สวัสดีครับ ผมกับแฟนชอบเดินทางไปที่นู่นนี่บ่อยๆ
และพอดีบริษัทจะมีวันหยุดพักร้อนยาว 1อาทิตย์
เลยมาคุยกับแฟนว่าจะไปไหนกันดีนะ แฟนบอกว่า "อยากไปน่าน" ... ก็ดีนะ งั้นสรุปไปน่าน
พอหาข้อมูลเสร็จ ก็สรุปว่ารอบนี้จะเดินทางโดยรถบัส และไปหาเช่ามอไซค์ต่อที่นั่น ขากลับก็รถบัสเอา
ซึ่งรถบัสมีให้บริการอยู่ 3เจ้าได้มั้ง และหาจากรีวิวต่างๆในพันทิพย์ สรุปว่าเลือก นครชัยแอร์
ซึ่งนครชัยแอร์มีเวลาเดินทาง 2รอบ/วัน มี 20.20 และ 20.50 นี่ละมั้ง จำไม่ได้และ แต่เวลาราวๆนี้แหละ
ส่วนขากลับ ก็จะมี 2รอบเหมือนกัน ออกจากน่าน ค่ำๆ มี2รอบเหมือนเดิม และมาถึงหมอชิตแต่เช้าตรู่เลย ตี5กว่าๆได้
สามารถเลือกขึ้นที่อู่นครชัย หรือหมอชิตก็ได้ ( แต่ถ้าขึ้นหมอชิต จะ+เวลาเดินทางจากที่อู่ 20นาทีได้มั้ง )
สามารถเปลี่ยนจุดขึ้นรถได้ก่อนเวลาเดินทาง 1-2 ชม.ได้
จองผ่าน callcenter หรือ website ได้
ส่วนตัวผมจองผ่าน website ( แนะนำจองก่อน1อาทิตย์ ที่นั่งหน้าๆจะว่างเยอะหน่อย) เลือกที่นั่งเสร็จก็ตัดบัตรเครดิตเลย ( มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย )
ราคาประมาณ 500 เศษๆ /ที่นั่งครับ
แล้วจะได้รับ อีมเลล์ยืนยันการจองจาก นครชัยด้วย (หยั่งกะจองตั๋วเครื่องบิน = = )
พอถึงวันเดินทาง ไปถึงหมอชิต 6โมงเย็น ผมก็เอาอีเมลล์ที่ได้ไปขอพริ้นตั๋วจากเคาน์เตอร์ขายตั๋วของนครชัยที่หมอชิต
และขอย้ายจุดขึ้นรถจากที่อู่นครชัย มาขึ้นที่หมอชิตแทน
มาถึงก่อนเวลานานไปหน่อย น้องชิคเก้น เริ่มเบื่อ ก็วิ่งไปวิ่งมาทั่วหมอชิตเลยจร้า เหนื่อยอิแม่ วิ่งไล่ตามจับลูก
แต่จับๆดูทำไมเหมือนตัวจะรุมอุ่นๆแหะ กำลังจะไม่สบายป่ะแว๊
เห็นวิ่งไป วิ่งมาซ่าไปทั่ว คิดว่าคงไม่เป็นไรมั้งนะ
ก่อนเวลาขึ้นรถ มารอที่ท่ารถตามเลขบนตั๋วระบุไว้ครับ
รถบัสมาช้าเล็กน้อยเพราะหมอชิตรถติด รถบัสอัดเข้ามาพร้อมๆกัน
ก่อนเวลาขึ้นรถ มีบัสโฮสเตส ของสมบัติมาเล่นด้วย นางก็ร้องไห้ใส่เลยจร้า นางจะชอบร้องไห้ใส่คนแปลกหน้าที่มาเล่นด้วยแล้วนางไม่ชอบอ่ะ
พอขึ้นรถได้วางกระเป๋าเรียบร้อย
ขอบอกว่าภายในที่นั่งกว้างอยู่ และยืดขาได้สุด ขนาดผมอ้วนๆยังนั่งสบายๆ
มีความเป็นส่วนตัวระหว่างข้างหน้าและหลัง เหมือนเราอยู่ในคอกของเรา
จะยืดจะนอนได้เต็มที่ ไม่มีไปกวนคนหลัง คนข้างหน้าไม่มีการกวนเรา
เก้าอี้ปรับนวดได้ มีทีวี ให้ดู หนังใหม่อยู่นะ มีช่อง usb 1ช่อง ชาร์จมือถือสบายเลย อิอิ
ซักพักบัสโอสเตส จะเอา หูฟังมาแจก แต่ใครเตรียมมาเองก็ว่ากันไป
อีกซักพักน้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ ขนม และข้าวก็ตามมาติดๆ เยอะแยะไปหมด
รถบัสไม่มีการจอดระหว่างทางนะครับ ซึ่งก็โอเคนะ ไม่ต้องจอดช่วงดึกๆให้ลงมากินข้าว เพราะมันก็ไม่ใช่เวลาละ
ช่วงนี้ควรจะรีบกินข้าวกันก่อนเลยครับ เพราะซัก15นาที บัสโฮสเตส จะมาเก็บขยะ ซึ่งเค้าจะมาครั้งเดียวด้วย
ผ่านไปหลังรถออก 1ชม. พอท้องอิ่ม ตาก้อเริ่มหย่อนๆละ
น้องชิคเก้นเองก็เริ่มจะง่วงๆ พอเลิกตื่นเต้นกับทีวีเสร็จ ก็ไปหามี๊กินแน๊นเตรียมตัวนอน
-----------------------------------
วันที่1
ประมาณ 6โมงเช้า ก็มาถึง ขนส่งน่านแล้ววว เย้
ก็เลยไปรับรถมอไซค์ที่จองเอาไว้ที่ร้านโตโน้ครับ
เจ้าของร้านนี้เวลาไปเจอตัวจริง จะคุยกันเองดีครับ คนละเรื่องกับเวลาโทรไปคุยเค้าจะงงๆมึนๆนิดนึง
ร้านอยู่ใกล้ขนส่งน่าน เดินไป 5นาทีก็ถึงละ
และแถวๆนี้ ผมไม่เจอร้านรถมอไซค์เช่าเลยนะ ดีนะตรูจองเอาไว้ ไม่งั้น ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
หิ้วของพะรุงพะลังด้วย
การจองรถมอไซค์ที่น่านจะมีไม่กี่เจ้า โดยส่วนตัวแนะนำให้จองล่วงหน้าไปเลย อย่างตอนผมไปประมาทไม่ได้จองไว้
โทรไปสอบถามก่อน เดินทาง1อาทิตย์ เห็นว่ามี PCX ให้เช่าทั้ง2เจ้า ( ผมชินมือกับรถรุ่นนี้สุด )
ก็ชะล่าใจนึกว่าเหมือนเมืองท่องเที่ยวทั่วๆไป ที่คงหารถได้ไม่ยาก เดินๆไปก็คงเจอ ไม่ต้องจองหรอก
แต่เอาจริงๆไม่ใช่นะ รถมอไซค์เช่าจะหายากเพราะมีร้านน้อย ก่อนวันเดินทาง 1วันโทรไปจอง ปรากฏว่าไม่มี PCX ทั้ง 2ร้านเลย
เลยทำให้ได้เป็น airrox ที่ยังบังเอิญเหลืออยู่แทน ก็รีบจองไป
ทีนี้ก็หาห้องน้ำล้างหน้า จัดการธุระเสร็จก็เตรียมตัวเที่ยวเลยครับ ทริปนี้ขอไปแบบชิลล์ๆ เรื่อยๆครับ
แล้วก็ไปหาอะไรกินกัน
ออกจากขนส่งมา ไม่ไกล เจอเลยครับ ร้านโจ๊กนายฮุย แฟนบอกอ่านรีวิวเจอร้านมา เราก็ลังเลละไปดีมั้ยแวะ ร้านจากรีวิวทีไร ไม่เวิร์คทุกที
แต่เอาจริงๆ หมูร้านนี้ก็แบบว่าได้อยู่นะ นุ่มเด้ง ตับก็กรึ๊บๆ กรอบๆ อร่อยดีนะ
อันดับแรกขอไหว้ศาลหลักเมืองก่อน เวลาผมไปเที่ยวเมืองไหนมีโอกาศก้อแวะศาลหลักเมืองขอพรหน่อยก็จะดีครับ
ชิคเก้นเข้ามาถึงวัดร้องไห้ จะเดินออนอกวัดท่าเดียว
ซึ่งแกเป็นเด็กค่อนข้างมีเซนต์นะ ถ้าสถานที่ไหน หรือคนไหนมีของ แกจะกลัว และร้องไห้ใส่ทันที
เลยมั่นใจว่าที่นี่ต้องไม่ธรรมดา ไหว้เอาฤกษ์ขอพรซะหน่อยนึง
ออกจากเมืองก็มุ่งไป >>> บ่อเกลือ ก่อนเลยครับ
ทางแรกจะเฉยๆครับ พอเริ่มออกนอกเมืองก็....เอาล่ะเส้ วิวสวยว้อย ทุ่งนา สลับนาข้าวเป็นระยะๆ
ไปอีก 40-50กิโล จะเริ่มขึ้นเขาละ วิวแบบนึกว่าขับรถเล่นแถวเขาใหญ่
ระหว่างเจอร้านกาแฟ เหมือนจะวิวดีมาก แวะกินโกโก้ซักหน่อย เพราะชิคเก้นก็เริ่มจะเบื่อ งอแง อยากลงละ
เจ้าของร้าน ใจดีชวนคุยกันเองเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเราอ่ะ ชวนกินกล้วยด้วยฟรีนะ ดี๊ดี ว่าแต่กล้วยที่แกชวนกินหวีใหญ่มาก มีอิ่มเลยทีเดียว
และสำหรับคุณผู้ชายอย่างเราๆ ขอให้แวะฉี่ครับ มุมฉี่ร้านเค้า เป็นopen air ที่วิวเค้าโคตรจะดีจริมๆ เพลินฉี่ไปเพลินไปอ่ะ
พอสมควรแก่เวลา ก็แว๊นกันต่อไป บ่ายๆก็มาถึง
ช่วงหลังๆ ตอนใกล้ถึงบ่อเกลือ เริ่มเป็นการขับไต่ระดับขับรถบนเขาละ อากาศจะเริ่มชื่นๆ 2ข้างทางจะเปลี่ยนจากนาข้าวเป็นป่าๆมากขึ้น
บางครั้งเหมือนจะขับผ่านพวกเมฆที่ชอบลอยต่ำ ระดับบนเขา
ซึ่งเมฆพวกนี้ มันอุ้มน้ำมาแล้ว ขับไปจะชื้นๆเย็นๆนิดๆ ไปด้วย
แล้วก็มาถึงบ่อเกลือ
ถึงตรงนี้ชิคเก้นเริ่มมีอาการไข้มาละ ตัวรุมๆ เริ่มงอแง และจะนอนท่าเดียว ซึ่งเวลาเค้าไม่ค่อยสบายเค้าจะงอแงและนอนหลับเยอะกว่าปรกติ
ข้าวเข้อวไม่กิน ( ปรกติก็กินยากอยู่ละ )
เดินดูบ่อเกลือ จากที่ถามๆชาวบ้านว่าปรกติบ่อเกลือไม่ได้ต้มเกลือทั้งปีนะ จะต้มบางช่วงเท่านั้น
เกลือภูเขาจะไม่มีไอโอดีนครับ ชาวบ้านเลยต้องเติมไอโอดีนลงไปด้วย
และตอนนี้ก็ยังสูบน้ำจากบ่อนี้มาต้มอยู่ การสูบน้ำจากบ่อเกลือนี้ ก่อนเริ่มฤดูกาล จะต้องมีการทำพิธีนะ สำหรับชาวบ้านแล้วค่อนข้างศํกดิ์สิทธิ์ทีเดียว
แถวนั้นจะมีผลผลิตเกี่ยวกับเกลือของชาวบ้านมาขายประปราย
และมีร้านกาแฟให้เพียบ ผมไม่ได้แวะซักร้าน ผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ = = แต่มันก็แล้วแต่คนชอบเนอะ
นั้นไง!!! เจอเด็กไม่สบายแล้ว
เดินเล่นบ่อเกลือเสร็จ ก็บ่าย2เศษๆ
หิวแล้ว
ไปหาอะไรกินแถวๆนี้ครับ เจอร้านขึ้นชื่ออยู่ 2ร้านแถวนี้
มีร้านนึงว่ากันว่าพระเทพผ่านมาทรงงานที่พระตำหนักภูฟ้าต้องแวะทาน เจ้าของเป็นเชฟ ชื่อดังมาทำร้านอาหารหรือไงเนี้ย ( ข้อมูลไม่คอนเฟิร์มความถูกต้องครับ )
แต่ผมไม่ได้ไปอ่ะ ส่วนเราเลือกร้านที่อยู่ ริมน้ำ รู้สึกจะชื่อร้านหัวสะพานมั้ง วิวสวย ได้ยินเสียงแม่น้ำไหลเอื่อยๆละมันสบายใจดี
มีเมนูเขึ้นชื่อเยอะเลย ลองไปหาดูและสั่งตามใจชอบครับ ที่เราสั่งมาก็อร่อยทุกอย่างนะ
ระหว่างกินข้าว ทางภูฟ้าพัฒนา ที่จะพักคืนนี้โทรมาคอมเฟิร์มเวลาเข้าพักด้วย
เลยถามทางนั้นไปว่าแถวๆนั้นมีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อมั้ย เพราะเท่าที่ดูแถวๆนี้ ค่อนข้าง บ้านคนมีน้อยหนักมาก หาร้านของชำยากอยู่
ปรากฏไม่มีจริงๆจร้า เลยรีบสั่ง อีก2อย่าง จากร้านหัวสะพานกลับไปกินที่พักด้วยซะเลย
เบ็ดเสร็จมื้อนี้ 660 บาท ผมว่าราคาโอเคครับ
และไปถึงที่พัก ก็ประมาณ 16.30น.ครับ ทางเจ้าหน้าที่จะเริ่มกลับบ้านกันแล้ว เพราะเลิกงานอ่ะ
แต่เหมือนเค้ามีคนดูแลกันอยู่ เลยฝากกุญแจไว้ให้ เจ้าหน้าที่ดูแลดีนะ เดินพาไปที่พักระหว่างทางแนะนำนู้นนี่
"ตอนเข้ามาอาหารเช้าด้วย ทานตรงนี้ะค่ะ มาจากไหนกัน จะไปไหนต่อ ตัวเล็กหลับสบายเลย วันนี้คนพักเยอะมั้ยครับ " บราๆๆ ว่ากันไป
อ้อที่นี่มีข้าวเช้าด้วยนะ เห็นเค้าว่า จะแล้วแต่ โจ๊กบ้าง ข้าวผัดบ้าง พวกเราไม่ได้ไปกินอ่ะ
เออ แฟนไปถามเจ้าหน้าที่ว่าเช็คเอ้าท์กี่โมงค่ะ ... อ๋อออ กี่โมงก็ได้ค่ะ --- เห้ย!!! แบบนี้ก็ได้เหรอ
ถึงห้องพักแล้ว มีเครื่องอาบน้ำอุ่น ทีวี เตียงนุ่มๆ น้ำเปล่า มีโพสการ์ดให้ด้วย และวิวภูเขามองจากห้องสวยเกินจะบรรยาย
ห้องพัดลมนะ ไม่มีแอร์และไม่ต้องใช้ หนาว
และจบวันนี้ก็อาบนน้ำอุ่นนอนพักผ่อนกันไป ( เพราะไม่ได้อาบมาตั้งกะมะวานกลางคืนละ )
อยากไปเท่วน่าน" ไปน่านเหรอ?? แล้วจะไปทำอะไรที่นั่นอ่ะ .... ก็น่านนน่ะสิ ...เอาไว้ไปก่อนถึงแล้วค่อยว่ากันอีกทีก็ได้
และพอดีบริษัทจะมีวันหยุดพักร้อนยาว 1อาทิตย์
เลยมาคุยกับแฟนว่าจะไปไหนกันดีนะ แฟนบอกว่า "อยากไปน่าน" ... ก็ดีนะ งั้นสรุปไปน่าน
พอหาข้อมูลเสร็จ ก็สรุปว่ารอบนี้จะเดินทางโดยรถบัส และไปหาเช่ามอไซค์ต่อที่นั่น ขากลับก็รถบัสเอา
ซึ่งรถบัสมีให้บริการอยู่ 3เจ้าได้มั้ง และหาจากรีวิวต่างๆในพันทิพย์ สรุปว่าเลือก นครชัยแอร์
ซึ่งนครชัยแอร์มีเวลาเดินทาง 2รอบ/วัน มี 20.20 และ 20.50 นี่ละมั้ง จำไม่ได้และ แต่เวลาราวๆนี้แหละ
ส่วนขากลับ ก็จะมี 2รอบเหมือนกัน ออกจากน่าน ค่ำๆ มี2รอบเหมือนเดิม และมาถึงหมอชิตแต่เช้าตรู่เลย ตี5กว่าๆได้
สามารถเลือกขึ้นที่อู่นครชัย หรือหมอชิตก็ได้ ( แต่ถ้าขึ้นหมอชิต จะ+เวลาเดินทางจากที่อู่ 20นาทีได้มั้ง )
สามารถเปลี่ยนจุดขึ้นรถได้ก่อนเวลาเดินทาง 1-2 ชม.ได้
จองผ่าน callcenter หรือ website ได้
ส่วนตัวผมจองผ่าน website ( แนะนำจองก่อน1อาทิตย์ ที่นั่งหน้าๆจะว่างเยอะหน่อย) เลือกที่นั่งเสร็จก็ตัดบัตรเครดิตเลย ( มีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย )
ราคาประมาณ 500 เศษๆ /ที่นั่งครับ
แล้วจะได้รับ อีมเลล์ยืนยันการจองจาก นครชัยด้วย (หยั่งกะจองตั๋วเครื่องบิน = = )
พอถึงวันเดินทาง ไปถึงหมอชิต 6โมงเย็น ผมก็เอาอีเมลล์ที่ได้ไปขอพริ้นตั๋วจากเคาน์เตอร์ขายตั๋วของนครชัยที่หมอชิต
และขอย้ายจุดขึ้นรถจากที่อู่นครชัย มาขึ้นที่หมอชิตแทน
มาถึงก่อนเวลานานไปหน่อย น้องชิคเก้น เริ่มเบื่อ ก็วิ่งไปวิ่งมาทั่วหมอชิตเลยจร้า เหนื่อยอิแม่ วิ่งไล่ตามจับลูก
แต่จับๆดูทำไมเหมือนตัวจะรุมอุ่นๆแหะ กำลังจะไม่สบายป่ะแว๊
เห็นวิ่งไป วิ่งมาซ่าไปทั่ว คิดว่าคงไม่เป็นไรมั้งนะ
ก่อนเวลาขึ้นรถ มารอที่ท่ารถตามเลขบนตั๋วระบุไว้ครับ
รถบัสมาช้าเล็กน้อยเพราะหมอชิตรถติด รถบัสอัดเข้ามาพร้อมๆกัน
ก่อนเวลาขึ้นรถ มีบัสโฮสเตส ของสมบัติมาเล่นด้วย นางก็ร้องไห้ใส่เลยจร้า นางจะชอบร้องไห้ใส่คนแปลกหน้าที่มาเล่นด้วยแล้วนางไม่ชอบอ่ะ
พอขึ้นรถได้วางกระเป๋าเรียบร้อย
ขอบอกว่าภายในที่นั่งกว้างอยู่ และยืดขาได้สุด ขนาดผมอ้วนๆยังนั่งสบายๆ
มีความเป็นส่วนตัวระหว่างข้างหน้าและหลัง เหมือนเราอยู่ในคอกของเรา
จะยืดจะนอนได้เต็มที่ ไม่มีไปกวนคนหลัง คนข้างหน้าไม่มีการกวนเรา
เก้าอี้ปรับนวดได้ มีทีวี ให้ดู หนังใหม่อยู่นะ มีช่อง usb 1ช่อง ชาร์จมือถือสบายเลย อิอิ
ซักพักบัสโอสเตส จะเอา หูฟังมาแจก แต่ใครเตรียมมาเองก็ว่ากันไป
อีกซักพักน้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ ขนม และข้าวก็ตามมาติดๆ เยอะแยะไปหมด
รถบัสไม่มีการจอดระหว่างทางนะครับ ซึ่งก็โอเคนะ ไม่ต้องจอดช่วงดึกๆให้ลงมากินข้าว เพราะมันก็ไม่ใช่เวลาละ
ช่วงนี้ควรจะรีบกินข้าวกันก่อนเลยครับ เพราะซัก15นาที บัสโฮสเตส จะมาเก็บขยะ ซึ่งเค้าจะมาครั้งเดียวด้วย
ผ่านไปหลังรถออก 1ชม. พอท้องอิ่ม ตาก้อเริ่มหย่อนๆละ
น้องชิคเก้นเองก็เริ่มจะง่วงๆ พอเลิกตื่นเต้นกับทีวีเสร็จ ก็ไปหามี๊กินแน๊นเตรียมตัวนอน
-----------------------------------
วันที่1
ประมาณ 6โมงเช้า ก็มาถึง ขนส่งน่านแล้ววว เย้
ก็เลยไปรับรถมอไซค์ที่จองเอาไว้ที่ร้านโตโน้ครับ
เจ้าของร้านนี้เวลาไปเจอตัวจริง จะคุยกันเองดีครับ คนละเรื่องกับเวลาโทรไปคุยเค้าจะงงๆมึนๆนิดนึง
ร้านอยู่ใกล้ขนส่งน่าน เดินไป 5นาทีก็ถึงละ
และแถวๆนี้ ผมไม่เจอร้านรถมอไซค์เช่าเลยนะ ดีนะตรูจองเอาไว้ ไม่งั้น ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
หิ้วของพะรุงพะลังด้วย
การจองรถมอไซค์ที่น่านจะมีไม่กี่เจ้า โดยส่วนตัวแนะนำให้จองล่วงหน้าไปเลย อย่างตอนผมไปประมาทไม่ได้จองไว้
โทรไปสอบถามก่อน เดินทาง1อาทิตย์ เห็นว่ามี PCX ให้เช่าทั้ง2เจ้า ( ผมชินมือกับรถรุ่นนี้สุด )
ก็ชะล่าใจนึกว่าเหมือนเมืองท่องเที่ยวทั่วๆไป ที่คงหารถได้ไม่ยาก เดินๆไปก็คงเจอ ไม่ต้องจองหรอก
แต่เอาจริงๆไม่ใช่นะ รถมอไซค์เช่าจะหายากเพราะมีร้านน้อย ก่อนวันเดินทาง 1วันโทรไปจอง ปรากฏว่าไม่มี PCX ทั้ง 2ร้านเลย
เลยทำให้ได้เป็น airrox ที่ยังบังเอิญเหลืออยู่แทน ก็รีบจองไป
ทีนี้ก็หาห้องน้ำล้างหน้า จัดการธุระเสร็จก็เตรียมตัวเที่ยวเลยครับ ทริปนี้ขอไปแบบชิลล์ๆ เรื่อยๆครับ
แล้วก็ไปหาอะไรกินกัน
ออกจากขนส่งมา ไม่ไกล เจอเลยครับ ร้านโจ๊กนายฮุย แฟนบอกอ่านรีวิวเจอร้านมา เราก็ลังเลละไปดีมั้ยแวะ ร้านจากรีวิวทีไร ไม่เวิร์คทุกที
แต่เอาจริงๆ หมูร้านนี้ก็แบบว่าได้อยู่นะ นุ่มเด้ง ตับก็กรึ๊บๆ กรอบๆ อร่อยดีนะ
อันดับแรกขอไหว้ศาลหลักเมืองก่อน เวลาผมไปเที่ยวเมืองไหนมีโอกาศก้อแวะศาลหลักเมืองขอพรหน่อยก็จะดีครับ
ชิคเก้นเข้ามาถึงวัดร้องไห้ จะเดินออนอกวัดท่าเดียว
ซึ่งแกเป็นเด็กค่อนข้างมีเซนต์นะ ถ้าสถานที่ไหน หรือคนไหนมีของ แกจะกลัว และร้องไห้ใส่ทันที
เลยมั่นใจว่าที่นี่ต้องไม่ธรรมดา ไหว้เอาฤกษ์ขอพรซะหน่อยนึง
ออกจากเมืองก็มุ่งไป >>> บ่อเกลือ ก่อนเลยครับ
ทางแรกจะเฉยๆครับ พอเริ่มออกนอกเมืองก็....เอาล่ะเส้ วิวสวยว้อย ทุ่งนา สลับนาข้าวเป็นระยะๆ
ไปอีก 40-50กิโล จะเริ่มขึ้นเขาละ วิวแบบนึกว่าขับรถเล่นแถวเขาใหญ่
ระหว่างเจอร้านกาแฟ เหมือนจะวิวดีมาก แวะกินโกโก้ซักหน่อย เพราะชิคเก้นก็เริ่มจะเบื่อ งอแง อยากลงละ
เจ้าของร้าน ใจดีชวนคุยกันเองเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเราอ่ะ ชวนกินกล้วยด้วยฟรีนะ ดี๊ดี ว่าแต่กล้วยที่แกชวนกินหวีใหญ่มาก มีอิ่มเลยทีเดียว
และสำหรับคุณผู้ชายอย่างเราๆ ขอให้แวะฉี่ครับ มุมฉี่ร้านเค้า เป็นopen air ที่วิวเค้าโคตรจะดีจริมๆ เพลินฉี่ไปเพลินไปอ่ะ
พอสมควรแก่เวลา ก็แว๊นกันต่อไป บ่ายๆก็มาถึง
ช่วงหลังๆ ตอนใกล้ถึงบ่อเกลือ เริ่มเป็นการขับไต่ระดับขับรถบนเขาละ อากาศจะเริ่มชื่นๆ 2ข้างทางจะเปลี่ยนจากนาข้าวเป็นป่าๆมากขึ้น
บางครั้งเหมือนจะขับผ่านพวกเมฆที่ชอบลอยต่ำ ระดับบนเขา
ซึ่งเมฆพวกนี้ มันอุ้มน้ำมาแล้ว ขับไปจะชื้นๆเย็นๆนิดๆ ไปด้วย
แล้วก็มาถึงบ่อเกลือ
ถึงตรงนี้ชิคเก้นเริ่มมีอาการไข้มาละ ตัวรุมๆ เริ่มงอแง และจะนอนท่าเดียว ซึ่งเวลาเค้าไม่ค่อยสบายเค้าจะงอแงและนอนหลับเยอะกว่าปรกติ
ข้าวเข้อวไม่กิน ( ปรกติก็กินยากอยู่ละ )
เดินดูบ่อเกลือ จากที่ถามๆชาวบ้านว่าปรกติบ่อเกลือไม่ได้ต้มเกลือทั้งปีนะ จะต้มบางช่วงเท่านั้น
เกลือภูเขาจะไม่มีไอโอดีนครับ ชาวบ้านเลยต้องเติมไอโอดีนลงไปด้วย
และตอนนี้ก็ยังสูบน้ำจากบ่อนี้มาต้มอยู่ การสูบน้ำจากบ่อเกลือนี้ ก่อนเริ่มฤดูกาล จะต้องมีการทำพิธีนะ สำหรับชาวบ้านแล้วค่อนข้างศํกดิ์สิทธิ์ทีเดียว
แถวนั้นจะมีผลผลิตเกี่ยวกับเกลือของชาวบ้านมาขายประปราย
และมีร้านกาแฟให้เพียบ ผมไม่ได้แวะซักร้าน ผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ = = แต่มันก็แล้วแต่คนชอบเนอะ
นั้นไง!!! เจอเด็กไม่สบายแล้ว
เดินเล่นบ่อเกลือเสร็จ ก็บ่าย2เศษๆ
หิวแล้ว
ไปหาอะไรกินแถวๆนี้ครับ เจอร้านขึ้นชื่ออยู่ 2ร้านแถวนี้
มีร้านนึงว่ากันว่าพระเทพผ่านมาทรงงานที่พระตำหนักภูฟ้าต้องแวะทาน เจ้าของเป็นเชฟ ชื่อดังมาทำร้านอาหารหรือไงเนี้ย ( ข้อมูลไม่คอนเฟิร์มความถูกต้องครับ )
แต่ผมไม่ได้ไปอ่ะ ส่วนเราเลือกร้านที่อยู่ ริมน้ำ รู้สึกจะชื่อร้านหัวสะพานมั้ง วิวสวย ได้ยินเสียงแม่น้ำไหลเอื่อยๆละมันสบายใจดี
มีเมนูเขึ้นชื่อเยอะเลย ลองไปหาดูและสั่งตามใจชอบครับ ที่เราสั่งมาก็อร่อยทุกอย่างนะ
ระหว่างกินข้าว ทางภูฟ้าพัฒนา ที่จะพักคืนนี้โทรมาคอมเฟิร์มเวลาเข้าพักด้วย
เลยถามทางนั้นไปว่าแถวๆนั้นมีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อมั้ย เพราะเท่าที่ดูแถวๆนี้ ค่อนข้าง บ้านคนมีน้อยหนักมาก หาร้านของชำยากอยู่
ปรากฏไม่มีจริงๆจร้า เลยรีบสั่ง อีก2อย่าง จากร้านหัวสะพานกลับไปกินที่พักด้วยซะเลย
เบ็ดเสร็จมื้อนี้ 660 บาท ผมว่าราคาโอเคครับ
และไปถึงที่พัก ก็ประมาณ 16.30น.ครับ ทางเจ้าหน้าที่จะเริ่มกลับบ้านกันแล้ว เพราะเลิกงานอ่ะ
แต่เหมือนเค้ามีคนดูแลกันอยู่ เลยฝากกุญแจไว้ให้ เจ้าหน้าที่ดูแลดีนะ เดินพาไปที่พักระหว่างทางแนะนำนู้นนี่
"ตอนเข้ามาอาหารเช้าด้วย ทานตรงนี้ะค่ะ มาจากไหนกัน จะไปไหนต่อ ตัวเล็กหลับสบายเลย วันนี้คนพักเยอะมั้ยครับ " บราๆๆ ว่ากันไป
อ้อที่นี่มีข้าวเช้าด้วยนะ เห็นเค้าว่า จะแล้วแต่ โจ๊กบ้าง ข้าวผัดบ้าง พวกเราไม่ได้ไปกินอ่ะ
เออ แฟนไปถามเจ้าหน้าที่ว่าเช็คเอ้าท์กี่โมงค่ะ ... อ๋อออ กี่โมงก็ได้ค่ะ --- เห้ย!!! แบบนี้ก็ได้เหรอ
ถึงห้องพักแล้ว มีเครื่องอาบน้ำอุ่น ทีวี เตียงนุ่มๆ น้ำเปล่า มีโพสการ์ดให้ด้วย และวิวภูเขามองจากห้องสวยเกินจะบรรยาย
ห้องพัดลมนะ ไม่มีแอร์และไม่ต้องใช้ หนาว
และจบวันนี้ก็อาบนน้ำอุ่นนอนพักผ่อนกันไป ( เพราะไม่ได้อาบมาตั้งกะมะวานกลางคืนละ )