ปั่นเดี่ยวเที่ยววังเวียง # ปั่นจักรยานทางไกล # เที่ยวไปตามใจฝัน # จักรยานเสือหมอบ # แพ็คจักรยานขึ้นรถทัวร์


เมื่อถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม ลมหนาวก็เข้ามาเยือน
ผมได้มีโอกาสใช้วันลาพักร้อนที่เหลืออย่างมากมาย
นอนคิดมาหลายคืนว่าฤดูการท่องเที่ยวหน้าหนาวนี้จะไปที่ไหนดี
พอดีกับช่วงนี้เริ่มหันมาออกกำลังกายด้วยจักรยานด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว
งานนี้เมื่อท่องเที่ยวกับจักรยานมารวมกันเลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา "ปั่นเดี่ยวเที่ยววังเวียง"
กับระยะทาง 180 กิโลเมตร ความท้าท้ายกับตัวเองก็เกิดขึ้นเพราะว่าเพิ่งข้าวสู่วงการปั่นจักรยานได้ประมาณสองเดือนกว่าๆเท่านั้นเอง
หลังจากตัดสินใจจะไปที่วังเวียงก่อนหน้าวันเดินทาง 3 สัปดาห์
การวางแผนการเดินทางจึงเริ่มขึ้นโดยเริ่มจากหัวข้อ จำนวนวันลา+สภาพเส้นทางปั่น+กิน+นอน+จำนวนวันลา
การแก้ไขสถาณะการฉุกเฉินจากรถเสียโดยเริ่มจาก


#จำนวนวันลา#
ผมมีเวลาในการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน 5 วัน
ผมยื่นลาพักร้อน 2 วันครึ่งคือ
วันพฤหัสบดีที่ 30/11/2560 ช่วงบ่ายครึ่งวัน
วันศุกร์ที่ 01/12/2560
วันจันทร์ที่ 04/12/2560
วันอังคารที่ 05/12/2560 (วันหยุดวันพ่อแห่งชาติ)

#สภาพเส้นทางปั่น#
หาข้อมูลระยะห่างระหว่างเมืองจาก Google map เพื่อดูระยะทางคร่าวๆและสภาพถนนและวางแผนจุดพัก
หาข้อมูลในพันทิปจากผู้มีประสบการก่อนหน้าเราจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก
ทดสอบและบันทึกกำลังและระยะเวลาในการปั่นของตัวเองด้วย

#การกิน#
ในระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตรจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคายไปวังเวียงเท่าที่สำรวจสภาพภูมิประเทศจะเป็นเขตชุมชนซึ่งคาดว่าน่าจะหาของกินได้ไม่ยากแต่หลังจากได้ทำข้อมูลการใช้จ่ายสินค้าโดยละเอียดทำให้ทราบว่าของใช้อุปโภค บริโภคที่ลาวมีราคาค่อนข้างแพงเพราะสินค้าส่วนใหญ่จะนำเข้าจากไทยฉะนั้นในช่วงเริ่มปั่นผมจึงเลือกที่จะเตรียมเสบียงจากฝั่งไทยไปดีกว่ายอมแบกหนักนิดนึงแต่มันจะเบาไปเรื่อยๆเพราะกินตลอดทางของกินส่วนใหญ่จะเป็นของกินง่าย อิ่ม ให้พลังงาน ของกินเล่นเพราะต้องใช้พลังงานทั้งวันในการปั่น

#การนอน#
เพื่อให้เหมาะกับการเดินทางด้วยเสือหมอบการพกเต็นท์ไปด้วยคงไม่เหมาะเพราะจะทำให้แบกน้ำหนักในการปั่นมากจนเกินไปจึงเลือกที่จะพักตาม Hostel ตามริมทางเพราะข้อมูลที่ได้จากอากู๋และการเช็คราคาจากเวปไซต์ Booking Agoda Trivago ราคาจะเริ่มต้นที่ 100 บาทต่อคืนซึ่งไม่น่าจะหาได้ยาก

#อุปกรณ์ฉุกเฉิน#
อุปกรณ์ที่ผมเตรียมไปและคาดว่ามีโอกาสเกิดสูงมากคือ
ยางในจักรยาน 2 เส้น,ยางนอก 1 เส้น,ชุดปะยาง/สูบลม/ประแจหกเหลี่ยม/ประแจเลื่อน/Power bank/ถ่านไฟฉาย/กระเป๋าเครื่องมือ/โซ่คล้องจักรยาน

#ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ#
ตามภาพเลยครับ


ขั้นตอนการแพ็คจักรยานเพื่อขนส่งขึ้นรถทัวร์


หลังจากแพ็คของทุกอย่างแล้วจะเหลือเท่านี้ครับ ตามภาพ



เริ่มต้นการเดินทางกันเลย
เริ่มจากเมืองระยอง
หลังจากที่เช็คตารางเดินรถของบริษัท 407พัฒนาซึ่งเป็นรถวิ่งตรงจะมีรถรอบแรก 12.15 น.ซึ่งจะถึงปลายทางที่หนองคายประมาณตีสาม ส่วนและรอบถัดไปจะเป็นรอบประมาณ 16.00น.-19.00น. ซึ่งผมไม่ได้เลือกเที่ยวนี้เหตุผลเพราะว่าจะไปถึงปลายทางที่หนองคายประมาณ 07.00น.-09.00น. ตามลำดับ ซึ่งจากข้อมูลที่เช็คกับอากู๋แล้วด่านพรหมแดนจะเปิดเวลา 06.00น.-22.00น.ของทุกวัน เพื่อไม่ให้กระทบกับเวลาในการปั่นเราต้องไปถึงก่อนด่านเปิดเพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวเอง เตรียมประกอบรถให้พร้อม

วันพฤหัสบดีที่30/11/60 เวลา 12.30 น.
ขึ้นรถทัวร์ที่มาบตาพุด มีปัญหาเล็กน้อยกับเด็กรถเพราะกล่องจักรยานค่อนข้างใหญ่ ทำให้เด็กรถขอค่าขนส่งเพิ่ม 500 บาทแต่ผมคิดว่ามันแพงเกินไปจึงขอเก็บสัมภาระ(กล่องจักรยาน)ไว้ข้างหน้าเบาะนั่งแทนเลยไม่โดนเก็บ


แรกๆก็พอไหวแต่พอถึงชลบุรีชักเมื่อยขา
กล่องจักรยานจึงแปลงร่างเป็นแบบนี้แทน


การนั่งรถทัวร์ครั้งนี้ยาวนานมากแวะบ่อยมากแทบจะทุกสถานี
ในที่สุดก็พาเรามาถึงสถานีขนส่งหนองคายในเวลาตีสี่หน่อยๆ
ไม่รอช้าผมรีบประกอบจักรยานและเตรียมกระเป๋าสัมภาระเพื่อให้พร้อมเดินทางตอนด่านเปิด


ระยะทางจากสถานีขนส่งหนองคายไปที่ด่านพรหมแดนประมาณ 5 กิโลเมตร
สบายมากปั่นแค่ 10 กว่านาทีก็ถึงหน้าด่านแล้วรอเวลาอีก 15 นาทีด่าน ตม.ก็จะเปิด
เตรียมเขียนเอกสารขาเข้าฝั่ง สปป.ลาวไว้รอเลยครับ
ในฝั่ง ตม. ขาออกจากประเทศไทยไม่มีขั้นตอนอะไรมากหรือซับซ้อนเลยนะครับ
ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยแค่ยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ทำการประทับขาออกแล้วก็ผ่านได้เลย
แต่ว่าจักรยานไม่ให้จูงผ่านประตูทางเดินนะครับต้องจอดไว้ข้างนอกเสร็จแล้วค่อยจูงผ่านถนน
ผ่านด่าน ตม. ของไทยแล้วเราก็เตรียมปั่นข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวกัน
เมื่อก่อนเขาห้ามขี่จักรยานผ่านสะพานแต่ตอนนี้ขี่ผ่านได้เลยครับ
ถ้าใครจะนั่งรถบัสข้ามไปก็ได้ค่าใช้จ่าย 20 บาทไทย


ข้ามสะพานถึงฝั่ง สปป ลาวแล้วเดี๋ยวเราไปทำเรื่องเข้าเมืองที่ ตม.ลาวกัน


ที่ลาวจะมีค่าธรรมเนียมการเข้าประเทศ 50 บาทไทยครับใช้เงินไทยจ่ายได้เลย
เจ้าหน้าที่จะให้บัตร Easy pass ให้มาน่าตาแบบนี้ครับ


เมื่อผ่าน ตม.ลาวมาแล้วก่อนจะตะลุยเข้าเมืองเวียงจันทร์อย่าลืมสิ่งนี้ครับ sim card
เตรียมให้เรียบร้อยที่นี่เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้ไม่ขาดการติดต่อกับญาติพี่น้องและผองเพื่อน
ทริปนี้ผมใช้ค่ายนี้ครับ Unitel ราคาซิมการ์ด 25,000 กีบ(100 บาท)และเติมเงินอีก 10,000 กีบ(40 บาท)
ให้ทางร้านสมัครแพ็คเก็จ 7 วันให้เลยนะครับสะดวกมากๆ


เจ็ดโมงเช้าการผ่านด่านพรหมแดนทั้งสองฝั่งก็เสร็จ
การเตรียมการติดต่อสื่อการก็เรียบร้อย
ผมก็เริ่มปั้นเข้าไปเวียงจันทร์ก่อน จะได้หาทานมื้อเช้าที่นั่น
เป้าหมายแรกที่คิดออกคือประตูไซ ระยะทางประมาณ 20 กม.


ที่เวียงจันทร์รถเยอะมากร้านอาหารก็เยอะแต่ไม่รู้จะแวะไง
กลัวแพงด้วยเพราะปั่นทริปนี้วางงบไว้จำกัด
จึงตัดสินใจปั่นออกนอกเมืองเวียงจันทร์เพื่อขึ้นถนนหมายเลข 13
มุ่งหน้าสู่วังเวียง ในระหว่างทางปั่นออกชานเมืองจะมีร้านที่เป็นขายข้าว
แบบไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ แบบในรูปเลยได้ตุนเสบียงเป็นข้าวเหนียวกับน้ำเปล่า
ข้าวเหนี่ยว 5,000 กีบ(20บาท)
น้ำเปล่าใหญ่ 5,000 กีบ(20บาท)


ปั่นออกเวียงจันทร์ได้ประมาณ 25 กม. อากาศเริ่มจะร้อนล่ะ
ถุงข้าวเหนียวยังอยู่ที่เดิม หาที่จอดนั่งกินข้าวไม่ค่อยมีเพราะยังอยู่ในเขตเวียงจันทร์


ปั่นพอเจอที่ร่ม พอจะมีที่นั้งกินข้าวหน่อย
เห็นเด็กๆเต็มเลย พอตั้งใจอ่านเป็นโรงเรียนมัธยม
เอาไงดีย้ายที่ดีกว่าวันนี้วันศุกร์ด้วย


ลิขิตฟ้ารึจะสู้ความหิวคน โรงเรียนไม่ได้ต้องหันหน้าเข้าวัดกันแล้ว
นี่คือเสน่อย่างหนึ่งของ Backpacker ที่ผมหลงไหลเพียงแต่ครั้งนี้ผสมด้วยปั่นทัวร์ริ่ง
มันจะฝึกให้เราเตรียมพร้อมวางแผนเพื่อรับกับสถาณะการแบบต่างๆเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆบนโลกใบนี้


ปั่นได้อีกแค่ 30 กิโลก็ต้องแวะอีก
น้ำหมด อากาศร้อนไม่ไหวๆ ต้องเติมน้ำสักหน่อย
ที่นี่ซื้อน้ำขวดเล็ก+แปปซี่เล็กจ่ายไป 7,000 กีบ(28บาท)
ได้ชาร์จ Power bankด้วย เจ้าของร้านใจดีมากๆ


ถนนหนทางตลอดสายถือว่าดี
ในภาพเป็นถนนที่ออกจากโพนโฮงประมาณ 10 กิโลเมตร
เส้นทางข้างหน้าที่ผมหาข้อมูลมาบอกเราว่าจะเป็นเนินเขาตลอดสาย


ที่ศาลแห่งนี้จะอยู่เกือบกลางจุดสูงสุดของเขา เป็นเนินที่สูงที่สุดของทริปนี้
ห่างจากเวียงจันทร์ประมาณ 85 กิโลเมตร
ขึ้นถึงศาลมีจอดแวะพักและทำบุญให้ผู้หลักผู้ใหญ่ผูกแขนเอาโชคเอาชัยสักหน่อย


ฝั่งขาลงป้ายบอกลงเขา 2 กิโลเมตร
ฝั่งขึ้นจะสูงขนาดไหนถามใจเธอดู


ปั่นจากเวียงจันทร์มาถึงสะพานบ้านหินเหิบเวลา 14.54 น. รวมระยะทาง 98 กิโลเมตร
ยังเหลือระยะทางอีกประมาณ 62 กิโลเมตรจะถึงวังเวียงอากาศร้อนๆ เจอน้ำสวยใสงานนี้มีแวะครับ



หนทางอีกยาวไกล เนินเล็กใหญ่สลับกันไปตลอดทาง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่