สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองแล้ว ที่อยากแชร์ความสวยความงามให้เพื่อนๆ ที่มีปัญหาเดียวกันจ้า
อยากจะเล่าภูมิหลังของประวัติศาสตร์ผิวหน้าของเราก่อน เราเป็นคนผิวผสมค่ะ และมีสิวอุดตันสะสมมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และเลือกวิธีรักษาสิวมาแล้วทุกรูปแบบ ตั้งแต่ทาผงวิเศษตาร่มชูชีพ, พอกหน้าสมุนไพรสด, ซื้อครีมรักษาสิวมารักษาเอง ไปจนถึงหาหมอสิว ทำมาหมด ไม่ใช่ว่าแต่ละวิธีที่ใช้ จะรักษาสิวไม่หายนะคะ หายค่ะ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาที่วงจรอุบาทของใบหน้าเราต่อไป ขึ้นๆ ยุบๆ กดๆ ฉีดๆ อยู่อย่างนี้ มันก็วนเวียนเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรื่อยไป!!!
และ
จากการรักษาสิวมากว่าสิบปีของเรา ก็สร้างร่องรอยมากมายบนใบหน้าเราค่ะ ทั้งแผลเป็น รูขุมขนกว้าง รวมถึงหน้ากร้านกรัง แห้งหยาบจนอยากด่าตัวเองว่า “อีหน้าด้าน” ซึ่งเราก็ทาครีมแหละ เซรั่ม มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ที่ช่วยบำรุงก็ใช้มาหมด แต่ก็อย่างที่เล่าภูมิหลังนะคะ หน้าผ่านการรักษามาทุกแขนง ก็เลยบอบบาง และแพ้ง่าย (แพ้แม่มทุกอย่างจริงๆ) ทาครีมอะไรที่ว่าดี จากเกาหลี ญี่ปุ่น แม้แต่ยุโรป ถ้ามันจะแพ้ 3 วันเท่านั้นรู้เรื่อง !!! สิวอักเสบ สิวผด ขึ้นอลังการ มโหฬาร กลับไปรักษาอีกหลายเดือน
เอาตรงๆ ท้อมากกกกกก รักษาสิวมานาน หายแต่สิว แต่หน้าทั้งแห้ง ทั้งกร้าน ต้องอาศัย Make up กลบผิวกร้านๆ เอา
บ่นภูมิหลังมายาวๆ พูด ณ ตรงนี้ว่าอิจฉาคนผิวดีๆ ต้องเกิดอีกกี่ชาติหน้าถึงดีได้เท่า แต่คนอย่างเราก็ต้องสู้ต่อไป เสาะแสวงหาตัวช่วยเรื่องผิวที่เค้าว่าดี ไปเรื่อยๆ จนวันนี้มาเจอแบบที่คิดว่า..
.”เอ้อออออ อันนี้ได้ว่ะ!!!!” ไปดูกันว่าเราเจออะไร
สองสัปดาห์ก่อน เกิดความอยากเข้าเมือง ไปเจอแสงสีค่ะ ก็ไปเดินสยามแล้วแฉลบเข้าร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ (MATSUMOTO KIYOSHI) อยากซื้อน้ำยาล้างแปรงแต่งหน้า แล้วก็คิดว่าจะไปหาครีมสัญชาติญี่ปุ่นมาลองใช้ ก็ไปเจอ
แผ่นมาส์กหน้าแบรนด์ Kiku-Masamune (คิคุ-มาสะมูเนะ) วางอยู่ข้างๆ มาส์กแบรนด์เกาหลีแบรนด์นึงที่เคยใช้ ยืนอ่านสรรพคุณอยู่ 10 นาที แล้วรู้สึกถูกใจ เดินวนไปมาอีก 3 รอบ ก็พบว่าแบรนด์คิคุฯ มีแบบที่เป็นโลชั่นด้วย ถ้าซื้อแบบโลชั่นใช้ได้นานจะคุ้มกว่า แต่จากนิสัยใช้ของอะไรก็ไม่เคยหมด อย่างน้ำตบป้าเจี๊ยบก็เหลือเต็มขวด ไฮยาลูลอนขวดแดงขวดฟ้าแบรนด์ดังที่หิ้วมาจากญี่ปุ่นใช้ไป 2 หยดก็แพ้ ดังนั้นการสอยมาเป็นขวดไม่เป็นการดีสำหรับเรา เราเลยถอยหลังกลับและสอยแบบมาส์กมา 2 ซองแทน ชำระเงินไป 480 บาท (แพงกว่าแบบขวดแต่น่าจะเหมาะกับคนขี้เกียจแบบเรา) และที่เราบอกว่าเราถูกใจสรรพคุณเพราะเค้าบอกว่า
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และอ่อนโยนไม่ระคายเคืองผิว และด้วยปัญหาผิวแห้งกร้านจากการรักษาสิวมานานของเรา เราว่า...เจ้าแบรนด์คิคุฯ นี่แหละที่ผิวเราต้องการ
เราเลยตัดสินใจว่าจะลองใช้ และบันทึกดูว่าถ้าเราใช้มาส์ก Kiku-Masamune (คิคุ-มาสะมูเนะ) ครบ 7 วัน หน้าแห้งกร้านของเรามันจะเป็นยังไง จะปัง หรือ พัง!!!
เริ่มต้นตามธรรมเนียม ต้องลองถ่ายรูปแพกเกจจิ้งก่อน 5555
วางคู่กัน 2 ซอง ดูน่ารัก คาวาอี้.... ซึ่ง 7 วันนี้ เราเลือกใช้ซองสีชมพู “สูตรเข้มข้นพิเศษ” โดยเริ่มจากทำความสะอาดผิดหน้า โดยการล้างล้างหน้า เรากลัวไม่สะอาดจริง เลยเช็ดด้วยโทนเนอร์ สัมผัสหน้าดู หน้าก็จะแคร็กๆ หน่อย โธ่เอ๋ยยยย ผิวหน้าฉันช่างแห้งเหือด
ขั้นตอนต่อไปเราจะมามาส์กหน้ากัน ซึ่งก่อนที่จะเราจะล้างหน้าเราก็เอาเจ้ามาส์กคิคุฯ ไปแช่ตู้เย็นก่อน (ตรงซองไม่ได้เขียนไว้ แต่เราชอบเย็นๆ จะได้ผ่อนคลายไง)
และ
สัมผัสแรกกับเจ้าแผนมาส์กคิคุฯ เราขอรีวิวเป็นส่วนๆ ตามนี้นะคะ
1. สัมผัสกลิ่น คือ เหล้า!!!! แค่ได้ดมก็สดชื่น ชวนให้กรึ๊บมาก 5555 รีบพลิกซองดูอีกที อ่อๆๆๆ เป็นมาส์กที่มีส่วนผสมของเหล้าสาเกอุดมไปด้วย Amino Acid มากกว่า 18 ชนิด และมีแร่ธาตุอีกหลายๆๆ ชนิด และเค้าเคลมว่าเป็นเคล็ดลับความงามของเกอิชา (หูยยยยยยยยยยย สรรพคุณดูเว่อวังมากกกกกอ้ะ)
2. สัมผัสแผ่นชีท คือ มาครบ ครบจริงๆ ค่ะ ทั้งจมูก ทั้งเบ้าตา ไม่ตัดออก ไม่เว้าออกมาให้ด้วย ต้องมาฉีกเอง แหกเอง แต่คือก็ดีนะ มาส์กตาไปด้วยเลย ได้ครบถ้วนทุกพื้นที่บนหน้า แต่ขอติอย่างนึง ขนาดความกว้างของแผ่นชีท คือ ความกว้างมันไม่พอหน้าเราอ่ะ มันไม่ถึงช่วงกราม เอ๊ะ หรือหน้าเราใหญ่???
3. สัมผัสความชุ่มชื่นของแผ่นมาส์ก คือ พอดี๊ พอดี ไม่ฉ่ำมากจนเกินงาม เคยใช้ของแบรนด์เกาหลี คือแฉะมากกกก ไหลย้อยเยิ้มเปื้อนเสื้อ เปื้อนหมอนไปหมด แต่ของคิคุ คือ พอดี!!!
ตอนถ่ายรูปก็พับส่วนตาลงมา พอจะนอนก็ปิดกลับไปเหมือนเดิม เก๋ๆ
ตลอด 7 วัน เรามาส์กคิคุฯ ช่วงก่อนนอน และด้วยความขี้เกียจสันหลังยาวของเรา ขั้นตอนง่ายๆ ก็คือล้างหน้าเสร็จ เช็ดโทนเนอร์ก็มาส์กแล้วปิดไฟนอนเลย ไม่ใช้ครีมบำรุงใดๆ ทั้งสิ้น พอรู้สึกตัวว่าแผ่นมาส์กมันแห้ง ก็ดึงออกแล้วนอนต่อ ตื่นมาก็ถ่ายรูปไว้ดูสภาพความเป็นไป จากวันที่ 1 ไปจนถึงวันที่ 7
ลองไปดูว่า ปัง หรือ พัง!!!
จากผลที่เราสัมผัสได้ ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่า ผิวเราไม่ได้เปลี่ยนแบบขาวใสเนียนนุ่มชุ่มชื่นขึ้นมาทันทีทันใด แต่เรารู้สึกได้ว่าหน้าไม่เป็นขุย ตื่นมาหน้าจะดูลื่นๆ ฟูๆ หน่อย สะเก็ดแผลจากสิวก็หลุดออกแบบนิ่มนวล ไม่เป็นสะเกิดแห้งๆ ไม่คัน แบบที่เคยเป็น และที่สำคัญเราไม่มีอาการแพ้เลย ไม่มีผื่น ไม่แดง ไม่เกิดสิวอักเสบใหม่ๆ ที่มันคันๆ ไม่มีหัว แต่งหน้าติดดี ไม่เป็นเป็นขุยตรงร่องจมูก โดยรวมแล้วสำหรับการบำรุงภายใน 7 วันได้ขนาดนี้ ผลที่ได้รับเราพอใจค่ะ และอีก 7 วันข้างหน้า เราเริ่มลองซองสีขาวต่อไปล่ะ
ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆ ที่แวะเจ้ามาอ่านกันนะคะ ใครที่อยากลองใช้ดู ไปหาดูได้ที่ร้านร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ แล้วก็ที่วัตสันน่าจะมีนะคะ
ปล. รีวิวนี้เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ การลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เราไปเจอมา เผื่อเพื่อนๆ ที่มีปัญหาเดียวกับเรา จะมีตัวเลือกใหม่ให้ผิวพรรณนะคะ ไว้คราวหน้าถ้าเราเจออะไรใหม่ๆ จะมาแบ่งปันอีกจ้า
[CR] บันทึก 7 วัน ฟื้นหน้ากร้านจากครีมรักษาสิว
อยากจะเล่าภูมิหลังของประวัติศาสตร์ผิวหน้าของเราก่อน เราเป็นคนผิวผสมค่ะ และมีสิวอุดตันสะสมมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และเลือกวิธีรักษาสิวมาแล้วทุกรูปแบบ ตั้งแต่ทาผงวิเศษตาร่มชูชีพ, พอกหน้าสมุนไพรสด, ซื้อครีมรักษาสิวมารักษาเอง ไปจนถึงหาหมอสิว ทำมาหมด ไม่ใช่ว่าแต่ละวิธีที่ใช้ จะรักษาสิวไม่หายนะคะ หายค่ะ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาที่วงจรอุบาทของใบหน้าเราต่อไป ขึ้นๆ ยุบๆ กดๆ ฉีดๆ อยู่อย่างนี้ มันก็วนเวียนเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรื่อยไป!!!
และจากการรักษาสิวมากว่าสิบปีของเรา ก็สร้างร่องรอยมากมายบนใบหน้าเราค่ะ ทั้งแผลเป็น รูขุมขนกว้าง รวมถึงหน้ากร้านกรัง แห้งหยาบจนอยากด่าตัวเองว่า “อีหน้าด้าน” ซึ่งเราก็ทาครีมแหละ เซรั่ม มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ที่ช่วยบำรุงก็ใช้มาหมด แต่ก็อย่างที่เล่าภูมิหลังนะคะ หน้าผ่านการรักษามาทุกแขนง ก็เลยบอบบาง และแพ้ง่าย (แพ้แม่มทุกอย่างจริงๆ) ทาครีมอะไรที่ว่าดี จากเกาหลี ญี่ปุ่น แม้แต่ยุโรป ถ้ามันจะแพ้ 3 วันเท่านั้นรู้เรื่อง !!! สิวอักเสบ สิวผด ขึ้นอลังการ มโหฬาร กลับไปรักษาอีกหลายเดือน
เอาตรงๆ ท้อมากกกกกก รักษาสิวมานาน หายแต่สิว แต่หน้าทั้งแห้ง ทั้งกร้าน ต้องอาศัย Make up กลบผิวกร้านๆ เอา
บ่นภูมิหลังมายาวๆ พูด ณ ตรงนี้ว่าอิจฉาคนผิวดีๆ ต้องเกิดอีกกี่ชาติหน้าถึงดีได้เท่า แต่คนอย่างเราก็ต้องสู้ต่อไป เสาะแสวงหาตัวช่วยเรื่องผิวที่เค้าว่าดี ไปเรื่อยๆ จนวันนี้มาเจอแบบที่คิดว่า...”เอ้อออออ อันนี้ได้ว่ะ!!!!” ไปดูกันว่าเราเจออะไร
สองสัปดาห์ก่อน เกิดความอยากเข้าเมือง ไปเจอแสงสีค่ะ ก็ไปเดินสยามแล้วแฉลบเข้าร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ (MATSUMOTO KIYOSHI) อยากซื้อน้ำยาล้างแปรงแต่งหน้า แล้วก็คิดว่าจะไปหาครีมสัญชาติญี่ปุ่นมาลองใช้ ก็ไปเจอ แผ่นมาส์กหน้าแบรนด์ Kiku-Masamune (คิคุ-มาสะมูเนะ) วางอยู่ข้างๆ มาส์กแบรนด์เกาหลีแบรนด์นึงที่เคยใช้ ยืนอ่านสรรพคุณอยู่ 10 นาที แล้วรู้สึกถูกใจ เดินวนไปมาอีก 3 รอบ ก็พบว่าแบรนด์คิคุฯ มีแบบที่เป็นโลชั่นด้วย ถ้าซื้อแบบโลชั่นใช้ได้นานจะคุ้มกว่า แต่จากนิสัยใช้ของอะไรก็ไม่เคยหมด อย่างน้ำตบป้าเจี๊ยบก็เหลือเต็มขวด ไฮยาลูลอนขวดแดงขวดฟ้าแบรนด์ดังที่หิ้วมาจากญี่ปุ่นใช้ไป 2 หยดก็แพ้ ดังนั้นการสอยมาเป็นขวดไม่เป็นการดีสำหรับเรา เราเลยถอยหลังกลับและสอยแบบมาส์กมา 2 ซองแทน ชำระเงินไป 480 บาท (แพงกว่าแบบขวดแต่น่าจะเหมาะกับคนขี้เกียจแบบเรา) และที่เราบอกว่าเราถูกใจสรรพคุณเพราะเค้าบอกว่า ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และอ่อนโยนไม่ระคายเคืองผิว และด้วยปัญหาผิวแห้งกร้านจากการรักษาสิวมานานของเรา เราว่า...เจ้าแบรนด์คิคุฯ นี่แหละที่ผิวเราต้องการ
เราเลยตัดสินใจว่าจะลองใช้ และบันทึกดูว่าถ้าเราใช้มาส์ก Kiku-Masamune (คิคุ-มาสะมูเนะ) ครบ 7 วัน หน้าแห้งกร้านของเรามันจะเป็นยังไง จะปัง หรือ พัง!!!
เริ่มต้นตามธรรมเนียม ต้องลองถ่ายรูปแพกเกจจิ้งก่อน 5555
วางคู่กัน 2 ซอง ดูน่ารัก คาวาอี้.... ซึ่ง 7 วันนี้ เราเลือกใช้ซองสีชมพู “สูตรเข้มข้นพิเศษ” โดยเริ่มจากทำความสะอาดผิดหน้า โดยการล้างล้างหน้า เรากลัวไม่สะอาดจริง เลยเช็ดด้วยโทนเนอร์ สัมผัสหน้าดู หน้าก็จะแคร็กๆ หน่อย โธ่เอ๋ยยยย ผิวหน้าฉันช่างแห้งเหือด
ขั้นตอนต่อไปเราจะมามาส์กหน้ากัน ซึ่งก่อนที่จะเราจะล้างหน้าเราก็เอาเจ้ามาส์กคิคุฯ ไปแช่ตู้เย็นก่อน (ตรงซองไม่ได้เขียนไว้ แต่เราชอบเย็นๆ จะได้ผ่อนคลายไง)
และสัมผัสแรกกับเจ้าแผนมาส์กคิคุฯ เราขอรีวิวเป็นส่วนๆ ตามนี้นะคะ
1. สัมผัสกลิ่น คือ เหล้า!!!! แค่ได้ดมก็สดชื่น ชวนให้กรึ๊บมาก 5555 รีบพลิกซองดูอีกที อ่อๆๆๆ เป็นมาส์กที่มีส่วนผสมของเหล้าสาเกอุดมไปด้วย Amino Acid มากกว่า 18 ชนิด และมีแร่ธาตุอีกหลายๆๆ ชนิด และเค้าเคลมว่าเป็นเคล็ดลับความงามของเกอิชา (หูยยยยยยยยยยย สรรพคุณดูเว่อวังมากกกกกอ้ะ)
2. สัมผัสแผ่นชีท คือ มาครบ ครบจริงๆ ค่ะ ทั้งจมูก ทั้งเบ้าตา ไม่ตัดออก ไม่เว้าออกมาให้ด้วย ต้องมาฉีกเอง แหกเอง แต่คือก็ดีนะ มาส์กตาไปด้วยเลย ได้ครบถ้วนทุกพื้นที่บนหน้า แต่ขอติอย่างนึง ขนาดความกว้างของแผ่นชีท คือ ความกว้างมันไม่พอหน้าเราอ่ะ มันไม่ถึงช่วงกราม เอ๊ะ หรือหน้าเราใหญ่???
3. สัมผัสความชุ่มชื่นของแผ่นมาส์ก คือ พอดี๊ พอดี ไม่ฉ่ำมากจนเกินงาม เคยใช้ของแบรนด์เกาหลี คือแฉะมากกกก ไหลย้อยเยิ้มเปื้อนเสื้อ เปื้อนหมอนไปหมด แต่ของคิคุ คือ พอดี!!!
ตอนถ่ายรูปก็พับส่วนตาลงมา พอจะนอนก็ปิดกลับไปเหมือนเดิม เก๋ๆ
ตลอด 7 วัน เรามาส์กคิคุฯ ช่วงก่อนนอน และด้วยความขี้เกียจสันหลังยาวของเรา ขั้นตอนง่ายๆ ก็คือล้างหน้าเสร็จ เช็ดโทนเนอร์ก็มาส์กแล้วปิดไฟนอนเลย ไม่ใช้ครีมบำรุงใดๆ ทั้งสิ้น พอรู้สึกตัวว่าแผ่นมาส์กมันแห้ง ก็ดึงออกแล้วนอนต่อ ตื่นมาก็ถ่ายรูปไว้ดูสภาพความเป็นไป จากวันที่ 1 ไปจนถึงวันที่ 7
ลองไปดูว่า ปัง หรือ พัง!!!
จากผลที่เราสัมผัสได้ ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่า ผิวเราไม่ได้เปลี่ยนแบบขาวใสเนียนนุ่มชุ่มชื่นขึ้นมาทันทีทันใด แต่เรารู้สึกได้ว่าหน้าไม่เป็นขุย ตื่นมาหน้าจะดูลื่นๆ ฟูๆ หน่อย สะเก็ดแผลจากสิวก็หลุดออกแบบนิ่มนวล ไม่เป็นสะเกิดแห้งๆ ไม่คัน แบบที่เคยเป็น และที่สำคัญเราไม่มีอาการแพ้เลย ไม่มีผื่น ไม่แดง ไม่เกิดสิวอักเสบใหม่ๆ ที่มันคันๆ ไม่มีหัว แต่งหน้าติดดี ไม่เป็นเป็นขุยตรงร่องจมูก โดยรวมแล้วสำหรับการบำรุงภายใน 7 วันได้ขนาดนี้ ผลที่ได้รับเราพอใจค่ะ และอีก 7 วันข้างหน้า เราเริ่มลองซองสีขาวต่อไปล่ะ
ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆ ที่แวะเจ้ามาอ่านกันนะคะ ใครที่อยากลองใช้ดู ไปหาดูได้ที่ร้านร้านมัทสึโมโตะ คิโยชิ แล้วก็ที่วัตสันน่าจะมีนะคะ
ปล. รีวิวนี้เราอยากแบ่งปันประสบการณ์ การลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เราไปเจอมา เผื่อเพื่อนๆ ที่มีปัญหาเดียวกับเรา จะมีตัวเลือกใหม่ให้ผิวพรรณนะคะ ไว้คราวหน้าถ้าเราเจออะไรใหม่ๆ จะมาแบ่งปันอีกจ้า