Murder on the Orient Express (Kenneth Branagh, 2017) คะแนน C+
By Form Corleone
"เรื่องราวคดีฆาตกรรมบนขบวนรถไฟสุดหรูกับการไขปริศนาที่คาดไม่ถึง" จากหนังสือนิยายสืบสวนสุดอมตะสู่โลกภาพยนตร์อีกครั้ง 'Murder on the Orient Express' พาเราไปตามติดชีวิตนักสืบ 'แอร์กูล ปัวโรต์' ในการตามหาคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในขบวนรถไฟด่วนสายยุโรปท่ามกลางความเหน็บหนาว ภาพยนตร์กำกับโดย 'เคนเน็ธ บรานาห์' รับบทเป็น 'แอร์กูล ปัวโรต์' ตัวละครเอกของเรื่อง เรียกว่าเป็นทุกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย พร้อมด้วยดาราดาวดังมากมายมาร่วมสบทบกันอย่างเนืองแน่น อาทิ จอห์นนี่ เดปป์, มิเชล ไฟเฟอร์, เดซี่ ริดลี่ย์, วิลเลม เดโฟ, จูดี้ เดนช์ ภายใต้การสืบคดีหาคนร้าย 'ปัวโรต์' ต้องพบเจอกับปริศนาที่ชวนสงสัยมากมายพร้อมทั้งพูดคุยสอบปากคำเหล่าผู้โดยสายแต่ละคนที่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังซับซ้อน ใครกันแน่คือคนร้าย? คงต้องไปตามดูกันเอาเอง ด้วยการที่ตัวหนังมีต้นฉบับเป็นหนังสือนิยายชั้นยอดของ 'อกาธา คริสตี้' จึงทำให้ไม่ว่างานนี้จะถูกนำมาปรับแต่งหรือตีความออกมาใหม่ยังไง ภาพรวมทั้งหมดก็ยังคงมีข้อความที่ดีในตัวของมันเอง สำหรับการตีความครั้งนี้ของ 'เคนเน็ธ บรานาห์' จึงไม่ใช่การทำให้เรารู้สึกนั่งดูภาพยนตร์แนวสืบสวนที่ตื่นเต้น+เร้าใจ แต่เป็นการพาเราไปสำรวจภาวะตัวตนของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' นักสืบที่ยกตนว่าเก่งที่สุดในโลก กับการเรียนรู้และเข้าใจ+ยอมรับเงื่อนไขบางอย่างของความยุติธรรม ที่ถูก 'เคนเน็ธ บรานาห์' รังสรรค์ตีความออกมาใหม่จนเล่นใหญ่เกินความจำเป็น ทั้งการแสดงที่ล้นจนมากเกินทำให้จังหวะของหนังขาดสมดุล หรือวิธีเฉลยปมปริศนาก็จัดใหญ่จนกลายเป็นละครดราม่าที่ไม่เข้ากับหนังนักสืบเท่าไหร่ แถมยังไม่รู้สึกตื่นตะลึงในช่วงนาทีบีบคั้นอีกด้วย จุดนี้จึงทำให้ตัวงานค่อนข้างที่จะเรียบเฉยไปนิดทั้งที่มีนักแสดงมากฝีมือหลายคนแต่ก็ไม่ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดูหวาดระแวงต้องสงสัยมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ภายนอกของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' ในฉบับนี้ค่อนข้างที่จะมีเสน่ห์อยู่พอสมควร (ชอบหนวดที่ยาวเป็นไม้กวาดทางมะพร้าวจริงๆ)
ปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับเราคือการกำกับของ 'เคนเน็ธ บรานาห์' ที่พยายามจะใส่วิธีการสำรวจตัวละครและเชิดชูตัวละครในตอนท้ายเรื่อง จนทำให้ 'ปัวโรต์' ในฉบับนี้มีความตื้นเขินในการไขคดี เพราะหนังมุ่งเน้นไปที่การสำรวจภาวะทางความคิดของตัวละครต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพียงแต่ว่า การตัดสลับภาพนั้นรวดเร็วเกินไปจนทำให้ข้อความต่างๆของหนังผิดที่ผิดทางไปหมด รวมทั้งไม่มีความไหลลื่นต่อเนื่องกัน วิธีการเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆและการสร้างบริบทต่างๆไม่สามารถทำให้เราสะเทือนต่อพล็อตเรื่องที่วางไว้ได้ สิ่งที่ทำให้เรามีส่วนร่วมไปกับภาพยนตร์ก็คือมุมกล้องที่หนังใช้นั้นดีพอที่จะทำให้เรากลายร่างเป็นผู้สังเกตการณ์ทั้งมุมสูง+มุมแคบหรือมุมลึก ในขณะเดียวกันนั้นเองบางมุมเราที่เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคนถูกสอบสวนไปขณะเดียวกัน จุดนี้จึงทำให้เราพอที่จะรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะถ้าหวังเพียงการตามสืบคดีอย่างเดียว ที่ค่อนข้างทำแบบเนิบช้าจนผิดวิสัยหนังแนวสืบสวนทั่วๆไป งานนี้คงมีหลับกันไม่มากก็น้อยเป็นแน่ นอกจากมุมกล้องที่ดีแล้ว งานภาพพื้นหลังยังสวยตามสมัยและเจนจัด+แจ่มชัด ให้บรรยากาศที่ดี องค์ประกอบตัวรถไฟทั้งภายนอกและภายในสวยงามจนอยากไปนั่งรถไฟแบบนี้สักครั้ง เครื่องแต่งกายของเหล่านักแสดงก็ทำได้พิถีพิถันสวยงามจนช่วยเสริมให้งานนี้ดูมีชั้นเชิงในองค์ประกอบศิลป์ที่ดีไม่น้อยเลย
ท้ายสุด 'Murder on the Orient Express' เป็นงานที่พาเราไปสำรวจสภาพจิตใจของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' มากกว่าการพาเราไปสืบคดี เราจึงเห็นการเรียนรู้ของนักสืบคนหนึ่งไปพร้อมกับการไขคดีที่ให้แง่คิดบางอย่างต่อความยุติธรรม แม้จะดูตื้นเขินและเป็นละครที่แอคติ้งเล่นใหญ่ไฟกระพริบมากก็ตาม และนอกจากการพาเราไปสำรวจตัวละครเอกของเรื่องแล้ว ตัวละครย่อยแต่ละตัวก็มีภูมิหลังเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป และทั้งหมดก็ค่อยๆถูกปลอกเปลือกออกมาทีละชิ้นในที่สุด อย่างไรเสีย ด้วยการที่หนังมีทรัพยากรที่ดีทั้งเรื่องราวและเหล่านักแสดงก็น่าจะทำให้งานนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป และจัดไปในทางที่ดูได้เพลินๆแต่ไม่ถึงกับชอบใจอะไรมาก ยังไงเราก็เอาใจช่วยร่วมลุ้นให้มีภาคต่อไปอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็ไม่ได้แย่มากถ้า 'แอร์กูล ปัวโรต์' จะถูกรับบทโดย 'เคนเน็ธ บรานาห์' อีกครั้ง ในลำดับต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Murder on the Orient Express (Kenneth Branagh, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"เรื่องราวคดีฆาตกรรมบนขบวนรถไฟสุดหรูกับการไขปริศนาที่คาดไม่ถึง" จากหนังสือนิยายสืบสวนสุดอมตะสู่โลกภาพยนตร์อีกครั้ง 'Murder on the Orient Express' พาเราไปตามติดชีวิตนักสืบ 'แอร์กูล ปัวโรต์' ในการตามหาคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในขบวนรถไฟด่วนสายยุโรปท่ามกลางความเหน็บหนาว ภาพยนตร์กำกับโดย 'เคนเน็ธ บรานาห์' รับบทเป็น 'แอร์กูล ปัวโรต์' ตัวละครเอกของเรื่อง เรียกว่าเป็นทุกอย่างของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย พร้อมด้วยดาราดาวดังมากมายมาร่วมสบทบกันอย่างเนืองแน่น อาทิ จอห์นนี่ เดปป์, มิเชล ไฟเฟอร์, เดซี่ ริดลี่ย์, วิลเลม เดโฟ, จูดี้ เดนช์ ภายใต้การสืบคดีหาคนร้าย 'ปัวโรต์' ต้องพบเจอกับปริศนาที่ชวนสงสัยมากมายพร้อมทั้งพูดคุยสอบปากคำเหล่าผู้โดยสายแต่ละคนที่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังซับซ้อน ใครกันแน่คือคนร้าย? คงต้องไปตามดูกันเอาเอง ด้วยการที่ตัวหนังมีต้นฉบับเป็นหนังสือนิยายชั้นยอดของ 'อกาธา คริสตี้' จึงทำให้ไม่ว่างานนี้จะถูกนำมาปรับแต่งหรือตีความออกมาใหม่ยังไง ภาพรวมทั้งหมดก็ยังคงมีข้อความที่ดีในตัวของมันเอง สำหรับการตีความครั้งนี้ของ 'เคนเน็ธ บรานาห์' จึงไม่ใช่การทำให้เรารู้สึกนั่งดูภาพยนตร์แนวสืบสวนที่ตื่นเต้น+เร้าใจ แต่เป็นการพาเราไปสำรวจภาวะตัวตนของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' นักสืบที่ยกตนว่าเก่งที่สุดในโลก กับการเรียนรู้และเข้าใจ+ยอมรับเงื่อนไขบางอย่างของความยุติธรรม ที่ถูก 'เคนเน็ธ บรานาห์' รังสรรค์ตีความออกมาใหม่จนเล่นใหญ่เกินความจำเป็น ทั้งการแสดงที่ล้นจนมากเกินทำให้จังหวะของหนังขาดสมดุล หรือวิธีเฉลยปมปริศนาก็จัดใหญ่จนกลายเป็นละครดราม่าที่ไม่เข้ากับหนังนักสืบเท่าไหร่ แถมยังไม่รู้สึกตื่นตะลึงในช่วงนาทีบีบคั้นอีกด้วย จุดนี้จึงทำให้ตัวงานค่อนข้างที่จะเรียบเฉยไปนิดทั้งที่มีนักแสดงมากฝีมือหลายคนแต่ก็ไม่ได้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดูหวาดระแวงต้องสงสัยมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม รูปลักษณ์ภายนอกของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' ในฉบับนี้ค่อนข้างที่จะมีเสน่ห์อยู่พอสมควร (ชอบหนวดที่ยาวเป็นไม้กวาดทางมะพร้าวจริงๆ)
ปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับเราคือการกำกับของ 'เคนเน็ธ บรานาห์' ที่พยายามจะใส่วิธีการสำรวจตัวละครและเชิดชูตัวละครในตอนท้ายเรื่อง จนทำให้ 'ปัวโรต์' ในฉบับนี้มีความตื้นเขินในการไขคดี เพราะหนังมุ่งเน้นไปที่การสำรวจภาวะทางความคิดของตัวละครต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพียงแต่ว่า การตัดสลับภาพนั้นรวดเร็วเกินไปจนทำให้ข้อความต่างๆของหนังผิดที่ผิดทางไปหมด รวมทั้งไม่มีความไหลลื่นต่อเนื่องกัน วิธีการเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆและการสร้างบริบทต่างๆไม่สามารถทำให้เราสะเทือนต่อพล็อตเรื่องที่วางไว้ได้ สิ่งที่ทำให้เรามีส่วนร่วมไปกับภาพยนตร์ก็คือมุมกล้องที่หนังใช้นั้นดีพอที่จะทำให้เรากลายร่างเป็นผู้สังเกตการณ์ทั้งมุมสูง+มุมแคบหรือมุมลึก ในขณะเดียวกันนั้นเองบางมุมเราที่เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคนถูกสอบสวนไปขณะเดียวกัน จุดนี้จึงทำให้เราพอที่จะรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะถ้าหวังเพียงการตามสืบคดีอย่างเดียว ที่ค่อนข้างทำแบบเนิบช้าจนผิดวิสัยหนังแนวสืบสวนทั่วๆไป งานนี้คงมีหลับกันไม่มากก็น้อยเป็นแน่ นอกจากมุมกล้องที่ดีแล้ว งานภาพพื้นหลังยังสวยตามสมัยและเจนจัด+แจ่มชัด ให้บรรยากาศที่ดี องค์ประกอบตัวรถไฟทั้งภายนอกและภายในสวยงามจนอยากไปนั่งรถไฟแบบนี้สักครั้ง เครื่องแต่งกายของเหล่านักแสดงก็ทำได้พิถีพิถันสวยงามจนช่วยเสริมให้งานนี้ดูมีชั้นเชิงในองค์ประกอบศิลป์ที่ดีไม่น้อยเลย
ท้ายสุด 'Murder on the Orient Express' เป็นงานที่พาเราไปสำรวจสภาพจิตใจของ 'แอร์กูล ปัวโรต์' มากกว่าการพาเราไปสืบคดี เราจึงเห็นการเรียนรู้ของนักสืบคนหนึ่งไปพร้อมกับการไขคดีที่ให้แง่คิดบางอย่างต่อความยุติธรรม แม้จะดูตื้นเขินและเป็นละครที่แอคติ้งเล่นใหญ่ไฟกระพริบมากก็ตาม และนอกจากการพาเราไปสำรวจตัวละครเอกของเรื่องแล้ว ตัวละครย่อยแต่ละตัวก็มีภูมิหลังเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป และทั้งหมดก็ค่อยๆถูกปลอกเปลือกออกมาทีละชิ้นในที่สุด อย่างไรเสีย ด้วยการที่หนังมีทรัพยากรที่ดีทั้งเรื่องราวและเหล่านักแสดงก็น่าจะทำให้งานนี้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป และจัดไปในทางที่ดูได้เพลินๆแต่ไม่ถึงกับชอบใจอะไรมาก ยังไงเราก็เอาใจช่วยร่วมลุ้นให้มีภาคต่อไปอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็ไม่ได้แย่มากถ้า 'แอร์กูล ปัวโรต์' จะถูกรับบทโดย 'เคนเน็ธ บรานาห์' อีกครั้ง ในลำดับต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/