อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/286573
จำคุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 22 ราย เป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร คนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ1ปี6เดือน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1520/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเสือ กับพวกร่วมกัน22ราย ประกอบไปด้วยชาวจีน 15 คน ชาวไต้หวัน 7 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอันเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นเดือน มี.ค.-28 มี.ค. 2555 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และเจ้าหน้าที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 29/817 โครงการเมืองทองธานี 2 ซอย 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จับกุมจำเลยที่ 1-22 เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้บ้านเช่าดังกล่าวเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อที่ประเทศจีนและไต้หวัน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือตำรวจ เพื่อหลอกลวงเหยื่อว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย และให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี ได้ของกลางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์บ้านบทสนทนาภาษาจีน รายชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210
จำเลยทั้ง 22 คน ให้การรับสารภาพ ศาลพิเคราะห์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-22 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอัน เป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน.
อ่านข่าวต่อได้ที่:
https://www.thairath.co.th/content/286573
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกจับแต่รับโทษนิดเดียว
จำคุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 22 ราย เป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร คนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ1ปี6เดือน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1520/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเสือ กับพวกร่วมกัน22ราย ประกอบไปด้วยชาวจีน 15 คน ชาวไต้หวัน 7 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอันเป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นเดือน มี.ค.-28 มี.ค. 2555 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และเจ้าหน้าที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 29/817 โครงการเมืองทองธานี 2 ซอย 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จับกุมจำเลยที่ 1-22 เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้บ้านเช่าดังกล่าวเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์ไปหลอกลวงเหยื่อที่ประเทศจีนและไต้หวัน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือตำรวจ เพื่อหลอกลวงเหยื่อว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย และให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี ได้ของกลางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์บ้านบทสนทนาภาษาจีน รายชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210
จำเลยทั้ง 22 คน ให้การรับสารภาพ ศาลพิเคราะห์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-22 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นอัน เป็นความผิดฐานเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน.
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/286573