ครึ่งแรก สปีดบอลของยูไนเต็ดค่อนข้างช้า ค่อยๆ ทำไป พอตัดบอลได้ ก็มักจะจ่ายบอลแบบด้านกว้าง มากกว่าด้านลึก บอลไม่ค่อยคืบหน้า บอลจากหลังไปหน้าใช้เวลานาน ซึ่ง ส่วนหนึ่งก็เข้าใจเพราะไบรท์ตันลงไปแพ็คกันเยอะมาก
ผมคิดมาตลอดเลยว่าเวลาตัน ทีมเหมือนยังขาดพวกที่สามารถ "เลี้ยงกินตัว" แบบที่โค้ชเตี้ยเค้าชอบใช้คำ พวกคนที่จะเบรค หรือฉีกเกมรับ ออกได้ในจังหวะดวลตัวต่อตัว ซึ่งจะมาเที่ยวหรือแรชฟอร์ด ก็มักจะติดๆ ดับๆ
จริงๆ ดู Juventus vs Barcelona ในยูซีแอลคืนก่อน ก็ยังดูนะว่า บาซ่าที่ไม่มีเมสซี่ก็ดูตื้อๆ ซึมๆ เหมือนกัน แต่นั่นทีมเวิร์คบาซ่าดีมาาากก
ลูกากูเองก็อย่างที่พูดกันมานานว่า ถ้าไม่มีบอลเปิดดีๆ สม่ำเสมอ เค้าก็เฉยๆ บางทีก็หายไปจากเกม
ยูไนเต็ดไม่ค่อยมีการเล่นอะไรพลิกแพลงตรงกลาง เล่นทุกครั้งก็เน้นใช้ความเร็วของปีกสองข้าง จะเล่นชิ่งติ๊กต็อกตรงกลางนี่น้อยมาก ในเกมกับไบรท์ตันก็มี 1 ครั้งถ้วน ช่วงท้ายที่สำรอง ซลาตันเล่นกับป็อกบานั่นเอง
กลายเป็นว่าจังหวะเข้าทำของทีมไปกองอยู่กับลูกพลิกแพลงของ แอชลี่ย์ ยัง กับ แรชฟอร์ด (ที่ครอสได้ขึ้นกว่าเมื่อก่อนแหะ) และวาเลนเซีย แต่เกมรับนี่จารย์ยังก็แค่เฉยๆ นะ เกือบแย่ด้วยซ้ำ บรูโน่ ซอร์ตอ แบ็คขวาทีมเยือนได้เติมมาเปิดบ่อยมาาากกกก และเปิดดีด้วยนะ ไอช่องว่างที่เสาแรกนี่ก็เห็นบ่อยมาก แต่เหมือนไม่ละเอียดหรือไม่คมกันเอง
เกมอย่างในครึ่งแรกนี่ เวลายัดบอลขึ้นหน้าไปให้พวกลูกากูและคนอื่นๆ มักจะไม่สามารถเล่นบอลจังหวะเดียว หรือแม้แต่สองจังหวะได้ คือเรื่องโดนประกบมันแน่นอนล่ะ ธรรมดา แต่การที่ส่งขึ้นไปแล้วเสียบ่อยๆ นี่ทำให้ทำเกมรุกไม่ได้ กลายเป็นทุกคนอยากจะถ่างออกมาหาที่ว่างๆ ๆ ริมเส้น เพราะเล่นบอลแรกกันไม่ได้
ซึ่งไอเจ้าพวกพื้นที่เล็กๆ แบบนั้น พวกเทคนิคดีๆ ทั้งหลายจะไม่ค่อยมีปัญหา บางทีทั้งทีมที่ทำแบบนั้นได้น่าจะมี มาต้า, ซลาตัน, และป็อกบา กระมัง เราถึงมักจะเห็นซลาตันกับป็อกบาเล่นอะไรๆ ให้เห็นมากกว่าการเข้าทำทื่อๆ แบบปกติของยูไนเต็ด
ครึ่งหลัง เห็นแล้วว่าเริ่มมีการยิงไกลมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามแท็คติคที่บีบให้แนวรับทีมเยือนดันสูงขึ้นมาบล็อค เปิดพื้นที่ว่างด้านหลังบ้าง ไม่ใช่ไปกระจุกกันหมดจนปีศาจแดงจนปัญญาจะเจาะ แล้วก็กลายเป็นว่าลูกยิงไกลบวกกับโชคนี่เองที่นำมาซึ่งประตูชัย
Man Utd 1 - 0 Brighton & Hove Albion
ส่วนจังหวะที่แนวรุกไบรท์ตันบาดเจ็บที่กลางสนามแล้วยูไนเต็ดไม่เตะออกให้ ส่วนตัวก็เห็นใจทีมเยือนนะ ก็ยังงงๆ เหมือนกันทีแรก แล้วไม่ทุ่มคืนให้ด้วย 5555 โหดจริง
ถ้ามองในมุมยูไนเต็ด คงจะคิดว่าอีกฝ่ายแกล้งเจ็บ เพื่อเบรคเกมรุกของอีกฝ่าย มันไม่ใช่เรื่องของ "เวลา" เราถึงมีคำว่า "เบรคเกม" คือเบรคจังหวะไหล เบรค "โมเมนตั้ม" ของเกม อีกส่วนหนึ่งนักเตะยูไนเต็ดอาจมองว่าตัวผู้เล่นและตำแหน่งที่เจ็บนั้นไม่ได้มีส่วนในเกมรับด้วย จึงยังเล่นต่อไป
ในทางกลับกัน ถ้าเราถูกแย่งบอลไปแล้วอีกฝ่ายจะเค้าท์เตอร์แอทแทค กำลังสวนกลับ หรือทำเกมรุก เราแกล้งเจ็บเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดเกมได้ไหม ก็คงไม่ได้
แต่ก็นั่นเอง ก็ยอมรับว่าอย่างน้อยๆ ตอนทุ่มก็น่าจะทุ่มคืนให้ เพราะดูๆ แล้วตอนนั้นไบรท์ตันก็น่าจะจงใจเตะทิ้งนะ ไม่น่าใช่การสกัด ก็เดาว่าสงสัยทีมคงกลัวเสียจังหวะโฟลวหรือโมเมนตั้มในเกมรุกที่กำลังโหมอยู่ในตอนนั้นไป
แต่ก็ยอมรับล่ะครับ ว่ามันดูแบบ เอ่อออ จริงๆ
นี่ยังดีที่สุดท้ายแล้วนักเตะไบรท์ตันคนนั้นกลับมาเล่นได้ปกติ ถ้าเจ็บไปจริงๆ นี่สงสัยยิ่งโดนสวดยาวแหงๆ 5555
หืดจับเหลือเกินกับนัดนี้
แมนฯยูไนเต็ด เป็นอีกวันที่เล่นได้น่าอึดอัดนะ และก็ถือว่าน่าเห็นใจไบรท์ตันเรื่องเจ็บไม่เตะออกให้
ผมคิดมาตลอดเลยว่าเวลาตัน ทีมเหมือนยังขาดพวกที่สามารถ "เลี้ยงกินตัว" แบบที่โค้ชเตี้ยเค้าชอบใช้คำ พวกคนที่จะเบรค หรือฉีกเกมรับ ออกได้ในจังหวะดวลตัวต่อตัว ซึ่งจะมาเที่ยวหรือแรชฟอร์ด ก็มักจะติดๆ ดับๆ
จริงๆ ดู Juventus vs Barcelona ในยูซีแอลคืนก่อน ก็ยังดูนะว่า บาซ่าที่ไม่มีเมสซี่ก็ดูตื้อๆ ซึมๆ เหมือนกัน แต่นั่นทีมเวิร์คบาซ่าดีมาาากก
ลูกากูเองก็อย่างที่พูดกันมานานว่า ถ้าไม่มีบอลเปิดดีๆ สม่ำเสมอ เค้าก็เฉยๆ บางทีก็หายไปจากเกม
ยูไนเต็ดไม่ค่อยมีการเล่นอะไรพลิกแพลงตรงกลาง เล่นทุกครั้งก็เน้นใช้ความเร็วของปีกสองข้าง จะเล่นชิ่งติ๊กต็อกตรงกลางนี่น้อยมาก ในเกมกับไบรท์ตันก็มี 1 ครั้งถ้วน ช่วงท้ายที่สำรอง ซลาตันเล่นกับป็อกบานั่นเอง
กลายเป็นว่าจังหวะเข้าทำของทีมไปกองอยู่กับลูกพลิกแพลงของ แอชลี่ย์ ยัง กับ แรชฟอร์ด (ที่ครอสได้ขึ้นกว่าเมื่อก่อนแหะ) และวาเลนเซีย แต่เกมรับนี่จารย์ยังก็แค่เฉยๆ นะ เกือบแย่ด้วยซ้ำ บรูโน่ ซอร์ตอ แบ็คขวาทีมเยือนได้เติมมาเปิดบ่อยมาาากกกก และเปิดดีด้วยนะ ไอช่องว่างที่เสาแรกนี่ก็เห็นบ่อยมาก แต่เหมือนไม่ละเอียดหรือไม่คมกันเอง
เกมอย่างในครึ่งแรกนี่ เวลายัดบอลขึ้นหน้าไปให้พวกลูกากูและคนอื่นๆ มักจะไม่สามารถเล่นบอลจังหวะเดียว หรือแม้แต่สองจังหวะได้ คือเรื่องโดนประกบมันแน่นอนล่ะ ธรรมดา แต่การที่ส่งขึ้นไปแล้วเสียบ่อยๆ นี่ทำให้ทำเกมรุกไม่ได้ กลายเป็นทุกคนอยากจะถ่างออกมาหาที่ว่างๆ ๆ ริมเส้น เพราะเล่นบอลแรกกันไม่ได้
ซึ่งไอเจ้าพวกพื้นที่เล็กๆ แบบนั้น พวกเทคนิคดีๆ ทั้งหลายจะไม่ค่อยมีปัญหา บางทีทั้งทีมที่ทำแบบนั้นได้น่าจะมี มาต้า, ซลาตัน, และป็อกบา กระมัง เราถึงมักจะเห็นซลาตันกับป็อกบาเล่นอะไรๆ ให้เห็นมากกว่าการเข้าทำทื่อๆ แบบปกติของยูไนเต็ด
ครึ่งหลัง เห็นแล้วว่าเริ่มมีการยิงไกลมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามแท็คติคที่บีบให้แนวรับทีมเยือนดันสูงขึ้นมาบล็อค เปิดพื้นที่ว่างด้านหลังบ้าง ไม่ใช่ไปกระจุกกันหมดจนปีศาจแดงจนปัญญาจะเจาะ แล้วก็กลายเป็นว่าลูกยิงไกลบวกกับโชคนี่เองที่นำมาซึ่งประตูชัย
Man Utd 1 - 0 Brighton & Hove Albion
ส่วนจังหวะที่แนวรุกไบรท์ตันบาดเจ็บที่กลางสนามแล้วยูไนเต็ดไม่เตะออกให้ ส่วนตัวก็เห็นใจทีมเยือนนะ ก็ยังงงๆ เหมือนกันทีแรก แล้วไม่ทุ่มคืนให้ด้วย 5555 โหดจริง
ถ้ามองในมุมยูไนเต็ด คงจะคิดว่าอีกฝ่ายแกล้งเจ็บ เพื่อเบรคเกมรุกของอีกฝ่าย มันไม่ใช่เรื่องของ "เวลา" เราถึงมีคำว่า "เบรคเกม" คือเบรคจังหวะไหล เบรค "โมเมนตั้ม" ของเกม อีกส่วนหนึ่งนักเตะยูไนเต็ดอาจมองว่าตัวผู้เล่นและตำแหน่งที่เจ็บนั้นไม่ได้มีส่วนในเกมรับด้วย จึงยังเล่นต่อไป
ในทางกลับกัน ถ้าเราถูกแย่งบอลไปแล้วอีกฝ่ายจะเค้าท์เตอร์แอทแทค กำลังสวนกลับ หรือทำเกมรุก เราแกล้งเจ็บเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดเกมได้ไหม ก็คงไม่ได้
แต่ก็นั่นเอง ก็ยอมรับว่าอย่างน้อยๆ ตอนทุ่มก็น่าจะทุ่มคืนให้ เพราะดูๆ แล้วตอนนั้นไบรท์ตันก็น่าจะจงใจเตะทิ้งนะ ไม่น่าใช่การสกัด ก็เดาว่าสงสัยทีมคงกลัวเสียจังหวะโฟลวหรือโมเมนตั้มในเกมรุกที่กำลังโหมอยู่ในตอนนั้นไป
แต่ก็ยอมรับล่ะครับ ว่ามันดูแบบ เอ่อออ จริงๆ
นี่ยังดีที่สุดท้ายแล้วนักเตะไบรท์ตันคนนั้นกลับมาเล่นได้ปกติ ถ้าเจ็บไปจริงๆ นี่สงสัยยิ่งโดนสวดยาวแหงๆ 5555
หืดจับเหลือเกินกับนัดนี้