สวัสดีคัรบ เพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 60 ผมได้รับโอกาสเข้าทดสอบรถ NEW MG ZS 2017 ไม่ขอเกรินอะไรมากนะครับ เพราะไปทดสอบขับรถแบบจัดเต็ม อยากเอามารีวิวให้อ่านกัน ไม่ค่อยสนใจ option อะไรมากมาย
ผมขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้เป็นนักรีวิวรถหรือพวกทดสอบรถแบบเก่งกาจ เป็นคนขับขี่ทั่วไป ผมแค่เป็นผู้บริโภคคนนึงที่มีความคิดเห็นส่วนตัวและอาจคิดเห็นแตกต่างไปอยู่มากกับหลายๆ ท่านที่อ่านรีวิวนี้ แต่ก็อยากนำเสนอแนวคิดที่ผมคิดเท่านั้น แต่นี้เป็นแค่แนวคิดของผู้บริโภคที่คิดจะซื้อรถยนต์สักคันมาใช้งาน เพราะฉะนั้น รีวิวที่ผมจะเขียนให้อ่านกันต่อไปนี้จึงอาจไม่เหมือนคนที่มีความรู้ความชำนาญด้านรถโดยเฉพาะ หรือนักรีวิวรถชื่อดังใดใดมาเขียน ผมเขียนไปในแนวคิดและความเป็นจริงที่ผู้บริโภคแบบผมจะเลือกรถและอยากให้สิ่งที่ผมคิดนี้เป็นแนวทางช่วยหลายๆ ท่านในการเลือกรถมาใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันสักคัน การรีวิวนี้ผมไม่ได้ถ่ายคลิปมาแต่เชื่อว่ามีคลิปใน Internet แล้ว มีภาพถ่ายแต่น้อย เพราะใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการทดสอบรถ อย่าลืมอ่านให้จบก่อนด้วยนะครับ ก่อนคิดอะไรเกินเลย
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทาง
MG FC Thailand ที่ชวนเชิญให้ผมมีโอกาศได้ทดสอบรถ
NEW MG ZS ที่สนาม
MG Driving Experience Centre หรือศูนย์สร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ MG เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 60 โดยผมก็พาครอบครับไปสัมผัสรถด้วยตัวเอง (ที่บ้านผมแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ค่อยจะมั่นใจ 555)
ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิก MG FC Thailand ที่กรุณาให้ใช้ภาพกับคลิปประกอบด้วย
เริ่มเรื่องกันเลย เมื่อไปถึงก็ได้เข้าไปฟังเรื่องที่มาที่ไปของรถ MG เล่าตั้งแต่ประวัติเลยหละ จนมาถึงรถตัวนี้
NEW MG ZS นั้นมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย แต่ผมจะไม่กล่าวเยอะมากนัก เพราะ option ต่างๆ มองแล้วดูเป็นตัวเสริมและเป็นความชอบของแต่ละคน เช่น วัสดุ การตกแต่งภายใน ฯลฯ ผมไปแบบว่าขับเสร็จแล้วบอกว่ารู้สึกยังไงรู้สกแบบไหนพอ ที่เหลือคุณต้องไปดูเองนะครับ ผมจะเน้นหนักเป็นพิเศษกับเรื่อง Function หลักของรถ ผมจะแยกประเด็นดังนี้
1. เครื่องยนต์
2. ช่วงล่าง
3. ระบบความปลอดภัย***
4. ส่วนที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ
ที่จริงถ้าท่านที่อ่านอยากรู้เรื่องเหล่านี้ สามารถหากันตาม Internet ได้ไม่ยากนักครับ ส่วนรีวิวนี้ผมจะสรุปตามที่ได้ทดสอบมาในแนวทางของผมไว้ให้ที่นี้ ว่ากันต่อนะครับ
อย่างแรก คือ เรื่องเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงวางตามขวางขับหน้าขนาด 1.5 ลิตร เกียร์ 4 สปีด แบบไม่มีเทอร์โบ ดูแตกต่างจากรถ MG ในรุ่นอื่นๆ ที่มีเทอร์โบมาด้วย MG ZS
ให้กำลัง 114 แรงม้า 150 นิวตันเมตร ดูจากตัวเลขดูจะน้อยไป แต่ตอนที่ทดสอบการตอบสนองทำได้ดีระดับนึงครับ มันดูไม่รู้สึกอึดอัดเลย แต่ก็มีบางจังหวะที่ดูแล้วก็ช้าไปนิด ถือว่าดีสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขับในเมืองได้สบาย ทางไกลไม่น่าเป็นปัญหา แต่การเร่งแซงผมมองว่าทำได้ แต่อ่าจไม่ปรู๊ดปร๊าดต้องเผื่อระยะไว้บ้าง สำหรับเครื่อง 1.5 ลิตร ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(**อย่าคิดเอาไปเทียบกะ eco car นะ ครับ ผมไม่เคยมองว่ารถ eco car บ้านเราคือรถที่วิ่งทางไกลหรือถนนใหญ่ มันเหมาะไปจ่ายตลาดหน้าปากซอยมากกว่า และถ้าไปเทียบกับรถใหญ่ที่เครือง 1.8 หรือ 2.0+ ลิตรก็อาจจะเทียบยาก จะว่าไปมันออกแบบมาใช้งานคนละอย่างกัน ควรทียบกับเครื่อง 1.5 ลิตรด้วยกัน จะเห็นว่าแตกต่างอยู่มาก)[/i] ถ้าหากถามว่าอัตราสิ้นเปรืองน้ำมัน ข้อบอกได้อย่างเดียวว่าผมไม่ค่อยสนเรื่องนี้เท่าไรครับ ยังไงนะเหรอ คือว่า ถ้าอยากขับเร็วมันจะกินน้ำมันมาก ถ้าขับช้าก็ประหยัดกว่า ขนของหนักก็เปลืองน้ำมัน ไม่ขนไรเลยก็ประหยัด
มันเป็นอัตราแปรผันปกติ สำหรับรถ SUV แล้วมันก็ไม่จัดว่าประหยัดนัก แต่ไม่ได้กินแบบซด อยู่ที่พฤติกรรมผู้ขับขี่ซะมากกว่า(อันนี้เป็นด้วยกันทุกยี่ห้อทุกรุ่นสำหรับรถใช้น้ำมัน) ด้วย
น้ำหนักรถ 1.2+ ตัน อาจจะทำให้ต้องแบกน้ำหนักสักหน่อย แต่เชื่อผมได้ว่า รถที่มีน้ำหนักมากต้องมีอะไรที่เสริมเติมมาให้แน่ๆ ครับ รถเบาๆ มันประหยัดน้ำมันครับ แต่มันถอดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้
*ข้อสงสัยส่วนตัว* ผมสงสัยรถที่ขายกันทั่วไปว่า ถ้ารถเบาขึ้นทำไม่ถึงแพงขึ้นครับ? เมื่อรถเบาจึงประหยัดน้ำมันขึ้น แล้วเอาข้อนี้มาเป็นจุดขาย ซึ่งที่จริงเครื่องที่มีอัตราเผาผลานเชื้อเพลิงประหยัด คือมคิดว่า รถต้องหนักเท่าเดิมแต่เผาผลานเชื้อเพลิงน้อยลงรึป่าว(หรือผมเข้าใจอะไรผิดหรือป่าว) ได้กำลังเครื่องมากขึ้น ไม่ใช่ลดน้ำหนักให้รถเบา แล้วลดขนาดเครื่องลง แล้วบอกว่าประหยัดน้ำมัน ??
** จุดสังเกตุเสริม ** บางคนบอกว่ารถเบากลัวรถบินได้ จึงไปจัดช่วงล่างมาใหม่ ติดล้อโตๆ เสริมโช๊คเสริมกันโคลงเพิ่ม แล้วรถก็หนักขึ้น แรงต้านทานมากขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น -_-!
เริ่มออกทะเลแระ
มาถึงจุดนี้ ผมไม่ขอขยายความต่อ ในส่วนรายละเอียดเครื่องยนต์ ผมจะไม่ลงลึก เพราะเชื่อว่าหลายคนที่ซื้อรถแทบไม่เข้าใจเรื่องอัตราทดที่เป็นตัวเลขอะไรหรอก เอาจริงๆ รถเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร, 4เกียร์ เอามาเทียบกันจริงมันแทบไม่ต่าง ไม่รู้สึกหรอกครับ 5555 จะต่างกันก็ตรงการใช้งานจริงของเกียร์นี้แหละ เกียร์ทีแรกผมคิดว่าไม่น่าจะไหวเท่าไรไม่น่าสู้เครื่องที่ใช้กับ MG 5 ได้ แต่พอตอนออกตัวผมกลับรู้สึกออกตัวพอดีกับจังหวะในการใช้งานในเมืองแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องคันเร่งมาก ไม่ต้องกลัวชนคันหน้า(บางคนว่าแบบนี้อืด แต่ผมว่าไม่นะ กำลังดี) รู้เลยว่าขับในเมืองต้องประมาณนี้ คนที่ชอบขับพุ่งๆ แรงๆ มาก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ อาจต้องทำการเรียนรู้กับรถคันนี้และอ่านคู่มือปรับตัวกันสักหน่อย(ซื้อรถก็ควรอ่านคู่มือกันบ้าง ซื้อทีวียังต้องอ่านคู่มือเลย รถก็เหมือนกันนะ)การทดสอบครั้งนี้ผมไม่ได้ลากยาวเลย แต่ตอนจังหวะออกตัวจนถึงเข้าโค้งหลายๆ ครั้ง สังเกตุว่าเครื่องยนต์เดินเครื่องได้เรื่อยๆ แรงมาเรื่อยๆ จึงคิดว่าเป็นม้าแรงปลายแน่ๆ ขับทางไกลได้สบาย รถ SUV ถ้าได้ใช้ทางไกลด้วยถึงจะคุ้ม ที่สำคัญมี มี Cruise Control ด้วย จะขับง่ายขึ้นมาก ผมติดใช้ระบบนี้เป็นประจำเวลาขับทางไกลหรือบนทางด่วนครับ แรงอืดตอนแรกๆ ดูจะเป็นสิ่งที่นักเล่นรถจะมองว่าเป็นจุดด่อยในรถ MG ZS แต่ผมมองว่าเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ดูจะทำเพื่อหน่วงไว้เท่านั้น สำหรับเรื่องการหน่วงผมมีข้อสังเกตุ
**ข้อสังเกตุ** คือ เมื่อตอนผมหาข้อมูลเพื่อศึกษาเรื่องรถใหม่ๆ อย่างจริงๆ จังๆ ผมใช้ Google แปล(หวังว่าจะแปลถูก) เรียบเรียงประมาณว่า เป็นมาตรฐานรถที่ขายในยุโรปและเอเชียบางประเทศว่า 1. มีระยะหน่วงของคันเร่งไว้เพื่อป้องกันการเหยียบผิดจากเบรกเป็นคันเร่ง (ในทางสถิติด้านความปลอดภัยโอกาสผิดพลาดเพียง 0.1% อาจหมายถึงการสูญเสียและเกิดขึ้นได้) 2. ข้อกำหนดก่อนเข้าเกียร์ D ต้องเหยียบเบรกให้สุดก่อนเสมอจึงจะเข้าเกียร์ได้ 3. เกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง P ก่อนเท่านั้น จึงจะสตาร์ทรถได้ ผมจำกระทู้ที่แปลนี้ไม่ได้แล้วเพราะนานราวสามปีได้ แต่ผมจำขึ้นใจเลย ถ้าจำไม่ผิดในรถของ MG เป็นแบบนี้ทุกรุ่น สำหรับรถที่ผมใช้มาก่อนหน้าและที่มีใช้ปัจจุบัน ไม่มีทั้ง 3 ข้อที่ว่าเลย น่าคิดนะครับ
มาถึง
อย่างที่สอง คือ ช่วงล่าง อย่างที่หลายๆ ท่านทราบ ช่วงล่างของ MG ดูเน้นเป็นพิเศษกว่ายี่ห้ออื่น โดยใช้ระบบช่วงล่าง European
Tuning Suspension และการผสานระบบกันสั่นสะเทือน ช่วยการทรงตัวที่ดีเยี่ยม(ประโยคนี้ยืมมาจากในเน็ตอีกที) ระบบรองรับ ด้านหน้า
แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช็คอัพและเหล็กกันโคลง, ด้านหลัง
ทอร์ชั่นบีม และใช้
ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ดูไม่ได้ขี้เหร่ ผมก็ไม่รู้ความหมายหรือการทำงานเท่าไรหรอก 555 ก็ดูเหมือนกับรถ 1.5 ลิตร ยี่ห้ออื่นๆ จะมีดีกว่านิดนึงตรงที่ระบบเบรกใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เพราะโดยมาก จะมาแค่ 2 ล้อหน้าเท่านั้น แต่พอมาสี่ล้อแบบนี้จึงคิดอยู่ว่าทำไม ที่จริงผมคิดได้ไม่ยากนักเพราะการมีถึง 4 ล้อ อาจหมายถึงระบบความปลอดภัยที่ MG ทำมาใส่ให้ต่างจากยี่ห้ออื่นนั้นเอง ว่าควรต้องใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เฉพาะ 2 ล้อหน้ามีระบายความร้อน ว่าไปบางท่านมองว่าก็ธรรมดา แต่ถ้าได้
อ่านอย่างที่สามจะรู้ว่าไม่ธรรมดาครับ ในส่วนช่วงล่างนักแต่ถแรงๆ (ตามความเข้าใจผม) จะชอบแต่งกันเองมากกว่า สำหรับ MG ZS หรือรุ่นอื่นๆ ที่มีช่วงล่างดีดีไม่ขี้เหร่แบบนี้แล้วไปแต่งเอง ผมจะเสียดายช่วงล่างเดิมมาก แถมต้องมาปรับตั้งจูนกันใหม่ ก็อาจสูญเสียบางอย่างไปด้วย จึงจะแนะนำให้ซื้อยี่ห้ออื่นจะคุ้มค่าในการปรับแต่งช่วงล่างมากกว่าครับ
อย่างที่สาม คือ ระบบความปลอดภัย (**ถ้าคุณเชื่อเรื่องดวงหรือโชคในการขับขี่ ขอให้เลิกอ่านรีวิวนี้ไปดีกว่าครับเพื่อความสบายใจครับ) ข้อนี้เป็นข้อที่ผมเน้นหนักและเน้นม๊ากมากพิเศษเลยครับ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลย และเป็นเหตุผลให้ผมเดินทางไกลเกือบ 200 กม. มาเพื่อทดสอบ ขอนี้ควรมาเป็นอันดับแรกเลยในการเลือกรถครับ หลายคนบอกว่าสิ่งสำคัญ คือ ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ ผมว่าคิดผิดอย่างร้ายแรง ทั้งหมดจะหมดความหมายโดยสิ้นเชิงเมื่อเกิดเหตุ สิ่งที่ดูแลคุณหลังเกิดเหตุคือประกันภัยรถยนต์ กับอาสากู้ภัยครับ 555 ขำขำอย่าคิดเยอะ ผมอยากให้คิดเรื่อง ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ เป็นอันดับรองๆ เถอะครับ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ถ้าเอา ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ ไว้เป็นอันดับแรกละก็ แนะว่าหยุดอ่านรีวิวนี้และลืมเรื่องที่อ่านก่อนหน้านี้ให้หมดครับเพื่อความสบายใจและไม่เสียเวลาของท่านด้วย ตามนี้นะครับ.... ต่อนะครับ.... จากสิ่งที่หลายคนคิดว่า ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ มันสำคัญ ที่จริงนั้นมันไม่ทำให้คุณปลอดภัยขึ้นเลย มันเป็นแค่เกมการตลาดเท่านั้น คุณจะคิดได้ก็ต่อเมื่อคุณรอดจากเหตุการณ์นั้น(เช่นเดียวกันกับผมและรอดมาได้) แล้วถ้าคุณไม่รอดหละ?... เมื่อคุณขับรถบนท้องถนนคุณมีความเสี่ยงติดรถมาแล้วเรียบร้อย หากคนอื่นขับแล้วเสียหลักมาชนคุณมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ควรแยกประเด็นให้ถูกนะครับ สำหรับผมผมมองแยกเป็นสองส่วน
ส่วนแรก คือ “ป้องกันหรือลดการเกิดเหตุ”
ส่วนที่สอง คือ “ป้องกันและปกป้องเมื่อเกิดเหตุแล้ว”
สำหรับรถ NEW MG ZS มีระบบความปลอดภัยให้มาแบบจัดเต็มพอดูเลย (ที่จริงมากที่สุดในตลาดรถ B,C Segment) ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของ MG เช่นเดียวกันกับในรถรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยมีระบบต่างๆ ตามตารางด้านล่าง
ส่วนเสริมความปลอดภัยอื่น
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อใช้เบรกฉุกเฉิน ESS
- ระบบไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
- กล้องมองหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัย
** TPMS ** ใน MG ZS เป็นแบบบอกแรงดันลมในแต่ละล้อมาด้วย หน่วยเป็น Bar
เน้นย้ำนะครับว่ามันเป็นการรีวิวการทดสอบรถ หรือ Test Drive รถ MG ZS ตามแนวคิดของผมซึ่งเป็นผู้บริโภคคนนึงเท่านั้นและเขียนออกมาจากการทดสอบจริงๆ ศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองและประสบการณ์ของตนเอง ผิดถูกประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
**รอสักครูเดี๋ยวผมกลับมาเขียนต่อ**
[CR] MG ZS 2017 รีวิว Test Drive (3/12/2017)
ผมขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้เป็นนักรีวิวรถหรือพวกทดสอบรถแบบเก่งกาจ เป็นคนขับขี่ทั่วไป ผมแค่เป็นผู้บริโภคคนนึงที่มีความคิดเห็นส่วนตัวและอาจคิดเห็นแตกต่างไปอยู่มากกับหลายๆ ท่านที่อ่านรีวิวนี้ แต่ก็อยากนำเสนอแนวคิดที่ผมคิดเท่านั้น แต่นี้เป็นแค่แนวคิดของผู้บริโภคที่คิดจะซื้อรถยนต์สักคันมาใช้งาน เพราะฉะนั้น รีวิวที่ผมจะเขียนให้อ่านกันต่อไปนี้จึงอาจไม่เหมือนคนที่มีความรู้ความชำนาญด้านรถโดยเฉพาะ หรือนักรีวิวรถชื่อดังใดใดมาเขียน ผมเขียนไปในแนวคิดและความเป็นจริงที่ผู้บริโภคแบบผมจะเลือกรถและอยากให้สิ่งที่ผมคิดนี้เป็นแนวทางช่วยหลายๆ ท่านในการเลือกรถมาใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันสักคัน การรีวิวนี้ผมไม่ได้ถ่ายคลิปมาแต่เชื่อว่ามีคลิปใน Internet แล้ว มีภาพถ่ายแต่น้อย เพราะใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการทดสอบรถ อย่าลืมอ่านให้จบก่อนด้วยนะครับ ก่อนคิดอะไรเกินเลย
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทาง MG FC Thailand ที่ชวนเชิญให้ผมมีโอกาศได้ทดสอบรถ NEW MG ZS ที่สนาม MG Driving Experience Centre หรือศูนย์สร้างประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ MG เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 60 โดยผมก็พาครอบครับไปสัมผัสรถด้วยตัวเอง (ที่บ้านผมแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ค่อยจะมั่นใจ 555) ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิก MG FC Thailand ที่กรุณาให้ใช้ภาพกับคลิปประกอบด้วย
เริ่มเรื่องกันเลย เมื่อไปถึงก็ได้เข้าไปฟังเรื่องที่มาที่ไปของรถ MG เล่าตั้งแต่ประวัติเลยหละ จนมาถึงรถตัวนี้
NEW MG ZS นั้นมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย แต่ผมจะไม่กล่าวเยอะมากนัก เพราะ option ต่างๆ มองแล้วดูเป็นตัวเสริมและเป็นความชอบของแต่ละคน เช่น วัสดุ การตกแต่งภายใน ฯลฯ ผมไปแบบว่าขับเสร็จแล้วบอกว่ารู้สึกยังไงรู้สกแบบไหนพอ ที่เหลือคุณต้องไปดูเองนะครับ ผมจะเน้นหนักเป็นพิเศษกับเรื่อง Function หลักของรถ ผมจะแยกประเด็นดังนี้
1. เครื่องยนต์
2. ช่วงล่าง
3. ระบบความปลอดภัย***
4. ส่วนที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ
ที่จริงถ้าท่านที่อ่านอยากรู้เรื่องเหล่านี้ สามารถหากันตาม Internet ได้ไม่ยากนักครับ ส่วนรีวิวนี้ผมจะสรุปตามที่ได้ทดสอบมาในแนวทางของผมไว้ให้ที่นี้ ว่ากันต่อนะครับ
อย่างแรก คือ เรื่องเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียงวางตามขวางขับหน้าขนาด 1.5 ลิตร เกียร์ 4 สปีด แบบไม่มีเทอร์โบ ดูแตกต่างจากรถ MG ในรุ่นอื่นๆ ที่มีเทอร์โบมาด้วย MG ZS ให้กำลัง 114 แรงม้า 150 นิวตันเมตร ดูจากตัวเลขดูจะน้อยไป แต่ตอนที่ทดสอบการตอบสนองทำได้ดีระดับนึงครับ มันดูไม่รู้สึกอึดอัดเลย แต่ก็มีบางจังหวะที่ดูแล้วก็ช้าไปนิด ถือว่าดีสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขับในเมืองได้สบาย ทางไกลไม่น่าเป็นปัญหา แต่การเร่งแซงผมมองว่าทำได้ แต่อ่าจไม่ปรู๊ดปร๊าดต้องเผื่อระยะไว้บ้าง สำหรับเครื่อง 1.5 ลิตร ก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ i] ถ้าหากถามว่าอัตราสิ้นเปรืองน้ำมัน ข้อบอกได้อย่างเดียวว่าผมไม่ค่อยสนเรื่องนี้เท่าไรครับ ยังไงนะเหรอ คือว่า ถ้าอยากขับเร็วมันจะกินน้ำมันมาก ถ้าขับช้าก็ประหยัดกว่า ขนของหนักก็เปลืองน้ำมัน ไม่ขนไรเลยก็ประหยัด มันเป็นอัตราแปรผันปกติ สำหรับรถ SUV แล้วมันก็ไม่จัดว่าประหยัดนัก แต่ไม่ได้กินแบบซด อยู่ที่พฤติกรรมผู้ขับขี่ซะมากกว่า(อันนี้เป็นด้วยกันทุกยี่ห้อทุกรุ่นสำหรับรถใช้น้ำมัน) ด้วยน้ำหนักรถ 1.2+ ตัน อาจจะทำให้ต้องแบกน้ำหนักสักหน่อย แต่เชื่อผมได้ว่า รถที่มีน้ำหนักมากต้องมีอะไรที่เสริมเติมมาให้แน่ๆ ครับ รถเบาๆ มันประหยัดน้ำมันครับ แต่มันถอดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้
*ข้อสงสัยส่วนตัว* ผมสงสัยรถที่ขายกันทั่วไปว่า ถ้ารถเบาขึ้นทำไม่ถึงแพงขึ้นครับ? เมื่อรถเบาจึงประหยัดน้ำมันขึ้น แล้วเอาข้อนี้มาเป็นจุดขาย ซึ่งที่จริงเครื่องที่มีอัตราเผาผลานเชื้อเพลิงประหยัด คือมคิดว่า รถต้องหนักเท่าเดิมแต่เผาผลานเชื้อเพลิงน้อยลงรึป่าว(หรือผมเข้าใจอะไรผิดหรือป่าว) ได้กำลังเครื่องมากขึ้น ไม่ใช่ลดน้ำหนักให้รถเบา แล้วลดขนาดเครื่องลง แล้วบอกว่าประหยัดน้ำมัน ??
** จุดสังเกตุเสริม ** บางคนบอกว่ารถเบากลัวรถบินได้ จึงไปจัดช่วงล่างมาใหม่ ติดล้อโตๆ เสริมโช๊คเสริมกันโคลงเพิ่ม แล้วรถก็หนักขึ้น แรงต้านทานมากขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น -_-!
เริ่มออกทะเลแระ
มาถึงจุดนี้ ผมไม่ขอขยายความต่อ ในส่วนรายละเอียดเครื่องยนต์ ผมจะไม่ลงลึก เพราะเชื่อว่าหลายคนที่ซื้อรถแทบไม่เข้าใจเรื่องอัตราทดที่เป็นตัวเลขอะไรหรอก เอาจริงๆ รถเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร, 4เกียร์ เอามาเทียบกันจริงมันแทบไม่ต่าง ไม่รู้สึกหรอกครับ 5555 จะต่างกันก็ตรงการใช้งานจริงของเกียร์นี้แหละ เกียร์ทีแรกผมคิดว่าไม่น่าจะไหวเท่าไรไม่น่าสู้เครื่องที่ใช้กับ MG 5 ได้ แต่พอตอนออกตัวผมกลับรู้สึกออกตัวพอดีกับจังหวะในการใช้งานในเมืองแบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องคันเร่งมาก ไม่ต้องกลัวชนคันหน้า(บางคนว่าแบบนี้อืด แต่ผมว่าไม่นะ กำลังดี) รู้เลยว่าขับในเมืองต้องประมาณนี้ คนที่ชอบขับพุ่งๆ แรงๆ มาก่อน[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ การทดสอบครั้งนี้ผมไม่ได้ลากยาวเลย แต่ตอนจังหวะออกตัวจนถึงเข้าโค้งหลายๆ ครั้ง สังเกตุว่าเครื่องยนต์เดินเครื่องได้เรื่อยๆ แรงมาเรื่อยๆ จึงคิดว่าเป็นม้าแรงปลายแน่ๆ ขับทางไกลได้สบาย รถ SUV ถ้าได้ใช้ทางไกลด้วยถึงจะคุ้ม ที่สำคัญมี มี Cruise Control ด้วย จะขับง่ายขึ้นมาก ผมติดใช้ระบบนี้เป็นประจำเวลาขับทางไกลหรือบนทางด่วนครับ แรงอืดตอนแรกๆ ดูจะเป็นสิ่งที่นักเล่นรถจะมองว่าเป็นจุดด่อยในรถ MG ZS แต่ผมมองว่าเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ดูจะทำเพื่อหน่วงไว้เท่านั้น สำหรับเรื่องการหน่วงผมมีข้อสังเกตุ
**ข้อสังเกตุ** คือ เมื่อตอนผมหาข้อมูลเพื่อศึกษาเรื่องรถใหม่ๆ อย่างจริงๆ จังๆ ผมใช้ Google แปล(หวังว่าจะแปลถูก) เรียบเรียงประมาณว่า เป็นมาตรฐานรถที่ขายในยุโรปและเอเชียบางประเทศว่า 1. มีระยะหน่วงของคันเร่งไว้เพื่อป้องกันการเหยียบผิดจากเบรกเป็นคันเร่ง (ในทางสถิติด้านความปลอดภัยโอกาสผิดพลาดเพียง 0.1% อาจหมายถึงการสูญเสียและเกิดขึ้นได้) 2. ข้อกำหนดก่อนเข้าเกียร์ D ต้องเหยียบเบรกให้สุดก่อนเสมอจึงจะเข้าเกียร์ได้ 3. เกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง P ก่อนเท่านั้น จึงจะสตาร์ทรถได้ ผมจำกระทู้ที่แปลนี้ไม่ได้แล้วเพราะนานราวสามปีได้ แต่ผมจำขึ้นใจเลย ถ้าจำไม่ผิดในรถของ MG เป็นแบบนี้ทุกรุ่น สำหรับรถที่ผมใช้มาก่อนหน้าและที่มีใช้ปัจจุบัน ไม่มีทั้ง 3 ข้อที่ว่าเลย น่าคิดนะครับ
มาถึงอย่างที่สอง คือ ช่วงล่าง อย่างที่หลายๆ ท่านทราบ ช่วงล่างของ MG ดูเน้นเป็นพิเศษกว่ายี่ห้ออื่น โดยใช้ระบบช่วงล่าง European Tuning Suspension และการผสานระบบกันสั่นสะเทือน ช่วยการทรงตัวที่ดีเยี่ยม(ประโยคนี้ยืมมาจากในเน็ตอีกที) ระบบรองรับ ด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช็คอัพและเหล็กกันโคลง, ด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม และใช้ ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ดูไม่ได้ขี้เหร่ ผมก็ไม่รู้ความหมายหรือการทำงานเท่าไรหรอก 555 ก็ดูเหมือนกับรถ 1.5 ลิตร ยี่ห้ออื่นๆ จะมีดีกว่านิดนึงตรงที่ระบบเบรกใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เพราะโดยมาก จะมาแค่ 2 ล้อหน้าเท่านั้น แต่พอมาสี่ล้อแบบนี้จึงคิดอยู่ว่าทำไม ที่จริงผมคิดได้ไม่ยากนักเพราะการมีถึง 4 ล้อ อาจหมายถึงระบบความปลอดภัยที่ MG ทำมาใส่ให้ต่างจากยี่ห้ออื่นนั้นเอง ว่าควรต้องใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เฉพาะ 2 ล้อหน้ามีระบายความร้อน ว่าไปบางท่านมองว่าก็ธรรมดา แต่ถ้าได้อ่านอย่างที่สามจะรู้ว่าไม่ธรรมดาครับ ในส่วนช่วงล่างนักแต่ถแรงๆ (ตามความเข้าใจผม) จะชอบแต่งกันเองมากกว่า สำหรับ MG ZS หรือรุ่นอื่นๆ ที่มีช่วงล่างดีดีไม่ขี้เหร่แบบนี้แล้วไปแต่งเอง ผมจะเสียดายช่วงล่างเดิมมาก แถมต้องมาปรับตั้งจูนกันใหม่ ก็อาจสูญเสียบางอย่างไปด้วย จึงจะแนะนำให้ซื้อยี่ห้ออื่นจะคุ้มค่าในการปรับแต่งช่วงล่างมากกว่าครับ
อย่างที่สาม คือ ระบบความปลอดภัย (**ถ้าคุณเชื่อเรื่องดวงหรือโชคในการขับขี่ ขอให้เลิกอ่านรีวิวนี้ไปดีกว่าครับเพื่อความสบายใจครับ) ข้อนี้เป็นข้อที่ผมเน้นหนักและเน้นม๊ากมากพิเศษเลยครับ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลย และเป็นเหตุผลให้ผมเดินทางไกลเกือบ 200 กม. มาเพื่อทดสอบ ขอนี้ควรมาเป็นอันดับแรกเลยในการเลือกรถครับ หลายคนบอกว่าสิ่งสำคัญ คือ ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ ผมว่าคิดผิดอย่างร้ายแรง ทั้งหมดจะหมดความหมายโดยสิ้นเชิงเมื่อเกิดเหตุ สิ่งที่ดูแลคุณหลังเกิดเหตุคือประกันภัยรถยนต์ กับอาสากู้ภัยครับ 555 ขำขำอย่าคิดเยอะ ผมอยากให้คิดเรื่อง ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ เป็นอันดับรองๆ เถอะครับ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ถ้าเอา ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ ไว้เป็นอันดับแรกละก็ แนะว่าหยุดอ่านรีวิวนี้และลืมเรื่องที่อ่านก่อนหน้านี้ให้หมดครับเพื่อความสบายใจและไม่เสียเวลาของท่านด้วย ตามนี้นะครับ.... ต่อนะครับ.... จากสิ่งที่หลายคนคิดว่า ศูนย์บริการ, อะไหล่, และราคาขายต่อ มันสำคัญ ที่จริงนั้นมันไม่ทำให้คุณปลอดภัยขึ้นเลย มันเป็นแค่เกมการตลาดเท่านั้น คุณจะคิดได้ก็ต่อเมื่อคุณรอดจากเหตุการณ์นั้น(เช่นเดียวกันกับผมและรอดมาได้) แล้วถ้าคุณไม่รอดหละ?... เมื่อคุณขับรถบนท้องถนนคุณมีความเสี่ยงติดรถมาแล้วเรียบร้อย หากคนอื่นขับแล้วเสียหลักมาชนคุณมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ควรแยกประเด็นให้ถูกนะครับ สำหรับผมผมมองแยกเป็นสองส่วน
ส่วนแรก คือ “ป้องกันหรือลดการเกิดเหตุ”
ส่วนที่สอง คือ “ป้องกันและปกป้องเมื่อเกิดเหตุแล้ว”
สำหรับรถ NEW MG ZS มีระบบความปลอดภัยให้มาแบบจัดเต็มพอดูเลย (ที่จริงมากที่สุดในตลาดรถ B,C Segment) ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของ MG เช่นเดียวกันกับในรถรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ โดยมีระบบต่างๆ ตามตารางด้านล่าง
ส่วนเสริมความปลอดภัยอื่น
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อใช้เบรกฉุกเฉิน ESS
- ระบบไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
- กล้องมองหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัย
** TPMS ** ใน MG ZS เป็นแบบบอกแรงดันลมในแต่ละล้อมาด้วย หน่วยเป็น Bar
เน้นย้ำนะครับว่ามันเป็นการรีวิวการทดสอบรถ หรือ Test Drive รถ MG ZS ตามแนวคิดของผมซึ่งเป็นผู้บริโภคคนนึงเท่านั้นและเขียนออกมาจากการทดสอบจริงๆ ศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองและประสบการณ์ของตนเอง ผิดถูกประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
**รอสักครูเดี๋ยวผมกลับมาเขียนต่อ**