ความสมบูรณ์แบบของชีวิต
เด็กชายคนหนึ่งช่วงอายุมัธยมปลาย มีช่วงเวลาชีวิตที่ดีในฐานครอบครัวระดับปานกลางไปถึงมีกินมีใช้ เด็กชายคนดังกล่าวเป็นเด็กอยู่ในกรอบในคำสอนผู้ใหญ่ ไม่เคยมีเรื่องใดใด ให้ผู้ใหญ่หรือครูต้องเสียใจ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นเด็กที่เรียนระดับปานกลางและมีความสามารถด้านศิลปะระดับมือประกวดของโรงเรียน เด็กชายคนนี้ได้โอกาศเป็นหัวหน้าห้อง เป็นผู้นำกิจกรรมในหลายๆด้าน ถือว่าเป็นเด็กที่ดีเลยก็ว่าได้ วันหยุดของเด็กชายคนนี้จะอยู่กับบ้านไม่ออกไปไหนไม่เที่ยวไม่เล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ มีนิสัยชอบอยู่กับบ้าน วาดรูป ดูการ์ตูน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต และด้วยความว่าเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่เกิดจึงเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่คอยเป็นห่วง ตัวเองจึงพยายามทำตัวให้ดูเหมือนเป็นคนแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสมบูรณ์แบบของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ได้ก้าวเข้าไปสู่ความจริงของชีวิต
เริ่มเรียนรู้ชีวิต
เด็กชายอยู่ในช่วงมัธยมปลายเริ่มมีความรักกับหญิงสาวคนหนึ่งเพราะด้วยความว่าเด็กชายเป็นผู้นำอยู่แล้ว จึงได้รับเลือกให้เป็นคู่ถือพานกับเด็กหญิงคนนั้น เด็กชายจึงได้ตกหลุมรักเด็กหญิงและเริ่มพูดคุยและคบหากันหลังจากนั้น มันไม่ใช่รักครั้งแรกของเด็กชายคนนั้นแต่มันเป็นรักครั้งแรกที่เด้กชายคนนั้นรักในแบบวัยรุ่นรักในรูปแบบคนที่มีความรักช่วงวัยหนุ่มสาว เด็กชายเริ่มไปมาหาสู่เด็กหญิง เรียกได้ว่าไปรับไปส่งแทบทุกวันแม้เส้นทางจะอันตรายและมืดแค่ไหนในช่วงเวลาขากลับ ก็ไม่ใช่ปัญหาของเด็กชายเลย เมื่อความรักของทั้งคู่มาถึงจุดหนึ่ง ทั้งคู่ได้มีอะไรกัน ทำให้เด็กชายหลงในตัวเด็กหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สนใจคำเตือนของผู้ใหญ่ในเรื่องของการตั้งใจเรียน แต่ตัวเด็กชายเองก็ไม่ใช่คนที่จะทิ้งการเรียนตั้งแต่แรกเพราะมีนิสัยรักในการเรียนและมีบุคลิคที่แสดงออกต่อผู้อื่นในทางที่ดูดีเสมอมา
จนวันหนึ่งเมื่อความรักของทั้งคู่เริ่มมีปัญหาจากทางแม่ฝ่ายเด็กหญิง เนื่องจากทางบ้านมีปัญหาหรือเพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เด็กหญิงเริ่มมีชายอื่นเขามาในชีวิตและคบหากันโดยที่เด็กชายเองไม่รู้มาก่อน (มีข่าวจากเพื่อนมาบอกก็ไม่ฟัง) ซึ่งส่วนตัวแล้วเด็กชายก็เป็นคนไม่ฟังใครอยู่แล้วจึงไม่เคยคิดว่าเด็กหญิงจะทำกับตัวเองแบบนั้น เด็กชายเริ่มให้รถมอไซต์กับเด็กหญิงไปใช้ เพื่อง่ายต่อการไปโรงเรียนและกลับบ้านโดยให้เด็กหญิงมาส่งตัวเองที่บ้านแทน และนั่นจึงเป็นจุดทำให้เด็กหญิงนำรถตัวเองขับไปหาผู้ชายคนอื่น
เมื่อเด็กชายเริ่มรู้สึกได้ว่าเด็กหญิงปันใจก้เริ่มสังเกตุอย่างลับๆ และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนหลายๆคนจนมีเหตุการณ์หนึ่งคือเด็กชายได้มีโอกาศตามเด็กหญิงไปจนรู้ว่าเด็กหญิงเข้าไปในห้องพักกับชายคนนั้นสองต่อสอง เด็กชายทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งรอในพุ่มไม้บริเวณแถวนั้นรอให้ทั้งคู่ออกมา ผ่านไปเกือบชั่วโมงทั้งคู่ก็ออกมาแล้วก็พากับขับรถจากไปโดยที่เด้กชายยังแอบมองอยู่อย่างนั้นจนรถขับสุดสายตาไป และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กชายเปลี่ยนไป
เด็กชายเริ่มเปลี่ยนบุคลิคจากคนร่าเริงกลายเป้นคนเงียบขรึม เพื่อนหรือใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง และตัวเด็กชายเองก็ไม่คิดจะเอาเรื่องเด็กหญิงไปพูดให้ใครฟังเพราะกลัวเขาจะเสียหน้า โดยที่เพื่อนๆยังรู้แค่ว่าเด็กชายเด็กหญิงยังรักกันดี เด็กชายเริ่มตีตัวออกห่างโดยไม่มีการพูดจาอะไร จนเด็กหญิงรู้สึกได้ และเด็กชายได้ประชดโดยการคบหากับเพื่อนผู้หญิงอีกคน แต่ความเป็นจริงแล้วเด็กชายต้องการให้เด็กหญิงตัดใจจากตนไปซะโดยที่เรื่องที่เกิดขึ้นให้มองว่าเด็กชายเป็นคนผิดก็ยอม และตัวเด็กชายเองก็จะบอกคนอื่นๆว่าเป็นคนบอกเลิกเด็กหญิงเอง เมื่อเวลาผ่านไปเกือบเทอมเด็กชายและหญิงห่างกันไปได้ซักระยะ เด็กชายได้ข่าวจากเพื่อนๆว่า เด็กหญิงกำลังจะแต่งงานกับชายคนดังกล่าวเนื่องจากแม่ของเด็กหญิงบังคับให้แต่ง ในวันที่เขาแต่งงาน เพื่อนบางคนยังคิดว่าเด็กชายและหญิงคบกันอยู่ บางคนตกใจ บางคนสมน้ำหน้าเด็กชาย บางคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มาถามเด็กชายกันมากมายและนินทากันทั่ว แต่ตัวเด็กชายเองกลับเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกแล้วเพื่อทุกฝ่าย จนในวันแต่งเด็กชายก้มาโรงเรียนปกติทำตัวปกติอย่างเช่นเคย และผ่านไปไม่นานเด็กหญิงก็กลับมาเรียนเหมือนเดิม ตอนนี้ทั้งคู่เลือกที่จะไม่คุยกันแล้ว ได้เพียงแต่มองหน้ากันเฉยๆทั้งๆที่เรียนห้องเดียวกัน เด็กชายกลายเป้นคนเก็บตัวมากขึ้นอยุ่กับตัวเองไม่ค่อยเล่นกับใคร ต่างกับเด็กหญิงที่เพื่อนๆต่างสงสารคิดว่าโดนเด็กชายทิ้งจึงมีคนเข้ามาสนใจมากมาย ซึ่งก็เป็นข้อดีที่เด็กชายมองเอาไว้
จนวันหนึ่งเด็กหญิงเดินเข้ามาบอกเด็กชายว่าตัวเองท้อง ทันทีที่เด้กชายได้ยิน คำถามมากมายมันเข้ามาในหัว แต่กลับพูดออกไปไม่ได้ จึงได้แต่พูดว่า ดีใจด้วย พ่อเขารู้เรื่องยัง โดยที่เด็กชายเอง ก็แอบคิดในใจว่าอยากให้เป็นลูกตัวเองจังเลย แต่ก็พูดออกไปไม่ได้แล้ว ประโยคสนทนาในตอนนั้นของคนที่ไม่ได้คุยกันนานจึงจบอย่างรวดเร็วและไม่มีการสอบถามต่อใดใดหลังจากนั้น จนเด็กชายได้ข่าวเด็กหญิงลาออกจากโรงเรียนไปทำงานกับผู้ชายคนที่แต่งด้วย เด็กชายก้ยังใช้ชีวิตปกติแต่เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปิดกั่นตัวเองจากเพศหญิงเริ่มพูดจาหยาบคาย คำแรงๆกับเพื่อน เพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าของตัวเอง จนกระทั่งชีวิตเด็กชายมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง
สิ่งใหม่ที่เข้ามาสิ่งใหม่ที่ฆ่าตัวเอง
ด้วยความว่าเด้กชายกลายเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรเลยเก็บเนื้อเก็บตัวจนพ่อแม่พี่น้องเริ่มเป็นห่วง พ่อของเด็กชายได้ถือโอกาศนี้ซื้อคอมพิวเตอร์ให้เด็กชายไว้เล่น ซึ่งตัวเด็กชายเองเป็นคนชอบเรียนรู้และชอบเล่นเกมส์อยู่บ้านอยู่แล้วจึงทำให้เด็กชายเริ่มดีขึ้น ร่าเริงขึ้นกลับมาเป็นคนสนุกเฮฮาแต่เป็นในอีกแบบ แต่ในสมัยนั้นสิ่งที่เด้กชายเล่นจะเป็นเกมส์ offline เท่านั้นยังไม่ได้มีโอกาศเรียนรู้อะไรมาก จนวันหนึ่งพ่อของเด็กชายได้ให้น้าเขยสอนความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ให้เด็กชาย จนวันหนึ่งที่น้าเขยและน้าสาวเลิกทำกิจการไป จึงได้ยกร้านนี้ให้เด็กชายดูแลโดยพ่อของเด็กชายเป็นคนรับหน้าและแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้ให้ และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ดีขึ้นมากๆของเด็กชาย
เด็กชายได้ใช้ชีวิตแบบใหม่คือตื่นเช้าไปโรงเรียนกลับเย็นมาเปิดร้านอินเตอร์เน็ต เด็กชายจะทำแบบนี้ทุกๆวัน จนเริ่มติดเกมส์ online และเพื่อนๆเริ่มกลับเข้ามาหาก็เริ่มติดเพื่อน จากเด็กที่ดีของครูก็เริ่มโดดเรียนมาเปิดร้าน เริ่มไม่ไปเรียนเพื่ออยู่ร้านตัวเอง บางครั้งก็เรียนครึ่งวันแล้วให้เพื่อนมารับไปเที่ยวกันตามประสาวัยรุ่นผู้ชาย ชีวิตในช่วงนี้ของเด็กชายดีมาก เด็กชายออกมาใช้วีวิตในร้านคอมของตัวเองเพียงลำพัง มันเป็นความฝันของเด้กหลายๆคนที่ตอนนั้นจะอยากแสดงออกว่าผมโตแล้วนะ จนบางครั้งเราก็โตเกินไปจนลืมคำสอนผู้ใหญ่ไปหมด
เด็กชายเริ่มมีความมั่นใจบริหารร้าน หาเงินได้เองจึงเกิดความมั่นใจในความคิดนำเงินที่ขายของได้และบริการอินเตอร์เน็ต มาซื้อของเข้าใช้ในร้านและทำอยู่แบบนี้หลายๆครั้งก็ได้ผลกำไรมาโดยตลอดยิ่งทำให้เด็กชายคนดังกล่าวเกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จนกระทั่งเด็กชายเริ่มใช้เงินสุรุยสุร่ายไม่รู้จักเก็บและด้วยความว่าสัญญาเช่าร้านจะหมดพอดี พ่อของเด็กชายจึงให้เด็กชายย้ายข้าวของเข้ามาเปิดที่บ้านตัวเองแทน และนั่นเองที่เป็นจุดเปลี่ยนอย่างกระทันหันของเด็กชาย
เด็กชายได้เดินอินเตอร์เน็ตใหม่เข้ามาที่บ้านพร้อมกับนำคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวขึ้นไปใช้บนห้องนอน เด็กชายเริ่มมีเวลามากขึ้นหลังจากเลิกเรียนเพราะอยู่บ้านก็เริ่มติดเกมส์ online และสื่อต่างๆ เด็กชายเริ่มหัดเล่น แชทสนทนาในยุคนั้น เช่น qq msn และเริ่มสนุกกับมัน แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเด้กชายเองก็ยังใช้ชีวิตเปิดร้านไปโรงเรียนอยู่แบบนั้น จนวันหนึ่งเด็กชายได้ขายคอมพิวเตอร์ให้กับญาติตัวเองไปหนึ่งชุด และตกลงจ่ายเงินกันดิบดี พ่อของเด็กชายได้รับปากจะเอาเงินมาให้ทีหลัง จนมารู้ว่าพ่อของเด็กชายไม่นำเงินมาให้แต่นำไปใช้เอง ในอารมร์ของเด็กชายตอนนั้น บวกกับความมั่นใจที่ไม่ฟังเหตุผลอะไรเด้กชายเริ่มแสดงพฤติกรรมไม่ชอบพ่อ โกรธพ่อตัวเอง ที่ทำให้การวางแผนชีวิตของตัวเองพังลงโดยที่ไม่ฟังเหตุผลพ่อ เด็กชายเริ่มประชดพ่อโดยการไม่เปิดร้านและใช้เวลาหลังเลิกงานอยู่กับคอมพิวเตอร์บนห้องนอนแทน เด็กชายเริ่มติดเกมส์หนักและตอนนี้เด็กชายเริ่มไม่มีเงินแล้ว เด็กชายจึงได้หันหน้าเข้าหาโลกแห่ง online โดยสมบูรณ์ โดยเด็กชายได้เริ่มเข้าหากลุ่มผู้ชายแก่ที่มองว่าเด็กชายมาโชว์เพื่อให้ค่าขนมนั่นนี่ แต่อารมณืของเด็กชายตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำคือสิ่งที่จะส่งผลต่อชีวิตตัวเองในอนาคตอย่างไร เพียงแค่คิดว่าอยากมีเงินมาเล่นเกมส์ก็เท่านั้นไหนจะเงินจ่ายค่าเน็ตบ้านที่เมื่อก่อนแพงเอามากๆ เด็กชายเริ่มมีหนุ่มแก่มาติด เริ่มจากการพูดคุยแบบหมาหยอกไก่ เด็กชายได้ขอตังส์หนุ่มแก่ใช้อยู่บ่อยครั้งผ่านทาง msn โดยหนุ่มแก่ได้โอนเงินเข้าบัญชีของเด็กชายเสมอ โดยที่ทั้งคู่ไม่เคยเห้นหน้ากันมาก่อนเลย เด็กชายเริ่มกลับมามีเงินที่จะใช้จ่าย เล่นสนุก เที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น จนวันหนึ่งเด็กชายเริ่มเคยชินกับการได้ เด็กชายจึงได้ตัดสินใจนั่งรถไปหาหนุ่มแก่ถึงกทม. และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของควายเข้าเมืองของเด็กชาย
นิทานที่อยากเล่า
เด็กชายคนหนึ่งช่วงอายุมัธยมปลาย มีช่วงเวลาชีวิตที่ดีในฐานครอบครัวระดับปานกลางไปถึงมีกินมีใช้ เด็กชายคนดังกล่าวเป็นเด็กอยู่ในกรอบในคำสอนผู้ใหญ่ ไม่เคยมีเรื่องใดใด ให้ผู้ใหญ่หรือครูต้องเสียใจ ตั้งแต่เด็กจนโต เป็นเด็กที่เรียนระดับปานกลางและมีความสามารถด้านศิลปะระดับมือประกวดของโรงเรียน เด็กชายคนนี้ได้โอกาศเป็นหัวหน้าห้อง เป็นผู้นำกิจกรรมในหลายๆด้าน ถือว่าเป็นเด็กที่ดีเลยก็ว่าได้ วันหยุดของเด็กชายคนนี้จะอยู่กับบ้านไม่ออกไปไหนไม่เที่ยวไม่เล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ มีนิสัยชอบอยู่กับบ้าน วาดรูป ดูการ์ตูน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต และด้วยความว่าเป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวมาตั้งแต่เกิดจึงเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่คอยเป็นห่วง ตัวเองจึงพยายามทำตัวให้ดูเหมือนเป็นคนแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสมบูรณ์แบบของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ได้ก้าวเข้าไปสู่ความจริงของชีวิต
เริ่มเรียนรู้ชีวิต
เด็กชายอยู่ในช่วงมัธยมปลายเริ่มมีความรักกับหญิงสาวคนหนึ่งเพราะด้วยความว่าเด็กชายเป็นผู้นำอยู่แล้ว จึงได้รับเลือกให้เป็นคู่ถือพานกับเด็กหญิงคนนั้น เด็กชายจึงได้ตกหลุมรักเด็กหญิงและเริ่มพูดคุยและคบหากันหลังจากนั้น มันไม่ใช่รักครั้งแรกของเด็กชายคนนั้นแต่มันเป็นรักครั้งแรกที่เด้กชายคนนั้นรักในแบบวัยรุ่นรักในรูปแบบคนที่มีความรักช่วงวัยหนุ่มสาว เด็กชายเริ่มไปมาหาสู่เด็กหญิง เรียกได้ว่าไปรับไปส่งแทบทุกวันแม้เส้นทางจะอันตรายและมืดแค่ไหนในช่วงเวลาขากลับ ก็ไม่ใช่ปัญหาของเด็กชายเลย เมื่อความรักของทั้งคู่มาถึงจุดหนึ่ง ทั้งคู่ได้มีอะไรกัน ทำให้เด็กชายหลงในตัวเด็กหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สนใจคำเตือนของผู้ใหญ่ในเรื่องของการตั้งใจเรียน แต่ตัวเด็กชายเองก็ไม่ใช่คนที่จะทิ้งการเรียนตั้งแต่แรกเพราะมีนิสัยรักในการเรียนและมีบุคลิคที่แสดงออกต่อผู้อื่นในทางที่ดูดีเสมอมา
จนวันหนึ่งเมื่อความรักของทั้งคู่เริ่มมีปัญหาจากทางแม่ฝ่ายเด็กหญิง เนื่องจากทางบ้านมีปัญหาหรือเพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เด็กหญิงเริ่มมีชายอื่นเขามาในชีวิตและคบหากันโดยที่เด็กชายเองไม่รู้มาก่อน (มีข่าวจากเพื่อนมาบอกก็ไม่ฟัง) ซึ่งส่วนตัวแล้วเด็กชายก็เป็นคนไม่ฟังใครอยู่แล้วจึงไม่เคยคิดว่าเด็กหญิงจะทำกับตัวเองแบบนั้น เด็กชายเริ่มให้รถมอไซต์กับเด็กหญิงไปใช้ เพื่อง่ายต่อการไปโรงเรียนและกลับบ้านโดยให้เด็กหญิงมาส่งตัวเองที่บ้านแทน และนั่นจึงเป็นจุดทำให้เด็กหญิงนำรถตัวเองขับไปหาผู้ชายคนอื่น
เมื่อเด็กชายเริ่มรู้สึกได้ว่าเด็กหญิงปันใจก้เริ่มสังเกตุอย่างลับๆ และได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนหลายๆคนจนมีเหตุการณ์หนึ่งคือเด็กชายได้มีโอกาศตามเด็กหญิงไปจนรู้ว่าเด็กหญิงเข้าไปในห้องพักกับชายคนนั้นสองต่อสอง เด็กชายทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งรอในพุ่มไม้บริเวณแถวนั้นรอให้ทั้งคู่ออกมา ผ่านไปเกือบชั่วโมงทั้งคู่ก็ออกมาแล้วก็พากับขับรถจากไปโดยที่เด้กชายยังแอบมองอยู่อย่างนั้นจนรถขับสุดสายตาไป และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กชายเปลี่ยนไป
เด็กชายเริ่มเปลี่ยนบุคลิคจากคนร่าเริงกลายเป้นคนเงียบขรึม เพื่อนหรือใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง และตัวเด็กชายเองก็ไม่คิดจะเอาเรื่องเด็กหญิงไปพูดให้ใครฟังเพราะกลัวเขาจะเสียหน้า โดยที่เพื่อนๆยังรู้แค่ว่าเด็กชายเด็กหญิงยังรักกันดี เด็กชายเริ่มตีตัวออกห่างโดยไม่มีการพูดจาอะไร จนเด็กหญิงรู้สึกได้ และเด็กชายได้ประชดโดยการคบหากับเพื่อนผู้หญิงอีกคน แต่ความเป็นจริงแล้วเด็กชายต้องการให้เด็กหญิงตัดใจจากตนไปซะโดยที่เรื่องที่เกิดขึ้นให้มองว่าเด็กชายเป็นคนผิดก็ยอม และตัวเด็กชายเองก็จะบอกคนอื่นๆว่าเป็นคนบอกเลิกเด็กหญิงเอง เมื่อเวลาผ่านไปเกือบเทอมเด็กชายและหญิงห่างกันไปได้ซักระยะ เด็กชายได้ข่าวจากเพื่อนๆว่า เด็กหญิงกำลังจะแต่งงานกับชายคนดังกล่าวเนื่องจากแม่ของเด็กหญิงบังคับให้แต่ง ในวันที่เขาแต่งงาน เพื่อนบางคนยังคิดว่าเด็กชายและหญิงคบกันอยู่ บางคนตกใจ บางคนสมน้ำหน้าเด็กชาย บางคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มาถามเด็กชายกันมากมายและนินทากันทั่ว แต่ตัวเด็กชายเองกลับเลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกแล้วเพื่อทุกฝ่าย จนในวันแต่งเด็กชายก้มาโรงเรียนปกติทำตัวปกติอย่างเช่นเคย และผ่านไปไม่นานเด็กหญิงก็กลับมาเรียนเหมือนเดิม ตอนนี้ทั้งคู่เลือกที่จะไม่คุยกันแล้ว ได้เพียงแต่มองหน้ากันเฉยๆทั้งๆที่เรียนห้องเดียวกัน เด็กชายกลายเป้นคนเก็บตัวมากขึ้นอยุ่กับตัวเองไม่ค่อยเล่นกับใคร ต่างกับเด็กหญิงที่เพื่อนๆต่างสงสารคิดว่าโดนเด็กชายทิ้งจึงมีคนเข้ามาสนใจมากมาย ซึ่งก็เป็นข้อดีที่เด็กชายมองเอาไว้
จนวันหนึ่งเด็กหญิงเดินเข้ามาบอกเด็กชายว่าตัวเองท้อง ทันทีที่เด้กชายได้ยิน คำถามมากมายมันเข้ามาในหัว แต่กลับพูดออกไปไม่ได้ จึงได้แต่พูดว่า ดีใจด้วย พ่อเขารู้เรื่องยัง โดยที่เด็กชายเอง ก็แอบคิดในใจว่าอยากให้เป็นลูกตัวเองจังเลย แต่ก็พูดออกไปไม่ได้แล้ว ประโยคสนทนาในตอนนั้นของคนที่ไม่ได้คุยกันนานจึงจบอย่างรวดเร็วและไม่มีการสอบถามต่อใดใดหลังจากนั้น จนเด็กชายได้ข่าวเด็กหญิงลาออกจากโรงเรียนไปทำงานกับผู้ชายคนที่แต่งด้วย เด็กชายก้ยังใช้ชีวิตปกติแต่เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปิดกั่นตัวเองจากเพศหญิงเริ่มพูดจาหยาบคาย คำแรงๆกับเพื่อน เพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าของตัวเอง จนกระทั่งชีวิตเด็กชายมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง
สิ่งใหม่ที่เข้ามาสิ่งใหม่ที่ฆ่าตัวเอง
ด้วยความว่าเด้กชายกลายเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรเลยเก็บเนื้อเก็บตัวจนพ่อแม่พี่น้องเริ่มเป็นห่วง พ่อของเด็กชายได้ถือโอกาศนี้ซื้อคอมพิวเตอร์ให้เด็กชายไว้เล่น ซึ่งตัวเด็กชายเองเป็นคนชอบเรียนรู้และชอบเล่นเกมส์อยู่บ้านอยู่แล้วจึงทำให้เด็กชายเริ่มดีขึ้น ร่าเริงขึ้นกลับมาเป็นคนสนุกเฮฮาแต่เป็นในอีกแบบ แต่ในสมัยนั้นสิ่งที่เด้กชายเล่นจะเป็นเกมส์ offline เท่านั้นยังไม่ได้มีโอกาศเรียนรู้อะไรมาก จนวันหนึ่งพ่อของเด็กชายได้ให้น้าเขยสอนความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ให้เด็กชาย จนวันหนึ่งที่น้าเขยและน้าสาวเลิกทำกิจการไป จึงได้ยกร้านนี้ให้เด็กชายดูแลโดยพ่อของเด็กชายเป็นคนรับหน้าและแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้ให้ และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ดีขึ้นมากๆของเด็กชาย
เด็กชายได้ใช้ชีวิตแบบใหม่คือตื่นเช้าไปโรงเรียนกลับเย็นมาเปิดร้านอินเตอร์เน็ต เด็กชายจะทำแบบนี้ทุกๆวัน จนเริ่มติดเกมส์ online และเพื่อนๆเริ่มกลับเข้ามาหาก็เริ่มติดเพื่อน จากเด็กที่ดีของครูก็เริ่มโดดเรียนมาเปิดร้าน เริ่มไม่ไปเรียนเพื่ออยู่ร้านตัวเอง บางครั้งก็เรียนครึ่งวันแล้วให้เพื่อนมารับไปเที่ยวกันตามประสาวัยรุ่นผู้ชาย ชีวิตในช่วงนี้ของเด็กชายดีมาก เด็กชายออกมาใช้วีวิตในร้านคอมของตัวเองเพียงลำพัง มันเป็นความฝันของเด้กหลายๆคนที่ตอนนั้นจะอยากแสดงออกว่าผมโตแล้วนะ จนบางครั้งเราก็โตเกินไปจนลืมคำสอนผู้ใหญ่ไปหมด
เด็กชายเริ่มมีความมั่นใจบริหารร้าน หาเงินได้เองจึงเกิดความมั่นใจในความคิดนำเงินที่ขายของได้และบริการอินเตอร์เน็ต มาซื้อของเข้าใช้ในร้านและทำอยู่แบบนี้หลายๆครั้งก็ได้ผลกำไรมาโดยตลอดยิ่งทำให้เด็กชายคนดังกล่าวเกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จนกระทั่งเด็กชายเริ่มใช้เงินสุรุยสุร่ายไม่รู้จักเก็บและด้วยความว่าสัญญาเช่าร้านจะหมดพอดี พ่อของเด็กชายจึงให้เด็กชายย้ายข้าวของเข้ามาเปิดที่บ้านตัวเองแทน และนั่นเองที่เป็นจุดเปลี่ยนอย่างกระทันหันของเด็กชาย
เด็กชายได้เดินอินเตอร์เน็ตใหม่เข้ามาที่บ้านพร้อมกับนำคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวขึ้นไปใช้บนห้องนอน เด็กชายเริ่มมีเวลามากขึ้นหลังจากเลิกเรียนเพราะอยู่บ้านก็เริ่มติดเกมส์ online และสื่อต่างๆ เด็กชายเริ่มหัดเล่น แชทสนทนาในยุคนั้น เช่น qq msn และเริ่มสนุกกับมัน แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเด้กชายเองก็ยังใช้ชีวิตเปิดร้านไปโรงเรียนอยู่แบบนั้น จนวันหนึ่งเด็กชายได้ขายคอมพิวเตอร์ให้กับญาติตัวเองไปหนึ่งชุด และตกลงจ่ายเงินกันดิบดี พ่อของเด็กชายได้รับปากจะเอาเงินมาให้ทีหลัง จนมารู้ว่าพ่อของเด็กชายไม่นำเงินมาให้แต่นำไปใช้เอง ในอารมร์ของเด็กชายตอนนั้น บวกกับความมั่นใจที่ไม่ฟังเหตุผลอะไรเด้กชายเริ่มแสดงพฤติกรรมไม่ชอบพ่อ โกรธพ่อตัวเอง ที่ทำให้การวางแผนชีวิตของตัวเองพังลงโดยที่ไม่ฟังเหตุผลพ่อ เด็กชายเริ่มประชดพ่อโดยการไม่เปิดร้านและใช้เวลาหลังเลิกงานอยู่กับคอมพิวเตอร์บนห้องนอนแทน เด็กชายเริ่มติดเกมส์หนักและตอนนี้เด็กชายเริ่มไม่มีเงินแล้ว เด็กชายจึงได้หันหน้าเข้าหาโลกแห่ง online โดยสมบูรณ์ โดยเด็กชายได้เริ่มเข้าหากลุ่มผู้ชายแก่ที่มองว่าเด็กชายมาโชว์เพื่อให้ค่าขนมนั่นนี่ แต่อารมณืของเด็กชายตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำคือสิ่งที่จะส่งผลต่อชีวิตตัวเองในอนาคตอย่างไร เพียงแค่คิดว่าอยากมีเงินมาเล่นเกมส์ก็เท่านั้นไหนจะเงินจ่ายค่าเน็ตบ้านที่เมื่อก่อนแพงเอามากๆ เด็กชายเริ่มมีหนุ่มแก่มาติด เริ่มจากการพูดคุยแบบหมาหยอกไก่ เด็กชายได้ขอตังส์หนุ่มแก่ใช้อยู่บ่อยครั้งผ่านทาง msn โดยหนุ่มแก่ได้โอนเงินเข้าบัญชีของเด็กชายเสมอ โดยที่ทั้งคู่ไม่เคยเห้นหน้ากันมาก่อนเลย เด็กชายเริ่มกลับมามีเงินที่จะใช้จ่าย เล่นสนุก เที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น จนวันหนึ่งเด็กชายเริ่มเคยชินกับการได้ เด็กชายจึงได้ตัดสินใจนั่งรถไปหาหนุ่มแก่ถึงกทม. และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของควายเข้าเมืองของเด็กชาย