เริ่มจากน้องชาย(โสด)ที่เป็นช่างมานานสิบกว่าปี ลาออกจากงานเพื่อมาบวช และคุยกันว่าอยากเปิดอู่เองแต่มีทุนไม่เยอะ เราเลยเสนอไปว่าจะร่วมลงทุนด้วย โดยเงินลงทุนเริ่มแรก อยู่ที่ประมาณ 350,000(เฉพาะโครงสร้างอาคาร เครื่องมือและอุปกรณ์ซ่อมรถ) เรากับแฟนออก250,000 ส่วนน้องอีก100,000 เปิดเดือนแรกน้องชายทำคนเดียวเพราะเรากับแฟนอยู่ต่างจังหวัดยังทำงานประจำอยู่ เดือนต่อมาแฟนเราลาออกจากงานไปช่วยแต่ช่วยได้ในบางส่วน คือ วิ่งหาอะไหล่ วิ่งซื้อของต่างๆ เงินทุนส่วนที่ซื้ออะไหล่ซื้อของต่างๆเราออกเองและเป็นผู้ช่วยน้องเรื่องการซ่อม ของในร้านเราลงเพิ่มไปเรื่อยๆ เช่นพวกน้ำมันเครื่อง อะไหล่เล็กๆน้อยๆ พวกหลอดไฟกรองเครื่อง กรองน้ำมัน ก็อีกหลายหมื่นบาท น้องก็มีหน้าที่ซ่อมอย่างเดียว น้องชายถามว่าเรื่องเงินจะแบ่งกันยังไง ในส่วนของน้องเขาบอกว่าเขาเป็นคนซ่อม เขาเหนื่อยกว่า(แต่ยังไม่ได้บอกนะว่าต้องได้เยอะกว่า) แฟนเราทำบัญชีไว้แค่ค่าแรงซ่อมอย่างเดียว แต่กำไรจากอะไหล่นี่เราเองไม่รู้ เนื่องจากเรายังทำงานประจำอยู่ ไม่ได้ไปดูด้วย เดือนถัดมาผลกำไรจากค่าแรงอยู่ที่ประมาณ xx,xxx แฟนเราก็แบ่งให้น้องครึ่งนึง เราถามแฟนว่าทำไมให้น้องน้อยจัง เขาบอกว่า ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ค่าเช่า ค่าน้ำไฟ ค่าอาหารการกิน(แฟนเราซื้อและทำกับข้าวให้กินทุกวัน) ก็เลยแบ่งครึ่งๆ เอาไว้จ่ายส่วนนี้ น้องก็ได้เต็มๆ ไม่ต้องจ่ายอะไรอีก ไม่รู้ว่า เราควรจัดสรรปันส่วน ควรบริหารกันอย่างไร (เป็นลูกจ้างมาทั้งชีวิต พอจะทำธุรกิจกันเอง มันเริ่มไม่ถูก) อนาคตอีก5-6เดือนเราว่าจะลาออกไปช่วยงานเขาด้วย เพราะคิดว่าอนาคตมันจะไปได้ดี และน้องก็เชื่อใจเรามากกว่าแฟนเรา แต่บอกตามตรงเรากลัวมีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ ควรเริ่มยังไงไม่ให้มีปัญหาในอนาคต
เรากับแฟนและน้องชายเราร่วมทุนกันเปิดอู่ซ่อมรถยนต์ ควรแบ่งผลกำไรกันอย่างไร