เราเป็นคนนึงค่ะ ที่ชอบฟัง เรื่องผี ชอบอ่าน วนเวียนอยู่พันทิปหลายๆห้อง วันนี้ว่างๆก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ที่เจอกับตัวเอง เป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆคน ที่อยู่หอหรือไปเที่ยวบ่อยๆ บอกก่อนว่าเราเป็นคนไม่มีสัมผัสพิเศษนะคะ ตั้งแต่เด็กไม่เคยเจออะไรเลย แค่มีบ้างที่จะรู้สึกแว้ปๆ เจอกุมารที่ๆบ้านเลี้ยงมาแกล้งแค่ครั้งเดียว ก็ไม่เคยเจออะไรอีกเลย
จนพอถึงวัยทำงานเราก็ย้ายมาอยู่หอที่กรุงเทพค่ะ (เป็นคนต่างจังหวัด) เราอยู่กับพี่สาวแท้ๆอยู่กัน2คน หอแรกที่เราอยู่ๆแถวๆย่านประตูน้ำ (แต่ไม่ใช่หอที่เกิดเรื่องนะคะ) แต่ที่ต้องเกริ่นก่อนจะได้บอกถึงสาเหตุที่เราต้องย้ายหอ และทำให้เราเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมค่ะ
เราทำงานเป็นSale ค่ะ ที่ทำงานอยู่แถวอโศก เราไปทำงานโดยการนั่งเรือค่ะ เพราะไวและไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติด10 นาทีก็ถึง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ถ้าเป็นช่วงเวลาเข้างานเนี่ย เรือจะแน่นแค่ไหน เราก็ต้องไปเบียดไปแย่งชิงที่ยืนในเรือกับคนอื่นทุกวัน ซึ่งหลายๆคนที่ใช้เรือคงจะเข้าใจดีนะคะว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยซักเท่าไหร่ แต่เราก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก งานSaleของเราเลิกดึกค่ะ เกิน22.00 ทุกวัน บางทีเลยไปถึงเที่ยงคืนก็มี เหนื่อยมากพักผ่อนไม่เพียงพอ ขากลับเราต้องนั่งTAXI เกือบทุกวัน เพราะเรือก็หมด รถเมล์ก็ติด MRT BTS นี่ตัดไปเลยค่ะ เพราะหอเราไม่ติดกับรถไฟฟ้าเลย
ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ งานที่เราทำก็ไม่ได้มีเงินเยอะตลอดเวลา นั่งTAXI ทุกวันก็ไม่ไหว ค่ารถไม่ใช่ถูกๆ จนวันนึงที่ออฟฟิศมีไปสังสรรค์กันที่ถนนข้าวสาร ก็ดื่มกินกันเต็มที่ค่ะ เราตั้งใจจะไปนอนหอเพื่อนที่ทำงานอยู่แล้วเพราะหอเพื่อนอยู่แถวรัชดาจะใกล้ที่ทำงาน ติด MRT ด้วยค่ะ แปปเดียวก็ถึง
พอไปนอนหอเพื่อนเราก็รู้สึกสนใจอยากอยู่แถวย่านนี้บ้าง เพราะเดินทางสะดวก ตื่นสายได้มากขึ้น หอเพื่อนเราราคาถูกกว่าหอที่เราอยู่ด้วยค่ะ เราเลยเอาเรื่องย้ายหอไปปรึกษากับพี่ค่ะ พี่เราก็โอเคนะคะ ตอนนั้นพี่เราทำงานย่านเพลินจิตก็เดินทางสะดวกอยู่แล้วไปอยู่แถวไหนก็ได้ เราเลยหาหอว่างๆค่ะ สรุปได้หอเดียวกับเพื่อนเลยว่างพอดี ตอนนั้นดีใจมาก รีบจัดการวางมัดจำเตรียมย้ายหอ
พูดถึงหอเก่าย่านประตูน้ำก่อนนะคะ เป็นหอใหม่สวย ราคาตกเดือนละเกือบ5,500 บาท รวมน้ำไฟ หอเก่าเราจะมีศาลพระภูมิตรงหน้าหอพอดี เวลาเดินเข้า-ออก จะเห็นศาลเราก็จะยกมือไหว้ตลอด วันพระก็เอาพวงมาลัยมาไหว้บ้าง ตามที่เราสะดวกค่ะ ส่วนหอใหม่ย่านรัชดาจะเป็นหอเก่า แต่ใหญ่มากมีคนอยู่เยอะ ศาลจะอยู่ด้านหลังหอ ถ้าไม่สังเกตเนี่ยจะไม่รู้เลยค่ะว่ามีศาลอยู่
ช่วงที่เราย้ายหอจะตรงกับช่วงปีใหม่ค่ะ พอย้ายของเข้าที่เรียบร้อยพี่สาวเราก็จะธรรมมะธรรมโมหน่อย พี่เราก็จะพกพระมาตั้งเป็นหิ้งพระ เอาพวงมาลัยมาไหว้ถวายน้ำแดง ไปไหว้ศาลพระภูมิด้านหลัง เรายังไม่ทันได้ไหว้อะไรเลย ไม่ได้ขอว่าจะมาอยู่ คือไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เหมือนเดินถือของเข้ามาอยู่เลย (ลืมด้วย) เพราะเรามีแพลนจะไปเที่ยวช่วงปีใหม่วุ่นๆกับการจัดกระเป๋าเดินทาง เราจำได้ว่าย้ายมาหอใหม่ได้1วัน เราก็ไปเชียงใหม่ ให้พี่เรานอนอยู่หอคนเดียว
พอกลับมาจากเที่ยวประมาณ 2 ทุ่ม เราก็เพลียจากการเดินทางก็นอนหลับสนิทไปเลยค่ะ ปกติเราจะหลับยากมาก มีเสียงเพลง เสียงทีวี มีแสงไฟแยงตา นี่นอนไม่ได้เลย และก็ตื่นง่ายมากแค่พี่พลิกตัวเราก็รู้สึกแล้วค่ะ ถ้าไม่เพลียจริงๆจะนอนยากมาก พี่เราจะตื่นไปทำงานก่อนเรา พี่เราตื่น7โมง เราตื่น8โมง ตอนพี่เราตื่นอาบน้ำ แต่งตัว และออกไปทำงาน เรารู้สึกตัวค่ะรับรู้ทุกอย่าง แต่ยังง่วงๆอยู่ยังไม่ลืมตา
สักพักเราก็กำลังจะหลับต่อ รู้สึกว่าเตียงมันยุบค่ะ เหมือนมีคนมานั่งที่เตียง เรานอนฝั่งนอก พี่นอนด้านในติดผนังห้อง ในความคิดเราคือนึกว่าพี่มานั่งเพราะพี่เราชอบมานั่งตรงนี้เวลาแต่งตัวค่ะ และทันทีสมองเราก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยย ไม่ใช่ละ ก็พี่เรามันออกไปทำงานแล้วนี่หว่า ทันทีที่คิดได้แบบนั้นเราก็รู้สึกว่ามีมือมาคว้าแขนซ้ายเรา เหมือนมากำไว้ไม่ได้มาบีบนะคะ เรายังไม่ลืมตาแต่เรามีสติแน่นอนค่ะ เราสัมผัสได้ว่ามือนั้นไม่ได้เย็นยะเยือกเหมือนหลายๆคนที่เจอนะคะ เราเริ่มกลัวคิดว่าเป็นโจรเปล่าวะ แต่ถ้าโจรมันจะเข้ามาได้ไง ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ตอนนั้นหัวใจเต้นเร็วมาก กลัวมากค่ะ
เหมือนเขาพยายามให้เราลืมตา แต่เราไม่ลืมค่ะ ฝืนก็ฝีน กลัวก็กลัว เหมือนสู้กันด้วยจิต ตัวแข็งมาก ไม่กล้าขยับ ได้แต่นอนงอตัวเป็นกุ้ง เรารู้สึกว่าเขาพยายามลากเรามาปลายเตียง และให้เราลืมตาให้ได้ เรารู้สึกเหมือนช่วงเวลานั้นจิตเราเปิด(อธิบายไม่ถูก)เราเห็นหน้าเขาด้วยจิตค่ะ ไม่ใช่ตาเนื้อ เป็นผู้หญิงผอมมาก ใส่ชุดนอน ผมสั้นแบบเด็กนักเรียน ผมดำสนิท ค่อยๆก้มตัวมาช้าๆ (ขนลุก) เพื่อให้หน้าเขามาพอดีกับหน้าเรา เขาไม่มีหน้าค่ะเป็นรูปโครงหน้าที่ว่างเปล่าสีดำ(จำได้ขึ้นใจ) ลองจินตนาการดูนะคะ เห็นแค่นั้นเราก็หลุดค่ะ เขาหายไป (พิมพ์มาถึงตรงนี้ขนลุกมาก)
เราลุกขึ้นมาหายใจ หอบ เหมือนหัวใจจะหลุดออกมา หัวใจเต้นไวมาก เรารู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งรอบสนามมา เราเริ่มตั้งสติไปอาบน้ำแต่งตัว รีบออกจากห้องไปทำงาน ไปไหนก็ได้ที่คนเยอะๆ กลัวมาก เราไลน์ไปบอกพี่สาวเรา พี่ก็บอกว่านอนคนเดียวไม่เห็นเจออะไรเลย นอนสบายมาก เราก็เลยโทรไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อเราเล่นพระเครื่องค่ะ พ่อแม่ก็ทักว่าเราได้ไหว้เจ้าที่หรือยัง ได้บอกเขามั้ยว่ามาขออยู่อาศัย เราก็อ๋อขึ้นมาเลย รีบไปซื้อพวงมาลัย ซื้อน้ำแดงมาถวายทั้งศาลพระภูมิ ทั้งไหว้พระในห้องด้วย จากนั้นก็ไม่เจออะไรเลยค่ะ แต่ก็ทำให้เราไม่กล้านอนที่ห้องคนเดียว อยู่คนเดียวก็จะหวั่นๆนิดนึง เราก็ไม่ใช่คนไม่กลัว กลัวมาก แม้แต่ตอนกลางวันเรายังไม่กล้าหลับมันระแวงค่ะ
แต่ปัจจุบันเราก็ยังอยู่ห้องนี้อยู่นะคะ เกือบปีแล้ว ก็ไม่เคยเจออะไร จนเมื่อไวๆมานี้เอง ......
ลืมไหว้เจ้าที่!!!!!
จนพอถึงวัยทำงานเราก็ย้ายมาอยู่หอที่กรุงเทพค่ะ (เป็นคนต่างจังหวัด) เราอยู่กับพี่สาวแท้ๆอยู่กัน2คน หอแรกที่เราอยู่ๆแถวๆย่านประตูน้ำ (แต่ไม่ใช่หอที่เกิดเรื่องนะคะ) แต่ที่ต้องเกริ่นก่อนจะได้บอกถึงสาเหตุที่เราต้องย้ายหอ และทำให้เราเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมค่ะ
เราทำงานเป็นSale ค่ะ ที่ทำงานอยู่แถวอโศก เราไปทำงานโดยการนั่งเรือค่ะ เพราะไวและไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติด10 นาทีก็ถึง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ถ้าเป็นช่วงเวลาเข้างานเนี่ย เรือจะแน่นแค่ไหน เราก็ต้องไปเบียดไปแย่งชิงที่ยืนในเรือกับคนอื่นทุกวัน ซึ่งหลายๆคนที่ใช้เรือคงจะเข้าใจดีนะคะว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยซักเท่าไหร่ แต่เราก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก งานSaleของเราเลิกดึกค่ะ เกิน22.00 ทุกวัน บางทีเลยไปถึงเที่ยงคืนก็มี เหนื่อยมากพักผ่อนไม่เพียงพอ ขากลับเราต้องนั่งTAXI เกือบทุกวัน เพราะเรือก็หมด รถเมล์ก็ติด MRT BTS นี่ตัดไปเลยค่ะ เพราะหอเราไม่ติดกับรถไฟฟ้าเลย
ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ งานที่เราทำก็ไม่ได้มีเงินเยอะตลอดเวลา นั่งTAXI ทุกวันก็ไม่ไหว ค่ารถไม่ใช่ถูกๆ จนวันนึงที่ออฟฟิศมีไปสังสรรค์กันที่ถนนข้าวสาร ก็ดื่มกินกันเต็มที่ค่ะ เราตั้งใจจะไปนอนหอเพื่อนที่ทำงานอยู่แล้วเพราะหอเพื่อนอยู่แถวรัชดาจะใกล้ที่ทำงาน ติด MRT ด้วยค่ะ แปปเดียวก็ถึง
พอไปนอนหอเพื่อนเราก็รู้สึกสนใจอยากอยู่แถวย่านนี้บ้าง เพราะเดินทางสะดวก ตื่นสายได้มากขึ้น หอเพื่อนเราราคาถูกกว่าหอที่เราอยู่ด้วยค่ะ เราเลยเอาเรื่องย้ายหอไปปรึกษากับพี่ค่ะ พี่เราก็โอเคนะคะ ตอนนั้นพี่เราทำงานย่านเพลินจิตก็เดินทางสะดวกอยู่แล้วไปอยู่แถวไหนก็ได้ เราเลยหาหอว่างๆค่ะ สรุปได้หอเดียวกับเพื่อนเลยว่างพอดี ตอนนั้นดีใจมาก รีบจัดการวางมัดจำเตรียมย้ายหอ
พูดถึงหอเก่าย่านประตูน้ำก่อนนะคะ เป็นหอใหม่สวย ราคาตกเดือนละเกือบ5,500 บาท รวมน้ำไฟ หอเก่าเราจะมีศาลพระภูมิตรงหน้าหอพอดี เวลาเดินเข้า-ออก จะเห็นศาลเราก็จะยกมือไหว้ตลอด วันพระก็เอาพวงมาลัยมาไหว้บ้าง ตามที่เราสะดวกค่ะ ส่วนหอใหม่ย่านรัชดาจะเป็นหอเก่า แต่ใหญ่มากมีคนอยู่เยอะ ศาลจะอยู่ด้านหลังหอ ถ้าไม่สังเกตเนี่ยจะไม่รู้เลยค่ะว่ามีศาลอยู่
ช่วงที่เราย้ายหอจะตรงกับช่วงปีใหม่ค่ะ พอย้ายของเข้าที่เรียบร้อยพี่สาวเราก็จะธรรมมะธรรมโมหน่อย พี่เราก็จะพกพระมาตั้งเป็นหิ้งพระ เอาพวงมาลัยมาไหว้ถวายน้ำแดง ไปไหว้ศาลพระภูมิด้านหลัง เรายังไม่ทันได้ไหว้อะไรเลย ไม่ได้ขอว่าจะมาอยู่ คือไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ เหมือนเดินถือของเข้ามาอยู่เลย (ลืมด้วย) เพราะเรามีแพลนจะไปเที่ยวช่วงปีใหม่วุ่นๆกับการจัดกระเป๋าเดินทาง เราจำได้ว่าย้ายมาหอใหม่ได้1วัน เราก็ไปเชียงใหม่ ให้พี่เรานอนอยู่หอคนเดียว
พอกลับมาจากเที่ยวประมาณ 2 ทุ่ม เราก็เพลียจากการเดินทางก็นอนหลับสนิทไปเลยค่ะ ปกติเราจะหลับยากมาก มีเสียงเพลง เสียงทีวี มีแสงไฟแยงตา นี่นอนไม่ได้เลย และก็ตื่นง่ายมากแค่พี่พลิกตัวเราก็รู้สึกแล้วค่ะ ถ้าไม่เพลียจริงๆจะนอนยากมาก พี่เราจะตื่นไปทำงานก่อนเรา พี่เราตื่น7โมง เราตื่น8โมง ตอนพี่เราตื่นอาบน้ำ แต่งตัว และออกไปทำงาน เรารู้สึกตัวค่ะรับรู้ทุกอย่าง แต่ยังง่วงๆอยู่ยังไม่ลืมตา
สักพักเราก็กำลังจะหลับต่อ รู้สึกว่าเตียงมันยุบค่ะ เหมือนมีคนมานั่งที่เตียง เรานอนฝั่งนอก พี่นอนด้านในติดผนังห้อง ในความคิดเราคือนึกว่าพี่มานั่งเพราะพี่เราชอบมานั่งตรงนี้เวลาแต่งตัวค่ะ และทันทีสมองเราก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ยย ไม่ใช่ละ ก็พี่เรามันออกไปทำงานแล้วนี่หว่า ทันทีที่คิดได้แบบนั้นเราก็รู้สึกว่ามีมือมาคว้าแขนซ้ายเรา เหมือนมากำไว้ไม่ได้มาบีบนะคะ เรายังไม่ลืมตาแต่เรามีสติแน่นอนค่ะ เราสัมผัสได้ว่ามือนั้นไม่ได้เย็นยะเยือกเหมือนหลายๆคนที่เจอนะคะ เราเริ่มกลัวคิดว่าเป็นโจรเปล่าวะ แต่ถ้าโจรมันจะเข้ามาได้ไง ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ตอนนั้นหัวใจเต้นเร็วมาก กลัวมากค่ะ
เหมือนเขาพยายามให้เราลืมตา แต่เราไม่ลืมค่ะ ฝืนก็ฝีน กลัวก็กลัว เหมือนสู้กันด้วยจิต ตัวแข็งมาก ไม่กล้าขยับ ได้แต่นอนงอตัวเป็นกุ้ง เรารู้สึกว่าเขาพยายามลากเรามาปลายเตียง และให้เราลืมตาให้ได้ เรารู้สึกเหมือนช่วงเวลานั้นจิตเราเปิด(อธิบายไม่ถูก)เราเห็นหน้าเขาด้วยจิตค่ะ ไม่ใช่ตาเนื้อ เป็นผู้หญิงผอมมาก ใส่ชุดนอน ผมสั้นแบบเด็กนักเรียน ผมดำสนิท ค่อยๆก้มตัวมาช้าๆ (ขนลุก) เพื่อให้หน้าเขามาพอดีกับหน้าเรา เขาไม่มีหน้าค่ะเป็นรูปโครงหน้าที่ว่างเปล่าสีดำ(จำได้ขึ้นใจ) ลองจินตนาการดูนะคะ เห็นแค่นั้นเราก็หลุดค่ะ เขาหายไป (พิมพ์มาถึงตรงนี้ขนลุกมาก)
เราลุกขึ้นมาหายใจ หอบ เหมือนหัวใจจะหลุดออกมา หัวใจเต้นไวมาก เรารู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งรอบสนามมา เราเริ่มตั้งสติไปอาบน้ำแต่งตัว รีบออกจากห้องไปทำงาน ไปไหนก็ได้ที่คนเยอะๆ กลัวมาก เราไลน์ไปบอกพี่สาวเรา พี่ก็บอกว่านอนคนเดียวไม่เห็นเจออะไรเลย นอนสบายมาก เราก็เลยโทรไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อเราเล่นพระเครื่องค่ะ พ่อแม่ก็ทักว่าเราได้ไหว้เจ้าที่หรือยัง ได้บอกเขามั้ยว่ามาขออยู่อาศัย เราก็อ๋อขึ้นมาเลย รีบไปซื้อพวงมาลัย ซื้อน้ำแดงมาถวายทั้งศาลพระภูมิ ทั้งไหว้พระในห้องด้วย จากนั้นก็ไม่เจออะไรเลยค่ะ แต่ก็ทำให้เราไม่กล้านอนที่ห้องคนเดียว อยู่คนเดียวก็จะหวั่นๆนิดนึง เราก็ไม่ใช่คนไม่กลัว กลัวมาก แม้แต่ตอนกลางวันเรายังไม่กล้าหลับมันระแวงค่ะ
แต่ปัจจุบันเราก็ยังอยู่ห้องนี้อยู่นะคะ เกือบปีแล้ว ก็ไม่เคยเจออะไร จนเมื่อไวๆมานี้เอง ......