ป.ป.ช.ส่ง อสส.ยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยึดทรัพย์ “พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ” อดีตเลขาฯ “บุญทรง” กว่า 896 ล้านบาท ร่ำรวยผิดปกติ จากคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบจีทูจี และกำลังตรวจสอบนักการเมือง 5 คน และเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 คน ที่เกี่ยวข้อง คืบหน้า 70-90%

นายวรวิทย์ สุขบุญ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ โฆษก ป.ป.ช. แถลง วันนี้ (30 พ.ย.) ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชี้มูล พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็น 1 ในผู้ที่ ป.ป.ช.กล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หลัง ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า มีกระแสการเงินเคลื่อนไหวผิดปกติจำนวนมาก และยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปอยู่ในชื่อของ น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ อดีตคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เครือญาติ และบุคคลใกล้ชิด

“ที่ประชุม ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งยึดทรัพย์มูลค่า 896,554,760.28 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80(1) รวมทั้ง ขอให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1) และหากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมด หรือได้แต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปีตามนัยมาตรา 83 แห่งกฎหมาย ป.ป.ช.” นายวรวิทย์ กล่าว

นายวรวิทย์ กล่าวด้วยว่า ในการไต่สวนได้อายัดทรัพย์สินของ พ.ต.วีระวุฒิ ที่ได้หนีไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นเงิน 99 ล้านบาท ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินได้ และคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างทำการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกรณีร่ำรวยผิดปกติ ในโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวอีก 8 ราย โดยมีนักการเมือง 5 คน และเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 คน การตรวจสอบคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 70-90