ธุรกิจทีวีดิ้นหารายได้เพิ่ม หลังทีวีดิจิทัลหนีตายหั่นราคาโฆษณาเหลือแค่หลักพันบาท เอ็มแชนแนล เร่งรุกออนไลน์กู้รายได้
นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง เอ็ม แชนแนล เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของทีวีดาวเทียมตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ซบเซา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการลดราคาโฆษณาของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลช่องที่อยู่ในอันดับต่ำกว่า 15 เหลือเพียงนาทีละ 900-1,000 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ขายในราคาหลักหมื่น เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจทีวีดิจิทัลมีความรุนแรง เพราะผู้เล่นมีจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของช่องเอ็ม แชนแนล ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการปรับราคาโฆษณาของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเหมือนกัน เห็นได้จากผลประกอบการที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนปี 2560 คาดว่าจะปิดรายได้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
"ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ราคาโฆษณาของช่องทีวีดิจิทัลจะแพงกว่าทีวีดาวเทียมหลาย 100% เช่น ทีวีดาวเทียมตั้งราคาขายที่หลักหมื่นบาท แต่ทีวีดิจิทัลตั้งราคาขายที่หลักแสนบาท แต่ปัจจุบันกลับมีการลดราคาลงเหลือหลักพันบาท ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก"
นายสยามรัศมิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสถานการณ์การแข่งขันเป็นแบบนี้ทำให้ธุรกิจทีวีกลายเป็นตลาดเรดโอเชียน เพราะดูจากตัวเลขล่าสุดของธุรกิจทีวีดิจิทัลมีเพียง 3-4 ช่องเท่านั้นที่ทำธุรกิจแล้วมีกำไร ส่วนที่เหลือขาดทุนทั้งหมด โดยเฉพาะช่องที่ต่ำกว่าอันดับ 10 ซึ่งขณะนี้มีบางช่องเริ่มถอดใจหันมาเน้นประคองตัว เพื่อความอยู่รอด
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ จะหันมาหารายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทางช่องยูทูบ แชนแนล หรือไลน์ ทีวี ขณะเดียวกัน ก็จะหันมาจับมือกับพันธมิตรทีวีดิจิทัล ด้วยการขายคอนเทนต์ภาพยนตร์ และซีรี่ส์ให้กับช่องทีวีต่างๆ ล่าสุดได้จับมือกับช่องไทยรัฐทีวี นำรายการ เอ็ม เธียเตอร์ มาออกอากาศในช่วงไพรม์ไทม์
ที่มา :
https://www.posttoday.com/biz/news/526903
ทีวีป่วนดิจิทัลทุบราคา โฆษณาเหลือแค่หลักพัน
นายสยามรัศมิ์ เลาหสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ กันตนา บรอดแคสติ้ง ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่อง เอ็ม แชนแนล เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของทีวีดาวเทียมตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ซบเซา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการลดราคาโฆษณาของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลช่องที่อยู่ในอันดับต่ำกว่า 15 เหลือเพียงนาทีละ 900-1,000 บาทเท่านั้น จากเดิมที่ขายในราคาหลักหมื่น เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจทีวีดิจิทัลมีความรุนแรง เพราะผู้เล่นมีจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของช่องเอ็ม แชนแนล ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการปรับราคาโฆษณาของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเหมือนกัน เห็นได้จากผลประกอบการที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนปี 2560 คาดว่าจะปิดรายได้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
"ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ราคาโฆษณาของช่องทีวีดิจิทัลจะแพงกว่าทีวีดาวเทียมหลาย 100% เช่น ทีวีดาวเทียมตั้งราคาขายที่หลักหมื่นบาท แต่ทีวีดิจิทัลตั้งราคาขายที่หลักแสนบาท แต่ปัจจุบันกลับมีการลดราคาลงเหลือหลักพันบาท ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก"
นายสยามรัศมิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อสถานการณ์การแข่งขันเป็นแบบนี้ทำให้ธุรกิจทีวีกลายเป็นตลาดเรดโอเชียน เพราะดูจากตัวเลขล่าสุดของธุรกิจทีวีดิจิทัลมีเพียง 3-4 ช่องเท่านั้นที่ทำธุรกิจแล้วมีกำไร ส่วนที่เหลือขาดทุนทั้งหมด โดยเฉพาะช่องที่ต่ำกว่าอันดับ 10 ซึ่งขณะนี้มีบางช่องเริ่มถอดใจหันมาเน้นประคองตัว เพื่อความอยู่รอด
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ จะหันมาหารายได้จากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทางช่องยูทูบ แชนแนล หรือไลน์ ทีวี ขณะเดียวกัน ก็จะหันมาจับมือกับพันธมิตรทีวีดิจิทัล ด้วยการขายคอนเทนต์ภาพยนตร์ และซีรี่ส์ให้กับช่องทีวีต่างๆ ล่าสุดได้จับมือกับช่องไทยรัฐทีวี นำรายการ เอ็ม เธียเตอร์ มาออกอากาศในช่วงไพรม์ไทม์
ที่มา : https://www.posttoday.com/biz/news/526903