วันนี้ดิฉันขอนำโคลงโลกนิติมาให้อ่านกันเพื่อประเทืองสติในห้องราชดำเนินกันนะคะ...
พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
โคลงโลกนิติ เป็นวรรณกรรมประเภทคำสอน ในลักษณะของโคลงสุภาษิต คำว่า โลกนิติ (อ่านว่า โลก-กะ-นิด) แปลว่า ระเบียบแบบแผนแห่งโลก
เนื้อหาในโคลงโลกนิติจึงมุ่งแสดงความจริงของโลกและสัจธรรมของชีวิต เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้เท่าทันต่อโลก และเข้าใจในความเป็นไปของชีวิต พร้อมเป็นแม่แบบเพื่อให้ผู้อ่านได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงามสืบไป
โคลงโลกนิติมีความไพเราะเหมาะสมทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหาปรัชญาสาระ ครบคุณค่าทางวรรณกรรม ทำให้เป็นที่แพร่หลายในหมู่คนทั่วไป บางท่านกล่าวยกย่องโคลงโลกนิติว่าเป็น อมตะวรรณกรรมคำสอน หรือ ยอดสุภาษิตอมตะ[1], ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นบทอ่านในหนังสือแบบเรียนสำหรับนักเรียนนักศึกษาอยู่ทุกยุคสมัย และได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4
โคลงโลกนิติ
ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่าเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
ถอดคำประพันธ์
ถึงยากจนก็ควรทนแม้จะต้องกัดก้อนเกลือกินก็ยอมไม่ควรรบกวนเบียดเบียนพวกพ้องควรเอาอย่างเสือที่รักษาศักดิ์ศรีตนแม้จะหิวโซปานใดก็จับเนื้อกินด้วยตนเอง
เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้
เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์
หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา
ถอดคำประพันธ์
โคลงบทนี้กวีเตือนสติการคบเพื่อน ให้รู้จักระมัดระวัง อย่าประมาท
เพราะเพื่อนในคราที่มีความสุขนั้นหาง่ายมาก แต่เพื่อนที่ไปมาหาสู๋
ในครามีทุกข์นั้นหายากยิ่ง ตรงกับสำนวนเพื่อนกินหาง่ายเพื่อนตายหายาก
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
ถอดคำประพันธ์
ความยาวของก้านบัวสามารถบอกความลึกตื้นของแหล่งน้ำที่มันอยู่ได้ มารยาทบอกให้ทราบถึงความเป็นไปของชาติตระกูลคำพูดของคนสามารถแสดง ให้เห็นว่าบุคคลนั้น ฉลาด เขลา ชั่ว หรือเลว เหมือนกับที่หญ้าเหี่ยวแห้งบอก
ถึงความไม่สมบูรณ์ของดิน ตามตรงกับสำนวนสำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล
เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม
เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน
อุตส่าห์พยายาม การกิจ
เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำกิน
ถอดคำประพันธ์
เห็นเขาได้ดีเราอย่าท้อ ถึงเราจน เราต้องสู้อุตสาห์พยายามทำงานเอาตัวอย่างจากเพื่อนบ้านที่ดี
นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว ทอยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน
ถอดคำประพันธ์
ถ้าเราเป็นนกตัวน้อยก็มีขนน้อยพอดีตัว
รังก็สร้างให้ได้อยู่กันแค่พ่อนกแม่นก
ถ้าทำอะไรแบบใหญ่เกินตัวก็จะไม่มีใครยกย่อง
ทำอะไรก็ทำแต่ที่พอดีตัวก็พอแล้ว อย่าทำให้ใครเขามาสมเพชได้ในภายหลัง
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์
ถอดคำประพันธ์
การคบคนชั่วหรือคนพาลย่อมนำมาซึ่งความมัวหมอง ตรงกับสำนวนคบพาลพาลพาไปหาผิด
ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม
ถอดคำประพันธ์
การคบคนดีย่อมนำซึ่งความสุขและชื่อเสียง ตรงกับสำนวนคบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม
ถอดคำประพันธ์
การคบการคบคนอย่ามองเพียงความงดงาม ตรงกับสำนวนรู้หน้าไม่รู้ใจ หรือ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง
ขนุนสุกสล้างแห่ง สาขา
ภายนอกเห็นหนามหนา หนั่นแท้
ภายในย่อมรสา เอมโอษฐ์
สาธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจ
ถอดคำประพันธ์
การคบให้มองที่ความงามภายในเหมือนกับขนุน ตรงกับสำนวนข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง
คนพาลผู้บาปแท้ ทุรจิต
ไปสู่หาบัณทิต ค่ำเช้า
ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ บ่ทราบ ใจนา
คือจวักตักเข้า ห่อนรู้รสแกง
ถอดคำประพันธ์
คนเลวที่แม้คบคนดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ยังไม่สามารถปรับปรุงตัวได้เป็นเสมือนจวักตักแกงที่แม้จะอยู่ในหม้อแกงแต่ไม่อาจรู้รสของแกงได้ ตรงกับสำนวน สีซอให้ควายฟัง หรือตักน้ำรดหัวตอ
งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน
ถอดคำประพันธ์
คำพูดของคนที่ยึดมั่นในคำพูดเปรียบเสมือนงาช้างที่งอกแล้วไม่หดคืนแต่คำพูดของคนชั่ว (ทุรชน) ย่อมกลับไปกลับมาเหมือนหัวเต่าที่ผลุบ ๆโผล่ ๆ
ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามดังนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา
ถอดคำประพันธ์
การห้ามธรรมชาติทั้ง ๔ ประการไม่ให้ดำเนินไปว่าเป็นสิ่งที่ยากแล้วการห้ามไม่ให้คนนินทายังยากกว่า ตรงกับสำนวนอันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหินแม้องพระปฏิมายังราคิน มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา
ถอดคำประพันธ์
การรักษาความสัตย์สำคัญเหนือสิ่งใด ตรงกับสำนวนเสียชีพอย่าเสียสัตย์
โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น
โทษตนเท่าภูผา หนักยิ่ง
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น เรื่องร้ายหายสูญ
ถอดคำประพันธ์
ธรรมชาติของคนมักจะมองเห็นแต่ความผิดของผู้อื่น ขณะเดียวกันความผิดพลาดของตนแม้ใหญ่หลวงก็พยายามปกปิด
เห็นใดจำให้แน่ นึกหมาย
ฟังใดอย่าฟังดาย สดับหมั้น
ชนม์ยืนอย่าพึงวาย ตรองตรึก ธรรมนา
สิ่งสดับทั้งนั้น ผิดเพี้ยนเป็นครู
ถอดคำประพันธ์
สอนเรื่องการรับข่าวสารข้อมูลอย่าฟังหรืออ่าน ให้ผ่านหูไปเฉย ๆ ให้คิดไตร่ตรองอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนได้ (สดับหมั้น จำให้แม่นยำ หมั้นมาจากมั่น ในที่นี้ หมั้นเป็นโทโทษ แทนมั่น)
อย่าโทษไทท้าวท่วย เทวา
อย่าโทษสถานภูผา ย่านกว้าง
อย่าโทษหมู่วงศา มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ส่งให้เป็นเอง
ถอดคำประพันธ์
สอนให้รู้จึกคิดไม่โทษอะไรง่าย ๆ ควรไตร่ตรองว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของเราเองใช่หรือไม่
ตรงกับร่ายสุภาษิต "โทษตนผิดพึงรู้"
http://www.kaweeclub.com/b35/t383/
ไม่น่าเชื่อว่า คำเตือนสติหรือคำสอนของคนโบราณนั้น ยังสามารถนำมาใช้ในปัจจุบันได้
ยอดเยี่ยมในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณที่ช่วยสอนลูกหลานไทยตลอดมานะคะ
ยามจนทนมุ่งสร้าง.............ทรัพย์นา
ยอมดื่มกินน้ำตา................ต่างข้าว
รักในศักดิ์ศรีหา.................ใดเทียบ เทียมเฮย
ทำดั่งนี้คือก้าว..................ล่วงพ้นคนหยาม
~มาลาริน~
~มาลาริน~**สวัสดีวันนี้อาทิตย์ตื่นสาย..มีโคลงสอนใจมาฝากค่ะ..🐯🐯🐯 ถึงจนทนสู้กัดกินเกลือ...โซก็เสาะใส่ท้องจับเนื้อกินเอง
พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
โคลงโลกนิติ เป็นวรรณกรรมประเภทคำสอน ในลักษณะของโคลงสุภาษิต คำว่า โลกนิติ (อ่านว่า โลก-กะ-นิด) แปลว่า ระเบียบแบบแผนแห่งโลก
เนื้อหาในโคลงโลกนิติจึงมุ่งแสดงความจริงของโลกและสัจธรรมของชีวิต เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้เท่าทันต่อโลก และเข้าใจในความเป็นไปของชีวิต พร้อมเป็นแม่แบบเพื่อให้ผู้อ่านได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงามสืบไป
โคลงโลกนิติมีความไพเราะเหมาะสมทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหาปรัชญาสาระ ครบคุณค่าทางวรรณกรรม ทำให้เป็นที่แพร่หลายในหมู่คนทั่วไป บางท่านกล่าวยกย่องโคลงโลกนิติว่าเป็น อมตะวรรณกรรมคำสอน หรือ ยอดสุภาษิตอมตะ[1], ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นบทอ่านในหนังสือแบบเรียนสำหรับนักเรียนนักศึกษาอยู่ทุกยุคสมัย และได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โคลงโลกนิติ
ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่าเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
ถอดคำประพันธ์
ถึงยากจนก็ควรทนแม้จะต้องกัดก้อนเกลือกินก็ยอมไม่ควรรบกวนเบียดเบียนพวกพ้องควรเอาอย่างเสือที่รักษาศักดิ์ศรีตนแม้จะหิวโซปานใดก็จับเนื้อกินด้วยตนเอง
เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้
เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์
หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา
ถอดคำประพันธ์
โคลงบทนี้กวีเตือนสติการคบเพื่อน ให้รู้จักระมัดระวัง อย่าประมาท
เพราะเพื่อนในคราที่มีความสุขนั้นหาง่ายมาก แต่เพื่อนที่ไปมาหาสู๋
ในครามีทุกข์นั้นหายากยิ่ง ตรงกับสำนวนเพื่อนกินหาง่ายเพื่อนตายหายาก
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
ถอดคำประพันธ์
ความยาวของก้านบัวสามารถบอกความลึกตื้นของแหล่งน้ำที่มันอยู่ได้ มารยาทบอกให้ทราบถึงความเป็นไปของชาติตระกูลคำพูดของคนสามารถแสดง ให้เห็นว่าบุคคลนั้น ฉลาด เขลา ชั่ว หรือเลว เหมือนกับที่หญ้าเหี่ยวแห้งบอก
ถึงความไม่สมบูรณ์ของดิน ตามตรงกับสำนวนสำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล
เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม
เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน
อุตส่าห์พยายาม การกิจ
เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำกิน
ถอดคำประพันธ์
เห็นเขาได้ดีเราอย่าท้อ ถึงเราจน เราต้องสู้อุตสาห์พยายามทำงานเอาตัวอย่างจากเพื่อนบ้านที่ดี
นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว ทอยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน
ถอดคำประพันธ์
ถ้าเราเป็นนกตัวน้อยก็มีขนน้อยพอดีตัว
รังก็สร้างให้ได้อยู่กันแค่พ่อนกแม่นก
ถ้าทำอะไรแบบใหญ่เกินตัวก็จะไม่มีใครยกย่อง
ทำอะไรก็ทำแต่ที่พอดีตัวก็พอแล้ว อย่าทำให้ใครเขามาสมเพชได้ในภายหลัง
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์
ถอดคำประพันธ์
การคบคนชั่วหรือคนพาลย่อมนำมาซึ่งความมัวหมอง ตรงกับสำนวนคบพาลพาลพาไปหาผิด
ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย ดุจไม้กลิ่นหอม
ถอดคำประพันธ์
การคบคนดีย่อมนำซึ่งความสุขและชื่อเสียง ตรงกับสำนวนคบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดังคนใจร้าย นอกนั้นดูงาม
ถอดคำประพันธ์
การคบการคบคนอย่ามองเพียงความงดงาม ตรงกับสำนวนรู้หน้าไม่รู้ใจ หรือ ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง
ขนุนสุกสล้างแห่ง สาขา
ภายนอกเห็นหนามหนา หนั่นแท้
ภายในย่อมรสา เอมโอษฐ์
สาธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจ
ถอดคำประพันธ์
การคบให้มองที่ความงามภายในเหมือนกับขนุน ตรงกับสำนวนข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง
คนพาลผู้บาปแท้ ทุรจิต
ไปสู่หาบัณทิต ค่ำเช้า
ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ บ่ทราบ ใจนา
คือจวักตักเข้า ห่อนรู้รสแกง
ถอดคำประพันธ์
คนเลวที่แม้คบคนดี อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ยังไม่สามารถปรับปรุงตัวได้เป็นเสมือนจวักตักแกงที่แม้จะอยู่ในหม้อแกงแต่ไม่อาจรู้รสของแกงได้ ตรงกับสำนวน สีซอให้ควายฟัง หรือตักน้ำรดหัวตอ
งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน
ถอดคำประพันธ์
คำพูดของคนที่ยึดมั่นในคำพูดเปรียบเสมือนงาช้างที่งอกแล้วไม่หดคืนแต่คำพูดของคนชั่ว (ทุรชน) ย่อมกลับไปกลับมาเหมือนหัวเต่าที่ผลุบ ๆโผล่ ๆ
ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามดังนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา
ถอดคำประพันธ์
การห้ามธรรมชาติทั้ง ๔ ประการไม่ให้ดำเนินไปว่าเป็นสิ่งที่ยากแล้วการห้ามไม่ให้คนนินทายังยากกว่า ตรงกับสำนวนอันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหินแม้องพระปฏิมายังราคิน มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณา
ถอดคำประพันธ์
การรักษาความสัตย์สำคัญเหนือสิ่งใด ตรงกับสำนวนเสียชีพอย่าเสียสัตย์
โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น
โทษตนเท่าภูผา หนักยิ่ง
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น เรื่องร้ายหายสูญ
ถอดคำประพันธ์
ธรรมชาติของคนมักจะมองเห็นแต่ความผิดของผู้อื่น ขณะเดียวกันความผิดพลาดของตนแม้ใหญ่หลวงก็พยายามปกปิด
เห็นใดจำให้แน่ นึกหมาย
ฟังใดอย่าฟังดาย สดับหมั้น
ชนม์ยืนอย่าพึงวาย ตรองตรึก ธรรมนา
สิ่งสดับทั้งนั้น ผิดเพี้ยนเป็นครู
ถอดคำประพันธ์
สอนเรื่องการรับข่าวสารข้อมูลอย่าฟังหรืออ่าน ให้ผ่านหูไปเฉย ๆ ให้คิดไตร่ตรองอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนได้ (สดับหมั้น จำให้แม่นยำ หมั้นมาจากมั่น ในที่นี้ หมั้นเป็นโทโทษ แทนมั่น)
อย่าโทษไทท้าวท่วย เทวา
อย่าโทษสถานภูผา ย่านกว้าง
อย่าโทษหมู่วงศา มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ส่งให้เป็นเอง
ถอดคำประพันธ์
สอนให้รู้จึกคิดไม่โทษอะไรง่าย ๆ ควรไตร่ตรองว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของเราเองใช่หรือไม่
ตรงกับร่ายสุภาษิต "โทษตนผิดพึงรู้"
http://www.kaweeclub.com/b35/t383/
ไม่น่าเชื่อว่า คำเตือนสติหรือคำสอนของคนโบราณนั้น ยังสามารถนำมาใช้ในปัจจุบันได้
ยอดเยี่ยมในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณที่ช่วยสอนลูกหลานไทยตลอดมานะคะ
ยามจนทนมุ่งสร้าง.............ทรัพย์นา
ยอมดื่มกินน้ำตา................ต่างข้าว
รักในศักดิ์ศรีหา.................ใดเทียบ เทียมเฮย
ทำดั่งนี้คือก้าว..................ล่วงพ้นคนหยาม
~มาลาริน~