พอดีเรามีทริปไปเลห์ลาดัก เมื่อ ปลายตค.ที่ผ่านมา 2017 การไปอินเดีย แค่มีพาสปอร์ตไม่พอนะคะ จะต้องมีวีซ่าด้วย
โดยเลห์คือส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย อยู่ในรัฐ Jammu and Kashmir คนไทยเข้าอินเดียยังต้องขอวีซ่านะคะ
วิธีการขอวีซ่าอินเดีย เราขอแนะนำให้ขอเป็น e-visa เพราะว่ามันสะดวกมากกกก และถูกกว่าการไปขอเองที่สถานทูต
ไปรอรับที่สนามบินที่อินเดีย ตามที่เราเลือกได้เลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสนามบินที่บ้านเรามีไปลงกันหรือเป็นไฟล์ทยอดนิยมค่ะ
โดยตอนนี้สามารถเลือกได้ถึง 24 สนามบิน และ 3 ท่าเรือในอินเดีย ขั้นตอนก็ง่ายๆค่ะ
แค่มีอินเตอร์เนต กรอกข้อมูลทุกอย่าง เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมตามนี้
1.เข้าไปที่ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
เว็บนี้ราคาจะแค่ 1800 บาทนะคะ
แต่ถ้าคุณเผลอไปเข้าเว็บอีกอันนึง http://indianvisasonline.org.in/ จะเป็นของรัฐบาลอินเดียโดยตรงเลยค่ะ
จะมี จนท.จากทางอินเดียโทรข้ามประเทศมาหาคุณและบอกเลขทำเรื่องของคุณ ให้คุณไปจ่ายตัง ซึ่งสิริแล้วราคา 4000 กว่าบาท โหวววววววววว
ต่างกันเยอะนะคะ เอาเป็นว่าเราลองมาแล้ว เราไม่ได้จ่ายสี่พันบาทนะคะ แตใครไม่เชื่ออยากลองกรอกทั้ง 2 เว็บก็เข้าไปลองดูได้ค่ะ
ส่วนเรื่องความต่างอันนี้เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมราคามันถึงต่างกันขนาดนั้น ใครใช้บริการเจ้าสองมาบอกให้ฟังหน่อยนะคะ
เผื่อจะได้ความรู้เพิ่มเติม
2 .e visa อินเดีย ในตอนนี้ คุณสามารถขอได้ล่วงหน้าก่อนเดือนทางไปอินเดียได้ถึง 60 วัน
และ e visa จะมีอายุถึง 120 วัน ตั้งแต่วันที่คุณกรอกข้อมูลเสร็จและได้รับการอนุมัติจากทางเว็บค่ะ
(วีซ่าไม่ได้มีอายุโดยนับจากวันแรกที่เดินทางไปอินเดียนะคะ นับตามวันที่เราขอครั้งแรกค่ะ)
ดังนั้นใครจะไปเดือนไหนช่วงไหน เตรียมตัวนับวันกันให้ดีๆนะคะว่าเราสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันไหน
3.ปัจจุบัน วีซ่าอินเดียเป็น double entry อย่างเดียว ซึ่งสมัยก่อนจะมีให้เลือกเป็น single entry ด้วย
double entry คืออะไร มันคือ ในช่วงเวลาที่ระยะวีซ่ายังไม่หมดอายุ คุณสามารถเข้าออกอินเดียได้ 2 ครั้ง ในรอบ 1 วีซ่า
เช่น คุณจะเดินทางไปเลห์ คุณต้องเข้าไปที่อินเดีย นั่นคือการเดินทาง 1 ครั้งของคุณ
แต่หากกลับมาจากเที่ยวอินเดียแล้ว เห้ยยยยย อยากไปเที่ยวที่อื่นต่อ วีซ่ายังไม่หมดอายุ
คุณสามารถเดินทางเข้าอินเดียได้ อีก 1 ครั้ง จนกว่าวีซ่าจะหมดอายุ ไม่ต้องขอใหม่
แต่ถ้าแบบ เห้ยยยโคตรติดใจเลยจะไปครั้งที่ 3 วีซ่าก็ยังไม่หมดอายุ คุณไม่สามารถเข้าอินเดียด้วยวีซ่าเดิมได้แล้วนะคะถึงแม้จะยังไม่หมดอายุก็ตาม เพราะเค้าให้คุณเข้าได้แค่ 2 ครั้งต่อ 1 วีซ่า ดังนั้นถ้าหมด 2 รอบแล้ว ต้องไปทำใหม่ค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนการสมัคร
1. ไฟล์สแกนหน้าแรกของพาสปอร์ต เป็นไฟล์ PDF ขนาดไม่เกิน 300kb ทำไม่ยากค่ะ อาจใช้กล้องถ่ายรูปธรรมดา
แล้วก็โหลดแอพแปลง .pdf มาใช้ ถ้ากลัวขนาดใหญ่ไปก็ย่อขนาดไฟล์เอาได้ค่ะ เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมฟรีในเน็ตให้ลองใช้ได้เยอแยะ
2.รูปภาพผู้สมัคร ไฟล์ JPEG ขนาดไม่เกิน 1 MB พื้นหลังสีขาว โชว์หู เห็นใบหน้าชัดเจน รูปภาพไม่มีกรอบค่ะ
3.ที่อยู่โรงแรมที่จะพักในอินเดีย พร้อมเบอร์โทรโรงแรม ถ้าเราอยู่หลายที่หลายรร.แนะนำให้กรอกแค่ที่เดียวค่ะ
เขียนในแพลนเราก็อาจจะเลือกสถานที่ว่าเราจะอยู่แค่เมืองเดียวก็ได้ เพราะเค้าไม่ได้ตรวจเข้มขนาดนั้นค่ะ เพื่อความสะดวกเราด้วย
ใครไม่รู้ที่อยู่โรงแรมก็ให้ไปหาเอาในเว็บที่เราทำการจองนั่นแหละค่ะ ก๊อปมาใส่เลย
เมื่อเข้าใจและเตรียมเอกสารเรียร้อยแล้วก็เข้าไปกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนค่ะ
ตัวไหนมีดอกจันสีแดงต้องกรอกทุกตัวนะคะ ข้ามไม่ได้เลยค่ะ
ไม่งั้นเค้าจะไม่ยอมให้เราพาสไปหน้าต่อไป การกรอกค่อนข้างกินเวลาเหมือนกันค่ะ ไม่ยากแต่เยอะนิดหน่อย
เมื่อกรอกเสร็จแล้ว จะมีอีเมล์ส่งกลับมาให้เรา พร้อมเลขที่ใบสมัครวีซ่าของเรา
ให้เราเอาเลขนั้นเข้าไปหาใบของเราในเว็บเดิม กดลิ้งค์เข้าไปจ่ายตังได้เลยค่ะ
จะจ่ายผ่านบัตรเดบิต เครดิต หรือโอนเงินก็ได้
เมื่อเรากดจ่ายตังแล้ว รอไม่เกิน 72 ชม. วีซ่าก็จะส่งกลับมาให้เราทางเมล์
เราก็ต้องปริ้นท์ส่วนที่ 2 นี้ไปยื่นให้ที่สนามบินและรับวีซ่าที่สนามบินที่เราเลือกได้เลยนะคะ
****
ย้ำนะคะว่าต้องปรินท์ ไปด้วยยยยยยย
เสร็จแล้วค่ะ ง้ายง่ายยยยยย.....เห็นมั้ยคะว่าการขอวีซ่าแบบนี้มันสะดวกขนาดไหน
ชีวิตดีขึ้นไม่ใช่น้อย ไม่เสียเวลาไปต่อคิว ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องเสียเวลาไปรับด้วย ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าไปสถานทูตอินเดียในไทยค่ะ
ว่างเมื่อไหร่เวลาไหนก็ขอได้ไม่ต้องไปแค่เฉพาะเวลาราชการเท่านั้น นี่แหละทำไมเราถึงแนะนำ !!!!
ไปรับ e –visa ตรงไหนของสนามบิน ???
เราขออนุญาติรีวิวเฉพาะที่เดลีนะคะ เพราะที่อื่นเราเองยังไม่มีโอกาสได้ไปจึงไม่ทราบว่าไปรับที่ไหนบ้าง
ถ้าคุณมาจากไฟล์ทบินนอกประเทศส่วนใหญ่จะบินลงที่ T3 นะคะ เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปทางไหนก็เดินตามลูกศรไปทางนั้นเลยค่ะ ป้ายหาไม่ยาก เมื่อเราลงบันไดเลื่อนมาก็จะพบจุดตรวจวีซ่าดักอยู๋ใหญ่ๆชัดเจนด้านล้างเลยค่ะ หาไม่ยาก ไม่หลงแน่นอน
เดินตามป้ายมาเลยค่ะ
เมื่อสุดป้ายแล้วจะมีบันไดเลื่อนลงมา ให้เรามองทางซ้ายมือ จะเจอที่ขอรับ e-visa เลยค่ะ
มีหลายช่องเลือกต่อคิวแบบผู้มีวัฒนธรรมได้เลยจ้า....
แต่บอกก่อนเลยว่าอาจต้องทำใจหน่อยนะคะ ขึ้นกับวัน บางวันคนน้อย จนท.ทำงานไว เราก็ผ่านจุดตรวจไว
แต่วันที่เราไปคนเยอะมากกกกกกกกก เราใช้เวลาในการรอต่อคิวถึง 2 ชม.ค่ะ !!!!
บร๊ะเจ้า บ้าไปแล้ว แผนการเที่ยวของเราเลยเสียไปเลยค่ะ
แต่เท่าที่คุยกับพี่คนไทยที่เคยมา เค้าบอกปกติก็ไม่นานขนาดนี้ วันนั้นพี่แขกมีความติสไปหน่อย
นางมาละก็หายมาละก็หาย สลับกันหาย และยังตรงกับช่วงที่คนอิสลามมาประชุมอะไรสักอย่างระดับโลกด้วยค่ะ
คนเลยยิ่งเยอะมากไปใหญ่ เลยทำให้เราเสียเวลาไปถึงขนาดนี้
เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสอบถามเรานิดหน่อย สแกนนิ้วมือ ได้ตราปั๊มมา แล้วก็ผ่านแล้วจ้า
เข้าอินเดีย 1 ครั้งอยู่ได้นานต่อเนื่อง 60 วันนะคะ
ปล.จุดบริการ e-visa เปิดตลอด 24 ชม.นะคะ ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องถึงดึกถึงค่ำละจะไม่มีคนทำให้
ถ้าไม่เจอจนท.เค้าบอกว่าให้ไปเรียกหาได้เลยค่า นางคงไปชิวอยู่แถวไหนสักที่นี่แหละ 5555
จบละจ้าาาาา... e-visa ไปอินเดีย สะดวกมั้ยล่ะ ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องเสียเวลาไปรับ แถมราคาก็ไม่แพง ง้ายยยง่ายยย
ใครจะไปอินเดียลองทำตามดูนะคะ ^^
[CR] พามาทำ e-visa india ฉบับอัพเดท กย. 2017 ง้ายยง่าย ไม่ต้องลางานไม่ต้องเสียเวลาไปรับ
โดยเลห์คือส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย อยู่ในรัฐ Jammu and Kashmir คนไทยเข้าอินเดียยังต้องขอวีซ่านะคะ
วิธีการขอวีซ่าอินเดีย เราขอแนะนำให้ขอเป็น e-visa เพราะว่ามันสะดวกมากกกก และถูกกว่าการไปขอเองที่สถานทูต
ไปรอรับที่สนามบินที่อินเดีย ตามที่เราเลือกได้เลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสนามบินที่บ้านเรามีไปลงกันหรือเป็นไฟล์ทยอดนิยมค่ะ
โดยตอนนี้สามารถเลือกได้ถึง 24 สนามบิน และ 3 ท่าเรือในอินเดีย ขั้นตอนก็ง่ายๆค่ะ
แค่มีอินเตอร์เนต กรอกข้อมูลทุกอย่าง เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมตามนี้
1.เข้าไปที่ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
เว็บนี้ราคาจะแค่ 1800 บาทนะคะ
แต่ถ้าคุณเผลอไปเข้าเว็บอีกอันนึง http://indianvisasonline.org.in/ จะเป็นของรัฐบาลอินเดียโดยตรงเลยค่ะ
จะมี จนท.จากทางอินเดียโทรข้ามประเทศมาหาคุณและบอกเลขทำเรื่องของคุณ ให้คุณไปจ่ายตัง ซึ่งสิริแล้วราคา 4000 กว่าบาท โหวววววววววว
ต่างกันเยอะนะคะ เอาเป็นว่าเราลองมาแล้ว เราไม่ได้จ่ายสี่พันบาทนะคะ แตใครไม่เชื่ออยากลองกรอกทั้ง 2 เว็บก็เข้าไปลองดูได้ค่ะ
ส่วนเรื่องความต่างอันนี้เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมราคามันถึงต่างกันขนาดนั้น ใครใช้บริการเจ้าสองมาบอกให้ฟังหน่อยนะคะ
เผื่อจะได้ความรู้เพิ่มเติม
2 .e visa อินเดีย ในตอนนี้ คุณสามารถขอได้ล่วงหน้าก่อนเดือนทางไปอินเดียได้ถึง 60 วัน
และ e visa จะมีอายุถึง 120 วัน ตั้งแต่วันที่คุณกรอกข้อมูลเสร็จและได้รับการอนุมัติจากทางเว็บค่ะ
(วีซ่าไม่ได้มีอายุโดยนับจากวันแรกที่เดินทางไปอินเดียนะคะ นับตามวันที่เราขอครั้งแรกค่ะ)
ดังนั้นใครจะไปเดือนไหนช่วงไหน เตรียมตัวนับวันกันให้ดีๆนะคะว่าเราสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันไหน
3.ปัจจุบัน วีซ่าอินเดียเป็น double entry อย่างเดียว ซึ่งสมัยก่อนจะมีให้เลือกเป็น single entry ด้วย
double entry คืออะไร มันคือ ในช่วงเวลาที่ระยะวีซ่ายังไม่หมดอายุ คุณสามารถเข้าออกอินเดียได้ 2 ครั้ง ในรอบ 1 วีซ่า
เช่น คุณจะเดินทางไปเลห์ คุณต้องเข้าไปที่อินเดีย นั่นคือการเดินทาง 1 ครั้งของคุณ
แต่หากกลับมาจากเที่ยวอินเดียแล้ว เห้ยยยยย อยากไปเที่ยวที่อื่นต่อ วีซ่ายังไม่หมดอายุ
คุณสามารถเดินทางเข้าอินเดียได้ อีก 1 ครั้ง จนกว่าวีซ่าจะหมดอายุ ไม่ต้องขอใหม่
แต่ถ้าแบบ เห้ยยยโคตรติดใจเลยจะไปครั้งที่ 3 วีซ่าก็ยังไม่หมดอายุ คุณไม่สามารถเข้าอินเดียด้วยวีซ่าเดิมได้แล้วนะคะถึงแม้จะยังไม่หมดอายุก็ตาม เพราะเค้าให้คุณเข้าได้แค่ 2 ครั้งต่อ 1 วีซ่า ดังนั้นถ้าหมด 2 รอบแล้ว ต้องไปทำใหม่ค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนการสมัคร
1. ไฟล์สแกนหน้าแรกของพาสปอร์ต เป็นไฟล์ PDF ขนาดไม่เกิน 300kb ทำไม่ยากค่ะ อาจใช้กล้องถ่ายรูปธรรมดา
แล้วก็โหลดแอพแปลง .pdf มาใช้ ถ้ากลัวขนาดใหญ่ไปก็ย่อขนาดไฟล์เอาได้ค่ะ เดี๋ยวนี้มีโปรแกรมฟรีในเน็ตให้ลองใช้ได้เยอแยะ
2.รูปภาพผู้สมัคร ไฟล์ JPEG ขนาดไม่เกิน 1 MB พื้นหลังสีขาว โชว์หู เห็นใบหน้าชัดเจน รูปภาพไม่มีกรอบค่ะ
เขียนในแพลนเราก็อาจจะเลือกสถานที่ว่าเราจะอยู่แค่เมืองเดียวก็ได้ เพราะเค้าไม่ได้ตรวจเข้มขนาดนั้นค่ะ เพื่อความสะดวกเราด้วย
ใครไม่รู้ที่อยู่โรงแรมก็ให้ไปหาเอาในเว็บที่เราทำการจองนั่นแหละค่ะ ก๊อปมาใส่เลย
เมื่อเข้าใจและเตรียมเอกสารเรียร้อยแล้วก็เข้าไปกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนค่ะ
ตัวไหนมีดอกจันสีแดงต้องกรอกทุกตัวนะคะ ข้ามไม่ได้เลยค่ะ
ไม่งั้นเค้าจะไม่ยอมให้เราพาสไปหน้าต่อไป การกรอกค่อนข้างกินเวลาเหมือนกันค่ะ ไม่ยากแต่เยอะนิดหน่อย
เมื่อกรอกเสร็จแล้ว จะมีอีเมล์ส่งกลับมาให้เรา พร้อมเลขที่ใบสมัครวีซ่าของเรา
ให้เราเอาเลขนั้นเข้าไปหาใบของเราในเว็บเดิม กดลิ้งค์เข้าไปจ่ายตังได้เลยค่ะ
จะจ่ายผ่านบัตรเดบิต เครดิต หรือโอนเงินก็ได้
เมื่อเรากดจ่ายตังแล้ว รอไม่เกิน 72 ชม. วีซ่าก็จะส่งกลับมาให้เราทางเมล์
เราก็ต้องปริ้นท์ส่วนที่ 2 นี้ไปยื่นให้ที่สนามบินและรับวีซ่าที่สนามบินที่เราเลือกได้เลยนะคะ
**** ย้ำนะคะว่าต้องปรินท์ ไปด้วยยยยยยย
ชีวิตดีขึ้นไม่ใช่น้อย ไม่เสียเวลาไปต่อคิว ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องเสียเวลาไปรับด้วย ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าไปสถานทูตอินเดียในไทยค่ะ
ว่างเมื่อไหร่เวลาไหนก็ขอได้ไม่ต้องไปแค่เฉพาะเวลาราชการเท่านั้น นี่แหละทำไมเราถึงแนะนำ !!!!
ไปรับ e –visa ตรงไหนของสนามบิน ???
เราขออนุญาติรีวิวเฉพาะที่เดลีนะคะ เพราะที่อื่นเราเองยังไม่มีโอกาสได้ไปจึงไม่ทราบว่าไปรับที่ไหนบ้าง
ถ้าคุณมาจากไฟล์ทบินนอกประเทศส่วนใหญ่จะบินลงที่ T3 นะคะ เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปทางไหนก็เดินตามลูกศรไปทางนั้นเลยค่ะ ป้ายหาไม่ยาก เมื่อเราลงบันไดเลื่อนมาก็จะพบจุดตรวจวีซ่าดักอยู๋ใหญ่ๆชัดเจนด้านล้างเลยค่ะ หาไม่ยาก ไม่หลงแน่นอน
แต่วันที่เราไปคนเยอะมากกกกกกกกก เราใช้เวลาในการรอต่อคิวถึง 2 ชม.ค่ะ !!!!
บร๊ะเจ้า บ้าไปแล้ว แผนการเที่ยวของเราเลยเสียไปเลยค่ะ
แต่เท่าที่คุยกับพี่คนไทยที่เคยมา เค้าบอกปกติก็ไม่นานขนาดนี้ วันนั้นพี่แขกมีความติสไปหน่อย
นางมาละก็หายมาละก็หาย สลับกันหาย และยังตรงกับช่วงที่คนอิสลามมาประชุมอะไรสักอย่างระดับโลกด้วยค่ะ
คนเลยยิ่งเยอะมากไปใหญ่ เลยทำให้เราเสียเวลาไปถึงขนาดนี้
เจ้าหน้าที่ก็จะทำการสอบถามเรานิดหน่อย สแกนนิ้วมือ ได้ตราปั๊มมา แล้วก็ผ่านแล้วจ้า
เข้าอินเดีย 1 ครั้งอยู่ได้นานต่อเนื่อง 60 วันนะคะ
ปล.จุดบริการ e-visa เปิดตลอด 24 ชม.นะคะ ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องถึงดึกถึงค่ำละจะไม่มีคนทำให้
ถ้าไม่เจอจนท.เค้าบอกว่าให้ไปเรียกหาได้เลยค่า นางคงไปชิวอยู่แถวไหนสักที่นี่แหละ 5555
จบละจ้าาาาา... e-visa ไปอินเดีย สะดวกมั้ยล่ะ ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องเสียเวลาไปรับ แถมราคาก็ไม่แพง ง้ายยยง่ายยย
ใครจะไปอินเดียลองทำตามดูนะคะ ^^