รีวิวจัดฟันร่วมกับผ่าตัดขากรรไกร

ร้องไห้
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวการจัดฟันร่วมกับผ่าตัดขากรรไกรนะคะ รวมถึงวิธีดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังผ่าตัดด้วยค่ะ
เราขออนุญาตไม่บอกราคานะคะ เพราะเราทำมา 2 ปีแล้ว ราคาที่ผ่าตอนนี้อาจจะไม่เท่าเดิมแล้วค่ะ หรือใครอยากทราบหลังไมค์ก็ได้ค่ะ
พลีชีพรูปก่อนจัดฟันค่ะ ตอนนั้นอายุ 16 ปีค่ะ


หลังจากนั้นเราก็ไปหาคลินิกทันตกรรม แล้วหมอก็บอกว่ากรามเราเบี้ยวหน้าเบี้ยว จัดฟันอย่างเดียวไม่ได้ต้องผ่าตัดเดียว ตอนนั้นคิดเลย โห ผ่าตัด ต้องแบบน่ากลัวมาก  แต่คุณหมอใจดีค่ะ แนะนำหมอผ่าให้แล้วไปคุยกัน หมอฟันบอกต้องดัดไปก่อน 1 ปีค่ะ ถึงจะโอเค ผ่าได้

รูปนี้คือตอนจัดฟันช่วงแรกๆค่ะ จะเห็นได้ชัดเลยว่าหน้าเบี้ยว

                 เนื่องจากเราผ่าแค่ขากรรไกรล่างเพราะถ้าผ่า 2 ขากรรไกรเราต้องสำรองเลือดค่ะ แต่เรากลัว แล้วหมอก็แนะนำว่าถ้าเอาแบบเซฟๆ ผ่าขากรรไกรเดียวก็ได้ เพราะผ่าไม่นานแล้วก็ไม่ต้องสำรองเลือดค่ะ
เพราะผ่าแค่ขากรรไกรล่าอย่างเดียว หมอที่จัดฟันเขาจะจัดให้ฟันล่างยืนออกมาเยอะๆเลยค่ะ เวลาตัดจะได้หดเข้าไปเยอะ



               หลังจากที่ฟันยื่นจนหมอพอใจแล้ว (ช่วงนั้นไม่อยากยิ้มเลยค่ะ ฟันยื่นมากๆ ) หมอก็จะให้เราไปคุยกับหมอผ่าค่ะ ว่าจะผ่าวันไหนอะไรยังไง เรานัดหมอวันที่ 26 กุมภา ปี 58 ค่ะ หมอผ่าก็สั่งห้ามเลยว่า ตั้งแต่วันนี้ 20 ธันวาคม 57 ห้ามเป็นหวัดเด็ดขาด คือถ้าเป็นหวัดเราจะผ่าไม่ได้เลยค่ะ ต้องเลื่อนออกไปเพราะไม่งั้นจะเกิดการติดเชื้อค่ะ ระหว่างรอก่อนถึงวันผ่าตัด คุณแม่ให้เราบำรุงร่างกายอย่างหนักเลยค่ะ อัดวิตามินซีวันละ 10 เม็ด อาหารเสริมบลาๆ ออกกำลังกายทุกวัน ยกเว้นว่ายน้ำค่ะ ไม่งั้นเดียวเป็นหวัด ช่วงนั้นจากน้ำหนัก 49 ขึ้นมาเป็น 52

                25 กุมภาพันธ์ เราก็มาจองห้องที่รพค่ะ หมอเขาคุยไว้ให้แล้ว เราใช้รพรัฐนะคะ ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเอกชนเท่าหนึ่งเลย รพก็จะพาไปตรวจเลือด เอ็กสเรย์ปอด แล้วก็ตรวจร่างกายค่ะ จากนั้นเขาก็ให้นอนรอผ่าตัดวันพรุ่งนี้ค่ะ แต่วันนี้ยังไม่ได้ใส่สายน้ำเกลือนะคะ

               26 กุมภาพันธ์ 9 โมงเช้าเข้าก็จะเข็นเตียงเราไปห้องผ่าตัดค่ะ


                ชิวค่า ตื่นเต้นนิดๆ แต่ก็ยังไหว หมอมา 10 โมงค่ะ แล้วเขาก็จะเข็นเราเข้าไป แล้วยกเราไปไว้บนเตียงค่ะ จากนั้นเขาก็จะใส่ท่อฉี่ให้เราแล้วก็ให้เราดมออกซิเจนก่อนค่ะ หลังจากนั้นก็ปล่อยยาสลบให้เรา  ถ้ามีคนรออยู่ข้างนอกให้กลับได้เลยนะคะ เพราะเราผ่าตอน 10 โมง เสร็จ 5 โมง ดูอาการอีก ออกมาอีกที 1 ทุ่มเลยค่ะ  

                รูปหลังจากออกจากห้องผ่าตัดนะคะ เราจำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะมันยังเมาๆมึนๆอยู่ค่ะ



อันนี้หมอให้เอียงหน้าไว้เพราะว่าเราบ้วนน้ำลายไม่ได้ค่ะ มีท่อดูไว้แต่กลัวเราจะสำลักน้ำลาย เพราะเสมหะกับน้ำลายเต็มคอเลย


รูปหลังจากออกจากห้องผ่าตัดแล้วรู้สึกตัดนิดๆนะคะ ขออนุญาตสปอยรูปไว้ เพราะค่อยข้างไม่น่าดูค่ะ




              
พยาบาลมาฉีดยาทุก 4 ชั่วโมง ไม่แน่ใจอาจจะเป็นยาแก้อักเสบกับมอล์ฟีน


               หมอมาดูอาการตอนเช้า ถามว่าเจ็บตรงไหน เราพูดไม่ได้นะคะ เพราะโดนมัดปากไว้แล้ว ตอนนั้นไม่เจ็บคางเลยค่ะ เจ็บหัวกับหูมากๆ เพราะหน้าบวมแล้วมันตึงกับที่เฝือกอ่อนรัดไว้ หมอเลยถอดออกให้ค่ะ พอถอดเฝือกออกแล้วหมอบอกให้แม่เราไปซื้อน้ำแข็งเกล็ดค่ะ แล้วมาประคบไว้ เพราะเจลที่หมอให้มันเย็นไม่พอค่ะ แปปๆก็หายเย็นแล้ว



             หน้ากลมมาก 55555 นี่คือหลังจากผ่าเสร็จเช้าวันแรกค่ะ คุณแม่เอาน้ำแข็งเกร็ดใส่ผ้าขาวแล้วเอามาโปะให้ แล้วเอาผ้าห่มคลุมคอไว้ รองน้ำแข็งค่ะ เดียวเราเป็นหวัด ตายังลืมไม่ค่อยขึ้นค่ะ ยังง่วงๆมึนๆอยู่ แต่ไม่เจ็บนะคะ เหมือนมันชาๆ หมอให้ถอดสายฉี่แล้วค่ะ เพราะเรารู้สึกตัวเดินได้แล้ว แต่ต้องมีคนพยุงนิดหนึ่งค่ะ ยังเมาๆอยู่



                       อันนี้วันที่สองค่ะ  หุบปากได้แล้วววว หน้ายุบไวมากค่ะ ประคบเย็นต้องประคบไปเรื่องๆนะคะ 7 วัน ปากแตกเพราะตอนแรกปากบวมเป็นโดนัดก็เอาวาสลีนมาทาค่ะ หาไวเลย หน้าจะมันมากหมอห้ามล้างหน้า 55555 สองวันนี้แม่เราไม่ให้ใครเยี่ยมเลยค่ะ กลัวเราทรุด ให้นอนกับกินอย่างเดียว ยังฉีดยาฆ่าเชื้ออยู่ ทุก 4 ชม.



                   วันที่ 3 ค่ะ อาการดีขึ้นแล้ว ของที่กินได้มีแต่น้ำค่ะ เศร้ามากกก วันนี้แม่เราให้เยี่ยมได้ค่ะ (หมอไม่ได้ห้ามเยี่ยมนะคะ แม่ห้าม5555) เพื่อนมาเต็มห้องเราพูดไม่ได้คนเดียวอึดอัดมากก กินอะไรก็ไม่ได้ กินได้แต่น้ำ ร้องไห้ ร้องไห้ ฉีดยาฆ่าเชื้อวันสุดท้ายแล้วค่ะ หมอบอก หายไว พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องฉีดแล้วค่ะ

วันที่ 4 เราออกจากรพตอนเย็นค่ะ




             หน้ายุบเลย หมอให้ประคบเย็นไปเรื่อยๆจนคบ 7 วันแล้วค่อยประคบร้อนค่ะ เราหยุดเรียน 2 อาทิตย์ค่ะ นับตั้งแต่วันผ่าตัด แล้วก็ไปโรงเรียนตามปกติ เรากินได้แค่นมกับน้ำค่ะ เคยเอาพริมมาม่ามาละลายน้ำกรองแล้วก็กิน แต่ก็กินไม่ได้ค่ะ มันติดสปิ้น

ตอนนั้นกินแต่น้ำจนน้ำหนักเหลือ 45 คะ จาก 52 ก่อนผ่าตัด เม่าตาสว่าง


ส่วนประคบร้อน ต้องประคบไปเรื่อยๆเลยนะคะ จนกว่าหน้าจะยุบค่ะ


            หลังจากนั้น 1 เดือน หมอก็จะนัดไปถอดสปิ้นค่ะ พูดได้แล้ววววว ดีใจมาก ตอนถอดสปิ้นออกหมอจะให้เราฝึกขยับกรามค่ะ ตอนแรกจะปวดๆหน่อยแต่สักพักก็ชินค่ะ แต่ถอดสผิ้นแล้วหมอห้ามเคี้ยว 1 เดือนนะคะ กินได้แต่อาหารอ่อนจำพวก โจ๊ค ข้าวต้ม ก๋วยเตี้ยวแบบไม่ค่อยเคี้ยว 5555 อะไรประมาณนี้ค่ะ เราแบบดื้อเคี้ยว โดนหมอด่าเลยค่ะ ปวดกราม ดั้งนั้นต้องอดใจไว้ค่ะ ห้ามเคี้ยวเด็ดขาด



หน้ายังกลมอยู่ค่ะ ต้องประคบร้อนไปเรื่อยๆ




รูปหลังจากผ่า 2 เดือนค่ะ หน้าเริ่มยุบแล้ว แต่ก็ยังประคบร้อนอยู่ค่ะ แอบขี้เกียจนิดๆ แต่ถ้าอยากหน้าเรียวต้องทำค่ะ ไม่งั้นจะกลมแบบนี้ต่อไป


                  แต่ผ่าแล้วก็ยังจัดฟันต่ออีกประมาณ 1 ปีนะคะ เพราะฟันยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ แต่ก็กินอาหารได้ปกติแล้วในเดือนที่ 2 อะไรที่เหนียวมากๆก็ยังเคี้ยวไม่ได้ค่ะ เช่นหมูที่ไม่เปื่อย หรือกระดูกหมูค่ะ ส่วนใหญ่จะได้กิน ไก่ หรือ เนื้อที่นิ่มๆมากกว่าค่ะ



รูปหลังจากถอดเหล็กแล้วค่ะ เข้าที่หมดแล้ว แต่หน้ายังบวมๆอยู่ค่ะ


จบแล้วววว นี่คือภาพเปรียบเทียบนะคะ ก่อนทำกับรูปปัจจุบันค่ะ




ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ พิมอะไรไม่เข้าใจตรงไหนก็ขออภัยด้วย พอดีเพิ่งตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก เพี้ยนเพลีย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่