กิ๊ก..กั๊บ...

กระทู้สนทนา
กิ๊ก...กั๊บ...…

ราสส์ กิโลหก

“กิ๊ก” คำนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนค้นคิดขึ้นมา แต่ไม่นานก็แพร่หลายอย่างรวดเร็ว เพราะกิ๊กมีอยู่ได้ทั่วทุกแห่ง ไม่ว่าเด็กนมเพิ่งแตกพาน เด็กเพิ่งมีนม หรือแก่จนเหนียงยาน จนนมไม่มี ต่างก็สามารถจะมีกิ๊กได้เสมอ....

กิ๊กกับเมียน้อยคงเป็นญาติกัน แต่ดูแล้วเมียน้อยน่าจะดูหนักแน่นกว่ากิ๊ก....เพราะเมียน้อยทะลุทะลวงได้ดีกว่า ถ้าเทียบปอนด์ต่อปอนด์ เมียน้อยได้เปรียบกว่าแยะ

ถ้าเมียหลวงรู้ว่าผัวมีเมียน้อยเป็นตัวเป็นตน จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก สั่นสะเทือนไปทั้งบ้าน และอาจบ้านแตกสาแหรกขาด .แต่ถ้ารู้ว่าเป็นแค่กิ๊ก ก็เพียงแค่เหล่ตามอง..

เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อเสี่ยเจ๋ง...อันหน้าตาเสียเจ๋งนั้นก็ธรรมดา ออกจะขี้เหร่ด้วยซ้ำ อายุอานามเกินเลขห้าไปหลายลี้ ..

เสี่ยเจ๋งนั้น ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน เพราะเสี่ยเจ๋งรับราชการในหน่วยงานที่ต้องติดต่อกับราษฎร์ ออกไปท้องที่แต่ละครั้ง 7-8 วัน..ส่วนเมียเสื่ยเจ๋งมีอาชีพครู..

เมื่อมีเมียเป็นข้าราชการเหมือนกัน ก็เข้าใจในระบบงาน เพราะหน้าที่คือหน้าที่ จะไปปิดพลิ้วอะไรไม่ได้ ผัวหายหัวไปราชการก็ต้องอดทน..จะพูดมาก.บ่นมาก จนเสียงาน .เดี๋ยวผัวโดนนายเขม่น ทั้งเงินเดือนทั้งขั้นอาจโดนแป๊ก อดได้ความดีความชอบ จะกลายเป็นติฉินนินทาจากคนอื่นได้ว่า เป็นตัวซวยของผัว......

ด้วยสถานการณ์ที่เป็นใจแบบนี้ ทำให้เสี่ยเจ๋งเริงร่าเมื่อได้เวลากำหนดการออกท้องที่ มันเหมือนนกน้อยที่มีคนเปิดประตูกรงให้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า.ขยับปีกขยับหางเพื่อไล่ความเมื่อยขบ ร่อนถลาไปตามตามร่องลม .แต่ในทางตรงกันข้าม อากัปกิริยา จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อหมดกำหนดการ ถึงเวลาจะต้องกลับเข้าบ้าน...

ยามเมื่อต้องอยู่บ้านกับเมียเขาจะง่วงเหงาเศร้าซึม ......เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า..กินข้าวกินปลาไม่ค่อยลง..โดยเฉพาะเสียงของเมีย เขาพาลนึกไปถึงเสียงช้างร้อง..แม้ว่าเธอจะพูดเพียงค่อยๆ..ก็ตาม..มันคงเป็นความรู้สึกส่วนลึก ของตัวเสี่ยเจ๋งเอง...

เมื่อสมัยหนุ่มๆจบการศึกษาใหม่ๆ หลังจากสามารถสอบเข้ารับราชการได้ และถูกส่งไปบรรจุที่จังหวัดทางภาคอีสาน ที่แสนจะกันดาร ...จนไม่คิดว่าจะมีช้างเผือกเชือกงามๆมาให้เห็นเป็นบุญตา..

หน้าที่ของเสี่ยเจ๋ง คือต้องออกไปราชการในท้องที่ ตามอำเภอต่างๆตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา การได้พบปะผู้คนมากมาย ทั้งสาวทั้งแก่ ทั้งโสดทั้งม่าย ไม่นานเกินรอ ข้าราชการเด็กหนุ่มก็ได้พบกับ สาวน้อยนักศึกษาวิทยาลัยครู รูปร่างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งเป็นลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน เพราะการออกไปราชการท้องที่ ผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องมาช่วยประสานงานให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ และที่สำคัญที่หลับที่นอนก็บ้านผู้ใหญ่นั่นแหละ...

การเป็นลูกสาวผู้ใหญ่บ้านทำให้มีโอกาสดีกว่าเด็กสาวลูกบ้านคนอื่นๆ(นี่พูดถึงเมื่อประมาณเกือบ 30 ปีก่อน) เธอจึงสามารถไปร่ำเรียนวิทยาลัยครูได้..ซึ่งคนในหมู่บ้านน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าไปเรียนได้ ...

เมื่อถูกใจ พบหน้ากันครั้งใดหัวไจก็หวั่นไหวด้วยคลื่นแห่งความรัก ศรรักปักเข้าอกอ้ายหนุ่มหน้าตี๋ทันที เขาคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้สวยน่ารักเท่ากับเธอคนนี้อีกแล้ว ไม่ว่าการเดิน การวิ่ง การยิ้ม การพูด หรือไม่ว่าเธอทำอะไรก็แล้วแต่.. มันช่างทำให้หัวใจดวงน้อยๆของ เด็กหนุ่ม นามว่า เจ๋ง สุขสดชื่นเหมือนยืนอยู่ บนก้อนเมฆ...

เขาเฝ้าอดทน เทียวไล้เทียวขื่ออยู่หลายปี จนสาวน้อยจบการศึกษา ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสอบบรรจุได้เป็นครูสมความตั้งใจ..
และก็เหมือนหนังเหมือนละคร ทั้งสองคนก็แต่งงานเป็นผัวเมียอยู่กินกัน จนมีลูกผู้หญิง 2 คน ...

นั่นมันเมื่อ ยี่สิบกว่าปีก่อน..เกือบสามสิบปี.. ปัจจุบัน .ลูกเต้าโตเป็นสาว ทำงานทำการกันหมด..

เมื่อหน้าที่ราชการสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานก็เคลื่อนไหวไปตามเกณฑ์ จนในที่สุดก็สามารถย้ายกลับไปยังจังหวัดบ้านเกิด เพื่อรอเกษียณอายุราชการ...
*****************************

วันนี้วันหยุด เสี่ยเจ๋งนั่งเล่นอยูหลังบ้าน เมียของเขาก็เดินไปมาทำนู่นนี่ ตามประสาแม่บ้าน แม้ว่าการเป็นครูจะเหนื่อยแต่งานบ้านก็ไม่ขาด หล่อนเป็นคนบ้านนอก เรื่องงานบ้านไม่น้อยหน้าใคร เพราะเคยลำบากมาก่อน..

ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน วันหยุดแบบนี้ เสี่ยเจ๋งจะนั่งละเลียดเหล้า ก่อกองไฟกองเล็กๆ ปิ้งหมุปิ้งไก่กิน เดินไปมาอยู่หลังบ้านคนเดียว เมียเสี่ยเจ๋งไม่เคยต่อว่าเรื่องกินเหล้าในบ้านเพราะดีกว่าออกไปกินนอกบ้าน อาจเกิดอะไรที่คาดไม่ถึงตามมา และเสี่ยเจ๋งเองก็ไม่ชอบการออกไปกินเหล้านอกบ้าน เมื่อทุกอย่างลงตัวการปรองดองในเรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี....

ปัจจุบัน เสี่ยเจ๋ง เลิกกินเหล้ามาหลายปี หลังจากเกิดอาการผิดปกติและไปหาหมอที่โรงพยาบาล..หมอตรวจนั่นนี่ จนเบื่อ ได้เอ่ยปากบอกว่า ให้เลิกเหล้าโดยเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่ออย่าโผล่หน้ามาหาผมอีก…ให้ส่งบัตรเชิญขอบดำมาได้เลย....

เสี่ยเจ๋ง ก็เป็นมนุษย์ตาดำๆ ไม่เชื่อหมอแล้วจะไปเชื่อแมวที่ไหน กลัวตายเหมือนคนทั่วๆไป จึงเลิกกินเหล้าแต่นั้นมา... เมื่อไม่กินเหล้า ความเหงาหงอยก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เขาจะนั่งนับวันที่จะออกท้องที และเร่งวันเร่งคืนให้ถึงกำหนดเร็วๆ....

คนที่ทำงานอยู่ในกรมนี้ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ส่วนมากจะสนิทสนมกัน เหมือนพี่เหมือนน้อง เพราะต้องออกไปกินนอนในท้องที่ต่างๆ คนเรานั้นเมื่ออยู่ใกล้กันมากๆ ความรู้สึกต่างๆมักเกิดขึ้นมาโดยไม่รู้สึกตัว เขาถึงพูดกันว่าความใกล้ชืด มันอยู่ข้างหลังความรักนั่นเอง ถ้าความรักเผลอความใกล้ชิดก็เข้ามาแทนที่..

บางคนที่มีใจหนักแน่น ก็มักจะเอาตัวรอดไปได้ แต่ส่วนมากแพ้อำนาจไฝ่ต่ำ ต้องจำใจเดินไปในทางที่เรียกว่า ทางจำเป็นเพราะหลีกลี้หนีไปไม่พ้น มนุษย์ทุกคนมีอำนาจไฝ่ต่ำครอบคลุมอยู่ เผลอเมื่อไหร่มันจะเข้าครอบงำทันที กว่าจะรู้สึกตัวก็ สายจนเลยไปถึงบ่ายแก่ๆ บางคนถึงสว่างไปเลย บ้านแตกสาแหรกขาด ลูกเมียไปคนละทิศละทาง เสียผู้เสียคน กลายเป็นคนพิการรัก....ว่าเข้าไปนั่น...

เสี่ยเจ๋งนั้นเหมือนแมวนอนหวด เขา มองผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆตัวทุกคนเป็นปลาย่าง ถ้าเผลอเมื่อไหร่จะวิ่งคาบเอาไปกินบนหลังคาทันที นิสัยแตกต่างจากเมื่อ สมัยหนุ่มๆเขาเป็นคนดีรักลูกรักเมียเป็นที่หนึ่ง จนพวกเพื่อนๆอิจฉา แต่อนิจจากาลเวลาทำลายทุกอย่างจากเมีย กลายเป็นแม่ และเป็นยายในที่สุด ทำให้เสี่ยเจ๋ง กลายพันธ์ เป็นมนุษย์ โครมันยอง เห็นใครสวยๆก็อยากจะเอากระบองตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำ...

พวกเพื่อนๆปากสุนัขต่างพาวิเคราะห์กันว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า กาลเวลาได้ดูดความสาวความสวยของเมียเสียเจ๋งไปจนหมด ความชุ่มฉ่ำชุ่มชื่นไม่มี มีแต่ความแห้งผาก เหมือนท้องนาในหน้าแล้งที่แตกละแหง ไม่ใช่ทุ่งหญ้าหรือท้องนาที่เขียวชอุ่มดังแต่ก่อน ...มันกลับกลายเป็นท้องนาที่แล้งซ้ำซาก ไม่มีทางที่กลับคืนมาดังเดิมได้อีก...

องุ่น เด็กสาวรุ่นน้องมารายงานตัวกับหัวหน้าส่วนในตำแหน่งลูกจ้างประจำ ด้วยเสื้อแคบ กระโปรงคับ แม้อายุเลย 30 แต่สวรรค์สร้างความอ่อนเยาว์บนใบหน้ามาให้ จึงดูสวยสดใสเหมือนสาวน้อยหมวกแดง เธอย้ายจากจังหวัดอื่นและมาลงตำแหน่งที่หน่วยนี้ จึงเป็นน้องใหม่คนสวยที่น่ารักน่าเอ็นดู เปรียบเหมือนหญ้าอ่อนในที่ใหม่แห่งนี้ ที่เพิ่งผลิใบออกมาชูใบรับแรงลมที่พัดจนใบอ่อนพลิ้วไปตามสายลม ทำเอาวัวแก่ต้องจ้องจนลูกตาแทบออกมานอกเบ้า และวัวที่อยู่แถวหน้าก็คือเสี่ยเจ๋งตามฟอร์ม..

เสี่ย เจ๋ง เจ้ากี้เจ้าการ ดูแลน้ององุ่นจนออกหน้าออกตา หาบ้านเช่าให้ ดูแลสารทุกข์สุกดิบ จนแลดูเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเป็นใยลูกหลาน..

“กรูจะอ๊วก” ยัยหน่อยธุรการก้นใหญ่ พูดออกมาลอยๆๆ..

หลายคนพากันสงสัยเต็มประดาว่า ทำไมยัยหน่อยออกอาการ จนน่ากลัวแบบนั้น

ทำให้ผู้แสนรู้ชอบแสลนเรื่องชาวบ้าน เช่น อ้าย ม้า เพื่อน ซี๊เสี่ยเจ๋ง...แอบแถลงไขว่า

“พวกเอ็ง ไม่สังเกตมั่งหรือไง ? “

“เรื่อง ไรวะ “ อ้ายจ๊อดตูดปอด สงสัย

“ตอนเที่ยงๆ ไง”

“เป็นไง ตอนเที่ยง”

“ไม่เป็นไง หรอก มันหายไปพร้อมกันทุกที” อ้าย ม้า ซาดิตซ์ พูดเสียงเข้ม แสดงถึงข้อมูลเด็ดของมัน.. (ต่อด้านล่าง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่