สวัสดีค่ะ หลังจากที่ห่างหายจากการตั้งกระทู้ไปสักพัก วันนี้ไม้ก็กลับมาพร้อมกับรีวิวสกินแคร์ตัวเด็ดที่ไม้ใช้เองและเห็นผลมาแนะนำกันค่ะ
ขอเท้าความก่อนว่าช่วงหลังๆที่ผ่านมาไม้ค่อนข้างนอนน้อย (นอนประมาณตี1 ตี2แทบทุกวัน แต่ก็ตื่นเช้าช่วง7โมงตลอด รวมถึงแต่งหน้าทุกวันเพราะต้องเดินทางไปนู่นนี่บ่อยๆ) ทำให้หน้าค่อนข้างพังมาก คือมีสิวขึ้น และส่วนมากจะเป็นแบบสิวหัวดำมากกว่าสิวอุดตัน (แต่ข้อดีของการที่เป็นสิวหัวดำสำหรับไม้ก็คือ จะค่อนข้างกดออกง่าย หรือถ้าหัวมันโตออกมาก็สามารถสะกิดๆให้หลุดได้ ไม่เป็นหนองกินผิวแบบสิวอุดตัน)
ซึ่งตัวที่ไม้คัดมารีวิวทั้งหมดจะเป็นสกินแคร์ที่ใช้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ด้วยนะคะ
ก่อนอื่นไปดูภาพรวมของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จะมารีวิวในวันนี้กันก่อนค่ะ
และนอกจากนี้ยังมีครีมซองจากใน 7-11 ด้วย เป็น 2 ซองนี้ค่ะ
สำหรับตัวแรกที่ไม้จะรีวิวก็จะเริ่มจากขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้าก่อน
ไม้ใช้สบู่มะนาวจากแบรนด์ Nature Edition ค่ะ
สำหรับแบรนด์นี้จะเป็นที่รู้จักในด้านของผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของทางแบรนด์จะสกัดมาจากธรรมชาติ ทำให้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวไม่เว้นแม้แต่ผิวแพ้ง่ายค่ะ
จุดเด่นของสบู่มะนาวคือช่วยฆ่าเชื้อสิวและช่วยลดความมันบนใบหน้า และทางแบรนด์จะแถมที่ตีฟองมาให้กับสบู่ทุกก้อนนะคะ
(ฟองจะตีขึ้นง่ายและนุ่มนิ่ม เหมือนเอามาชเมลโล่มาถูหน้าค่ะ ซึ่งไม้ฟินมากตรงจุดนี้)
ราคาจะอยู่ที่ประมาณก้อนละ 250 บาทแต่คุ้มค่ะ เพราะสบู่ไม่ได้ละลายไว ใช้ได้ประมาณ1-2เดือนเลยนะ
เริ่มต้นกันที่ตัวแรกก่อนที่จะลงสกินแคร์ก็คือโทนเนอร์ค่ะ ไม้ใช้โทนเนอร์ของสมูทอีขวดนี้
เริ่มจากการที่ตอนแรกลองซื้อขวดเล็กจากใน 7-11 มาลองใช้ก่อน (ถ้าไม้จำไม่ผิดราคาจะอยู่ที่ 125 บาทค่ะ/ส่วนขวดใหญ่ไม้ซื้อจากในห้าง ราคาประมาณ300กว่าบาทค่ะ) และผลที่ได้คือรู้สึกว่าเข้ากับผิวหน้าเราเลยใช้ต่อ
เพราะว่าโทนเนอร์ขวดนี้เหมาะสำหรับคนเป็นสิว ผิวมัน ทางแบรนด์เคลมไว้ว่าช่วยเรื่องความกระจ่างใส+กระชับรูขุมขนด้วย แต่เนื่องจากสกินแคร์ตัวอื่นๆที่ไม้ใช้ก็มีสรรพคุณคล้ายๆกัน(และน่าจะเห็นผลมากกว่าโทนเนอร์เพราะเป็น Vit C สำหรับบำรุงโดยตรงเลย) ทำให้ไม้เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าที่หน้ากระจ่างใสขึ้นเนี่ยโทนเนอร์ตัวนี้จะมีส่วนสักประมาณกี่% แต่มีไว้ใช้ก่อนลงสกินแคร์ก็อุ่นใจค่ะ เพราะใช้แล้วไม่แพ้ ไม่ทำให้เกิดสิวอื่นๆเพิ่มขึ้นมาด้วย
ตัวถัดมาจะเป็นสกินแคร์ที่ไม้ใช้ลงเป็นตัวแรก ซึ่งตัวนี้ก็คือ Vit C Bio Face Serum หรือที่รู้จักกันในชื่อของวิตซีน้องฉัตรนั่นเองค่ะ
(ที่ไม้สนใจอยากจะลองตัวนี้ก็ยอมรับตรงๆเลยว่าส่วนตัวค่อนข้างติ่ง(พี่)น้องฉัตร เพราะพี่เขาแต่งหน้าสวยมาก)
แต่พอได้ลองแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะวิตซีขวดนี้เนี่ย เป็นเซรั่มที่ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่มีสารพาราเบน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย รวมถึงมีอัตราของกรดที่เข้มข้นบริสุทธิ์อยู่ในปริมาณที่พอดีกับที่ผิวจะรับได้ คือ 15% ค่ะ และไม่มีสารอันตรายต่างๆที่จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับตัวนี้นะคะไม้รู้สึกว่าตัวเองจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยสิวและไม่เกิดการระคายเคืองค่ะ (เพราะไม้เคยใช้ VC บางตัวที่มีการแต่งกลิ่นมา จำได้ว่าช่วงนั้นก็แพ้ ผดขึ้นตามผิวหน้าบางจุด) แต่ตัวนี้จะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย สำหรับใครที่สนใจไม้แนะนำว่าให้สั่งกับตัวแทนนะคะ เพราะว่าอาจจะมีบางที่ๆขายถูกกว่าเป็นเท่าตัว มันน่าเสี่ยงว่าอาจจะเป็นของปลอมที่ใช้แล้วหน้าอาจจะพังได้ค่ะ
ราคาขวดละ 380 บาทเท่านั้นค่ะ
อันนี้จะเป็นรูปหน้ากล่อง+หน้าขวด รวมถึงไม้ให้ดูสีของเซรั่มนะคะว่าเป็นสีใส ไม่มีการแต่งสีใดๆ ถือว่าอ่อนโยนต่อผิวหน้าและใช้แล้วเห็นผลจริงๆค่ะ
ต่อมาเป็นครีมกันบ้าง ตัวนี้จะเป็นครีมออแกนิกค่ะของแบรนด์ Perfect Plant ค่ะ
ตอนที่ไม้ซื้อเนี่ยคือซื้อมาในราคาโปรโมชั่น หลอดละ 590 บาท รู้สึกว่าราคาเต็มจะอยู่ที่พันกว่าบาท
(คือพอเป็นคำว่าออแกนิกกับลดราคานี่ก็ไม่รอช้าค่ะ ต้องเสียเงินเพื่อให้ได้มาลองใช้ แต่ก็ถือว่าโอเคเลยเพราะใช้แล้วเห็นผลค่ะ)
สำหรับตัวนี้ไม้จะใช้หลังทาเซรั่มวิตซีค่ะ เพราะเป็นเนื้อครีม ใช้ทาเช้า-กลางคืน
คำเคลมหลักๆจากทางแบรนด์คือครีมตัวเนี้ย จะช่วยลดสิวเก่าและป้องกันการเกิดสิวใหม่ ซึ่งมันก็เห็นผลจริงค่ะ เพราะหลังๆมาสิวไม้ขึ้นค่อนข้างน้อย (ไม่ค่อยขึ้นหน้าแต่ไปขึ้นตรงคอแทน ตอนนี้ก็เลยแบ่งใช้ตัวนี้ทาคอด้วย) สำหรับผลหลักๆที่ไม้รู้สึกว่าตัวเองผิวหน้าดีขึ้นจากการใช้ตัว Perfect Plant ตัวนี้คือ
รู้สึกว่าสิวลดลงจริงค่ะ ไม้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะในส่วนผสมของครีมมีสารสกัด BHA ด้วย เพราะตัวนี้จะเข้าไปช่วยละลายก้อนไขมันในรูขุมขน ช่วยเรื่องสิวอุดตันได้พอสมควรค่ะ รวมถึงรู้สึกว่าครีมช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น คือพอผิวแข็งแรง เราก็จะไม่แพ้อะไรง่ายๆ
ส่วนเรื่องลดรอยสิวก็เห็นผลนะคะ คิดว่าเป็นเพราะใช้คู่กับ Vit C ด้วยเลยยิ่งเห็นผลไวมากขึ้น
โดยสรุปคือครีมตัวนี้ช่วยลดสิวเก่า ป้องกันการเกิดสิวใหม่ ลดรอยสิว รวมถึงฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ใช้ได้กับทุกสภาพผิวหรือแม้แต่คนผิวแพ้ง่ายที่ต้องการบำรุงให้ผิวตัวเองแข็งแรงขึ้นก็แนะนำค่ะ
ถัดมาจะเป็นครีมซองค่ะ (คือจริงๆไม้ติดใจแพลงตอนของไบโอเธิร์ม แต่เราก็งบน้อย พอเห็นว่าตัวนี้เป็นแพลงตอนเหมือนกันก็คว้ามาลอง สรุปก็โอเค ดีเกินราคา ใช้ต่อได้เรื่อยๆค่ะ/ไม้เคยรีวิวตัวแพลงตอนนี่ไว้ในกระทู้รวมรีวิวครีมซองแล้วด้วย แต่เห็นว่าตัวนี้เป็นตัวที่ยังใช้มาเรื่อยๆอยู่และเหมาะกับที่จะเป็นสกินแคร์ช่วงฤดูหนาวก็เลยหยิบมารีวิวอีกที)
แต่ไม่ได้มาแค่ตัวแพลงตอนนะคะ ตัวใหม่ของแบรนด์ Royal Beauty ที่เพิ่งออกวางขายใน 7-11 ได้ไม่นานก็ต้องเอามาลองและรีวิวด้วย
ตัวเนื้อครีมของซองสีฟ้าจะเป็นแบบเนื้อเจลสีขาวออกฟ้าขุ่นๆค่ะ แต่ทาแล้วจะซึมไปกับผิวค่อนข้างไว
แต่จะไม่ซึมไวเท่าซองสีชมพูค่ะ ซองนี้เนื้อครีมจะเป็นแบบเจลใส คือทาแล้วรู้สึกว่ามันซึมเข้าไปกับผิวเลย
ทำให้ไม้เลือกใช้ตัวสีชมพูในตอนเช้า และตัวสีฟ้าในตอนกลางคืน
ลำดับของการใช้สกินแคร์จะประมาณนี้ค่ะ เช้า: สบู่มะนาว - โทนเนอร์ - Vit C - ครีม - ซองชมพู
ก่อนนอน: สบู่มะนาว - โทนเนอร์ - Vit C - ครีม - ซองฟ้า (ซองฟ้านี่เวลาใช้ไม้ชอบแช่เย็น ให้ความรู้สึกเหมือนสลีปปิ้งมาส์กค่ะ)
สำหรับตัวซองชมพูหรือ B-Tox White Collagen นะคะ ตัวนี้เขาเคลมว่าช่วยเรื่องความกระจ่างใส ริ้วรอยจางลง ไม้คิดว่าจะต้องใช้ต่อเนื่องกันสักระยะนึงให้นานกว่านี้ถึงจะบอกผลได้ว่าเป็นตามที่เคลมไหม แต่สำหรับความชอบของไม้ที่มีต่อซองนี้ก็คือ
ซึมไว - ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น - ช่วยให้แต่งหน้าติดทน (แต่มีข้อควรระวังว่าคนที่แพ้พิษผึ้งไม่ควรใช้ซองสีชมพูนี้นะคะ)
ส่วนตัวสีฟ้านี่ก็ให้ความรู้สึกแบบสลีปปิ้งมาส์ก ช่วงหน้าหนาวนี่ใครหน้าแห้ง ลอก เป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด แนะนำเลยค่ะ ทาตอนก่อนนอนตื่นมาหน้าจะดีขึ้นแบบ โอเคเลย
ถ้าไม้จำไม่ผิดราคาซองละไม่เกิน 40 บาทนะคะ
สุดท้ายค่ะ ขอปิดท้ายด้วยตัวแต้มสิวที่ไม้ใช้อยู่ตอนนี้และรีวิวเยอะมากกก เป็นแบรนด์ Himalaya นั่นเองค่ะ
คือไม้โอเคกับตัวนี้ตรงที่ใช้แต้มสิวได้ทุกประเภท ไม่กัดผิว คือถึงจะไม่ได้ยุบเร็วแบบเห็นผลในเวลาแค่คืนเดียว แต่ภายใน2-3วันก็จะรู้สึกได้เลยว่าสิวมันยุบนะ สิวมันหายไป ราคาแล้วแต่ร้านค่ะแต่ไม้ได้หลอดนี้มา 80 บาท
(ไม้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงใส่รูปไม่ได้ ใครที่อยากรู้ว่าหน้าตาของหลอดนี้เป็นยังไงรบกวนดูที่ภาพรวมในช่วงแรกของรีวิวเลยนะคะ)
ไว้พบกันใหม่กระทู้หน้า สำหรับวันนี้ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ^^
[CR] รวบรวมสกินแคร์ที่ช่วยรักษาสิว+ใช้แล้วชอบในช่วงกลาง-ปลายปีมารีวิว
ขอเท้าความก่อนว่าช่วงหลังๆที่ผ่านมาไม้ค่อนข้างนอนน้อย (นอนประมาณตี1 ตี2แทบทุกวัน แต่ก็ตื่นเช้าช่วง7โมงตลอด รวมถึงแต่งหน้าทุกวันเพราะต้องเดินทางไปนู่นนี่บ่อยๆ) ทำให้หน้าค่อนข้างพังมาก คือมีสิวขึ้น และส่วนมากจะเป็นแบบสิวหัวดำมากกว่าสิวอุดตัน (แต่ข้อดีของการที่เป็นสิวหัวดำสำหรับไม้ก็คือ จะค่อนข้างกดออกง่าย หรือถ้าหัวมันโตออกมาก็สามารถสะกิดๆให้หลุดได้ ไม่เป็นหนองกินผิวแบบสิวอุดตัน)
ก่อนอื่นไปดูภาพรวมของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จะมารีวิวในวันนี้กันก่อนค่ะ
ไม้ใช้สบู่มะนาวจากแบรนด์ Nature Edition ค่ะ
สำหรับแบรนด์นี้จะเป็นที่รู้จักในด้านของผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของทางแบรนด์จะสกัดมาจากธรรมชาติ ทำให้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวไม่เว้นแม้แต่ผิวแพ้ง่ายค่ะ
จุดเด่นของสบู่มะนาวคือช่วยฆ่าเชื้อสิวและช่วยลดความมันบนใบหน้า และทางแบรนด์จะแถมที่ตีฟองมาให้กับสบู่ทุกก้อนนะคะ
(ฟองจะตีขึ้นง่ายและนุ่มนิ่ม เหมือนเอามาชเมลโล่มาถูหน้าค่ะ ซึ่งไม้ฟินมากตรงจุดนี้)
ราคาจะอยู่ที่ประมาณก้อนละ 250 บาทแต่คุ้มค่ะ เพราะสบู่ไม่ได้ละลายไว ใช้ได้ประมาณ1-2เดือนเลยนะ
เริ่มจากการที่ตอนแรกลองซื้อขวดเล็กจากใน 7-11 มาลองใช้ก่อน (ถ้าไม้จำไม่ผิดราคาจะอยู่ที่ 125 บาทค่ะ/ส่วนขวดใหญ่ไม้ซื้อจากในห้าง ราคาประมาณ300กว่าบาทค่ะ) และผลที่ได้คือรู้สึกว่าเข้ากับผิวหน้าเราเลยใช้ต่อ
เพราะว่าโทนเนอร์ขวดนี้เหมาะสำหรับคนเป็นสิว ผิวมัน ทางแบรนด์เคลมไว้ว่าช่วยเรื่องความกระจ่างใส+กระชับรูขุมขนด้วย แต่เนื่องจากสกินแคร์ตัวอื่นๆที่ไม้ใช้ก็มีสรรพคุณคล้ายๆกัน(และน่าจะเห็นผลมากกว่าโทนเนอร์เพราะเป็น Vit C สำหรับบำรุงโดยตรงเลย) ทำให้ไม้เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าที่หน้ากระจ่างใสขึ้นเนี่ยโทนเนอร์ตัวนี้จะมีส่วนสักประมาณกี่% แต่มีไว้ใช้ก่อนลงสกินแคร์ก็อุ่นใจค่ะ เพราะใช้แล้วไม่แพ้ ไม่ทำให้เกิดสิวอื่นๆเพิ่มขึ้นมาด้วย
(ที่ไม้สนใจอยากจะลองตัวนี้ก็ยอมรับตรงๆเลยว่าส่วนตัวค่อนข้างติ่ง(พี่)น้องฉัตร เพราะพี่เขาแต่งหน้าสวยมาก)
แต่พอได้ลองแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ เพราะวิตซีขวดนี้เนี่ย เป็นเซรั่มที่ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่น ไม่มีสารพาราเบน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย รวมถึงมีอัตราของกรดที่เข้มข้นบริสุทธิ์อยู่ในปริมาณที่พอดีกับที่ผิวจะรับได้ คือ 15% ค่ะ และไม่มีสารอันตรายต่างๆที่จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับตัวนี้นะคะไม้รู้สึกว่าตัวเองจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องความกระจ่างใส ลดรอยสิวและไม่เกิดการระคายเคืองค่ะ (เพราะไม้เคยใช้ VC บางตัวที่มีการแต่งกลิ่นมา จำได้ว่าช่วงนั้นก็แพ้ ผดขึ้นตามผิวหน้าบางจุด) แต่ตัวนี้จะไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย สำหรับใครที่สนใจไม้แนะนำว่าให้สั่งกับตัวแทนนะคะ เพราะว่าอาจจะมีบางที่ๆขายถูกกว่าเป็นเท่าตัว มันน่าเสี่ยงว่าอาจจะเป็นของปลอมที่ใช้แล้วหน้าอาจจะพังได้ค่ะ
ราคาขวดละ 380 บาทเท่านั้นค่ะ
อันนี้จะเป็นรูปหน้ากล่อง+หน้าขวด รวมถึงไม้ให้ดูสีของเซรั่มนะคะว่าเป็นสีใส ไม่มีการแต่งสีใดๆ ถือว่าอ่อนโยนต่อผิวหน้าและใช้แล้วเห็นผลจริงๆค่ะ
ตอนที่ไม้ซื้อเนี่ยคือซื้อมาในราคาโปรโมชั่น หลอดละ 590 บาท รู้สึกว่าราคาเต็มจะอยู่ที่พันกว่าบาท
(คือพอเป็นคำว่าออแกนิกกับลดราคานี่ก็ไม่รอช้าค่ะ ต้องเสียเงินเพื่อให้ได้มาลองใช้ แต่ก็ถือว่าโอเคเลยเพราะใช้แล้วเห็นผลค่ะ)
สำหรับตัวนี้ไม้จะใช้หลังทาเซรั่มวิตซีค่ะ เพราะเป็นเนื้อครีม ใช้ทาเช้า-กลางคืน
คำเคลมหลักๆจากทางแบรนด์คือครีมตัวเนี้ย จะช่วยลดสิวเก่าและป้องกันการเกิดสิวใหม่ ซึ่งมันก็เห็นผลจริงค่ะ เพราะหลังๆมาสิวไม้ขึ้นค่อนข้างน้อย (ไม่ค่อยขึ้นหน้าแต่ไปขึ้นตรงคอแทน ตอนนี้ก็เลยแบ่งใช้ตัวนี้ทาคอด้วย) สำหรับผลหลักๆที่ไม้รู้สึกว่าตัวเองผิวหน้าดีขึ้นจากการใช้ตัว Perfect Plant ตัวนี้คือ
รู้สึกว่าสิวลดลงจริงค่ะ ไม้คิดว่าน่าจะเป็นเพราะในส่วนผสมของครีมมีสารสกัด BHA ด้วย เพราะตัวนี้จะเข้าไปช่วยละลายก้อนไขมันในรูขุมขน ช่วยเรื่องสิวอุดตันได้พอสมควรค่ะ รวมถึงรู้สึกว่าครีมช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น คือพอผิวแข็งแรง เราก็จะไม่แพ้อะไรง่ายๆ
ส่วนเรื่องลดรอยสิวก็เห็นผลนะคะ คิดว่าเป็นเพราะใช้คู่กับ Vit C ด้วยเลยยิ่งเห็นผลไวมากขึ้น
โดยสรุปคือครีมตัวนี้ช่วยลดสิวเก่า ป้องกันการเกิดสิวใหม่ ลดรอยสิว รวมถึงฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ใช้ได้กับทุกสภาพผิวหรือแม้แต่คนผิวแพ้ง่ายที่ต้องการบำรุงให้ผิวตัวเองแข็งแรงขึ้นก็แนะนำค่ะ
แต่ไม่ได้มาแค่ตัวแพลงตอนนะคะ ตัวใหม่ของแบรนด์ Royal Beauty ที่เพิ่งออกวางขายใน 7-11 ได้ไม่นานก็ต้องเอามาลองและรีวิวด้วย
ตัวเนื้อครีมของซองสีฟ้าจะเป็นแบบเนื้อเจลสีขาวออกฟ้าขุ่นๆค่ะ แต่ทาแล้วจะซึมไปกับผิวค่อนข้างไว
แต่จะไม่ซึมไวเท่าซองสีชมพูค่ะ ซองนี้เนื้อครีมจะเป็นแบบเจลใส คือทาแล้วรู้สึกว่ามันซึมเข้าไปกับผิวเลย
ทำให้ไม้เลือกใช้ตัวสีชมพูในตอนเช้า และตัวสีฟ้าในตอนกลางคืน
ลำดับของการใช้สกินแคร์จะประมาณนี้ค่ะ เช้า: สบู่มะนาว - โทนเนอร์ - Vit C - ครีม - ซองชมพู
ก่อนนอน: สบู่มะนาว - โทนเนอร์ - Vit C - ครีม - ซองฟ้า (ซองฟ้านี่เวลาใช้ไม้ชอบแช่เย็น ให้ความรู้สึกเหมือนสลีปปิ้งมาส์กค่ะ)
สำหรับตัวซองชมพูหรือ B-Tox White Collagen นะคะ ตัวนี้เขาเคลมว่าช่วยเรื่องความกระจ่างใส ริ้วรอยจางลง ไม้คิดว่าจะต้องใช้ต่อเนื่องกันสักระยะนึงให้นานกว่านี้ถึงจะบอกผลได้ว่าเป็นตามที่เคลมไหม แต่สำหรับความชอบของไม้ที่มีต่อซองนี้ก็คือ
ซึมไว - ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น - ช่วยให้แต่งหน้าติดทน (แต่มีข้อควรระวังว่าคนที่แพ้พิษผึ้งไม่ควรใช้ซองสีชมพูนี้นะคะ)
ส่วนตัวสีฟ้านี่ก็ให้ความรู้สึกแบบสลีปปิ้งมาส์ก ช่วงหน้าหนาวนี่ใครหน้าแห้ง ลอก เป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด แนะนำเลยค่ะ ทาตอนก่อนนอนตื่นมาหน้าจะดีขึ้นแบบ โอเคเลย
ถ้าไม้จำไม่ผิดราคาซองละไม่เกิน 40 บาทนะคะ
คือไม้โอเคกับตัวนี้ตรงที่ใช้แต้มสิวได้ทุกประเภท ไม่กัดผิว คือถึงจะไม่ได้ยุบเร็วแบบเห็นผลในเวลาแค่คืนเดียว แต่ภายใน2-3วันก็จะรู้สึกได้เลยว่าสิวมันยุบนะ สิวมันหายไป ราคาแล้วแต่ร้านค่ะแต่ไม้ได้หลอดนี้มา 80 บาท
(ไม้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงใส่รูปไม่ได้ ใครที่อยากรู้ว่าหน้าตาของหลอดนี้เป็นยังไงรบกวนดูที่ภาพรวมในช่วงแรกของรีวิวเลยนะคะ)
ไว้พบกันใหม่กระทู้หน้า สำหรับวันนี้ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ^^