วันนี้ว่างๆขอมารีวิวหน่อยละกัน รอบนี้มาว่ากันที่ iPhone X 256 Gb เพราะเห็นเพิ่งเข้าไทย เผื่อใครยังตัดสินใจอยู่เพราะค่าตัวค่อนข้างสูง จะพยายามทำให้กระชับที่สุดนะ
ผมอยู่อเมริกาครับเลยมีโอกาสได้เครื่องเร็ว ได้มาตอนต้นเดือน (จำไม่ได้แล้วว่าวันไหน) แต่ใช้มาประมาณ 3 อาทิตย์ได้แล้ว เลยอยากจะมีแชร์กันเผื่อใครกำลังตัดสินใจจะซื้อ ผมสาวกแอปเปิ้ลนะ เคยลองไปใช้ Android แต่ก็กลับมา Apple ไม่ใช่เพราะ Android ไม่ดีนะ แต่ผมลงทุนไปกับ Apple ไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง แอปต่างๆ แต่รีวิวนี้ว่ากันตามเนื้อผ้าครับ ไม่มี bias แน่นอน
สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมใช้ iPhone ใน condition เดียวกันหมดคือ iPhone X แพร์กับ Apple Watch แล้วก็ AirPod ใช้ LTE ประมาณ 2 ชม ต่อวัน นอกนั้น Wifi ฟังเพลงจาก Spotify กับ Apple Music ผ่าน AirPod ประมาณ 3-4 ชมต่อวัน
สรุป
งานประกอบ: วัสดุหรูหราดีเพราะใช้กระจกทั้งสองด้าน แต่ว่ากันตามเนื้อผ้าไม่ได้หรูกว่ารุ่น Samsung ตัวท๊อป เอาเป็นว่าทั้งสองแบรนด์ คหสต จับแล้วให้ความรู้สึกหรูหราเท่ากันครับ ไม่ได้รู้สึกก๊องแก๊งเหมือนตอนแกะกล่อง iPhone 5 อันนั้นเบามาก
ขนาด: จอไซส์ประมาณเดิม (เทียบกับ iPhone 7+,8+) แต่ขนาดตัวเครื่องเล็กลง อันนี้ผมชอบมากให้ความรู้สึกมันเหมาะพอดีเวลาถือในมือ
หน้าจอ: Apple ใช้จอ OLED รอบนี้ ซึ่งผลิตโดย Samsung ข้อดีของจอ OLED คือเม็ด pixel แต่ละเม็ดมันสามารถเปิดปิดได้เวลาที่ไม่ได้ใช้ (สีดำ) ไม่ต้องอาศัยแผง backlit เหมือนจอ LCD ข้อดีหลักๆของ OLED สองคือคือ 1) สีดำมันดำสนิทเพราะ pixel มันดับไปเลย 2) ประหยัดแบตในกรณีที่ใช้แอป หรือแบคกราวน์สีดำเพราะมันไม่ได้เสียพลังงานไปกับพวกเม็ด pixel ที่เป็นสีดำ ข้อเสียหลักๆคือ pixel สามารถเกิดการเบิร์นอินได้หาก pixel มันร้อนมาก (หรือพูดง่ายๆคือมันถูกใช้งานต่อเนื่องกันนาน) อาการนี้เป็นข้อจำกัดของ OLED ซึ่งแม้แต่แอปเปิ้ลเองก็ไม่มีการประกันในกรณีที่จอเกิดการเบิร์นอินครับ เจ้าของอาจจะต้องอย่างปรับความสว่างหน้าจอสูงเกินไปอาจจะช่วยได้
คหสต คือผมว่ามันก็สวยนะ contrast มันดีกว่าจอ iPhone รุ่นก่อนๆ แต่ไม่ได้ดีกว่ามาก ไม่ใช่เพราะจอ OLED มันไม่ดีนะ เพียงแต่ผมเห็นว่าจอ LCD ของ iPhone รุ่นเก่าๆมันดีมากต่างหาก พอมาเทียบกับ OLED มันเลยไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเท่าไหร่
ส่วนเรื่องติ่งบนจอ จากการใช้งานจริงไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่นะครับ เพราะปกติสายตาคนเรามักจะมองตรงกลางจออยู่แล้ว อันนี้ผมยืนยันว่าไม่รำคาญเลยหากใช้งานแนวตั้ง แต่พอเอียงจอดูหนังเต็มจอเท่านั้นแหล่ะ เริ่มรำคาญขึ้นมาทันที 555 แต่ก็ไม่ได้มากเพราะอย่างที่บอกตาผมมันมองไปที่ตรงกลางจอเป็นหลักอยู่แล้ว
กล้อง: เฉยๆครับ อารมณ์เหมือน iPhone 7,8 คือมันก็สวยดี แต่ไม่ว้าว แต่ถ้าเทียบกับ iPhone 6 หรือต่ำกว่า ถือว่าดีมากกกกก Animoji อะไรนั่นถ้าได้ใช้มันก็คุ้มครับแต่ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ โหมด Portrait ถ่ายออกมาแล้วสวยดี แต่ยังมี bug อยู่ สู้ของทางฝั่ง Android ไม่ได้
Face ID: เกินความคาดหมายผมครับ ตอนก่อนได้เครื่องผมก็ไม่คิดว่ามันจะดีอย่างงี้ ถือว่าค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว และด้วยความเป็น Apple มันดู simple มากๆ แค่หยิบจอแล้วมองจอมันก็ unlock ให้แล้ว แต่ .... ไม่ใช่ไม่มีข้อจำกัดนะ ผมเจอปัญหาหลักๆอยู่ 2 อย่าง
1) เวลาใส่แว่นกันแดดบางยี่ห้อ (ผมใช้ Rayban) มัน Scan ไม่ได้ ต้องไปปิดโหมด 'Require Attention for FACE ID' ซึ่งง่ายๆคือเป็นโหมดที่เวลาสแกนหน้ามันจะ detect ตาเราว่ามองอยู่หรือเปล่าถ้าไม่มองมันจะไม่ปลดล๊อกต่อให้เป็นหน้าเราก็ตาม
2) เวลาเพิ่งตื่นนอนมันมักจะสแกนไม่ติด 555 สงสัยหน้ามันยังไม่เซ็ตตัวมั๊ง
ข้อดีของ Face ID คือมันจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆครับ วิธีสอนมันก็คือ หากสแกนไม่ติด ระบบมันจะถาม passcode พอเรากรอก passcode ไปมันก็จะเรียนรู้ว่า อ้อ ที่เพิ่งสแกนนั่นน่ะหน้าเรา แล้วมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
Gesture แบบใหม่: iPhone X มันไม่มีปุ่มโฮม แต่ใช้วิธีสไลด์จอจากล่างขึ้นบนแทน ผมใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ไม่เกิน ชม ก็โอเคแล้วครับ ปรับตัวไม่อยากเท่าไหร่
แบต: ทนครับ ทนกว่า iPhone 8 แต่ไม่เท่า iPhone 8+ อยู่ค่อนข้างนานเลย
Wireless Charging: ช้ามาก ตอนนี้รองรับแค่ 5W เอง แต่ถ้า iOS 11.2 ออกมาเมื่อไหร่จะสามารถรองรับได้ 7.5W ก็ถือว่าเร็วขึ้นแต่ไม่ได้เร็วมาก แต่ผมไม่ค่อยซีเรียสข้อนี้เพราะผมมักจะว่างแทนชาร์ตไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงแล้วก็นอน ตื่นมามันก็เต็มแล้วครับ อันนี้แล้วแต่ lifestyle ของแต่ละคน ไว้ถ้า Apple ออก AirPower เมื่อไหร่ผมจะมารีวิวให้ดูอีกทีนะ
*AirPower คือ อุปกรณ์ชาร์ตไร้สายจาก Aople ที่สามารถชาร์ต iPhone 8,8+,X + AirPods + Apple Watch ได้พร้อมๆกัน
เหมาะกับใคร
1) คนที่ชอบลองของใหม่ๆ เพราะรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรดเยอะที่สุดแล้ว ทั้งจอใหม่, Face ID, ขนาดที่เล็กลง, ดีไซน์ใหม่
2) คนที่ชอบมือถือจอขนาดประมาณ iPhone รุ่น plus ทั้งหลาย แต่ไม่อยากให้ตัวมือถือขนาดใหญ่เกินไป อันนี้พอว่า iPhone X ตอบโจทย์คุณได้เต็มๆ
สงสัยตรงไหนถามได้ครับ
[CR] รีวิวบ้านๆ - iPhone X 256 Gb หลังใช้งานจริงมาประมาณ 3 อาทิตย์ ไม่มี bias
ผมอยู่อเมริกาครับเลยมีโอกาสได้เครื่องเร็ว ได้มาตอนต้นเดือน (จำไม่ได้แล้วว่าวันไหน) แต่ใช้มาประมาณ 3 อาทิตย์ได้แล้ว เลยอยากจะมีแชร์กันเผื่อใครกำลังตัดสินใจจะซื้อ ผมสาวกแอปเปิ้ลนะ เคยลองไปใช้ Android แต่ก็กลับมา Apple ไม่ใช่เพราะ Android ไม่ดีนะ แต่ผมลงทุนไปกับ Apple ไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง แอปต่างๆ แต่รีวิวนี้ว่ากันตามเนื้อผ้าครับ ไม่มี bias แน่นอน
สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมใช้ iPhone ใน condition เดียวกันหมดคือ iPhone X แพร์กับ Apple Watch แล้วก็ AirPod ใช้ LTE ประมาณ 2 ชม ต่อวัน นอกนั้น Wifi ฟังเพลงจาก Spotify กับ Apple Music ผ่าน AirPod ประมาณ 3-4 ชมต่อวัน
สรุป
งานประกอบ: วัสดุหรูหราดีเพราะใช้กระจกทั้งสองด้าน แต่ว่ากันตามเนื้อผ้าไม่ได้หรูกว่ารุ่น Samsung ตัวท๊อป เอาเป็นว่าทั้งสองแบรนด์ คหสต จับแล้วให้ความรู้สึกหรูหราเท่ากันครับ ไม่ได้รู้สึกก๊องแก๊งเหมือนตอนแกะกล่อง iPhone 5 อันนั้นเบามาก
ขนาด: จอไซส์ประมาณเดิม (เทียบกับ iPhone 7+,8+) แต่ขนาดตัวเครื่องเล็กลง อันนี้ผมชอบมากให้ความรู้สึกมันเหมาะพอดีเวลาถือในมือ
หน้าจอ: Apple ใช้จอ OLED รอบนี้ ซึ่งผลิตโดย Samsung ข้อดีของจอ OLED คือเม็ด pixel แต่ละเม็ดมันสามารถเปิดปิดได้เวลาที่ไม่ได้ใช้ (สีดำ) ไม่ต้องอาศัยแผง backlit เหมือนจอ LCD ข้อดีหลักๆของ OLED สองคือคือ 1) สีดำมันดำสนิทเพราะ pixel มันดับไปเลย 2) ประหยัดแบตในกรณีที่ใช้แอป หรือแบคกราวน์สีดำเพราะมันไม่ได้เสียพลังงานไปกับพวกเม็ด pixel ที่เป็นสีดำ ข้อเสียหลักๆคือ pixel สามารถเกิดการเบิร์นอินได้หาก pixel มันร้อนมาก (หรือพูดง่ายๆคือมันถูกใช้งานต่อเนื่องกันนาน) อาการนี้เป็นข้อจำกัดของ OLED ซึ่งแม้แต่แอปเปิ้ลเองก็ไม่มีการประกันในกรณีที่จอเกิดการเบิร์นอินครับ เจ้าของอาจจะต้องอย่างปรับความสว่างหน้าจอสูงเกินไปอาจจะช่วยได้
คหสต คือผมว่ามันก็สวยนะ contrast มันดีกว่าจอ iPhone รุ่นก่อนๆ แต่ไม่ได้ดีกว่ามาก ไม่ใช่เพราะจอ OLED มันไม่ดีนะ เพียงแต่ผมเห็นว่าจอ LCD ของ iPhone รุ่นเก่าๆมันดีมากต่างหาก พอมาเทียบกับ OLED มันเลยไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเท่าไหร่
ส่วนเรื่องติ่งบนจอ จากการใช้งานจริงไม่ได้น่ารำคาญเท่าไหร่นะครับ เพราะปกติสายตาคนเรามักจะมองตรงกลางจออยู่แล้ว อันนี้ผมยืนยันว่าไม่รำคาญเลยหากใช้งานแนวตั้ง แต่พอเอียงจอดูหนังเต็มจอเท่านั้นแหล่ะ เริ่มรำคาญขึ้นมาทันที 555 แต่ก็ไม่ได้มากเพราะอย่างที่บอกตาผมมันมองไปที่ตรงกลางจอเป็นหลักอยู่แล้ว
กล้อง: เฉยๆครับ อารมณ์เหมือน iPhone 7,8 คือมันก็สวยดี แต่ไม่ว้าว แต่ถ้าเทียบกับ iPhone 6 หรือต่ำกว่า ถือว่าดีมากกกกก Animoji อะไรนั่นถ้าได้ใช้มันก็คุ้มครับแต่ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ โหมด Portrait ถ่ายออกมาแล้วสวยดี แต่ยังมี bug อยู่ สู้ของทางฝั่ง Android ไม่ได้
Face ID: เกินความคาดหมายผมครับ ตอนก่อนได้เครื่องผมก็ไม่คิดว่ามันจะดีอย่างงี้ ถือว่าค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว และด้วยความเป็น Apple มันดู simple มากๆ แค่หยิบจอแล้วมองจอมันก็ unlock ให้แล้ว แต่ .... ไม่ใช่ไม่มีข้อจำกัดนะ ผมเจอปัญหาหลักๆอยู่ 2 อย่าง
1) เวลาใส่แว่นกันแดดบางยี่ห้อ (ผมใช้ Rayban) มัน Scan ไม่ได้ ต้องไปปิดโหมด 'Require Attention for FACE ID' ซึ่งง่ายๆคือเป็นโหมดที่เวลาสแกนหน้ามันจะ detect ตาเราว่ามองอยู่หรือเปล่าถ้าไม่มองมันจะไม่ปลดล๊อกต่อให้เป็นหน้าเราก็ตาม
2) เวลาเพิ่งตื่นนอนมันมักจะสแกนไม่ติด 555 สงสัยหน้ามันยังไม่เซ็ตตัวมั๊ง
ข้อดีของ Face ID คือมันจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆครับ วิธีสอนมันก็คือ หากสแกนไม่ติด ระบบมันจะถาม passcode พอเรากรอก passcode ไปมันก็จะเรียนรู้ว่า อ้อ ที่เพิ่งสแกนนั่นน่ะหน้าเรา แล้วมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
Gesture แบบใหม่: iPhone X มันไม่มีปุ่มโฮม แต่ใช้วิธีสไลด์จอจากล่างขึ้นบนแทน ผมใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ไม่เกิน ชม ก็โอเคแล้วครับ ปรับตัวไม่อยากเท่าไหร่
แบต: ทนครับ ทนกว่า iPhone 8 แต่ไม่เท่า iPhone 8+ อยู่ค่อนข้างนานเลย
Wireless Charging: ช้ามาก ตอนนี้รองรับแค่ 5W เอง แต่ถ้า iOS 11.2 ออกมาเมื่อไหร่จะสามารถรองรับได้ 7.5W ก็ถือว่าเร็วขึ้นแต่ไม่ได้เร็วมาก แต่ผมไม่ค่อยซีเรียสข้อนี้เพราะผมมักจะว่างแทนชาร์ตไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงแล้วก็นอน ตื่นมามันก็เต็มแล้วครับ อันนี้แล้วแต่ lifestyle ของแต่ละคน ไว้ถ้า Apple ออก AirPower เมื่อไหร่ผมจะมารีวิวให้ดูอีกทีนะ
*AirPower คือ อุปกรณ์ชาร์ตไร้สายจาก Aople ที่สามารถชาร์ต iPhone 8,8+,X + AirPods + Apple Watch ได้พร้อมๆกัน
เหมาะกับใคร
1) คนที่ชอบลองของใหม่ๆ เพราะรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่อัพเกรดเยอะที่สุดแล้ว ทั้งจอใหม่, Face ID, ขนาดที่เล็กลง, ดีไซน์ใหม่
2) คนที่ชอบมือถือจอขนาดประมาณ iPhone รุ่น plus ทั้งหลาย แต่ไม่อยากให้ตัวมือถือขนาดใหญ่เกินไป อันนี้พอว่า iPhone X ตอบโจทย์คุณได้เต็มๆ
สงสัยตรงไหนถามได้ครับ