Europe Trip เที่ยว 8 เมืองสวยในฝัน
1. Budapest (Hungary) – ปูดาเปสต์เมืองที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ คลาสสิค โรแมนติก สวยทุกมุมมอง
2. Prague (Czech Republic) – ปรากเมืองเก่าที่ยังคงมีมนต์ขลังเหนือกาลเวลา
3. Cezky Krumlov (Czech republic)– เชสกี้ครุมลอฟเมืองแห่งเทพนิยายที่มีอยู่จริงบนโลก
4. Hallstatt (Austria) – ฮัลสตัทหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
5. Salzburg (Austria) – ซาลซ์บูร์กบ้านเกิดโมสาร์ตนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกระดับโลก
6. Munich (Germany) – มิวนิคสวรรค์ของนักดื่มเบียร์และขาหมูเยอรมันอันเรื่องชื่อ
7. Fussen (Germany) Neuschwanstein Castle – ปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา
8. Vienna (Austria) – เวียนนาเมืองที่พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะระดับโลก
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ที่ผมกับเพื่อนๆได้ไปท่องเที่ยวยุโรปตะวันออก 4 ประเทศ 8 เมือง รวมทั้งหมด 13 วัน กับค่าใช้จ่ายตลอดทริป 55,500 บาท เป็นการท่องเที่ยวแบบ Backpack ที่พวกเราแพลนเที่ยวกันเอง ทริปนี้มีสมาชิกร่วมอุดมการณ์ 4 คน ยุโรปทริปของพวกเราเกิดจากการรวมตัวของคนที่รักในการท่องเที่ยวและยากจะไปยุโรปตะวันออก เมืองที่มีความคลาสสิกและสวยงาม
โดยเนื้อหาของการรีวิวในส่วนแรกนี้ผมจะเน้นที่การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง การเขียนแผนการเดินทาง (Travel itinerary) เพื่อยื่นขอเชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) การจองที่พัก การใช้ Google map ในการวางแผนเที่ยวในแต่ละเมือง ค่าใช้จ่าย (Budget) และสุดท้ายเป็นการวีวิวการท่องเที่ยวในแต่ละเมือง ส่วนรายละเอียดแบบเจาะลึกนั้นผมจะมารีวิวอีกทีในครั้งต่อไปนะครับ
ผมหวังว่าการรีวิวของผมในครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆ อย่าเก็บความฝันที่อยากจะเที่ยวยุโรปไว้เป็นเพียงแค่ความฝัน เชื่อผมยุโรปไปเองได้ ง่ายนิดเดียว
ฝาก Japan and India trip ที่ผมเขียนรีวิวด้วยนะครับ
I. J a p a n ลุยเดี่ยว เที่ยวญี่ปุ่นเมืองหิมะ 6วัน 5คืน ด้วยเงิน 20,000 บาท:
https://ppantip.com/topic/36165471
II. I N D I A มนต์เสน่ห์ของดินแดนแห่งสีสันและอารยธรรมโบราณ:
https://ppantip.com/topic/37552831
III.V i e t n a m ชิลๆ คูลๆ คนเดียวที่ยวสบาย เมืองเก่า “ฮอยอัน” 4 วัน 3 คืน 7,000 นิดๆ
https://ppantip.com/topic/37845692
Part 1: การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
1.Timing: การเลือกช่วงเวลา
สำคัญมากนะครับเพราะเราจะได้เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของการแต่งตัวรวมถึงการวางแผนการเที่ยวได้ถูก โดยทริปนี้พวกเราเลือกเดิน ทางวันที่ 12-24 ตุลาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วง Autumn อากาศก็จะเริ่มเย็นลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นฤดูที่น่าเที่ยวของยุโรปอยู่นะครับ ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล อากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยก็สิบกว่าองศา กลางวันจะยังคงยาวนานกว่าช่วงหน้าหนาว ทำให้มีเวลาเที่ยวเยอะมากกว่าครับ
พอเลือกช่วงเวลาได้แล้วพวกเราก็ทำการหาตั๋วเครื่องบิน พวกเราได้ตั๋วราคาโปรโมชั่น 20,500 บาท จากสายการบิน Qatar ราคานี้รวมทุกอย่างแล้ว full service ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่พวกเราโอเคเลยกับสายการบินที่เคยขึ้นอันดับ 1 ของโลกมาแล้วอย่าง Qatar Airline.
ฤดูการในยุโรปตะวันออกก็จะแบ่งได้เป็น 4 ฤดู โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละฤดูดังนี้นะครับ
• Spring ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม– พฤษภาคม): Low 4°C, High 14°C
• Summer ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม): Low 14°C, High 25°C
• Autumn ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน): Low 5°C, High 13°C
• Winter ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์): Low: -6°C, High 0°C
ยุโรปก็จะมีความสวยงามของมันในแต่ละฤดูแตกต่างกัน
ช่วงที่พวกเราไปกันเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี บรรยากาศมันก็จะเหลืองๆ น้ำตาลๆ หน่อยครับ
2.Visa Applying: การยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าเชงเก้น
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าวีซ่าเชงเก้น (Shengen) กันก่อนนะครับ เชงเก้นเป็นวีซ่าสำหรับกลุ่มประเทศในโซนยุโรป วีซ่านี้สามารถท่องเที่ยวได้ 26 ประเทศในยุโรโซน โดยการเลือกขอวีซ่าเชงเก้นกับประเทศไหนดี มีวิธีพิจารณาอยู่ 2 ข้อคือ
1.เลือกขอวีซ่ากับประเทศที่อยู่นานที่สุด
2.กรณีที่เดินทางเฉลี่ยเท่ากันทุกประเทศ ให้ขอวีซ่ากับประเทศที่เข้าเป็นประเทศแรก
พวกเราอยู่ฮังการีนานสุดรวม 4 วันเราจึงขอวีซ่ากับประเทศนี้ โดยรายละเอียดของเอกสารที่ต้องเตรียมสามารถดูได้จากเวปไซด์ของทางสถานทูตฮังการี Link:
https://bangkok.mfa.gov.hu/tha/page/konzuli-tajekoztatas
สำหรับการเขียนแผนการเดินทาง (Travel itinerary) เพื่อยื่นขอเชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) เป็นการเขียนบอกรายละเอียดว่าเราจะไปที่ไหนบ้าง ไปอย่างไร พักที่ไหน เป็นระยะเวลานานแค่ไหนโดยต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับ การยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูตฮังการีถ้าเอกสารเราพร้อมเขียนแผนการเดินทางชัดเจน วีซ่าผ่านแน่นอนไม่ต้องสัมภาษณ์ด้วยครับ
3.Hotel Booking: การจองที่พัก
การเลือกที่พัก สิ่งที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆคือ Location คือต้องใกล้ระบบขนส่งสถานีรถไฟ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะเราคงไม่อยากเหนื่อยในการลากกระเป๋าเดินไกลๆ ผมมีทริกส่วนตัวครับ โดยผมจะใช้อยู่ 3 application/websites ในการเลือกที่พัก
1. Booking.com ที่พักส่วนใหญ่จะสามารถยกเลิกได้ จองก่อนได้เลยแล้วค่อยจ่ายเงินที่หลังเมื่อไปถึงโรงแรมตัว application ใช้ง่าย
2. Maps.google.com (Google map street view) อันนี้ใช้ดูสถานที่จริง ถึงแม้ตัวเราจะอยู่เมืองไทยแต่เราสามารถเข้าไปดูสถานที่จริงก่อนไปได้
3. TripAdvisor.com เป็นรีวิวจากนักเดินทางจริงๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติเขาจะค่อนข้าง comment กันตามจริงตั่งแต่การบริการ ความสะอาด ไปจนถึงที่ตั้งของโรงแรม ตารางข้างล่างผมรวบรวมที่พักตลอดทริปยุโรปของพวกเรา ผมทำเป็นตารางจะได้ง่ายในการจัดการ
ที่พักของพวกเราห้องจริงกับรูปในเนทก็จะเหมือนๆกันครับ ตบแต่งภายในสไตล์วินเทจ
4.Transportation: การพิจารณาเลือกการเดินทาง
การเดินทาง Public Transportation ในยุโรปตะวันออกมีความสะดวกสบายมาก โดยผมจะแบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ส่วนนะครับ
1.การเดินทางภายในตัวเมือง ส่วนใหญ่แล้วก็จะเหมือนๆกันหมดทุกเมืองคือ
- รถไฟใต้ดินหรือเมโทร (Metro)
- รถเมล์ลากหรือ โทรลิบุช (Trolley bus) ที่วิ่งตามสายเคเบิ้ล
- รถราง (Tram) รถเมล์ (Bus)
2.การเดินทางระหว่างเมืองและการเดินทางระหว่างประเทศ - ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 ประเทศ 8 เมือง เราใช้บริการทั้งรถบัส (บริษัท Student Agency, Flix bus, CK Shuttle) และรถไฟ (ของ ÖBB, DB)
- Student Agency บริษัทนี้ให้บริการเดินรถในหลายๆประเทศในยุโรป หลายคนพอได้ยินชื่อก็จะคิดว่าบริษัทนี้ให้บริการเฉพาะนักเรียน แต่จริงๆ แล้วเขาให้บริการกับทุกคน มี Wifi free บริการบนรถด้วย
https://www.studentagency.eu/en/
- CK Shuttle เป็นบริษัทที่ให้บริการในลักษณะ door-to-door เลือกได้ว่าจะให้เขาไปรับส่งที่ไหน
https://www.ckshuttle.cz/booking/
- ÖBB (Österreichische Bundesbahnen) เป็นองค์กรรถไฟแห่งชาติของประเทศออสเตรีย
http://www.oebb.at/en/
- DB (Deutsche Bundesbahn) เป็นบริษัทรถไฟหลักในประเทศเยอรมนี
https://www.bahn.com/en/view/index.shtml
ซึ่งเหมือนเช่นเคย ผมได้จอง online ไว้หมดแล้วจากเมืองไทย ผมสรุปให้ดูง่ายในแผนภาพนี้นะครับ
5.Studying: ศึกษาข้อมูลทำความรู้จักยุโรปก่อนไป
สำหรับพวกเราทริปนี้เป็นการไปเที่ยวยุโรปตะวันออกครั้งแรก ดังนั้นพวกเราจะให้ความสำคัญกับการทำการบ้าน ศึกษาขอมูลก่อนไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนอกจากจะหาร้านอาหารหรือสถานที่เที่ยวที่เป็น highlight หรือ the must แล้วสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการศึกษาข้อมูลว่าเราต้องถายรูปจากจุดไหน ถึงจะได้รูปภาพที่สวยงาม ซึ่งผมได้รวบรวมทริกต่างๆ ไว้แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่มืออชีพในการถ่ายรูป เราก็สามารถถ่ายรูปสวยๆ ได้ครับ
6.Google Mapping: ใช้คำนวนระยะทางและตำแหน่งสถานที่ต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน
เป็นการวาดภาพในหัวให้เราสามารถจินตนาการได้ว่าสถานที่เที่ยวต่างๆ อยู่ตรงไหนบ้าง ใกล้หรือไกลแค่ไหนจะได้วางแผนได้ว่าจะเดินไปหรือนั่งรถไฟเป็นต้น ซึ่งผมจะใช้ Google map แล้วเอามาใส่ใน Excel ทำแผนที่ท่องเที่ยวแบบเดียวกันนี้กับทุกเมืองทั้ง 8 เมืองตลอดทริปนี้ครับ ดั่งตัวอย่างรูปนี้เป็นเมืองปราก
7.Internet Sim/Pocket Wifi: เลือกใช้อะไรดี
ขอรีวิวจากประสบการณ์ตรงเลยนะครับ ประทับใจกับ AIS SIM2Fly มากสัญญาณเนทถือว่าแรงดีเลยทีเดียว ในทุกๆ เมืองที่ผมไปตลอดทริปนี้ ผมใช้ทั้ง Facebook Live, Upload รูปลง Social Network ตลอดเวลา หรือใช้ Google map หาเส้นทาง บอกเลยว่า 4GB ยังเหลือครับ แนะนะเลยครับว่า Sim2Fly ของ AIS เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก 899 บาท สามารถเล่นเน็ตได้เต็มสปีด 4GB นาน 15 วัน…. ผมว่าวิธีคำนวณจำนวน GB ที่ใช้ต่างจากบ้านเราครับเพราะว่าผมใช้อย่างไงก็ไม่เกินครับ ส่วน Pocket Wifi ขอเสียคือราคาแพงกว่าและคุณต้องจับกลุ่มกันไปตลอดทริป ไม่งั้นสัญญาณ wifi จะหลุดทันทีต่างกับ internet sim ที่ให้อิสระในการใช้งานมากว่านั้นเอง
8.Travel Budget – 55,500 บาท/คน
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปของพวกเรา 4 ประเทศ 8 เมืองรวมทั้งหมด 13 วันโดยแบ่งตามประเภทค่าใช้จ่ายดังนี้
[CR] Europe Trip in Autumn 8 เมืองสวยในฝันดั่งเทพนิยาย แห่งยุโรปตะวันออก
1. Budapest (Hungary) – ปูดาเปสต์เมืองที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ คลาสสิค โรแมนติก สวยทุกมุมมอง
2. Prague (Czech Republic) – ปรากเมืองเก่าที่ยังคงมีมนต์ขลังเหนือกาลเวลา
3. Cezky Krumlov (Czech republic)– เชสกี้ครุมลอฟเมืองแห่งเทพนิยายที่มีอยู่จริงบนโลก
4. Hallstatt (Austria) – ฮัลสตัทหมู่บ้านริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
5. Salzburg (Austria) – ซาลซ์บูร์กบ้านเกิดโมสาร์ตนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกระดับโลก
6. Munich (Germany) – มิวนิคสวรรค์ของนักดื่มเบียร์และขาหมูเยอรมันอันเรื่องชื่อ
7. Fussen (Germany) Neuschwanstein Castle – ปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา
8. Vienna (Austria) – เวียนนาเมืองที่พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะระดับโลก
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ที่ผมกับเพื่อนๆได้ไปท่องเที่ยวยุโรปตะวันออก 4 ประเทศ 8 เมือง รวมทั้งหมด 13 วัน กับค่าใช้จ่ายตลอดทริป 55,500 บาท เป็นการท่องเที่ยวแบบ Backpack ที่พวกเราแพลนเที่ยวกันเอง ทริปนี้มีสมาชิกร่วมอุดมการณ์ 4 คน ยุโรปทริปของพวกเราเกิดจากการรวมตัวของคนที่รักในการท่องเที่ยวและยากจะไปยุโรปตะวันออก เมืองที่มีความคลาสสิกและสวยงาม
โดยเนื้อหาของการรีวิวในส่วนแรกนี้ผมจะเน้นที่การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง การเขียนแผนการเดินทาง (Travel itinerary) เพื่อยื่นขอเชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) การจองที่พัก การใช้ Google map ในการวางแผนเที่ยวในแต่ละเมือง ค่าใช้จ่าย (Budget) และสุดท้ายเป็นการวีวิวการท่องเที่ยวในแต่ละเมือง ส่วนรายละเอียดแบบเจาะลึกนั้นผมจะมารีวิวอีกทีในครั้งต่อไปนะครับ
ผมหวังว่าการรีวิวของผมในครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆ อย่าเก็บความฝันที่อยากจะเที่ยวยุโรปไว้เป็นเพียงแค่ความฝัน เชื่อผมยุโรปไปเองได้ ง่ายนิดเดียว
ฝาก Japan and India trip ที่ผมเขียนรีวิวด้วยนะครับ
I. J a p a n ลุยเดี่ยว เที่ยวญี่ปุ่นเมืองหิมะ 6วัน 5คืน ด้วยเงิน 20,000 บาท: https://ppantip.com/topic/36165471
II. I N D I A มนต์เสน่ห์ของดินแดนแห่งสีสันและอารยธรรมโบราณ: https://ppantip.com/topic/37552831
III.V i e t n a m ชิลๆ คูลๆ คนเดียวที่ยวสบาย เมืองเก่า “ฮอยอัน” 4 วัน 3 คืน 7,000 นิดๆ https://ppantip.com/topic/37845692
1.Timing: การเลือกช่วงเวลา
สำคัญมากนะครับเพราะเราจะได้เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องของการแต่งตัวรวมถึงการวางแผนการเที่ยวได้ถูก โดยทริปนี้พวกเราเลือกเดิน ทางวันที่ 12-24 ตุลาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วง Autumn อากาศก็จะเริ่มเย็นลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นฤดูที่น่าเที่ยวของยุโรปอยู่นะครับ ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล อากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยก็สิบกว่าองศา กลางวันจะยังคงยาวนานกว่าช่วงหน้าหนาว ทำให้มีเวลาเที่ยวเยอะมากกว่าครับ
พอเลือกช่วงเวลาได้แล้วพวกเราก็ทำการหาตั๋วเครื่องบิน พวกเราได้ตั๋วราคาโปรโมชั่น 20,500 บาท จากสายการบิน Qatar ราคานี้รวมทุกอย่างแล้ว full service ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่พวกเราโอเคเลยกับสายการบินที่เคยขึ้นอันดับ 1 ของโลกมาแล้วอย่าง Qatar Airline.
ฤดูการในยุโรปตะวันออกก็จะแบ่งได้เป็น 4 ฤดู โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละฤดูดังนี้นะครับ
• Spring ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม– พฤษภาคม): Low 4°C, High 14°C
• Summer ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม): Low 14°C, High 25°C
• Autumn ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน): Low 5°C, High 13°C
• Winter ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์): Low: -6°C, High 0°C
ยุโรปก็จะมีความสวยงามของมันในแต่ละฤดูแตกต่างกัน
ช่วงที่พวกเราไปกันเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี บรรยากาศมันก็จะเหลืองๆ น้ำตาลๆ หน่อยครับ
2.Visa Applying: การยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่าเชงเก้น
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าวีซ่าเชงเก้น (Shengen) กันก่อนนะครับ เชงเก้นเป็นวีซ่าสำหรับกลุ่มประเทศในโซนยุโรป วีซ่านี้สามารถท่องเที่ยวได้ 26 ประเทศในยุโรโซน โดยการเลือกขอวีซ่าเชงเก้นกับประเทศไหนดี มีวิธีพิจารณาอยู่ 2 ข้อคือ
1.เลือกขอวีซ่ากับประเทศที่อยู่นานที่สุด
2.กรณีที่เดินทางเฉลี่ยเท่ากันทุกประเทศ ให้ขอวีซ่ากับประเทศที่เข้าเป็นประเทศแรก
พวกเราอยู่ฮังการีนานสุดรวม 4 วันเราจึงขอวีซ่ากับประเทศนี้ โดยรายละเอียดของเอกสารที่ต้องเตรียมสามารถดูได้จากเวปไซด์ของทางสถานทูตฮังการี Link: https://bangkok.mfa.gov.hu/tha/page/konzuli-tajekoztatas
สำหรับการเขียนแผนการเดินทาง (Travel itinerary) เพื่อยื่นขอเชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) เป็นการเขียนบอกรายละเอียดว่าเราจะไปที่ไหนบ้าง ไปอย่างไร พักที่ไหน เป็นระยะเวลานานแค่ไหนโดยต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับ การยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูตฮังการีถ้าเอกสารเราพร้อมเขียนแผนการเดินทางชัดเจน วีซ่าผ่านแน่นอนไม่ต้องสัมภาษณ์ด้วยครับ
3.Hotel Booking: การจองที่พัก
การเลือกที่พัก สิ่งที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆคือ Location คือต้องใกล้ระบบขนส่งสถานีรถไฟ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะเราคงไม่อยากเหนื่อยในการลากกระเป๋าเดินไกลๆ ผมมีทริกส่วนตัวครับ โดยผมจะใช้อยู่ 3 application/websites ในการเลือกที่พัก
1. Booking.com ที่พักส่วนใหญ่จะสามารถยกเลิกได้ จองก่อนได้เลยแล้วค่อยจ่ายเงินที่หลังเมื่อไปถึงโรงแรมตัว application ใช้ง่าย
2. Maps.google.com (Google map street view) อันนี้ใช้ดูสถานที่จริง ถึงแม้ตัวเราจะอยู่เมืองไทยแต่เราสามารถเข้าไปดูสถานที่จริงก่อนไปได้
3. TripAdvisor.com เป็นรีวิวจากนักเดินทางจริงๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติเขาจะค่อนข้าง comment กันตามจริงตั่งแต่การบริการ ความสะอาด ไปจนถึงที่ตั้งของโรงแรม ตารางข้างล่างผมรวบรวมที่พักตลอดทริปยุโรปของพวกเรา ผมทำเป็นตารางจะได้ง่ายในการจัดการ
ที่พักของพวกเราห้องจริงกับรูปในเนทก็จะเหมือนๆกันครับ ตบแต่งภายในสไตล์วินเทจ
4.Transportation: การพิจารณาเลือกการเดินทาง
การเดินทาง Public Transportation ในยุโรปตะวันออกมีความสะดวกสบายมาก โดยผมจะแบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ส่วนนะครับ
1.การเดินทางภายในตัวเมือง ส่วนใหญ่แล้วก็จะเหมือนๆกันหมดทุกเมืองคือ
- รถไฟใต้ดินหรือเมโทร (Metro)
- รถเมล์ลากหรือ โทรลิบุช (Trolley bus) ที่วิ่งตามสายเคเบิ้ล
- รถราง (Tram) รถเมล์ (Bus)
2.การเดินทางระหว่างเมืองและการเดินทางระหว่างประเทศ - ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 ประเทศ 8 เมือง เราใช้บริการทั้งรถบัส (บริษัท Student Agency, Flix bus, CK Shuttle) และรถไฟ (ของ ÖBB, DB)
- Student Agency บริษัทนี้ให้บริการเดินรถในหลายๆประเทศในยุโรป หลายคนพอได้ยินชื่อก็จะคิดว่าบริษัทนี้ให้บริการเฉพาะนักเรียน แต่จริงๆ แล้วเขาให้บริการกับทุกคน มี Wifi free บริการบนรถด้วย https://www.studentagency.eu/en/
- CK Shuttle เป็นบริษัทที่ให้บริการในลักษณะ door-to-door เลือกได้ว่าจะให้เขาไปรับส่งที่ไหน https://www.ckshuttle.cz/booking/
- ÖBB (Österreichische Bundesbahnen) เป็นองค์กรรถไฟแห่งชาติของประเทศออสเตรีย http://www.oebb.at/en/
- DB (Deutsche Bundesbahn) เป็นบริษัทรถไฟหลักในประเทศเยอรมนี https://www.bahn.com/en/view/index.shtml
ซึ่งเหมือนเช่นเคย ผมได้จอง online ไว้หมดแล้วจากเมืองไทย ผมสรุปให้ดูง่ายในแผนภาพนี้นะครับ
5.Studying: ศึกษาข้อมูลทำความรู้จักยุโรปก่อนไป
สำหรับพวกเราทริปนี้เป็นการไปเที่ยวยุโรปตะวันออกครั้งแรก ดังนั้นพวกเราจะให้ความสำคัญกับการทำการบ้าน ศึกษาขอมูลก่อนไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนอกจากจะหาร้านอาหารหรือสถานที่เที่ยวที่เป็น highlight หรือ the must แล้วสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการศึกษาข้อมูลว่าเราต้องถายรูปจากจุดไหน ถึงจะได้รูปภาพที่สวยงาม ซึ่งผมได้รวบรวมทริกต่างๆ ไว้แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่มืออชีพในการถ่ายรูป เราก็สามารถถ่ายรูปสวยๆ ได้ครับ
6.Google Mapping: ใช้คำนวนระยะทางและตำแหน่งสถานที่ต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน
เป็นการวาดภาพในหัวให้เราสามารถจินตนาการได้ว่าสถานที่เที่ยวต่างๆ อยู่ตรงไหนบ้าง ใกล้หรือไกลแค่ไหนจะได้วางแผนได้ว่าจะเดินไปหรือนั่งรถไฟเป็นต้น ซึ่งผมจะใช้ Google map แล้วเอามาใส่ใน Excel ทำแผนที่ท่องเที่ยวแบบเดียวกันนี้กับทุกเมืองทั้ง 8 เมืองตลอดทริปนี้ครับ ดั่งตัวอย่างรูปนี้เป็นเมืองปราก
7.Internet Sim/Pocket Wifi: เลือกใช้อะไรดี
ขอรีวิวจากประสบการณ์ตรงเลยนะครับ ประทับใจกับ AIS SIM2Fly มากสัญญาณเนทถือว่าแรงดีเลยทีเดียว ในทุกๆ เมืองที่ผมไปตลอดทริปนี้ ผมใช้ทั้ง Facebook Live, Upload รูปลง Social Network ตลอดเวลา หรือใช้ Google map หาเส้นทาง บอกเลยว่า 4GB ยังเหลือครับ แนะนะเลยครับว่า Sim2Fly ของ AIS เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก 899 บาท สามารถเล่นเน็ตได้เต็มสปีด 4GB นาน 15 วัน…. ผมว่าวิธีคำนวณจำนวน GB ที่ใช้ต่างจากบ้านเราครับเพราะว่าผมใช้อย่างไงก็ไม่เกินครับ ส่วน Pocket Wifi ขอเสียคือราคาแพงกว่าและคุณต้องจับกลุ่มกันไปตลอดทริป ไม่งั้นสัญญาณ wifi จะหลุดทันทีต่างกับ internet sim ที่ให้อิสระในการใช้งานมากว่านั้นเอง
8.Travel Budget – 55,500 บาท/คน
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปของพวกเรา 4 ประเทศ 8 เมืองรวมทั้งหมด 13 วันโดยแบ่งตามประเภทค่าใช้จ่ายดังนี้