คำเตือนบทความต่อไปนี้ไม่สามรถหาเเหล่งอ้างอิงที่ถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นได้โปรดใช้วิจารณญาณ
(การระบุจำเเนกจะอ้างอิงตามโมเดลหลัก)
ประวัติเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://en.wikipedia.org/wiki/CETME_rifle
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://en.wikipedia.org/wiki/Heckler_%26_Koch_G3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://en.wikipedia.org/wiki/CEAM_Mod%C3%A8le_1950
เกิดที่เยอรมันไปโตที่สเปน
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปวิศวกรและผู้ออกแบบระบบอาวุธต่างๆให้กองทัพเยอรมันหลายคนได้ย้ายไปทำงานต่างประเทศหนึ่งในนั้นก็คือ Ludwig Vorgrimler ผู้ออกแบบระบบ Roller-delayed blowback ที่ถูกใช้ใน StG 45(M) เพื่อลดเวลาการผลิตลงปืนรุ่นนี้ผลิตได้ง่ายและรวดเร็วกว่า StG 44 มากเพราะใช้กรรมวิธีการผลิตที่เรียบง่ายมีประสิทธิภาพเรื่องความเร็วในการผลิตแต่สงครามสิ้นสุดลงเสียก่อนได้ Ludwig Vorgrimler ได้ไปทำงานในฝรั่งเศสก่อนย้ายไปพึ่งบารมีของ จอมพล ฟรันซิสโก ฟรังโก จอมเผด็จการที่เคยได้รับการสนับสนุนด้วยกำลังคนและอาวุธจากเยอรมันจนสามารถชนะสงครามต่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองสเปนได้ เมื่อวิศวกรคนนี้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยในสเปนเขาจึงได้เริ่มสานต่องานที่ค้างเอาไว้ในเยอรมันทันที Vorgrimler ออกแบบไรเฟิลจู่โจมขึ้นมาใหม่โดยนำระบบ Roller-delayed blowback ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา StG 45(M) จากตอนสงครามโดยร่วมงานกับ CETME ผู้ผลิตอาวุธให้แก่รัฐบาลสเปนตัวต้นแบบของ CETME นั้นใช้กระสุนขนาด 7.92×33mm Kurz เเละ 7.92×40mm CETME แต่ภายหลังเมื่อองค์กรนาโต้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นปืนก็ได้ขยับขึ้นจากไรเฟิลจู่โจมไปเป็น Battle Rifle ทันทีเพราะใช้กระสุน 7.62×51mm NATO ที่ใหญ่ขึ้นเเละเป็นปืนเล็กยาวรุ่นเเรกๆที่ตรงตามมาตรฐานนาโต้
CETME Battle Rifle ประจำการในกองทัพสเปนจนถึงช่วง 1987 ก็ถูกแทนที่ด้วย CETME Model L ที่ใช้กระสุน 5.56×45mm NATO และประจำการไปจนถึงปี 1999 ก็ถูกแทนที่ด้วยปืนเยอรมัน G36 แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นอาวุธสำรองในราชการของกองทัพสเปน
กลับคืนสู่บ้าน
บริษัท HK ก่อตั้งขึ้นในเขตปกครองของฝ่ายตะวันตก(อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ) ในช่วงที่สถานการณ์สงครามเย็นเริ่มตึงเครียดขึ้นฝ่ายตะวันตกตัดสินใจก่อตั้งประเทศเยอรมันตะวันตกขึ้นเพื่อเป็นหน้าด่านในการเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียตในอนาคตบริษัท HK เข้ามารับหน้าที่ในการผลิตอาวุธปืนให้แก่ Bundeswehr กองทัพใหม่ของเยอรมันตะวันตกระยะแรกทหารของ Bundeswehr ต้องใช้ปืนไรเฟิล G1 หนึ่งซึ่งมันก็คือ FN FAL นั่นแหละแต่ด้วยความเป็นชาตินิยมของเยอรมันจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจพัฒนา Battle Rifle เป็นของตัวเองผลิตในเยอรมันและให้คนเยอรมันใช้ ทำให้ HK ติดต่อไปยัง CETME และเมาเซอร์ เพื่อช่วยกันพัฒนา Battle Rifle สำหรับ Bundeswehr และนั่นก็คือต้นกำเนิดของปืน HK G3 อันเลื่องชื่อ. PSG-1 มีต้นกำเนิดมาจากการที่มีคนเอา G3 ไปใช้ในลักษณะของ DMR Rifle และผลปรากฏว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมากจึงได้ออกรุ่น SG กับ MSG ออกมาเพื่อใช้งานเป็น DMR Rifle โดยตรงและต่อมาก็เกิดความพอใจในเรื่องความแม่นยำมากขึ้นจนในที่สุดจึงได้มีการผลิต PSG-1 ออกมาเพื่อใช้งานเป็น Sniper rifle โดยตรงแต่อย่างไรก็ตามถึง G3 จะถูกลดบทบาทลงไปในฐานะอาวุธสำรองราชการไปแล้วแต่มันก็ยังถูกใช้งานให้เป็น DMR Rifle ในหน่วยรบบางหน่วยของ Bundeswehr จนถึงทุกวันนี้
พี่น้องอีกคนที่ไปโตที่ฝรั่งเศส
ในช่วงที่ยังไม่มีประเทศเยอรมันตะวันตกยังคงแบ่งกันเป็นเขตยึดครองของผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดโรงงานของเมาเซอร์ในเขตยึดครองของตัวเองและได้แบบแปลนของ StG 45(M) ไปพวกเค้าสนใจในนวัตกรรม Roller-delayed blowback จึงได้ลองเอาไปทำเป็น CEAM Modèle 1950 ของตัวเองโดยใช้กระสุนขนาด .30 carbine แต่ก็ไม่ได้รับการพัฒนาไปมากกว่านั้นและไม่ได้ใช้งานเป็นกิจจะลักษณะมากนักปืนรุ่นนี้เป็นการออกเเบบร่วมกันของ Theodor Löffler กับ Ludwig Vorgrimler (ทั้งคู่เคยทำงานในโรงงานของเมาเซอร์สมัยสงคราม)
Dr. Ludwig Vorgrimler ( September 7, 1912-January 10, 1983)
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 58 CETME and G3 จากไปเเละคืนถิ่น
(การระบุจำเเนกจะอ้างอิงตามโมเดลหลัก)
ประวัติเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกิดที่เยอรมันไปโตที่สเปน
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรปวิศวกรและผู้ออกแบบระบบอาวุธต่างๆให้กองทัพเยอรมันหลายคนได้ย้ายไปทำงานต่างประเทศหนึ่งในนั้นก็คือ Ludwig Vorgrimler ผู้ออกแบบระบบ Roller-delayed blowback ที่ถูกใช้ใน StG 45(M) เพื่อลดเวลาการผลิตลงปืนรุ่นนี้ผลิตได้ง่ายและรวดเร็วกว่า StG 44 มากเพราะใช้กรรมวิธีการผลิตที่เรียบง่ายมีประสิทธิภาพเรื่องความเร็วในการผลิตแต่สงครามสิ้นสุดลงเสียก่อนได้ Ludwig Vorgrimler ได้ไปทำงานในฝรั่งเศสก่อนย้ายไปพึ่งบารมีของ จอมพล ฟรันซิสโก ฟรังโก จอมเผด็จการที่เคยได้รับการสนับสนุนด้วยกำลังคนและอาวุธจากเยอรมันจนสามารถชนะสงครามต่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองสเปนได้ เมื่อวิศวกรคนนี้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยในสเปนเขาจึงได้เริ่มสานต่องานที่ค้างเอาไว้ในเยอรมันทันที Vorgrimler ออกแบบไรเฟิลจู่โจมขึ้นมาใหม่โดยนำระบบ Roller-delayed blowback ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนา StG 45(M) จากตอนสงครามโดยร่วมงานกับ CETME ผู้ผลิตอาวุธให้แก่รัฐบาลสเปนตัวต้นแบบของ CETME นั้นใช้กระสุนขนาด 7.92×33mm Kurz เเละ 7.92×40mm CETME แต่ภายหลังเมื่อองค์กรนาโต้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นปืนก็ได้ขยับขึ้นจากไรเฟิลจู่โจมไปเป็น Battle Rifle ทันทีเพราะใช้กระสุน 7.62×51mm NATO ที่ใหญ่ขึ้นเเละเป็นปืนเล็กยาวรุ่นเเรกๆที่ตรงตามมาตรฐานนาโต้
CETME Battle Rifle ประจำการในกองทัพสเปนจนถึงช่วง 1987 ก็ถูกแทนที่ด้วย CETME Model L ที่ใช้กระสุน 5.56×45mm NATO และประจำการไปจนถึงปี 1999 ก็ถูกแทนที่ด้วยปืนเยอรมัน G36 แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นอาวุธสำรองในราชการของกองทัพสเปน
กลับคืนสู่บ้าน
บริษัท HK ก่อตั้งขึ้นในเขตปกครองของฝ่ายตะวันตก(อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ) ในช่วงที่สถานการณ์สงครามเย็นเริ่มตึงเครียดขึ้นฝ่ายตะวันตกตัดสินใจก่อตั้งประเทศเยอรมันตะวันตกขึ้นเพื่อเป็นหน้าด่านในการเผชิญหน้ากับสหภาพโซเวียตในอนาคตบริษัท HK เข้ามารับหน้าที่ในการผลิตอาวุธปืนให้แก่ Bundeswehr กองทัพใหม่ของเยอรมันตะวันตกระยะแรกทหารของ Bundeswehr ต้องใช้ปืนไรเฟิล G1 หนึ่งซึ่งมันก็คือ FN FAL นั่นแหละแต่ด้วยความเป็นชาตินิยมของเยอรมันจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจพัฒนา Battle Rifle เป็นของตัวเองผลิตในเยอรมันและให้คนเยอรมันใช้ ทำให้ HK ติดต่อไปยัง CETME และเมาเซอร์ เพื่อช่วยกันพัฒนา Battle Rifle สำหรับ Bundeswehr และนั่นก็คือต้นกำเนิดของปืน HK G3 อันเลื่องชื่อ. PSG-1 มีต้นกำเนิดมาจากการที่มีคนเอา G3 ไปใช้ในลักษณะของ DMR Rifle และผลปรากฏว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมากจึงได้ออกรุ่น SG กับ MSG ออกมาเพื่อใช้งานเป็น DMR Rifle โดยตรงและต่อมาก็เกิดความพอใจในเรื่องความแม่นยำมากขึ้นจนในที่สุดจึงได้มีการผลิต PSG-1 ออกมาเพื่อใช้งานเป็น Sniper rifle โดยตรงแต่อย่างไรก็ตามถึง G3 จะถูกลดบทบาทลงไปในฐานะอาวุธสำรองราชการไปแล้วแต่มันก็ยังถูกใช้งานให้เป็น DMR Rifle ในหน่วยรบบางหน่วยของ Bundeswehr จนถึงทุกวันนี้
พี่น้องอีกคนที่ไปโตที่ฝรั่งเศส
ในช่วงที่ยังไม่มีประเทศเยอรมันตะวันตกยังคงแบ่งกันเป็นเขตยึดครองของผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดโรงงานของเมาเซอร์ในเขตยึดครองของตัวเองและได้แบบแปลนของ StG 45(M) ไปพวกเค้าสนใจในนวัตกรรม Roller-delayed blowback จึงได้ลองเอาไปทำเป็น CEAM Modèle 1950 ของตัวเองโดยใช้กระสุนขนาด .30 carbine แต่ก็ไม่ได้รับการพัฒนาไปมากกว่านั้นและไม่ได้ใช้งานเป็นกิจจะลักษณะมากนักปืนรุ่นนี้เป็นการออกเเบบร่วมกันของ Theodor Löffler กับ Ludwig Vorgrimler (ทั้งคู่เคยทำงานในโรงงานของเมาเซอร์สมัยสงคราม)