ระยะนี้ มีการใช้ข้อมูลเท็จเป็นฐานต่อยอดเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวหลายกรณี
ที่น่าแปลกใจ คือ แม้แต่คนระดับที่มีคำนำหน้าว่าครู-อาจารย์ หรืออ้างตัวเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม แต่ยังพร้อมที่จะใช้ข้อมูลเท็จไปต่อยอดสร้างความชอบธรรมให้กับการยกระดับเคลื่อนไหวของตนเอง
แล้วพอถูกทักท้วง กลับโกรธคนทักท้วงก็มี
บ้างแถไปสู่ประเด็นอื่นต่อไป ทั้งๆ ที่ คนทักท้วงนั้น บางคนก็เป็นผู้ไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่เขาก็มีความละอายต่อมโนธรรมสำนึกหากจะใช้ข้อมูลเท็จไปเคลื่อนไหวต่อยอด
1.ภาพทหารกำลังชี้นิ้วไปในทิศทางผู้ชุมนุมต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่เป็นสุภาพสตรี
ปรากฏว่า นักเคลื่อนไหวหน้าจอจำนวนมากนำไปกล่าวโจมตีนายทหารในภาพ ทำนองว่ากำลังชี้หน้าด่า กดขี่ ข่มเหง รังแก ดูหมิ่นดูแคลนประชาชน!
นักวิชาการสายแดงล้มเจ้าบางคน ลากประเด็นไปไกลกว่านั้น
นักเคลื่อนไหวต้านโรงไฟฟ้าหยิบภาพไปสร้างเรื่อง ต่อยอด สร้างความเกลียดชังต่อไปอีก
นายทหารในภาพ ตกเป็นจำเลยไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งว่า คุณจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ได้ลงคลิปภาพเคลื่อนไหว เหตุการณ์จริงในจังหวะที่มีคนบันทึกภาพนิ่งดังกล่าวไปสร้างเรื่องปลุกระดม โดยที่คุณจิรพงษ์เป็นคนถ่ายวีดีโอเอง และอยู่ในเหตุการณ์จริง
ความจริงปรากฏว่า นายทหารดังกล่าวไม่ได้ชี้หน้าด่าผู้ชุมนุมเลย
ตรงกันข้าม เป็นการพูดคุยด้วยความสุภาพ ให้เกียรติ
พยายามเจรจากับผู้ชุมนุม ถามถึงอาหารการกินด้วยซ้ำ
และจังหวะที่ชี้นิ้วนั้น ก็ไม่ได้ชี้หน้า แต่ชี้ไปที่ด้ามธงด้านหลัง พี่เอามาทำไม มาตั้งกี่คน
ยังดี หลายคนที่เคยโจมตีนายทหารคนนี้ ได้โพสต์ขอโทษ และลบข้อความที่เข้าใจผิดไป
แต่ที่น่าละอายที่สุด คือ บางคนเมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้ว กลับยังดื้อดึง กลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม หรือเจตนาจะใช้ความเท็จเป็นเครื่องมือ
ปลุกระดมต่อยอดการเคลื่อนไหวต่อไป
![](https://f.ptcdn.info/926/054/000/p07tl2l65cGuHZ3QX0V-o.jpg)
2. การต่ออายุประกาศพื้นที่ความมั่นคง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ กำหนดให้อําเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี กับอีก 4 อําเภอ จ.สงขลา “จะนะ - นาทวี - เทพา -สะบ้าย้อย” เป็นพื้นที่ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
“...ห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จึงมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกําหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551...
...ให้บรรดาประกาศ คําสั่ง หรือการดําเนินการใดที่กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกําหนดขึ้น หรือการปฏิบัติการใดของศูนย์อํานวยการ หน่วยงาน พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ใดที่ได้รับมอบหมายจากกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อําเภอแม่ลานจังหวัดปัตตานี และอําเภอจะนะ อําเภอนาทวี อําเภอเทพา และอําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงมีผลใช้บังคับโดยต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการกําหนดเป็นอย่างอื่น...”
ความหมายก็คือ การต่ออายุพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พื้นที่ดังกล่าว มีการประกาศใช้มาครบ 1 ปีแล้ว เมื่อหมดอายุ ก็จึงประกาศต่ออายุ
แต่ปรากฏว่า สื่อบางสำนัก รวมถึงนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวจำนวนมาก ได้นำเรื่องนี้ไปกล่าวอ้างว่า เป็นการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อจัดการกับม็อบโรงไฟฟ้าที่เกิดการปะทะกับตำรวจ!!!
นำไปเป็นฐานอ้างอิงเพื่อต่อยอดการเคลื่อนไหวต่อไปอีก
บางคน ที่นำข้อมูลนี้ไปอ้างอิงขยายผลต่อ เช่น
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “มติ ครม. วันนี้ กำหนดให้ เทพา เป็นเขตความมั่นคง จนท.มีอำนาจออกระเบียบ กฎเกณฑ์ ควบคุมภายใต้ วาทกรรม ความมั่นคง พวกคุณที่เป็นทาสพ่อค้าถ่านหิน คงจะรับทราบ การลุกขึ้นสู้โดยไม่กลัวตายของคนรักษามาตุภูมิว่าเป็นอย่างไร การจ่ายของพ่อค้าถ่านหิน จะเสียเปล่า เพราะพวกคุณประเมิน อานุภาพของความรักมาตุภูมิต่ำไป ถ้าจะท้าทายกันแบบนี้ พวกคุณจะได้รับบทเรียน”
อาจารย์เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ว่า “นายกฯ เพี้ยนไปแล้วครับท่าน เขามาปกป้องแผ่นดินเกิดของเขา เขาจะมายื่นจดหมายต่อท่าน ท่านดันยื่นคุก ยื่นกฎหมายความมั่นคงให้กับเขา ตอนเรียนทหาร ท่านเอาหัวปักถ่านหินมากไปหรือเปล่าครับ”
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความว่า “อนิจจา 15 แกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานอนคุก เพราะหลักทรัพย์ไม่พอ มีเพียงเยาวชนชาย 16 ปี ได้ประกันตัวเพียงคนเดียว และนายกรัฐมนตรีก็ใช้อำนาจประกาศพื้นที่ความมั่นคง เหมือนกับมีสงครามกันทีเดียว ต้องถามว่าท่านนายกฯ ปล่อยให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
ที่น่าแปลกใจ คือ บางคน แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า เป็นการต่ออายุประกาศเดิม ไม่ว่าจะมีม็อบโรงไฟฟ้าหรือไม่มี ฝ่ายความมั่นคงก็มีการตัดสินใจต่ออายุประกาศพื้นที่ความมั่นคงอยู่ก่อนหน้าแล้ว เพื่อดูแลสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ให้มีความต่อเนื่อง หลังจากดำเนินการมาครบรอบปีแล้วได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ฝ่ายที่ต้องการจะเคลื่อนไหวก็ยังไม่แก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยังเผยแพร่ ส่งต่อฐานข้อมูลอันเป็นเท็จต่อไปอีก
จะด้วยความกลัวเสียหน้า หรือต้องการเอาชนะ ก็ตามแต่
ทั้งๆ ที่ การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หากนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง อธิบายด้วยเหตุผล ก็สามารถสร้างความเข้าใจอย่างมีน้ำหนักกับผู้คนในสังคมได้ โดยไม่ต้องใช้วิชามารในการปลุกระดม
3. ตัวอย่างสองกรณีนี้ สะท้อนพฤติกรรม “จับแพะชนแกะ” มุ่งจะเอาชนะโดยไม่สนใจวิธีการ
เราต้องการอย่างนี้กันจริงๆ หรือ?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/32953
ช่างพูดบิดเบือนกันง่ายๆ มีลับลวง... แต่ลุงตู่เปิดเผยกลับไม่ชอบใจ
@~มาลาริน~** ฟังหูไว้หูรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนบิดเบือนนะคะ🤳🤳🤳🤳🤳จับแพะชนแกะ บิดเบือนก็ได้ ขอแค่บรรลุความต้องการ?
ที่น่าแปลกใจ คือ แม้แต่คนระดับที่มีคำนำหน้าว่าครู-อาจารย์ หรืออ้างตัวเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม แต่ยังพร้อมที่จะใช้ข้อมูลเท็จไปต่อยอดสร้างความชอบธรรมให้กับการยกระดับเคลื่อนไหวของตนเอง
แล้วพอถูกทักท้วง กลับโกรธคนทักท้วงก็มี
บ้างแถไปสู่ประเด็นอื่นต่อไป ทั้งๆ ที่ คนทักท้วงนั้น บางคนก็เป็นผู้ไม่เห็นด้วยกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่เขาก็มีความละอายต่อมโนธรรมสำนึกหากจะใช้ข้อมูลเท็จไปเคลื่อนไหวต่อยอด
1.ภาพทหารกำลังชี้นิ้วไปในทิศทางผู้ชุมนุมต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่เป็นสุภาพสตรี
ปรากฏว่า นักเคลื่อนไหวหน้าจอจำนวนมากนำไปกล่าวโจมตีนายทหารในภาพ ทำนองว่ากำลังชี้หน้าด่า กดขี่ ข่มเหง รังแก ดูหมิ่นดูแคลนประชาชน!
นักวิชาการสายแดงล้มเจ้าบางคน ลากประเด็นไปไกลกว่านั้น
นักเคลื่อนไหวต้านโรงไฟฟ้าหยิบภาพไปสร้างเรื่อง ต่อยอด สร้างความเกลียดชังต่อไปอีก
นายทหารในภาพ ตกเป็นจำเลยไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งว่า คุณจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง ได้ลงคลิปภาพเคลื่อนไหว เหตุการณ์จริงในจังหวะที่มีคนบันทึกภาพนิ่งดังกล่าวไปสร้างเรื่องปลุกระดม โดยที่คุณจิรพงษ์เป็นคนถ่ายวีดีโอเอง และอยู่ในเหตุการณ์จริง
ความจริงปรากฏว่า นายทหารดังกล่าวไม่ได้ชี้หน้าด่าผู้ชุมนุมเลย
ตรงกันข้าม เป็นการพูดคุยด้วยความสุภาพ ให้เกียรติ
พยายามเจรจากับผู้ชุมนุม ถามถึงอาหารการกินด้วยซ้ำ
และจังหวะที่ชี้นิ้วนั้น ก็ไม่ได้ชี้หน้า แต่ชี้ไปที่ด้ามธงด้านหลัง พี่เอามาทำไม มาตั้งกี่คน
ยังดี หลายคนที่เคยโจมตีนายทหารคนนี้ ได้โพสต์ขอโทษ และลบข้อความที่เข้าใจผิดไป
แต่ที่น่าละอายที่สุด คือ บางคนเมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้ว กลับยังดื้อดึง กลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม หรือเจตนาจะใช้ความเท็จเป็นเครื่องมือ
ปลุกระดมต่อยอดการเคลื่อนไหวต่อไป
2. การต่ออายุประกาศพื้นที่ความมั่นคง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ กำหนดให้อําเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี กับอีก 4 อําเภอ จ.สงขลา “จะนะ - นาทวี - เทพา -สะบ้าย้อย” เป็นพื้นที่ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
“...ห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จึงมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกําหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อมิให้สถานการณ์ขยายตัวลุกลาม หรือหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551...
...ให้บรรดาประกาศ คําสั่ง หรือการดําเนินการใดที่กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกําหนดขึ้น หรือการปฏิบัติการใดของศูนย์อํานวยการ หน่วยงาน พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ใดที่ได้รับมอบหมายจากกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ซึ่งมีผลใช้บังคับในเขตพื้นที่อําเภอแม่ลานจังหวัดปัตตานี และอําเภอจะนะ อําเภอนาทวี อําเภอเทพา และอําเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ยังคงมีผลใช้บังคับโดยต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการกําหนดเป็นอย่างอื่น...”
ความหมายก็คือ การต่ออายุพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พื้นที่ดังกล่าว มีการประกาศใช้มาครบ 1 ปีแล้ว เมื่อหมดอายุ ก็จึงประกาศต่ออายุ
แต่ปรากฏว่า สื่อบางสำนัก รวมถึงนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวจำนวนมาก ได้นำเรื่องนี้ไปกล่าวอ้างว่า เป็นการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อจัดการกับม็อบโรงไฟฟ้าที่เกิดการปะทะกับตำรวจ!!!
นำไปเป็นฐานอ้างอิงเพื่อต่อยอดการเคลื่อนไหวต่อไปอีก
บางคน ที่นำข้อมูลนี้ไปอ้างอิงขยายผลต่อ เช่น
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “มติ ครม. วันนี้ กำหนดให้ เทพา เป็นเขตความมั่นคง จนท.มีอำนาจออกระเบียบ กฎเกณฑ์ ควบคุมภายใต้ วาทกรรม ความมั่นคง พวกคุณที่เป็นทาสพ่อค้าถ่านหิน คงจะรับทราบ การลุกขึ้นสู้โดยไม่กลัวตายของคนรักษามาตุภูมิว่าเป็นอย่างไร การจ่ายของพ่อค้าถ่านหิน จะเสียเปล่า เพราะพวกคุณประเมิน อานุภาพของความรักมาตุภูมิต่ำไป ถ้าจะท้าทายกันแบบนี้ พวกคุณจะได้รับบทเรียน”
อาจารย์เดชรัต สุขกำเนิด อาจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ว่า “นายกฯ เพี้ยนไปแล้วครับท่าน เขามาปกป้องแผ่นดินเกิดของเขา เขาจะมายื่นจดหมายต่อท่าน ท่านดันยื่นคุก ยื่นกฎหมายความมั่นคงให้กับเขา ตอนเรียนทหาร ท่านเอาหัวปักถ่านหินมากไปหรือเปล่าครับ”
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความว่า “อนิจจา 15 แกนนำม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานอนคุก เพราะหลักทรัพย์ไม่พอ มีเพียงเยาวชนชาย 16 ปี ได้ประกันตัวเพียงคนเดียว และนายกรัฐมนตรีก็ใช้อำนาจประกาศพื้นที่ความมั่นคง เหมือนกับมีสงครามกันทีเดียว ต้องถามว่าท่านนายกฯ ปล่อยให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
ที่น่าแปลกใจ คือ บางคน แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า เป็นการต่ออายุประกาศเดิม ไม่ว่าจะมีม็อบโรงไฟฟ้าหรือไม่มี ฝ่ายความมั่นคงก็มีการตัดสินใจต่ออายุประกาศพื้นที่ความมั่นคงอยู่ก่อนหน้าแล้ว เพื่อดูแลสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ให้มีความต่อเนื่อง หลังจากดำเนินการมาครบรอบปีแล้วได้ผลดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ฝ่ายที่ต้องการจะเคลื่อนไหวก็ยังไม่แก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยังเผยแพร่ ส่งต่อฐานข้อมูลอันเป็นเท็จต่อไปอีก
จะด้วยความกลัวเสียหน้า หรือต้องการเอาชนะ ก็ตามแต่
ทั้งๆ ที่ การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หากนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง อธิบายด้วยเหตุผล ก็สามารถสร้างความเข้าใจอย่างมีน้ำหนักกับผู้คนในสังคมได้ โดยไม่ต้องใช้วิชามารในการปลุกระดม
3. ตัวอย่างสองกรณีนี้ สะท้อนพฤติกรรม “จับแพะชนแกะ” มุ่งจะเอาชนะโดยไม่สนใจวิธีการ
เราต้องการอย่างนี้กันจริงๆ หรือ?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/32953
ช่างพูดบิดเบือนกันง่ายๆ มีลับลวง... แต่ลุงตู่เปิดเผยกลับไม่ชอบใจ