยุทธ์ NA'ตัวเมีย’ ... 'นักฆ่าหมาลอบกัด' ฯลฯ ...”
ท้ายสุดพอหมั่นไส้จัดก็มีคนแอบไปล้มจอหนัง คราวนี้มันเล่นด่าตรง ๆ เลยโดนยำสารพัดจนกำนันต้องไปห้าม ไม่งั้นคนขายยาอ่วมอรทัย
ผลรึ ..!! จับมือใครดมไม่ได้เพราะมันมืด รู้แต่หมู่บ้านผมรถขายยาไม่มาฉายตั้งหลายเดือน แหะ ๆ ..
.... สงสัยไรจารย์ ... อ๋อ เป็นเด็กในเมือง ไม่เคยเห็นหนังสิบหกมอมอ ...
หา !! .. เคยแต่ดูหนังแปดมิล ... พุทโธ่เอ๋ย .. เห็นเป็นคนธรรมมะธรรมโม ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้แบบนี้
อย่าบอกใครรึ ... โห้ย จารย์ไม่ต้องกลัว เด็กรุ่นนี้ไม่มีใครรู้จักหนังแปดมิลกันหรอก
ถ้าจะมีก็ต้องเป็นลายครามรุ่นราชวงศ์หมิงแบบแม่นางลิ หรือไม่ก็รุ่นเดอะแบบลุงเจียวต้ายแหละโน่นแหละ ถึงจะรู้ .. ฮี่ ๆ ..
ไม่ต้องกลัวสิจารย์ เราคุยกันแค่สองคน ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเอาสิ่งศักดิ์สิทธ์มานินทา ฮิ ฮิ
.......................................................
มีอีกเรื่อง อ๊ะ .. หมู่บ้านผมมันใหญ่ รถขายยามาบ่อย ก็เลยดูหนังกันบ่อย
... ตกลงจะฟังไหม ชอบขัดคอจริง ... ฟังนะ โอเช ..
คราวนี้รถขายยามาอีกยี่ห้อนึงไม่ใช่โอสถสภาล่ะ จะเป็นห้างขายยาตรากระต่ายบินรึเปล่าไม่รู้ เป็นเรื่องจอมยุทธ์อะไรสักอย่าง ... จำไม่ได้ บอกว่าเป็นจออาร์ทสามสิบห้า ม.ม. คันนี้ไม่เป็นปัญหาหนังใช้ได้ค่อนข้างใหม่ ระบบสามสิบห้า ม.ม. ของจริง เสียแต่ว่าพอจบเรื่องแรกมันเอาแต่ขายยา กว่าจะฉายเรื่องนี้ก็เอาจนดึก เด็ก ๆ อย่างพวกผมหาวแล้วหาวอีก
แต่พอฉายเข้าสักเกือบครึ่งเรื่องหนังมันชักงงแฮะ พระเอกเดี๋ยวเก่ง เดี๋ยวไม่เก่ง ผู้ร้ายก็ชักเข้าชักออก บอกว่าจะบุกไปแล้วก็ยกพวกไปทางอื่นเฉย คนที่ว่าจะมาช่วยพระเอกอยู่ ๆ ก็หายไปเลย เป็นใครโผล่มาแทนก็ไม่รู้
ก็ดูกันแบบงง ๆ ทั้งเรื่องแหละจารย์ ผมเองก็หลับไปตั้งหลายยก
มาเฉลยอีตอนหนังจบ ไอ้คนขายยาควบตำแหน่งคนพากย์มันบอก ...
“... วันนี้ถ้าดูหนังไม่รู้เรื่อง ... ขอพี่น้องโปรดให้อภัย ผู้ช่วยผมใส่ฟิล์มผิดม้วน ...”
เวรแท้ !!!
ชาวบ้านด่ากันตรึม แต่ไม่มีใครเอาเรื่อง หนังก็จบแล้ว ง่วงก็ง่วง ..
....
ยังไม่จบจารย์ ต่ออีกนิด อย่าเพิ่งหาว
ตอนนั้นผมยังอยู่ประถมไปกับพี่ข้างบ้านสองคน ไปถึงที่ฉายหนังก็หานั่งเอาตามคันนา ปน ๆ กับชาวบ้านไปแหละ
พอหนังจบก็ปลุกพี่เขาตื่น แล้วก็ลุกเดินตามชาวบ้านไปเรื่อย ๆ เป็นกลุ่มใหญ่
หนังวันนั้นฉายอีกหมู่บ้านหนึ่งไกลจากแถวบ้านผมเอาการ เดิน ๆ ไปชาวบ้านก็ทยอยเข้าบ้านใครบ้านมันไปเรื่อย ๆ คนก็ลดน้อยไปตามระยะทาง จนคนหลายร้อยเหลือแค่สี่ห้าคนผมก็ชักหายง่วง เขย่าพี่เขาที่กำลังสะลึมสะลือเดิน
ฉิบ ... กลายเป็นว่าพวกผมเดินผิดทาง จะกลับบ้านเหนือดันเดินกลับไปพร้อมชาวบ้านใต้ คนละทิศเลย
ตอนออกจากทุ่งนาตรงที่ฉายหนังคนมันเยอะ ไม่รู้ตัวหรอกว่าหลงทิศ
หันมาอีกที ถนนทั้งเส้นมืดสนิท ผู้คนเข้าบ้านกันหมด ดึกสงัดบ้านนอกมันน่ากลัวจริง ๆ
กลัวผีก็กลัว หมาก็ไล่ คืนนั้นพวกผมทั้งเดินทั้งวิ่งร้องไห้กันกลับบ้านไปตลอดทาง ... หมา .. แม่...งงง ก็ไล่ตลอดทาง
นี่แหละจารย์ ประสบการณ์กับหนังกำลังภายใน อ้าว !! ไหงกรนคร่อก ๆ หลอกให้เล่า เอ๊อ ...
ท่านผู้ชมมากันล่ะมั้งจารย์ เปิดโรงงิ้วเราดีกว่าเนาะ ...
เปิดม่านนนนนนนนนนนนนน ....