บางทีการติด F ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกนะ

คือยังงี้ครับ ผมเรียน มข.
ผมขอเล่าประสบการณ์ในการเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้(อันดับต้นของภาคอีสาน และติด Top มหาวิทยาลัยดังระดับประเทศ)
ก่อนอื่นเลย การที่เราจะเข้ามาในรั่วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เราต้องทำความรู้จักและยอมรับกับ การคิดเกรดเฉลี่ยแบบ"F"สะสมก่อน
F สะสมคือยังไง???หลายๆท่านคงสงสัย ก็คือ เมื่อหากคุณติด F แล้วถึงแม้คุณจะแก้รายวิชานั้นผ่านแต่ F ตัวเดิมก็จะไม่หาย ซึ่งนั้นหมายความว่า หากวิชานั้น 3 หน่วยกิต ถ้าคุณติด F ก็เท่ากับว่าคุณต้องเรียนรายวิชานั้นถึง 6 หน่วยกิต (คูณ 2) แต่ถ้าติดไม้ 3(รอบที่ 3)อีก คุณก็ต้องเรียนวิชานั้น 9 หน่วยกิต ซึ่งนั้นคือจุดแข็งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สำหรับผมมองว่าเป็นจุดแข็งอีกจุดของ มข.นะ ทำให้เด็กทุกคนในมหาวิทยาลัยตื่นตัวกันมาก หวาดระแวง เป็นผลที่ดี เพราะ ถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆแล้ว บางมหาวิทยาลัยแก้ F แล้วคือ F หายเปลี่ยนเป็นเกรดที่ท่านทำได้ตัวใหม่ แต่มหาวิทยาลัยขอนแก่นนั้นไม่ F คือ F ติดตัวท่านไปตลอด
-เมื่อเราทำความรู้จักกับการติด F ใน มข.แล้ว เรามาทำความรู้จักกับวิธีแก้ปัญหาและวางแผนอย่างไรเมื่อติด F ดีกว่า สำหรับตัวเจ้าของกระทู้นั้นมีวิธีดังนี้
1.รักษาประคอง GPA รวมไว้ให้ได้ อย่าให้ต่ำกว่า 2.30 รักษาเพื่ออะไร??? ก็เพื่อที่เราจะสามารถลงแก้ตัวที่เราติด F อย่างไม่ต้องกลัวโดนรีไทร์(1.50 สำหรับปี 1 1.75 สำหรับปี 2 ขึ้นไป หากต่ำกว่านี้ เกรด 2 เทอม+รวม Summer (กรณีลงเรียน Summer)ออกมาเมื่อไหร่ ประกาศของทางมหาวิทยาลัยจะส่งไปถึงคณะที่ท่านสังกัดอยู่ทันที ให้ท่านพ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา เนื่องจากตกออก(หรือรีไทร์))
ฉะนั้นหากเราประคอง GPA รวมไว้ได้ดีเท่าไหร่ แม้เราติด F เราก็ยังมีโอกาสจบ 4 ปีพร้อมเพื่อนๆอยู่ แต่หากเกรดเราต่ำกว่า 2.00 จะโดนอะไร???
1.1 ระบบจะล็อคไม่ให้นักศึกษาลงทะเบียนเองได้ ต้องไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนเพื่อขอรหัสปลดล็อคเข้าระบบ ซึ่งบางกรณี(ส่วนใหญ่)อ.จะไม่ให้ลงครบทุกตัวในเทอมนั้นๆเพราะเพื่อรักษาเกรดเฉลี่ยรวมไว้และตามความเหมาะสม ซึ่งนั้นจะทำให้ ภาระเราคูณ 2 ยิ่งขึ้นเนื่องจากทั้งจะต้องแก้ F ตัวเดิม(ซึ่งจะแก้ผ่านไหมก็ยังไม่รู้)และวิชาที่จะต้องมาตามเก็บทีหลังเพื่อนอีก
1.2 นำพามาซึ่งการจบ 5 หรือ 6 ปี บางกรณีถึงอาจ 8 ปีก็เป็นได้ หรืออาจไม่จบ แต่รีไทร์ก่อนก็ได้
2.คือลงเรียน Summer วิชาเสรีเพื่อดึง GPA รวมขึ้น(วิธีนี้เป็นวิธีที่อาจแก้ปัญหาไม่ได้ตรงจุดมากนัก เหมือนต่อลมหายใจให้เราได้อีกขั้นหนึ่ง)
ซึ่งวิธีนี้หากเราลงเสรีไปแล้วเกรดเราดีขึ้นและสูงขึ้นนั้น แต่หากเราไม่ทำวิชาเอกหรือวิชาหลักในคณะให้สูงขึ้นด้วย สุดท้ายวิธีนี้ก็เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่เราควรทำ คือ ระลึกให้ได้ว่าเรามาเรียนอะไร เรียนคณะอะไร จะทำอย่างไรที่จะนำความรู้ที่เราได้รับจากอาจารย์ที่สอนเราทุกท่านไปใช้ให้เกิดผลประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่มาหวังพึ่งแต่วิชาเสรีอย่างเดียว
3.เข้าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาบ่อยๆ
เข้าไปเถอะ ท่านไม่กัดเราหรอก บางทีนักศึกษาบางท่านนี้ หยิ่งยะโสในตัวเองมาก ทั้งๆที่เกรดใกล้จะตายอยู่แล้ว หรือจะรอไปหาวันเดียว คือวันเซ็นต์ใบลาออก เข้าไปเถอะนะ  ครูบาอาจารย์คือพระผู้ให้ แล้วอีกประเภทหนึ่งคือเชื่อรุ่นพี่มากกว่าอาจารย์ ผมขอถามหน่อยใครเป็นคนสอนรุ่นพี่มา??? ก็อาจารย์ไหม???
4.ทำใจให้เข้มแข็งและยอมรับมันโดยไม่ต้องฟังคำดูถูกหรือคำต่อว่าจากใครทั้งนั้น(เรื่องนี้สำคัญมากซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน)
เพราะหากเรามุ่งมั่นพัฒนาและแก้ไขอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องฟังคำใคร เราย่อมที่จะทำมันออกมาได้ดี ลดภาวะการกดดันลงเยอะ
5.แจ้งให้พ่อแม่เราทราบด้วย เรื่องผลการเรียน จะได้เกรดอะไรก็ต้องบอกไปก่อน และไอ้ประเภทที่ว่า ไปโพสถามใน KKUG ว่า"ทำยังไงถึงจะไม่ให้ไปรษณีย์ส่งเกรดถึงบ้าน??? เปลี่ยนที่อยู่ได้ไหม???"
ใครเป็นคนส่งเราเรียน คิดสิคิด ตัวเจ้าของกระทู้มองว่า ท่านควรมีสิทธิได้รู้และรับทราบนะ แล้วบางคนไปว่าไปรษณีย์อีก เอ้าๆก็มันหน้าที่เขาอะ หน้าที่คุณคือเรียนหนังสือ ไม่อยากให้พ่อแม่ด่า ก็ต้องใจเรียนดิ ไปเรียนทุกวัน ตั้งใจฟังในสิ่งที่ อ.ท่านสอน(ไม่ใช่ใจลอยคิดถึงผัว คิดถึงเมีย(โทษๆแฟน)หรือคิดถึงร้านเกม มันไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิวะ)
ที่พ่อแม่ท่านดุ ด่าหรือตีก็เพราะอยากให้เราจำแล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข อันนี้หาแต่วิธีหลบหลีก ปิดบังความจริง คิดบ้างไหมว่าสักวันท่านก็ต้องรู้อยู่ดีเรื่องผลการเรียนเรา เราคือลูกของท่าน จงตั้งใจทำเพื่อท่าน แสดงให้ท่านเห็น ผลจะเป็นยังไงก็ชั่งให้ท่านได้เห็นในสิ่งที่เราพยายามทำเพื่อท่าน คนที่ลำบาก อดทนเพื่อให้เราสบาย ให้เรามีโทรศัพท์ราคาแพงๆ มีรถยนต์มาใช้ ให้เราไม่อายเพื่อน เราละเคยถามท่านกลับไปหรือเปล่า ว่า เงินก้อนนี้กว่าท่านจะหามาให้เราได้มันหนักและลำบากแค่ไหน เคยบางไหม หรือจะหนีปัญหาต่อไปแบบนี้เรื่อยๆแล้วไม่ลงมือแก้ไขอะไร ปล่อยผ่านไปเรื่อยๆงี้เหรอ???)
6.ประเมินตนเองว่าตนเองบกพร่องตรงไหน จากนั้นเข้าหาเพื่อนคนที่เขามีความพร้อม(เรียนเก่ง)
ขอร้องละ อย่าทำตัวหยิ่ง ประเภท เกรดต่ำทั้งแก๊งงี้แล้วหยิ่งอยู่ยังงั้น หายไปทีละคนสองคน (จะฉุดกันลงเหรอ) ไปหาคนที่เขาเก่งกว่าเรา เปิดใจรับฟังเขา ขอคำแนะนำ ไม่ได้หมายความว่าให้ไปคนเดียวนะ ดึงไปกันทั้งหมดในแก๊งนั้นละ ได้มากได้น้อยอีกเรื่องหนึ่ง (เรียนมหาวิทยาลัยอย่าเรียนคนเดียว นี้ มข.ไม่ใช่ ม.ราม ขนาด ม.รามทุกวันนี้ยังมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์กันเลย)
7.ให้คิดยังงี้นะ F เท่ากับ "ไม่ผ่าน" ไม่ใช่ เท่ากับ "โง่"
เพราะฉะนั้น การสอบต่างๆที่วัดความสามารถเราอะ มันอยู่ที่ใครมีความพร้อมกว่ากันเท่านั้นเอง เช่น บางคนอ่านหนังสือเยอะ อ่านมาแทบตาย สุดท้ายเจอข้อสอบ ตีโจทย์ไม่แตก ทำไม่ถูก กลับบางคนอ่านมาแค่พอประมาณ แต่ดันไปทำข้อสอบเก่ามาด้วย พอเจอข้อสอบจริงคล้ายๆกัน เลยทำได้ ยังงี้ มันอยู่แค่ตรงนี้ เจ้าของกระทู้รู้ดีว่า พอใกล้สอบทุกคนอ่านหนังสือจะเป็นจะตายเหมือนกันหมด แต่ทำไมถึงยังมีคนไม่ผ่าน ก็นั้นแหละแค่เรื่องความพร้อม
สุดท้ายนี้ เจ้าของกระทู้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน สู้ต่อไปนะ ทั้งที่เรียน มข.และ ม.อื่นๆ ให้โอกาสตัวเองเยอะๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่