ต่อจากวาระที่แล้วครับ เที่ยว Sun City / Johannesberg >> https://ppantip.com/topic/37087842
ขอโทษนะครับที่หายไปนาน .. แต่ยอมรับว่าช่วงนี้ผมแอบหมดไฟในการเขียน .. แต่ก็ยังอยากที่จะเขียนอยู่เพราะการไปเที่ยวแต่ละครั้งของผมก็ได้ข้อมูลแทบจะ 100% จากการอ่านพันทิพ จากกระทู้ท่านๆ ทั้งหลายนี่แหละครับ ก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์ของตัวเองมาแปะไว้บ้างเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ บ้างไม่มากก็น้อยครับ ยินดีตอบทุกคำถามนะครับ เพราะเวลาผมเขียนในนี้อาจจะไม่ได้ใส่พวกข้อมูลอะไรมากนัก แต่ถ้าท่านใดอยากทราบตรงไหนพิเศษก็ PM มาได้เลยครับ
ได้เวลาเดินทางต่อ .. ผมเดินทางออกจากแอฟริกาใต้ ด้วยสายการบิน South African Airways เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือไปยังประเทศแซมเบียครับ เอาวิวเหนือ Sandton มาฝากกันก่อนอำลาโจเบิร์ก
แอบสงสัยมานานว่าไอ้สวนวงกลมนี่มันหมายถึงอะไร มีทั่วทั้งแอฟริกาใต้ แซมเบีย และซิมบับเวเลย หรือเอเลี่ยนมาสร้างไว้เป็นเครื่องหมายอะไรฮะ?
ยอมรับว่าการนั่งเครื่องบินครั้งนี้เป็นครั้งที่ตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยนั่งมา เพราะตอนเครื่องลงนี่ ลมมันแรงมาก และเครื่องตกหลุมอากาศบ่อยมาก จนรู้สึกได้ถึงความสั่นของเครื่อง แต่ในที่สุดเราก็เดินทางได้อย่างปลอดภัยมาถึงเมือง Livingstone ครับ
ซึ่งอย่างแรกเลยที่รู้สึกทันทีที่ประตูเครื่องเปิดคือ ร้อนนนนนนนนนน ร้อนแบบร้อนมากกกกกก คือ จากแอฟริกาใต้ที่อากาศประมาณ 10 องศา
พอมาถึงแซมเบียคือ 40 ร้อนแบบละลายไปเลย
หลังจากเครื่องลงเรียบร้อย เราก็เข้าด่าน ตม. เท่าที่ผมทราบ คนไทยสามารถทำ Visa on Arrival ได้สำหรับประเทศแซมเบีย
แต่ส่วนตัวผม ผมเลือกที่จะทำ Online ล่วงหน้าไปเลย เพื่อลดความเสี่ยง และเท่าที่เห็นบางคน (ไม่ใช่คนไทย แต่ไม่ทราบว่าจากประเทศอะไร) ที่ไปทำวีซ่าที่นั่น จะโดนถามนั่นนี่วุ่นวายประมาณหนึ่ง ซึ่งเสียเวลา ส่วนการที่เราทำ Online ไปเลย เจ้าหน้าที่จะไม่ซักไซร้ให้วุ่นวาย ไปถึงรูดค่าวีซ่า จบเสร็จครับ
ดังนั้นถ้าท่านใดจะไป ก็ทำไปเลยดีกว่า >>
https://evisa.zambiaimmigration.gov.zm/
ซึ่งการทำวีซ่าเข้าแซมเบีย มีให้เลือกแบบครั้งเดียว 50 US Dollar และแบบ Re-Entry 80 US Dollar ซึ่งผมเลือกอย่างหลัง เพราะว่าจะต้องออกจากแซมเบียข้ามไปซิมบับเวและกลับเข้ามาอีกครับ หลังผ่าน ตม. มาเรียบร้อย ก็มาเจอศุลกากร ซึ่งที่นี่เค้าให้เปิดกระเป๋าให้ดูเลยนะครับ ดังนั้น ใครอัดของไปแน่นๆ ตอนเปิดกระเป๋าก็ระวังนิดนึง ตอนเก็บมันเหนื่อยยยย .. คาดว่าเค้าคงตรวจเรื่องยานะครับ
หลังจากนั้น เราก็แลกเงิน (ซึ่งจริงๆ ถ้าใครพกเป็นเงิน US Dollar ไป จะไม่แลกก็ได้ครับ เพราะคนที่เมืองนี้ นิยมเงินดอลมากกว่าเงินตัวเอง แต่ผมก็เลือกที่จะแลกนะ เพราะบางทีเวลาให้ทิป มันสะดวกกว่า)
ส่วนการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน Livingstone ไปในเมืองก็ต้องอาศัยพี่ Taxi ล้วนๆ หละครับ ซึ่งพูดตั้งแต่ตอนนี้เลย อย่าหาว่าผมกล่าวหาหรืออะไรเค้านะครับ แค่เปรียบเปรยเฉยๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แต่อยากบอกว่า 3 วันที่ 2 ประเทศนี้ ไปเที่ยวเหมือนโดนปล้น 555+ คือทุกอย่างแพงมากกก
อย่างค่า Taxi จากสนามบินเข้าเมือง ก็เบาๆ ครับ 10 เหรียญ ระยะทางก็ประมาณไม่ถึง 10 กิโล
เอาว่าชมวิวเพลินๆ ไประหว่างทางเข้าเมืองครับ
มาถึงโรงแรมที่ผมพักครับ Protea Hotel Livingstone ราคาค่าห้องตกคืนละประมาณ 4-5 พันบาทไทยครับ
จริงๆ โรงแรมที่เมืองนี้มีให้เลือกเยอะ และมีหลายราคา แต่ก่อนเดินทางไปผมยอมรับว่ากลัวอะไรๆ หลายอย่าง คือทั้งกลัวยุง กลัวความไม่เจริญของเมืองแล้วมันจะไม่สะอาด กลัวความไม่สะดวกในการเดินทางไปไหนต่อไหน นั่นโน่นนี่ เลยเลือกโรงแรมที่น่าจะโอเคนิดนึง อย่างน้อย Staff ของโรงแรมก็คงจะช่วยได้มาก และก็ไม่ผิดหวังครับ พนักงานของที่นี่ น่ารักมากๆ จริงๆ ทุกคนเลย ยิ้มแย้ม และช่วยเหลือมากๆ ใจเย็นและสุภาพทุกคน อันนี้ชื่นชมจากใจเลย
ขนาดว่าผมมีเหตุต้องทิ้งโลชั่นกันแดดที่สนามบินโจเบิร์ก และพอมาถึงที่นี่มันก็หาซื้อไม่ได้ ลองถามจากพนักงานว่ามีที่ซื้อไหม แกหายไปแป๊บเดียว แกหามาให้ 2 หลอด ไม่เก็บเงินซักบาทครับ
เอาบรรยากาศโรงแรมมาให้ชมครับ (งานนี้ไม่มีม้านะครับ จ่ายเงินเองทั้งค่าที่พักและอาหารทุกมื้อครับ)
หลังจากเก็บข้าวเก็บของกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาออกทำกิจกรรมกันละครับ กิจกรรมแรก ผมเลือกที่จะจองไปจากเมืองไทยครับ
สิริรวมค่าใช้จ่าย 200 ดอลครับ แพงขนาดนี้ มันคืออะไรไปตามชมด้านล่าง ส่วนใครจะไปแล้วจะจองผมแปะลิงค์ไว้ให้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.victoriafallszambia.travel/Lion_Cheetah_Experience
หุหุ .. เราจะมาเดินกันครับ แต่เราจะไม่เดินคนเดียว เราจะมาเดินกะพี่ๆ เค้าฮะ
กิจกรรมที่หนึ่ง เดินกับสิงโตเจ้าป่า
มันคือความฟินขั้นสุดกิจกรรมหนึ่งเลยฮะ หนึ่งชั่วโมงของการเดินไปกับพี่เค้า สนุกมากฮะ
ซึ่งรอบนี้ผมมีสาวชาวจีนมาร่วมเดินเป็นเพื่อนอีก 3 ท่าน ทั้ง 3 เคยไปเที่ยวเมืองไทยด้วย
เลยคุยกันสนุกเลยครับ
ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ชอบให้ยกหาง .. หุหุ
ถ้าถามว่าเดินกับเจ้าสิงโต ตื่นเต้นไหม บอกเลยว่าตื่นเต้นช่วงแรกๆ ครับที่เจอหน้ากัน
แต่หลังจากทำความคุ้นเคยกันซักแป๊บ ก็จะไม่ค่อยแล้ว พี่เค้าเหมือนจะไม่ค่อยสนใจอะไรเราเท่าไหร่
ส่วนสิ่งสำคัญเลยที่ต้องจำคือ .. ห้ามลูบหัว ห้ามลูบเท้า และห้ามตบ ห้ามเดินตัดหน้าระยะกระชั้นชิด ไม่งั้นพี่เค้าจะตกใจฮะ
หลังจากเดินเล่นกับลูกสิงโตเสร็จ เจ้าหน้าที่เค้าก็จะพาเรามาชมสิงโตเผือกและพ่อสิงโตครับ
หลังจากเสร็จกิจกรรมสิงโต ชาวจีนก็กลับไป เหลือผมอยู่คนเดียว เพราะผมเลือกที่จะเดินต่ออีก 1 ชั่วโมงกับพี่อีกคนนึงครับ
กิจกรรมที่ 2 เดินเล่นกับพี่ชีต้าร์
บอกตรงๆ ว่าระหว่างสิงโต กับ ชีต้าร์ ผมว่าพี่ชีต้าร์ออกแนวตื่นเต้นกว่า
เพราะตลอดระยะเวลา เหมือนแกจะสนใจเรา แกจะหันมามองหน้าเราอยู่เรื่อยๆ เลยไม่รู้ใจว่าแกคิดไรอยู่
คือ แกอาจจะคิดว่าเนื้อมันหอมดี ไขมันมันก็เยอะดีรึป่าวก็ไม่รู้ รู้แต่แกหันมามองตลอดเวลาฮะ
ก็กว่าจะเสร็จกิจกรรมนี้ ก็ล่อเข้าไปเย็นละครับ วันแรกนี้เลยไม่สามารถจัดสิ่งใดต่อได้
แต่ก่อนกลับทางเจ้าหน้าที่เค้าก็พาไปชมเจ้าตัวนี้ครับ เอาจริงๆ ผมลืมไปแล้วว่ามันตัวอะไร
ขนาดตัวมันไม่ใหญ่โต แต่ว่าดุเอาเรื่องเลยครับ เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เค้าต้องกั้นกรงระหว่างเจ้านี้กับชีต้าร์อย่างดี
เพราะเจ้านี่ เล่นตาพี่ชีต้าร์บอดไปหลายรอบ ใครรู้ว่ามันคือตัวไรฝากบอกหน่อยน่ะครับ
มื้อเย็นมื้อแรกที่แซมเบีย ผมก็จัดที่โรงแรมนี่แหละครับ สะดวกสุด เพราะจะนั่งรถเข้าไปในเมืองก็จะเจออีก 10 เหรียญ ซึ่งแพงมาก
ในขณะที่กินที่โรงแรม อาหารจะราคาไม่แพง ตกประมาณ 300 -500 ต่อมื้อครับ มื้อนี้ ลองอาหารแบบแซมเบียโดยแท้ทรู
เนื้อกวางผัดเครื่องเทศ กินกับแป้ง Nshima หรือแป้ง PAP ที่ผมเจอที่เคเอฟซี แอฟริกาใต้นั่นแหละครับ
บอกเลยว่าอร่อยโครตๆๆๆๆๆ ไม่มีกลิ่นสาปเลย หอมมาก น้ำซอสคือดีงามมากกกครับ
-------------
เช้าวันที่ 2 ในเมืองลิฟวิ่งสโตน แซมเบีย
เรายังอัดแน่นกันด้วยกิจกรรมครับ การมาเที่ยวเมืองนี้ คือการมาทำกิจกรรมอย่างแท้จริง มีให้เลือกสรรแบบว่าเป็นสิบๆ อย่าง
แต่ละอย่างก็แพงหูฉี่ 5555+ แต่คติในการท่องเที่ยวของผมคือ ไหนๆ ก็มาแล้ว ครั้งเดียว จัดให้เต็มที่
วันนี้ผมมีกิจกรรม 2 อย่างที่บุ๊คไว้ โดยไม่ได้จองมาจากเมืองไทยครับ มาทำการซื้อเอาที่โรงแรม ก็โดนเข้าไปอีก 140 เหรียญ (สลบ)
แต่จริงๆ เราสามารถจองมาได้นะครับ
อย่างแรก ช่วงสายๆ ผมก็เลือกที่จะไปที่น้ำตก Victoria Falls ก่อนครับ แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันที่เราจะไปเดินชมน้ำตก แต่เราจะไปว่ายน้ำในน้ำตกกัน
ซึ่งรอบนี้ไม่มีรถมารับแต่อย่างใด เราต้องเดินทางไปเองด้วย Taxi ครับ ซึ่งรอบนี้ที่โรงแรมที่ผมพัก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 2 ท่านก็จะไปว่ายน้ำด้วย เลยไปด้วยกัน ก็นั่งรถจากโรงแรม มายังทางเข้าน้ำตกของฝั่งแซมเบียครับ
แต่ว่ายังไม่ทันจะได้เข้าไปเลย ก็เจอเรื่องสนุกซะก่อนแล้ว เมื่อพี่บาบูนแกบุกออฟฟิศเจ้าหน้าที่น้ำตก ถึงกะตะลึงพรึงเพริดกันแบบที่เห็นในรูป
กว่าจะไล่พี่แกไปได้ ปั่นป่วนชนิดว่าโต๊ะตัวที่เห็นท้ายที่สุดที่ล้มลงไปเลยแหละครับ
เอาละครับได้เวลาไปที่สระ Devil's Pool กัน แต่ใครที่คิดอยากจะไปว่ายน้ำที่สระนี้ .. คือทำใจนิดนึงนะครับ
คือ คุณต้องเดินๆๆๆๆๆๆ ประมาณ 30 นาที และทางเดินก็อย่างที่เห็นในรูปครับ โครตลำบาก แถมอากาศเนี่ย ร้อนแบบร้อนนรกๆ เลย
และพี่ไกด์ที่นำทางไปเนี่ย แกเดินไวมากกก คุณก็ต้องเดินตามให้ทัน
ดังนั้นรองเท้าที่ควรใส่ไป ควรจะเป็นรองเท้าที่รัดส้น แต่ .. ผมไม่รู้ไง
ด้วยอารมณ์กลัวรองเท้าเปียกน้ำตอนเล่นเสร็จ ล่ออีแตะไปเลย .. คือ ลำบากมากกก
ดังนั้น อย่าเด็ดดขาดนะครับ
October in Africa .. 12 วันลุยเดี่ยวแอฟริกาใต้ - แซมเบีย - ซิมบับเว II
ขอโทษนะครับที่หายไปนาน .. แต่ยอมรับว่าช่วงนี้ผมแอบหมดไฟในการเขียน .. แต่ก็ยังอยากที่จะเขียนอยู่เพราะการไปเที่ยวแต่ละครั้งของผมก็ได้ข้อมูลแทบจะ 100% จากการอ่านพันทิพ จากกระทู้ท่านๆ ทั้งหลายนี่แหละครับ ก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์ของตัวเองมาแปะไว้บ้างเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ บ้างไม่มากก็น้อยครับ ยินดีตอบทุกคำถามนะครับ เพราะเวลาผมเขียนในนี้อาจจะไม่ได้ใส่พวกข้อมูลอะไรมากนัก แต่ถ้าท่านใดอยากทราบตรงไหนพิเศษก็ PM มาได้เลยครับ
ได้เวลาเดินทางต่อ .. ผมเดินทางออกจากแอฟริกาใต้ ด้วยสายการบิน South African Airways เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือไปยังประเทศแซมเบียครับ เอาวิวเหนือ Sandton มาฝากกันก่อนอำลาโจเบิร์ก
แอบสงสัยมานานว่าไอ้สวนวงกลมนี่มันหมายถึงอะไร มีทั่วทั้งแอฟริกาใต้ แซมเบีย และซิมบับเวเลย หรือเอเลี่ยนมาสร้างไว้เป็นเครื่องหมายอะไรฮะ?
ยอมรับว่าการนั่งเครื่องบินครั้งนี้เป็นครั้งที่ตื่นเต้นมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยนั่งมา เพราะตอนเครื่องลงนี่ ลมมันแรงมาก และเครื่องตกหลุมอากาศบ่อยมาก จนรู้สึกได้ถึงความสั่นของเครื่อง แต่ในที่สุดเราก็เดินทางได้อย่างปลอดภัยมาถึงเมือง Livingstone ครับ
ซึ่งอย่างแรกเลยที่รู้สึกทันทีที่ประตูเครื่องเปิดคือ ร้อนนนนนนนนนน ร้อนแบบร้อนมากกกกกก คือ จากแอฟริกาใต้ที่อากาศประมาณ 10 องศา
พอมาถึงแซมเบียคือ 40 ร้อนแบบละลายไปเลย
หลังจากเครื่องลงเรียบร้อย เราก็เข้าด่าน ตม. เท่าที่ผมทราบ คนไทยสามารถทำ Visa on Arrival ได้สำหรับประเทศแซมเบีย
แต่ส่วนตัวผม ผมเลือกที่จะทำ Online ล่วงหน้าไปเลย เพื่อลดความเสี่ยง และเท่าที่เห็นบางคน (ไม่ใช่คนไทย แต่ไม่ทราบว่าจากประเทศอะไร) ที่ไปทำวีซ่าที่นั่น จะโดนถามนั่นนี่วุ่นวายประมาณหนึ่ง ซึ่งเสียเวลา ส่วนการที่เราทำ Online ไปเลย เจ้าหน้าที่จะไม่ซักไซร้ให้วุ่นวาย ไปถึงรูดค่าวีซ่า จบเสร็จครับ
ดังนั้นถ้าท่านใดจะไป ก็ทำไปเลยดีกว่า >> https://evisa.zambiaimmigration.gov.zm/
ซึ่งการทำวีซ่าเข้าแซมเบีย มีให้เลือกแบบครั้งเดียว 50 US Dollar และแบบ Re-Entry 80 US Dollar ซึ่งผมเลือกอย่างหลัง เพราะว่าจะต้องออกจากแซมเบียข้ามไปซิมบับเวและกลับเข้ามาอีกครับ หลังผ่าน ตม. มาเรียบร้อย ก็มาเจอศุลกากร ซึ่งที่นี่เค้าให้เปิดกระเป๋าให้ดูเลยนะครับ ดังนั้น ใครอัดของไปแน่นๆ ตอนเปิดกระเป๋าก็ระวังนิดนึง ตอนเก็บมันเหนื่อยยยย .. คาดว่าเค้าคงตรวจเรื่องยานะครับ
หลังจากนั้น เราก็แลกเงิน (ซึ่งจริงๆ ถ้าใครพกเป็นเงิน US Dollar ไป จะไม่แลกก็ได้ครับ เพราะคนที่เมืองนี้ นิยมเงินดอลมากกว่าเงินตัวเอง แต่ผมก็เลือกที่จะแลกนะ เพราะบางทีเวลาให้ทิป มันสะดวกกว่า)
ส่วนการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน Livingstone ไปในเมืองก็ต้องอาศัยพี่ Taxi ล้วนๆ หละครับ ซึ่งพูดตั้งแต่ตอนนี้เลย อย่าหาว่าผมกล่าวหาหรืออะไรเค้านะครับ แค่เปรียบเปรยเฉยๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แต่อยากบอกว่า 3 วันที่ 2 ประเทศนี้ ไปเที่ยวเหมือนโดนปล้น 555+ คือทุกอย่างแพงมากกก
อย่างค่า Taxi จากสนามบินเข้าเมือง ก็เบาๆ ครับ 10 เหรียญ ระยะทางก็ประมาณไม่ถึง 10 กิโล
เอาว่าชมวิวเพลินๆ ไประหว่างทางเข้าเมืองครับ
มาถึงโรงแรมที่ผมพักครับ Protea Hotel Livingstone ราคาค่าห้องตกคืนละประมาณ 4-5 พันบาทไทยครับ
จริงๆ โรงแรมที่เมืองนี้มีให้เลือกเยอะ และมีหลายราคา แต่ก่อนเดินทางไปผมยอมรับว่ากลัวอะไรๆ หลายอย่าง คือทั้งกลัวยุง กลัวความไม่เจริญของเมืองแล้วมันจะไม่สะอาด กลัวความไม่สะดวกในการเดินทางไปไหนต่อไหน นั่นโน่นนี่ เลยเลือกโรงแรมที่น่าจะโอเคนิดนึง อย่างน้อย Staff ของโรงแรมก็คงจะช่วยได้มาก และก็ไม่ผิดหวังครับ พนักงานของที่นี่ น่ารักมากๆ จริงๆ ทุกคนเลย ยิ้มแย้ม และช่วยเหลือมากๆ ใจเย็นและสุภาพทุกคน อันนี้ชื่นชมจากใจเลย
ขนาดว่าผมมีเหตุต้องทิ้งโลชั่นกันแดดที่สนามบินโจเบิร์ก และพอมาถึงที่นี่มันก็หาซื้อไม่ได้ ลองถามจากพนักงานว่ามีที่ซื้อไหม แกหายไปแป๊บเดียว แกหามาให้ 2 หลอด ไม่เก็บเงินซักบาทครับ
เอาบรรยากาศโรงแรมมาให้ชมครับ (งานนี้ไม่มีม้านะครับ จ่ายเงินเองทั้งค่าที่พักและอาหารทุกมื้อครับ)
หลังจากเก็บข้าวเก็บของกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาออกทำกิจกรรมกันละครับ กิจกรรมแรก ผมเลือกที่จะจองไปจากเมืองไทยครับ
สิริรวมค่าใช้จ่าย 200 ดอลครับ แพงขนาดนี้ มันคืออะไรไปตามชมด้านล่าง ส่วนใครจะไปแล้วจะจองผมแปะลิงค์ไว้ให้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หุหุ .. เราจะมาเดินกันครับ แต่เราจะไม่เดินคนเดียว เราจะมาเดินกะพี่ๆ เค้าฮะ
กิจกรรมที่หนึ่ง เดินกับสิงโตเจ้าป่า
มันคือความฟินขั้นสุดกิจกรรมหนึ่งเลยฮะ หนึ่งชั่วโมงของการเดินไปกับพี่เค้า สนุกมากฮะ
ซึ่งรอบนี้ผมมีสาวชาวจีนมาร่วมเดินเป็นเพื่อนอีก 3 ท่าน ทั้ง 3 เคยไปเที่ยวเมืองไทยด้วย
เลยคุยกันสนุกเลยครับ
ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ชอบให้ยกหาง .. หุหุ
ถ้าถามว่าเดินกับเจ้าสิงโต ตื่นเต้นไหม บอกเลยว่าตื่นเต้นช่วงแรกๆ ครับที่เจอหน้ากัน
แต่หลังจากทำความคุ้นเคยกันซักแป๊บ ก็จะไม่ค่อยแล้ว พี่เค้าเหมือนจะไม่ค่อยสนใจอะไรเราเท่าไหร่
ส่วนสิ่งสำคัญเลยที่ต้องจำคือ .. ห้ามลูบหัว ห้ามลูบเท้า และห้ามตบ ห้ามเดินตัดหน้าระยะกระชั้นชิด ไม่งั้นพี่เค้าจะตกใจฮะ
หลังจากเดินเล่นกับลูกสิงโตเสร็จ เจ้าหน้าที่เค้าก็จะพาเรามาชมสิงโตเผือกและพ่อสิงโตครับ
หลังจากเสร็จกิจกรรมสิงโต ชาวจีนก็กลับไป เหลือผมอยู่คนเดียว เพราะผมเลือกที่จะเดินต่ออีก 1 ชั่วโมงกับพี่อีกคนนึงครับ
กิจกรรมที่ 2 เดินเล่นกับพี่ชีต้าร์
บอกตรงๆ ว่าระหว่างสิงโต กับ ชีต้าร์ ผมว่าพี่ชีต้าร์ออกแนวตื่นเต้นกว่า
เพราะตลอดระยะเวลา เหมือนแกจะสนใจเรา แกจะหันมามองหน้าเราอยู่เรื่อยๆ เลยไม่รู้ใจว่าแกคิดไรอยู่
คือ แกอาจจะคิดว่าเนื้อมันหอมดี ไขมันมันก็เยอะดีรึป่าวก็ไม่รู้ รู้แต่แกหันมามองตลอดเวลาฮะ
ก็กว่าจะเสร็จกิจกรรมนี้ ก็ล่อเข้าไปเย็นละครับ วันแรกนี้เลยไม่สามารถจัดสิ่งใดต่อได้
แต่ก่อนกลับทางเจ้าหน้าที่เค้าก็พาไปชมเจ้าตัวนี้ครับ เอาจริงๆ ผมลืมไปแล้วว่ามันตัวอะไร
ขนาดตัวมันไม่ใหญ่โต แต่ว่าดุเอาเรื่องเลยครับ เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า เค้าต้องกั้นกรงระหว่างเจ้านี้กับชีต้าร์อย่างดี
เพราะเจ้านี่ เล่นตาพี่ชีต้าร์บอดไปหลายรอบ ใครรู้ว่ามันคือตัวไรฝากบอกหน่อยน่ะครับ
มื้อเย็นมื้อแรกที่แซมเบีย ผมก็จัดที่โรงแรมนี่แหละครับ สะดวกสุด เพราะจะนั่งรถเข้าไปในเมืองก็จะเจออีก 10 เหรียญ ซึ่งแพงมาก
ในขณะที่กินที่โรงแรม อาหารจะราคาไม่แพง ตกประมาณ 300 -500 ต่อมื้อครับ มื้อนี้ ลองอาหารแบบแซมเบียโดยแท้ทรู
เนื้อกวางผัดเครื่องเทศ กินกับแป้ง Nshima หรือแป้ง PAP ที่ผมเจอที่เคเอฟซี แอฟริกาใต้นั่นแหละครับ
บอกเลยว่าอร่อยโครตๆๆๆๆๆ ไม่มีกลิ่นสาปเลย หอมมาก น้ำซอสคือดีงามมากกกครับ
-------------
เช้าวันที่ 2 ในเมืองลิฟวิ่งสโตน แซมเบีย
เรายังอัดแน่นกันด้วยกิจกรรมครับ การมาเที่ยวเมืองนี้ คือการมาทำกิจกรรมอย่างแท้จริง มีให้เลือกสรรแบบว่าเป็นสิบๆ อย่าง
แต่ละอย่างก็แพงหูฉี่ 5555+ แต่คติในการท่องเที่ยวของผมคือ ไหนๆ ก็มาแล้ว ครั้งเดียว จัดให้เต็มที่
วันนี้ผมมีกิจกรรม 2 อย่างที่บุ๊คไว้ โดยไม่ได้จองมาจากเมืองไทยครับ มาทำการซื้อเอาที่โรงแรม ก็โดนเข้าไปอีก 140 เหรียญ (สลบ)
แต่จริงๆ เราสามารถจองมาได้นะครับ
อย่างแรก ช่วงสายๆ ผมก็เลือกที่จะไปที่น้ำตก Victoria Falls ก่อนครับ แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันที่เราจะไปเดินชมน้ำตก แต่เราจะไปว่ายน้ำในน้ำตกกัน
ซึ่งรอบนี้ไม่มีรถมารับแต่อย่างใด เราต้องเดินทางไปเองด้วย Taxi ครับ ซึ่งรอบนี้ที่โรงแรมที่ผมพัก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 2 ท่านก็จะไปว่ายน้ำด้วย เลยไปด้วยกัน ก็นั่งรถจากโรงแรม มายังทางเข้าน้ำตกของฝั่งแซมเบียครับ
แต่ว่ายังไม่ทันจะได้เข้าไปเลย ก็เจอเรื่องสนุกซะก่อนแล้ว เมื่อพี่บาบูนแกบุกออฟฟิศเจ้าหน้าที่น้ำตก ถึงกะตะลึงพรึงเพริดกันแบบที่เห็นในรูป
กว่าจะไล่พี่แกไปได้ ปั่นป่วนชนิดว่าโต๊ะตัวที่เห็นท้ายที่สุดที่ล้มลงไปเลยแหละครับ
เอาละครับได้เวลาไปที่สระ Devil's Pool กัน แต่ใครที่คิดอยากจะไปว่ายน้ำที่สระนี้ .. คือทำใจนิดนึงนะครับ
คือ คุณต้องเดินๆๆๆๆๆๆ ประมาณ 30 นาที และทางเดินก็อย่างที่เห็นในรูปครับ โครตลำบาก แถมอากาศเนี่ย ร้อนแบบร้อนนรกๆ เลย
และพี่ไกด์ที่นำทางไปเนี่ย แกเดินไวมากกก คุณก็ต้องเดินตามให้ทัน
ดังนั้นรองเท้าที่ควรใส่ไป ควรจะเป็นรองเท้าที่รัดส้น แต่ .. ผมไม่รู้ไง
ด้วยอารมณ์กลัวรองเท้าเปียกน้ำตอนเล่นเสร็จ ล่ออีแตะไปเลย .. คือ ลำบากมากกก
ดังนั้น อย่าเด็ดดขาดนะครับ