. . . Way back into love . . .
สวัสดีคนแปลกหน้าทุกท่าน วันนี้เรากลับมารีวิวอีกครั้งหลังจากหายสาบสูญไปนานเกือบปี สำหรับฤดูการแบ็คแพ็คของเราช่วงนี้เริ่มเมื่อปลายฝนต้นหนาวช่วงเดือนกันยา ไต่ขึ้นมาตั้งแต่เชียงใหม่ลงน่านและย้อนกลับขึ้นไปเชียงรายอีกครั้ง แรงบันดาลใจในทริปนี้คือ "ตามรอยนิยายของสาววาย" ในเรื่อง SIN: GREED ของน้องหนูข้าวปั้น Nigiri-Sushi นักเขียนแนวหน้าในใจของเราเอง
เนื่องด้วยบ้านพระเอกในนิยายอยู่ที่ อ.ปัว จ.น่าน ทำให้เราเก็บทริปโน่น นี่ น่าน ได้หลายอำเภอ และบ่อเกลือก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกต้นๆ ของทริปครั้งนี้ ว่าด้วยเรื่องของที่พัก เราเสาะหาที่พักติดอันดับต้นๆ แต่เมื่อห้องเต็ม เราก็ต้องเสาะแสวงหาที่ใหม่ๆ และต้องเป็นที่ๆ โดนใจโซโลแบ็คแพ็คอีกด้วย ทริปครั้งนี้จึงตกลงปลงใจมาพักที่ "ปลายมาง...ทางรัก" รีสอร์ทเล็กๆ สะพรั่งด้วยบ้านลูกกวาดหลากสี เหมือนอยู่ในอลิซวันเดอร์แลนด์ บรรยากาศอบอุ่น อยู่ริมแม่น้ำมาง
การเดินทางของเราได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์จาก อ.ปัว ใช้เส้นสันติสุข-บ่อเกลือ ช่วงที่ไปโหดหน่อย และวัดใจด้วย เนื่องจากมีการทำถนน ซึ่งสภาพหลังฝนตกคือโคลน โคลน โคลน และโคลน แมงกะไซด์ที่เช่ามา 125CC พร้อมคนขับที่เคยเป็นอาจารย์ช่างยนต์แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเอ็นจิเนียร์ในโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้เราพาชีวิตรอดมาได้จากถนนลอยฟ้า ถนนที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่าไปบ่อเกลือต้องมาเส้นนี้ เพราะเส้นทางและโค้งต่างๆ งดงามจับใจจริงๆ
เป็นโชคดีที่สุดของที่สุดคือระหว่างที่เราออกเดินทางได้แต่ภาวนาขอให้ฝนอย่าตก เพราะเราเดินทางมาถึงนี่เย็นมากๆ ราวๆ 4โมงครึ่ง เรามากับรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน และการเดินทางจากนี่ไปบ่อเกลือนั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ด้วยทางที่เป็นโคลนทำให้เราใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ระหว่างทางไม่มีที่พักให้หลบฝน บ้านคนหาได้ยากมาก สองข้างทางคือดงหญ้า มองออกไปข้างหน้า ซ้ายขวาก็เจอแต่ภูเขาสีเขียวสูงใหญ่ทุกอย่างเขียวขจี เขียวชะอุ่ม พร้อมกับสายหมอกยามเย็นใกล้ค่ำที่โอบล้อมรอบตัวเรา จนรู้สึกตกหลุมรักที่นี่แบบไม่น่าให้อภัย
I've been living with a shadow overhead
I've been sleeping with a cloud above my bed
I've been lonely for so long
Trapped in the past, I just can't seem to move on
ท้ายที่สุดก่อนใกล้ค่ำคืนนี้เราก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัยตามด้วยสายฝนอันโปรยปรายต้อนรับ เราได้จองห้องพักล่วงหน้าไว้ ซึ่งจากการอ่านรีวิวอย่างเข้มข้นเราจึงรู้ว่า "บ้านสีขาว" เป็นบ้านที่น่าอยู่สมคำรีวิว ราคาที่พักต่อคืน 1,500บาทรวมอาหารเช้า บรรยากาศห้องตามคอนเซ็ปของสีขาว มีการดัดลวดขาวเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ อ่านไปอ่านมานี่คือเพลงๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในหนังเรื่อง Music & Lyrics
I've been hiding all my hopes and dreams away
[CR] สุดสาย...ที่ปลายมาง (ท้องฟ้า สายน้ำ สายหมอก และขุนเขา โอบกอดเราที่บ่อเกลือ)
สวัสดีคนแปลกหน้าทุกท่าน วันนี้เรากลับมารีวิวอีกครั้งหลังจากหายสาบสูญไปนานเกือบปี สำหรับฤดูการแบ็คแพ็คของเราช่วงนี้เริ่มเมื่อปลายฝนต้นหนาวช่วงเดือนกันยา ไต่ขึ้นมาตั้งแต่เชียงใหม่ลงน่านและย้อนกลับขึ้นไปเชียงรายอีกครั้ง แรงบันดาลใจในทริปนี้คือ "ตามรอยนิยายของสาววาย" ในเรื่อง SIN: GREED ของน้องหนูข้าวปั้น Nigiri-Sushi นักเขียนแนวหน้าในใจของเราเอง
เนื่องด้วยบ้านพระเอกในนิยายอยู่ที่ อ.ปัว จ.น่าน ทำให้เราเก็บทริปโน่น นี่ น่าน ได้หลายอำเภอ และบ่อเกลือก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกต้นๆ ของทริปครั้งนี้ ว่าด้วยเรื่องของที่พัก เราเสาะหาที่พักติดอันดับต้นๆ แต่เมื่อห้องเต็ม เราก็ต้องเสาะแสวงหาที่ใหม่ๆ และต้องเป็นที่ๆ โดนใจโซโลแบ็คแพ็คอีกด้วย ทริปครั้งนี้จึงตกลงปลงใจมาพักที่ "ปลายมาง...ทางรัก" รีสอร์ทเล็กๆ สะพรั่งด้วยบ้านลูกกวาดหลากสี เหมือนอยู่ในอลิซวันเดอร์แลนด์ บรรยากาศอบอุ่น อยู่ริมแม่น้ำมาง
การเดินทางของเราได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์จาก อ.ปัว ใช้เส้นสันติสุข-บ่อเกลือ ช่วงที่ไปโหดหน่อย และวัดใจด้วย เนื่องจากมีการทำถนน ซึ่งสภาพหลังฝนตกคือโคลน โคลน โคลน และโคลน แมงกะไซด์ที่เช่ามา 125CC พร้อมคนขับที่เคยเป็นอาจารย์ช่างยนต์แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเอ็นจิเนียร์ในโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้เราพาชีวิตรอดมาได้จากถนนลอยฟ้า ถนนที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่าไปบ่อเกลือต้องมาเส้นนี้ เพราะเส้นทางและโค้งต่างๆ งดงามจับใจจริงๆ
เป็นโชคดีที่สุดของที่สุดคือระหว่างที่เราออกเดินทางได้แต่ภาวนาขอให้ฝนอย่าตก เพราะเราเดินทางมาถึงนี่เย็นมากๆ ราวๆ 4โมงครึ่ง เรามากับรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน และการเดินทางจากนี่ไปบ่อเกลือนั้นใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ด้วยทางที่เป็นโคลนทำให้เราใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ระหว่างทางไม่มีที่พักให้หลบฝน บ้านคนหาได้ยากมาก สองข้างทางคือดงหญ้า มองออกไปข้างหน้า ซ้ายขวาก็เจอแต่ภูเขาสีเขียวสูงใหญ่ทุกอย่างเขียวขจี เขียวชะอุ่ม พร้อมกับสายหมอกยามเย็นใกล้ค่ำที่โอบล้อมรอบตัวเรา จนรู้สึกตกหลุมรักที่นี่แบบไม่น่าให้อภัย
ท้ายที่สุดก่อนใกล้ค่ำคืนนี้เราก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัยตามด้วยสายฝนอันโปรยปรายต้อนรับ เราได้จองห้องพักล่วงหน้าไว้ ซึ่งจากการอ่านรีวิวอย่างเข้มข้นเราจึงรู้ว่า "บ้านสีขาว" เป็นบ้านที่น่าอยู่สมคำรีวิว ราคาที่พักต่อคืน 1,500บาทรวมอาหารเช้า บรรยากาศห้องตามคอนเซ็ปของสีขาว มีการดัดลวดขาวเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ อ่านไปอ่านมานี่คือเพลงๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในหนังเรื่อง Music & Lyrics
จากการเป็นสก๊อยนั่งซ้อนท้ายเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง เมื่อถึงที่พักกระเพาะก็ทำงานทันที ซึ่งเป้าหมายมื้อค่ำของเราจะฝากท้องไว้ที่ร้าน "เตาฟืน" ร้านอาหารเล็กๆ ไม่ไกลจากที่พัก ซึ่งอากาศเย็นๆ ฝนตกปรอยๆ แบบนี้เมนูจิ้มจุ่มคงเหมาะที่สุดแล้ว ตบด้วยโค้กแก้กระหาย และเบียร์เย็นๆ 2 ขวดเคล้าบรรยากาศโรแมนติกช่วยทำให้หลับสบายไปอีกคืน
ตื่นมายามเช้า ต้อนรับอากาศที่สดใสแต่พยากรณ์อากาศแจ้งว่าบ่ายๆ จะมีฝนตก เราจึงใช้ชีวิตติดเร่งรีบแต่ก็ยังมีความสโลว์ไลฟ์อยู่
สำหรับมื้อเช้าของที่นี่เสิร์ฟอาหารเซทน่ารักกรุบกริบ ปริมาณกำลังทานอิ่มแบบพอดี และที่สำคัญมุมถ่ายรูปที่ห้องอาหารเยอะมากจนต้องกดชัตเตอร์แบบรัวๆ
หลังจากอิ่มหนำสำราญไปกับอาหารเช้าแล้ว เราก็เก็บภาพบรรยากาศของรีสอร์ทกัน ซึ่งอย่างที่บอกว่าที่นี่มี Room Type ให้เลือกตามความชอบ จะบ้านลูกกวาดสุดแสนน่ารักแต่ห้องน้ำรวม ต้องการสวีทสองต่อสองพร้อมระเบียงส่วนตัวก็มี White Room หรือ Black Room มาแบบครอบครัว 4 ท่าน หรือแบบหมู่คณะ 10คนก็มีห้องพักให้ได้นอนกันหลายๆ คนแบบอบอุ่นไปอีก ราคาห้องพักก็ตามนี้ส่วน White Room ที่เราพักคือห้อง A1 คืนละ 1,500 บาทจ้าาาา
หลังริมสุด พร้อมระเบียงส่วนตัวสุดกับห้อง A1 White Room เรานอนหลังนี้กันค่ะ ห้องริมสุดฝั่งซ้ายมือ ถ่ายภาพจากหลังห้องค่ะ ด้านหน้าจะเป็นวิวภูเขา และมีแม่น้ำไหลผ่านหน้าห้องพัก
A2 Black Room ห้องข้างๆ พร้อมระเบียงส่วนตัว ใครชอบโทนมืดๆ ลึกลับ สุขุม ลุ่มลึกก็ต้องห้องนี้
A5 A6 A7 ห้อง Container Room ริมน้ำเช่นกันแต่ไม่มีระเบียง เลยแชะภาพซะ
A3 ห้องพักแบบหมู่คณะสำหรับ 10ท่าน ห้องนี้มันชิวตรงที่มีดานฟ้านั่งชิลล์ด้านบนนี่แหละ
ถ้าจำไม่ผิดนี่คือห้อง A4 สำหรับครอบครัว 4 ท่านจ้าาาาา
สุดท้ายคือบ้านสีลูกกวาด เป็นบ้านพักสำหรับสองท่าน โซน Mountain View ห้องน้ำรวม ความน่ารักของที่พักโซนนี้คือเหมือนพักอยู่ในแนวป่าสนทำให้นึกถึงนิทานเรื่อง ฮันเซล เกรเทลกับแม่มดใจร้าย 555++ (แต่คนที่นี่ใจดีน้าาา ไม่จับเราเข้าเตาย่างจ้า)
และนี่คือบริเวณรอบๆ ที่พักค่ะ