เสียงดังแบบนี้สามารถแจ้งความได้ไหม หรือสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่อยากใช้ความรุนแรง เคยตักเตือนไปแล้ว แต่ก็กลับมาเสียงดังอีก

ห้องที่ส่งเสียงดัง มีแค่2ห้องในชั้นที่เราอยู่ ห้องหน้าลิฟท์ กับห้องที่อยู่คนละฝั่งกับเรา แต่ใกล้ๆกัน ถัดไปแค่ห้องเดียว
  แม่ของเราเคยไปบอกเรื่องที่พวกเขาเสียงดัง และเรื่องที่ตะโกนคุยกันกับนิติบุคคล คำตอบที่ได้คือ " ก็พวกเขาเป็นเพื่อนกันนี่ " ตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่พึ่งนิติอีกเลย 
  เราอาศัยอยู่คอนโด คอนโดนี้แม่เราซื้ออยู่ค่ะ อยู่มาหลายปี อดทนมาตลอด แต่ตอนนี้เรารู้สึกทนไม่ไหวแล้ว เราพูด เราบอกตลอด เวลาที่พวกเขาเสียงดัง รำคาญมาก กลับจากเรียนต้องการพักผ่อน แต่ก็คุยและตะโกนด่ากันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน 
  เริ่มที่ห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเราก่อน ครอบครัวนี้อยู่กัน4คน พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว เรียนมัธยมแล้วทั้งคู่ ห้องนี้ชอบตะโกนด่าลูก ลูกก็โตแล้ว ตะโกนด่าเสียงแหลมๆทุกวัน เป็นประจำ คุยกันเสียงดังมาถึงห้องเรา ตะโกนทั้งพ่อและแม่ ย้ำว่าทุกวันค่ะ ตะโกนเสียงดังมาก บางทีเปิดๆปิดๆประตูอะไรนักหนาไม่รู้ประมาณ4ทุ่ม และปิดดังมาก 
  นี่คือความเสียงดังของห้องหน้าลิฟท์ ห้องนี้อยู่กันสองคน สามี ภรรยา และเด็กที่เลี้ยงรอพ่อแม่มารับ พอตอนเย็นประมาณ5โมงถึงเกือบ3ทุ่ม จะเริ่มได้ยินเสียงเด็กวิ่งเล่น เด็กเข้าโรงเรียนแล้ว ไม่รู้มาจากไหนเยอะแยะ ผู้ใหญ่ไม่ตักเตือนอะไรเลย และผู้ชายที่เป็นสามี ชอบตะโกนและร้องเพลงเสียงดัง อยู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา โดยไม่มีสาเหตุ  
  และเวลาคุยกันของ2ห้องนี้ พวกเขาไม่เดินมาคุยกันนะ ตะโกนคุยกันเสียงดังมาก ทุกห้องแถวเราได้ยินหมด ปิดประตูก็ได้ยิน ทำไมไม่เดินไปคุยกัน 
  เหมือนที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ 2ห้องนี้ชอบปล่อยเด็กออกมาวิ่งเล่นหน้าลิฟท์ และวิ่งตามทางเดินหน้าห้อง พื้นที่ส่วนนี้เขาให้วิ่งเล่นได้ด้วยหรือ เราเอาผิดตรงส่วนนี้ได้ใช่ไหม ไม่ตักเตือนเด็กไม่พอ ตะโกนแข่งกับเด็กอีก เดี๋ยวร้องเพลง เดี๋ยวก็ตะโกน โดยไม่มีที่มา เหมือนว่าเตือนแล้วไงก็ไม่ฟัง ประมาณนี้ เราว่ามันเกินไป ผู้ใหญ่ไม่ตักเตือนเลย จนได้ยินเราบอกเด็กว่าอย่าวิ่งเล่น เราพูดกับเด็ก เด็กยังฟังแล้วเงียบเลย เด็กโตพอที่จะสอนแล้ว พอได้ยินเสียงเราบอกเด็ก ถึงจะเตือนเด็กให้เงียบ เรายังสอนได้ ผู้ใหญ่ที่เลี้ยงไม่สอนแบบนี้ ไม่รู้เด็กโตมาจะชอบโวยวายตามคนเลี้ยงรึเปล่า และเวลาพวกเขาเดินผ่านห้องเราก็ชอบแขวะว่า " เบาๆหน่อย แถวนี้มีผู้ดีอยู่ อย่าเสียงดัง "  แล้วก็หัวเราะกับเพื่อนของพวกเขา
  บางครั้งก็เหมือนท้าทายเรา ตะโกนคุยกันกับห้องหน้าลิฟท์ ไม่มีความเกรงใจเลย โดนเราจัดการไปครั้งนึง เรื่องนี้แรกๆก็เหมือนจะดี แต่ช่วงนี้เริ่มกลับมาตะโกนอีก ยังมีเสียงดังเพิ่มมาอีก เบื่อจะเตือนแล้ว ใจจริงก็อยากเอามีดปาดคอมันซะ แต่อยากลองสันติวิธีก่อน ห้องเราอยู่แบบสงบ เสียงไม่ดัง บางทีไม่อยากเปิดทีวีดัง ก็ต้องจำใจเปิด เพราะเปิดเสียงปกติ ไม่ได้ยินเสียงรายการในทีวีเลย ห้องเราก็เคยอยู่พ่อแม่และลูก ตอนเรากับน้องอยู่มัธยม ก็ไม่เคยเสียงดังแบบนี้ ขนาดครอบครัวเรายังทำได้เลย เจอห้องที่ไม่มีมารยาท ไม่มีความเกรงใจแบบนี้ เราต้องจัดการ จะมาดังโดยที่ห้องอื่นเขาอยู่อย่างสงบไม่ได้ 
   เราไม่รู้ห้องอื่นคิดยังไง แต่เราไม่สนใจ แค่อยากอยู่อย่างสงบ แต่ถ้ายังมีเสียงดังอีก เราจะแจ้งตำรวจจริงๆ เพราะหลักฐานก็มี ให้ตำรวจมาฟังเอง คือมันทุกวันอะ  บางวันเราต้องนอนเร็ว วันที่มีเรียนแต่เช้า แต่ก็มีเสียงดังเข้ามาเวลานี้ เลยต้องมานอนดึกๆแทน ไปเรียนก็ง่วงๆ ไม่อยากใช้ที่อุดหู คือมันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องทำถึงขนาดนี้อะ อยู่ในห้องตัวเองแท้ๆ  
  เราก็อยากย้ายนะแต่ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน  หรือควรปล่อยห้องนี้ให้คนเช่า มันก็ต้องใช้เงินเยอะอีก ในการย้ายไปอยู่ที่อื่น เราว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยนะเรื่องเสียงดัง ใครไม่เคยเจอจะบอกให้เราอดทนตลอดไม่ได้ ถ้าจะย้ายมันก็ไม่ใช่ เพราะที่นี่เราชินและเดินทางไปเรียน หรือแม่ไปทำงานมันก็สะดวก และห้องก็ซื้อแล้ว 
  เราไม่อยากปล่อยไป เพราะชั้นอื่นก็ไม่เป็นแบบนี้ และมีเด็กเหมือนกัน เพราะน้าเราอยู่อีกชั้น และคอนโดเรามันไกล้สนามเด็กเล่นด้วย เดินประมาณ10นาทีก็ถึงแล้ว จะมาหาว่าเราใจร้ายไม่ได้ อยู่ที่ผู้ใหญ่ล้วนๆเลย เรามาโพสต้องการระบายและวิธีจัดการค่ะ แบบเด็ดขาด
  เราต้องการเอาผิดกับผู้ใหญ่ค่ะ ตัวต้นเหตุสร้างความรำคาญให้แก่เรา ถ้ารู้ว่าดุด่ากันเสียงดัง ตะโกน ร้องเพลงก็เหมือนกัน ก็ควรปิดประตูห้องซะ ไม่ใช่เปิดทิ้งไว้แล้วสร้างความรำคาญแบบนี้ ครั้งนี้เราจะเตือนแบบให้เข็ดไปเลย เราว่าครั้งก่อนที่เตือนก็ชัดเจนแล้วนะ ต้องมีศาลเตี้ยกันบ้างละ ถ้ากฎหมายทำอะไรไม่ได้
  
  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้คำแนะนำค่ะ ถ้าใครเจอแบบเราก็อย่าปล่อยไว้นะคะ เพื่อสุขภาพจิตของเราเอง สังคมจะน่าอยู่ขึ้นค่ะ อยู่แบบส่วนรวมต้องมีวินัยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
จากประสบการณ์ตรง ต่างกันนิดตรงที่ของเราเป็นตึกแถว อันตรายจากการเผชิญช่วงอารมณ์คุกรุ่นจะมีน้อยกว่าเพราะมีประตูเหล็กกั้น
เสียงที่น่ารำคาญคือเสียงเพลงดัง เบสกระแทกกระทั้น เสียงปาร์ตี้หน้าบ้าน ดีดกีตาร์ เตะบอล หลังสี่ทุ่มไปยันตีสาม กลางวันก็มี บางครั้งเกือบทั้งวัน
เมื่อก่อนหัวร้อน หงุดหงิดว่าทำไมคนพวกนี้ถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมคนที่เหลือถึงทนกันอยู่ได้ เสียงแว่วมานี่โมโห วางแผนจะจัดการยังไงดี

สิ่งที่ได้ทำคือ นิดหน่อยทน  
เริ่มเยอะ พูดสุภาพ ทำอีกพูดซ้ำอีก ทำอีกพูดซ้ำอีก ให้รำคาญไปข้าง แค่ถ้าไม่ดังมากก็ทนๆหน่อย
ให้เขารู้ว่าขนาดนี้เราทนได้อย่าให้มันเกินไปนัก  เพราะหากมันเกินไปเราก็จะไปพูด ทำลายอารมณ์สุนทรีเขาได้เหมือนกัน
มันก็เหมือนยันๆกันอยู่ เพราะเขาก็รำคาญเราเหมือนกัน

เพื่อนเขาเราไม่ยุ่งไม่ว่ากราด (แต่ถ้าเมาจัดนี่ทนอย่างเดียวค่ะ อันตราย)
แค่บอกสั้นๆว่าตีสองแล้ว
วาจามาตรฐานที่จะได้ยินแน่ๆ
ผมคุยหน้าบ้านตัวเอง  
บ้านอื่นยังไม่ว่าเลย
อยากสงบไปอยู่ป่าเลย ประมาณนี้

ปล่อยผ่านหูไปให้ถือว่าหมาเห่าค่ะ ปัญญาไม่เสมอกันไม่ต้องไปพยายามชี้แนะบัวใต้น้ำ

ของเราคือมีประตูกั้นไม่อันตรายมากนัก
กรณีเพื่อนบ้านเจ้าของกระทู้มีแนวโน้มเป็นหมาหมู่อย่างยิ่ง และอันตรายค่ะ

ที่ได้ทำคือ แจ้งตำรวจไปไม่ต่ำกว่า 20 รอบมาทั้งสิ้น 1 ครั้ง แต่เป็นอีกหลัง ได้ยินเถียงกับตำรวจฉอดๆ
1111 1555 ศูนย์ดำรงธรรม เคยแจ้งเรื่อง(ไมใช่เรื่องเสียง) ส่งเรื่องให้ตำรวจอย่างเดียว
ตำรวจไม่ทำอะไร ต้นทางก็ไม่ทำอะไร ไม่มีการตามเรื่อง(เราโทรตาม เขาก็แค่ส่งเรื่องไป ไม่มีโทรตาม หรือประเมินผลใดๆทั้งสิ้น)

ไปจนถึงแผ่เมตตา ทำงานเสียทีเถอะเจ้าประคู้ณ จะได้ไม่มานั่งว่างแว๊นปาร์ตี้ทุกวัน

เรื่องเด็กวิ่งเสียงดัง บ้านเราชั้นสองเป็นพื้นไม้ เดินลงส้นหนักจะเสียงดัง
หลานเราชอบวิ่งขึ้นลง ก็เตือนค่ะ เตือนทุกครั้งที่จะเดินขึ้นหรือลงบันได
ถ้าเตือนทันเขาก็ไม่วิ่งค่ะ แต่บางทีวิ่งปรู๊ดไปก่อนเตือนไม่ทัน
เตือนจนเบื่อค่ะ  ผ่านมาหลายปีก็ยังเตือน แต่นี่คือเด็กอาจต้องทำใจหน่อย
ไปว่าอะไรมาก เดี๋ยวเขาจะหาว่ารังแกเด็กอีก

เรื่องว่าทำไมเขาทำอย่างนั้น ทำไมเขาคิดอย่างโน้น  ทำไมไม่มีมารยาท เป็นไปได้หยุดคิดค่ะ
ศ๊ล ปัญญา ไม่เสมอกัน มันจะเป็นไปไหนมา สามวาสองศอก

สิ่งที่ค้นพบคือ การที่เราพยายามแก้ปัญหาที่มันแก้ไม่ได้
เวลาที่หมกมุ่นอยู่กับมันนานๆ
ทำให้เสียสุขภาพจิตมากกว่าเรื่องเสียงดังอีก
เวลาเสียงมาจะคิดตลอดเวลา ว่าจัดการอย่างไรดีๆๆ วนไปวนมา
ถามคนในบ้านเรา เขาก็รำคาญค่ะ แต่เขาชินและทนได้
เคยถามเพื่อนบ้านบางคน บอกว่าไม่ได้ยินด้วยซ้ำไป อาจเพราะไม่อยากมีเรื่อง ไม่ก็หลับสนิทจัด
เราหมกมุ่นจนกลายเป็นคนหูไวมาก  
บางครั้งเราได้ยินคนเดียว คนอื่นต้องตะแคงหูฟังอยู่นานถึงจะรู้ว่ามีเสียงจริงๆ
เพราะเราหมกมุ่นกับมัน จนไปโฟกัสเสียงเบากลายเป็นเสียงดัง
คนอื่นไม่ใส่ใจ เสียงเบาก็กลายเป็นไม่ได้ยิน เสียงดังก็กลายเป็นเบาลง

ทุกวันนี้สถานการณ์ดีขึ้น  โดยมันค่อยๆคลี่คลายไปเอง
เหมือนเคราะห์มันเจือจาง

เจ้าของกระทู้อยู่ตรงนั้น จะเข้าใจสถานการณ์ตัวเองดีที่สุด
อยากบอกแค่ว่า เลือกทำหรือไม่ทำอะไร ให้มีสติอยู่เสมอ
อย่าทำด้วยอารมณ์หุนหัน

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่