จากประสบการณ์ด้วยตนเองเคยเจอมา คือแค่สงสัยว่าทำไม กรณีที่ผู้กระกันตนที่ลาออกจากงานหรือให้ออกนั้นจะมีเงินชดเชยกรณีว่างงานให้ 90 วันตามกฎระเบียบประกันสังคมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในช่วงว่างงาน ซึ่งขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย
แต่ในสำนักงานประกันสังคมบางพื้นที่นั้น อาจจะมีผปก.บางท่านที่ไม่รู้ข้นตอน อาจจะอ่านหนังสือไม่ออกหรือว่าไม่ได้ติดตามข่าวสาร รู้เพียงแค่ว่าติดต่อประกันสังคมใกล้บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหน้าที่แนะนำขั้นตอนให้ คนมีจำนวนมากเพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าทุกคนจะรู้เหมือนกันหมด จะโทษว่าเรา ผปก.ตนไม่สนใจข่าวสารก็อาจจะไม่ว่างติดตามหรือดูข่าวสาร เหตุผลมากมาย เพราะฉะนั้นต้องเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำให้ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เจอคือเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปร้านค้าใกล้ ๆ สำนักงานเค้าจะสมัครขึ้นทะเบียนว่างงานให้ก่อนแล้วให้ปริ๊นท์เอกสาร ถ่ายเอกสารบัตรประชาชน และหลักฐานสามารถติดต่อร้านข้าง ๆ ได้เลย ซึ่งอัตราค่าบริการนั้นดูเอาเปรียบประชาชนเกินเหตุหรือไม่ (แล้วแต่วิจารณญาณ) คือประมาณ 30 บาทค่าขึ้นทะเบียนว่างงาน ยังไม่รวมค่าถ่ายเอกสาร ค่าปรินท์เอกสารเพิ่มเติม (เอกสารรายงานตัว) รวม ๆ ก็ประมาณ 50 บาท ส่วนตัวคิดว่ามันแพงเกินไป เพราะความเป็นจริงขึ้นทะเบียนว่างงานได้ที่เวปไซต์ของกรมจัดหางาน ตามขั้นตอนในเวปจะแจ้งวันรายงานตัวที่ ปกส. เราก็ไปตามวันเวลานั้น (แนะนำให้ไปตามวันที่กำหนดจะได้รับเงินเต็มจำนวน)
ที่มาเล่าให้ฟังไม่ได้อยากจะขัดใจใครหรือว่าต้องการร้องเรียนอะไรเพราะไม่ได้เอ่ยถึงสำนักงานประกันสังคมที่ไหน จังหวัดอะไร หรือร้านไหน แค่เตือนให้ ผปก.ตนทราบว่าเราในฐานะที่เราส่งเงินสบทบมาแล้วเราจะแบ่งเงินของเราเป็นกรณีว่างงาน เจ็บป่วย ชราภาพ ตามอัตราส่วนที่กำหนด กรณีว่างงานอาจจะประมาณ 250 บาท (ฐานเงินเดือนประมาณ 15000 ) เมื่อคิดต่อปีอาจจะไม่มากอะไร แต่นั่นคือสิทธิประโยชน์ของเราเอง แล้วที่เจอมาคือมีผปก.ตนสอบถาเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งแจ้งว่า "ให้ไปติดต่อร้านค้าข้างๆ ได้เลยโดยไม่ได้แนะนำว่าสามารถใช้มือถือของเรานั้นทำรายการได้ก่อน ส่วนถ่ายเอกสารนั้นอันนี้แล่วแต่ตัวเราแล้วนะเพราะจริงๆ เราไปไหนติดต่อหน่วยงานไหนก็ต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ (รอบคอบต่อตนเอง) สำนักงานซึ่งไม่ได้เป็นตัวแทนหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับสำนักงานประกันสังคมแต่อย่างใด" บุคลากรที่ทำหน้าที่ก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐฯ แต่อย่างใด เป็นเพียงผู้หาประโยชน์เท่านั้นเอง ดังเช่นมีร้านถ่ายเอกสารเคลื่อนที่หน้า ปกส.ซึ่งคิดอัตราราคาต่อแผ่นแพงเกินเหตุ พลาสติกใส หรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ ซองฯลฯ ซี่งจริงๆ จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ว่าเอากำไรเกินควร เราควรเตรียมตัวไปให้พร้อมดีกว่าจะได้ไม่โดนเอาเปรียบจากคนพวกนี้ คือต้องโทษทั้งสองฝ่ายคือเราเองและร้านค้าพวกนี้
ก่อนอื่นต้องขอโทษต่อ จนท.บางท่าน (ที่ไม่แนะนำให้ประชาชน) คุณจะบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ไม่ได้เพราะ ปกส.จ้างมาทำงาน แต่จนท.บางท่านก็แนะนำดี เพราะฉะนั้นไม่ได้เหมาหมดทุกคน เน้นว่าเฉพาะบางคนเท่านั้นที่ขี้เกียจแนะนำและช่วยเหลือ และงานบริการคือทำด้วยใจไม่ใช่ด้วยเงินค่าจ้าง
และขอโทษร้านค้าข้าง ๆ สำนักงานที่อาจจะพาดพิงถึง ถ้ายังหากินต่อไปแบบง่าย ๆ แบบนี้ก็น่าจะมีสำนึกบ้างว่าอาจจะลดค่าทำ หรือแนะนำผู้ใช้บริการบ้างว่าคุณลองทำเองก่อนไหมถ้าไม่ได้เราช่วยเหลือโดยมีค่าตอบแทนให้เค้ากี่บาท ถ้าเราตกลงก็คือเรารับทราบเงื่อนไข อันนี้ร้านไม่ผิดแต่อย่างใด
จุดประสงค์คือให้เรา ผปก.นั้นเรียนรู้จากเวปไซต์ www.sso.go.th จำไว้เลยถ้าเราเป็นผปก.ของสำนักงานประกันสังคม คือรัฐบาลดูแลประชาชนของประเทศ เราอย่านอนตื่นมาเล่นเกมส์ ดูทีวี แบ่งเวลามาศึกษาผลประโยชน์หรือข้อกำหนดส่วนนี้บ้าง เผื่อใครถามจะได้ตอบได้ มันไม่ยากหรอกจริงๆ นะ
เงินที่เราเสียไปเดือนละหลายบาทน้นคือเงินที่เอาไปช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเอง เฉลี่ยทุกข์สุขด้วยกัน อย่าเป็นคนที่นอนดูทีวีหรือปิดบ้านเงียบไม่รับรู้อะไรเลยขอเงินแม่เที่ยวไปวันๆ อย่าเลย.....บ่นจบ ไปละ บาย
.....
ทำไม ประกันสังคมบางแห่งถึงเป็นแบบนี้
แต่ในสำนักงานประกันสังคมบางพื้นที่นั้น อาจจะมีผปก.บางท่านที่ไม่รู้ข้นตอน อาจจะอ่านหนังสือไม่ออกหรือว่าไม่ได้ติดตามข่าวสาร รู้เพียงแค่ว่าติดต่อประกันสังคมใกล้บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหน้าที่แนะนำขั้นตอนให้ คนมีจำนวนมากเพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าทุกคนจะรู้เหมือนกันหมด จะโทษว่าเรา ผปก.ตนไม่สนใจข่าวสารก็อาจจะไม่ว่างติดตามหรือดูข่าวสาร เหตุผลมากมาย เพราะฉะนั้นต้องเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำให้ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เจอคือเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปร้านค้าใกล้ ๆ สำนักงานเค้าจะสมัครขึ้นทะเบียนว่างงานให้ก่อนแล้วให้ปริ๊นท์เอกสาร ถ่ายเอกสารบัตรประชาชน และหลักฐานสามารถติดต่อร้านข้าง ๆ ได้เลย ซึ่งอัตราค่าบริการนั้นดูเอาเปรียบประชาชนเกินเหตุหรือไม่ (แล้วแต่วิจารณญาณ) คือประมาณ 30 บาทค่าขึ้นทะเบียนว่างงาน ยังไม่รวมค่าถ่ายเอกสาร ค่าปรินท์เอกสารเพิ่มเติม (เอกสารรายงานตัว) รวม ๆ ก็ประมาณ 50 บาท ส่วนตัวคิดว่ามันแพงเกินไป เพราะความเป็นจริงขึ้นทะเบียนว่างงานได้ที่เวปไซต์ของกรมจัดหางาน ตามขั้นตอนในเวปจะแจ้งวันรายงานตัวที่ ปกส. เราก็ไปตามวันเวลานั้น (แนะนำให้ไปตามวันที่กำหนดจะได้รับเงินเต็มจำนวน)
ที่มาเล่าให้ฟังไม่ได้อยากจะขัดใจใครหรือว่าต้องการร้องเรียนอะไรเพราะไม่ได้เอ่ยถึงสำนักงานประกันสังคมที่ไหน จังหวัดอะไร หรือร้านไหน แค่เตือนให้ ผปก.ตนทราบว่าเราในฐานะที่เราส่งเงินสบทบมาแล้วเราจะแบ่งเงินของเราเป็นกรณีว่างงาน เจ็บป่วย ชราภาพ ตามอัตราส่วนที่กำหนด กรณีว่างงานอาจจะประมาณ 250 บาท (ฐานเงินเดือนประมาณ 15000 ) เมื่อคิดต่อปีอาจจะไม่มากอะไร แต่นั่นคือสิทธิประโยชน์ของเราเอง แล้วที่เจอมาคือมีผปก.ตนสอบถาเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งแจ้งว่า "ให้ไปติดต่อร้านค้าข้างๆ ได้เลยโดยไม่ได้แนะนำว่าสามารถใช้มือถือของเรานั้นทำรายการได้ก่อน ส่วนถ่ายเอกสารนั้นอันนี้แล่วแต่ตัวเราแล้วนะเพราะจริงๆ เราไปไหนติดต่อหน่วยงานไหนก็ต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ (รอบคอบต่อตนเอง) สำนักงานซึ่งไม่ได้เป็นตัวแทนหรือเกี่ยวข้องใด ๆ กับสำนักงานประกันสังคมแต่อย่างใด" บุคลากรที่ทำหน้าที่ก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐฯ แต่อย่างใด เป็นเพียงผู้หาประโยชน์เท่านั้นเอง ดังเช่นมีร้านถ่ายเอกสารเคลื่อนที่หน้า ปกส.ซึ่งคิดอัตราราคาต่อแผ่นแพงเกินเหตุ พลาสติกใส หรืออุปกรณ์ที่ต้องใช้ ซองฯลฯ ซี่งจริงๆ จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ว่าเอากำไรเกินควร เราควรเตรียมตัวไปให้พร้อมดีกว่าจะได้ไม่โดนเอาเปรียบจากคนพวกนี้ คือต้องโทษทั้งสองฝ่ายคือเราเองและร้านค้าพวกนี้
ก่อนอื่นต้องขอโทษต่อ จนท.บางท่าน (ที่ไม่แนะนำให้ประชาชน) คุณจะบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ไม่ได้เพราะ ปกส.จ้างมาทำงาน แต่จนท.บางท่านก็แนะนำดี เพราะฉะนั้นไม่ได้เหมาหมดทุกคน เน้นว่าเฉพาะบางคนเท่านั้นที่ขี้เกียจแนะนำและช่วยเหลือ และงานบริการคือทำด้วยใจไม่ใช่ด้วยเงินค่าจ้าง
และขอโทษร้านค้าข้าง ๆ สำนักงานที่อาจจะพาดพิงถึง ถ้ายังหากินต่อไปแบบง่าย ๆ แบบนี้ก็น่าจะมีสำนึกบ้างว่าอาจจะลดค่าทำ หรือแนะนำผู้ใช้บริการบ้างว่าคุณลองทำเองก่อนไหมถ้าไม่ได้เราช่วยเหลือโดยมีค่าตอบแทนให้เค้ากี่บาท ถ้าเราตกลงก็คือเรารับทราบเงื่อนไข อันนี้ร้านไม่ผิดแต่อย่างใด
จุดประสงค์คือให้เรา ผปก.นั้นเรียนรู้จากเวปไซต์ www.sso.go.th จำไว้เลยถ้าเราเป็นผปก.ของสำนักงานประกันสังคม คือรัฐบาลดูแลประชาชนของประเทศ เราอย่านอนตื่นมาเล่นเกมส์ ดูทีวี แบ่งเวลามาศึกษาผลประโยชน์หรือข้อกำหนดส่วนนี้บ้าง เผื่อใครถามจะได้ตอบได้ มันไม่ยากหรอกจริงๆ นะ
เงินที่เราเสียไปเดือนละหลายบาทน้นคือเงินที่เอาไปช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเอง เฉลี่ยทุกข์สุขด้วยกัน อย่าเป็นคนที่นอนดูทีวีหรือปิดบ้านเงียบไม่รับรู้อะไรเลยขอเงินแม่เที่ยวไปวันๆ อย่าเลย.....บ่นจบ ไปละ บาย
.....