ตอนนี้เรามา Internship ที่อเมริกาได้ 3 เดือนแล้ว
เลยอยากจะมาเล่า มาแชร์ เรื่องราวต่างๆ ให้ได้อ่านกัน
ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลที่สนใจได้บ้างนะคะ ..
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่า เราเรียนจบด้านการโรงแรมมาโดยตรงเลยค่ะ
แต่วุฒิการศึกษาเป็นแค่ Diploma ไม่ใช่ Bachelor แบบที่ท้องตลาดเค้าต้องการ
เราเคยมีประสบการณ์ไปฝึกงานที่ New Zealand มา 6 เดือน
ในแผนก Housekeeping( เมื่อ 4 ปีก่อนค่ะ)
เรามีประสบการณ์ทำงานเอาจริงๆ ไม่ถึง 2 ปีด้วยซ้ำมั้ง
และหลังจากที่กลับมาจาก NZ เราก็ว่างงานมาตลอด 3 ปี (ช่วงที่ชีวิตพลิกผันค่ะ) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
เราเริ่มรู้สึกเบื่อกับชีวิตเดิมๆ การหางานทำที่ไทยก็คงไม่เกิน 3 เดือน แล้วก็คงลาออกเหมือนที่ผ่านมา
เลยตัดสินใจและเลือกเลยค่ะ ทำตามสิ่งที่อยากทำ
นั่นก็คือ.. หอบสังขารมาอเมริกา!
แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ขอวีซ่ายากมากกกกก
จะขอมาแบบท่องเที่ยว 3 เดือน ก็คงไม่เวิร์คแน่
เพราะตอนนั้นว่าง งานก็ไม่ทำ ชีวิตอิสระ อนาคตแลดูสลัวมาก
*****************************^^
ก็คิดได้ว่า ควรจะจริงจังกับชีวิตได้แล้ว อยากทำอะไร รีบทำซะ!
วันนั้นเราก็เลยหาข้อมูลการมาทำงาน / เรียนต่อ ที่อเมริกา
จนมาเจอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Internship in USA.
แล้วพอเข้าไปอ่านดู .. มีเปิดรับสาขาการโรงแรมด้วย
ก็เริ่มไปล่ารายชื่อเอเจนซี่ที่ทำเกี่ยวกับโครงการนี้มาให้ได้มากที่สุด
พอหามาได้ เราก็จัดการโทรประสานงานทันทีค่ะ ไม่รอช้า
เค้าก็ให้ส่ง Resume ของเราไปให้เค้าพิจารณาคุณสมบัติว่าสามารถ
เข้าร่วมโครงการนี้ได้หรือไม่!?
.. เราสมัครทำในแผนก F&B ค่ะ!
เกือบทุกเอเจนซี่ปฏิเสธเราหมด บ้างก็ไล่ให้เราไปลงครัว
คือ.. ถามก่อนมั้ย? ทำกับข้าวไม่เป็นเลย ทอดไข่ยังไม่ได้ จะไปทำอะไรให้ใครเค้ากิน?
ที่โดนปฏิเสธเหตุผลหลักๆ เลยก็คือ
1. วุฒิการศึกษาของเราไม่ใช่ระดับปริญญาตรี
2. ประสบการณ์เรามีน้อยเกินไป
เห้ยยยยย! คิดในใจ สัมภาษณ์กูดิ สัมภาษณ์กูก่อน..
ถ้าตอบคำถามตอนสัมภาษณ์ไม่ได้ ยังไม่น่าอายเท่านี้เลย
เชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองสูงค่ะ ยืนยันที่จะทำ F&B ยืนยันที่จะไปให้ได้
ก็หาต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ..
*******************************
จนเจอกับเอเจนซี่นึง (ขอสงวนชื่อนะคะ)
เค้าบอกว่าคุณสมบัติเราผ่าน ขอสัมภาษณ์ระดับทางภาษาหน่อยได้มั้ย?
เราก็ตอบตกลง..เพราะการจะทำแผนก F&B ภาษาอังกฤษเราต้องดีในระดับนึง
ก็ผ่านค่ะ
แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ให้เรารอค่ะ
รอจนกว่าจะมีโรงแรมทางอเมริกาติดต่อมาขอสัมภาษณ์
รอแล้ว รออีก .. รอเข้าไป ในที่สุดก็มีเข้ามาจนได้
แต่ปัญหาตอนนั้นเค้าจะให้เราไปอยู่ติดเกาะเกาะนึง
ซึ่งไม่ใช่ 1 ใน 52 รัฐของอเมริกา!
เราเลยปฏิเสธที่จะไม่สัมภาษณ์กับโรงแรมนี้ (The Ritz-Carlton) ค่ะ
โรงแรมดังก็จริง แต่ Location ดับสนิทมาก น่ากลัว ไม่ไป!
ก็ปะทะกับทางเอเจนซี่หนักอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้
(จริงๆ รายละเอียดตรงนี้มันยิบย่อยมาก แต่เราขอข้ามค่ะ มันไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไหร่)
พอหลังจากที่เคลียร์และได้เจรจากันลงตัว เค้าก็ให้เรารอค่ะ
เจอโรงแรมแห่งหนึ่งในอเมริกาติดต่อสัมภาษณ์งานผ่านทาง Skype
เราไม่ผ่านค่ะ เราไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมไม่ผ่าน
สัญญาณอินเตอร์เน็ตคือ กระตุกระดับแปด จะไปคุยกันรู้เรื่องได้ไงหละ?
**************************************
พอไม่ผ่าน! ทางเอเจนซี่เค้าก็บอกให้เรารอโรงแรมอื่น เดี๋ยวเค้าจะติดต่อมา
ก็รอค่ะ
รอวนไป..
จนในที่สุดก็มีติดต่อเข้ามาจนได้!!!!!!!
โดยเค้าจะบินมาสัมภาษณ์เองที่ประเทศไทยเลย
เอออ! มาพูดกันต่อหน้าอย่างงี้หน่อย ค่อยสะใจเหลา
(เด่วมาต่อค่ะ)
Internship in USA.
เลยอยากจะมาเล่า มาแชร์ เรื่องราวต่างๆ ให้ได้อ่านกัน
ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลที่สนใจได้บ้างนะคะ ..
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่า เราเรียนจบด้านการโรงแรมมาโดยตรงเลยค่ะ
แต่วุฒิการศึกษาเป็นแค่ Diploma ไม่ใช่ Bachelor แบบที่ท้องตลาดเค้าต้องการ
เราเคยมีประสบการณ์ไปฝึกงานที่ New Zealand มา 6 เดือน
ในแผนก Housekeeping( เมื่อ 4 ปีก่อนค่ะ)
เรามีประสบการณ์ทำงานเอาจริงๆ ไม่ถึง 2 ปีด้วยซ้ำมั้ง
และหลังจากที่กลับมาจาก NZ เราก็ว่างงานมาตลอด 3 ปี (ช่วงที่ชีวิตพลิกผันค่ะ) แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
เราเริ่มรู้สึกเบื่อกับชีวิตเดิมๆ การหางานทำที่ไทยก็คงไม่เกิน 3 เดือน แล้วก็คงลาออกเหมือนที่ผ่านมา
เลยตัดสินใจและเลือกเลยค่ะ ทำตามสิ่งที่อยากทำ
นั่นก็คือ.. หอบสังขารมาอเมริกา!
แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ขอวีซ่ายากมากกกกก
จะขอมาแบบท่องเที่ยว 3 เดือน ก็คงไม่เวิร์คแน่
เพราะตอนนั้นว่าง งานก็ไม่ทำ ชีวิตอิสระ อนาคตแลดูสลัวมาก
*****************************^^
ก็คิดได้ว่า ควรจะจริงจังกับชีวิตได้แล้ว อยากทำอะไร รีบทำซะ!
วันนั้นเราก็เลยหาข้อมูลการมาทำงาน / เรียนต่อ ที่อเมริกา
จนมาเจอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Internship in USA.
แล้วพอเข้าไปอ่านดู .. มีเปิดรับสาขาการโรงแรมด้วย
ก็เริ่มไปล่ารายชื่อเอเจนซี่ที่ทำเกี่ยวกับโครงการนี้มาให้ได้มากที่สุด
พอหามาได้ เราก็จัดการโทรประสานงานทันทีค่ะ ไม่รอช้า
เค้าก็ให้ส่ง Resume ของเราไปให้เค้าพิจารณาคุณสมบัติว่าสามารถ
เข้าร่วมโครงการนี้ได้หรือไม่!?
.. เราสมัครทำในแผนก F&B ค่ะ!
เกือบทุกเอเจนซี่ปฏิเสธเราหมด บ้างก็ไล่ให้เราไปลงครัว
คือ.. ถามก่อนมั้ย? ทำกับข้าวไม่เป็นเลย ทอดไข่ยังไม่ได้ จะไปทำอะไรให้ใครเค้ากิน?
ที่โดนปฏิเสธเหตุผลหลักๆ เลยก็คือ
1. วุฒิการศึกษาของเราไม่ใช่ระดับปริญญาตรี
2. ประสบการณ์เรามีน้อยเกินไป
เห้ยยยยย! คิดในใจ สัมภาษณ์กูดิ สัมภาษณ์กูก่อน..
ถ้าตอบคำถามตอนสัมภาษณ์ไม่ได้ ยังไม่น่าอายเท่านี้เลย
เชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองสูงค่ะ ยืนยันที่จะทำ F&B ยืนยันที่จะไปให้ได้
ก็หาต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ..
*******************************
จนเจอกับเอเจนซี่นึง (ขอสงวนชื่อนะคะ)
เค้าบอกว่าคุณสมบัติเราผ่าน ขอสัมภาษณ์ระดับทางภาษาหน่อยได้มั้ย?
เราก็ตอบตกลง..เพราะการจะทำแผนก F&B ภาษาอังกฤษเราต้องดีในระดับนึง
ก็ผ่านค่ะ
แล้วหลังจากนั้นเค้าก็ให้เรารอค่ะ
รอจนกว่าจะมีโรงแรมทางอเมริกาติดต่อมาขอสัมภาษณ์
รอแล้ว รออีก .. รอเข้าไป ในที่สุดก็มีเข้ามาจนได้
แต่ปัญหาตอนนั้นเค้าจะให้เราไปอยู่ติดเกาะเกาะนึง
ซึ่งไม่ใช่ 1 ใน 52 รัฐของอเมริกา!
เราเลยปฏิเสธที่จะไม่สัมภาษณ์กับโรงแรมนี้ (The Ritz-Carlton) ค่ะ
โรงแรมดังก็จริง แต่ Location ดับสนิทมาก น่ากลัว ไม่ไป!
ก็ปะทะกับทางเอเจนซี่หนักอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้
(จริงๆ รายละเอียดตรงนี้มันยิบย่อยมาก แต่เราขอข้ามค่ะ มันไม่ใช่ประเด็นสักเท่าไหร่)
พอหลังจากที่เคลียร์และได้เจรจากันลงตัว เค้าก็ให้เรารอค่ะ
เจอโรงแรมแห่งหนึ่งในอเมริกาติดต่อสัมภาษณ์งานผ่านทาง Skype
เราไม่ผ่านค่ะ เราไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมไม่ผ่าน
สัญญาณอินเตอร์เน็ตคือ กระตุกระดับแปด จะไปคุยกันรู้เรื่องได้ไงหละ?
**************************************
พอไม่ผ่าน! ทางเอเจนซี่เค้าก็บอกให้เรารอโรงแรมอื่น เดี๋ยวเค้าจะติดต่อมา
ก็รอค่ะ
รอวนไป..
จนในที่สุดก็มีติดต่อเข้ามาจนได้!!!!!!!
โดยเค้าจะบินมาสัมภาษณ์เองที่ประเทศไทยเลย
เอออ! มาพูดกันต่อหน้าอย่างงี้หน่อย ค่อยสะใจเหลา
(เด่วมาต่อค่ะ)