[CR] เ ก า ะ สี ชั ง [ ต้องมีครั้งต่อไป ] " เที่ยว 2 วัน 1 คืน ด้วยงบ 2,000 บาท "


สวัสดีค่ะ ^_^ เราเป็นมือใหม่หัดรีวิว
นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ
หากมีความผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ _/\_

"ชอบเที่ยว...ชอบถ่ายรูป" อาจเป็นเหตุผลของการตั้งกระทู้ในครั้งนี้
พออยากเที่ยวขึ้นมาที ก็จะหารีวิวมาอ่าน เที่ยวตามรีวิวบ้าง ตามใจบ้าง บางทีก็เที่ยวแบบแล้วแต่สถานการณ์จะพาไป
เคยอยากเขียนรีวิวมาตั้งนานแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน ไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่ได้เขียนซะที
วันนี้พร้อมแล้ววว ยิ้ม

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 6-7 พ.ย. ที่ผ่านมานะคะ



จุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก
นอกจาก..."อยากไป" ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องเป็นที่นี่

เริ่มต้นการเดินทาง มุ่งหน้าสู่ชลบุรี อ.ศรีราชา
จุดหมายคือ "เกาะสีชัง"

เริ่มเดินทางครั้งนี้โดย...มาขึ้นรถตู้ที่ขนส่งเอกมัย
หากมา BTS ให้ลงที่สถานีเอกมัย
ออกทางออกช่องที่ 2 เดินไปนิดนึงก็ถึงแล้ว


จากนั้นให้เดินมาซื้อตั๋วขึ้นรถตู้ ที่ช่อง "สัตหีบ"
ราคาตั๋วขาไป 130 บาท

รถตู้ออกรอบแรกกี่โมงไม่รู้ (เราลืมถามค่ะ 555)
แต่เราไปรอบ 7.30 น.
และรถจะออกทุกๆ 1 ช.ม.
บอกรถตู้ว่าลงโรบินสัน ศรีราชา
แล้วต่อมอ'ไซต์ ไปที่ท่าเรือจรินทร์อีก 30 บาท
ใช้เวลาประมาณ 10 นาที


เรือที่นี่ออกตรงเวลามากจริงๆ
ถ้าสายแค่ไม่กี่นาที ต้องรอรอบต่อไปอีก 1 ช.ม.
เราได้ไปเรือรอบ 10 โมง ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงท่าเรือเกาะสีชัง (ระหว่างทางหากมีใคร ขึ้น-ลง ที่เกาะขาม เรือก็จะแวะ รับ-ส่ง ให้)

พอเรือเทียบท่า ก็จะมี จนท. คอยช่วยรับผู้โดยสารขึ้นจากเรือ วันที่เราไปคลื่นลมค่อนข้างแรง
ไปถึงก็เจอคลื่นซัดขึ้นฝั่งมาทักทายเบาๆ

จากนั้นจะเจอกับเหล่า มอ'ไซต์ ให้เช่า
และสกายแลปนำเที่ยว ทีนี้ก็เลือกเลยว่าจะไปแบบไหน หากมากันหลายคน สกายแลปน่าจะเหมาะกว่า (ที่จริงแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนมั้ง)
แต่ถ้ามาคนเดียวหรือสองคน แนะนำมอ'ไซต์
แว๊นได้รอบเกาะเลย ราคาเช่าก็มีตั้งแต่
ช.ม. ละ 80 .-
วันละ 250 .-
ค้างคืน 300 .-
พร้อมใบปลิวแผนที่นำเที่ยว
น้ำมันก็เต็มถัง และเราไม่ต้องเติมมาคืน พี่ที่ให้เช่าบอกแบบนั้นนะ

แน่นอน...ก่อนอื่นใด เราต้องหาอาหารกลางวันกินก่อน มาที่นี่ไม่ต้องขนสเบียงอาหารมา เพราะร้านอาหารที่นี่มีเยอะ , 7-11ก็มี เกาะนี้มีอะไรหลายๆอย่างครบครัน ที่สำคัญราคาไม่แพง (ซึ่งปกติสินค้าบนเกาะส่วนใหญ่ที่เราเคยไปจะแพงมาก)


เริ่มต้นสิ่งดีๆ ของทริปนี้ด้วยการมาไหว้พระขอพร ที่ "ศาลเจ้าแม่กวนอิม" และ "เจ้าพ่อเขาใหญ่"
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เกาะสีชัง


ระยะทางขึ้นมาไม่สูงเท่าไหร่นัก เดินง่ายๆ สบายๆ แวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง


ต้นไม้ ดอกไม้ของที่นี่ สีสันสดใสมาก สวยสะดุดตาทุกจุด


บนศาลเจ้าแม่กวนอิม หากเดินมาตรงระเบียง เราจะสามารถมองเห็นวิวของเกาะนี้ จากฝั่งริมทะเล
เสร็จจากนี้ เราจะไปหาบ้านพักกัน


เพราะมาแบบ Backpack ไม่ได้จองที่พักมาก่อน
เลยมีโอกาสขี่มอ'ไซต์หาบ้านพักไปเรื่อยๆ
จนมาเจอบ้านหลังนี้ "สีชังเฮ้าส์" เป็นบ้านติดริมทะเล มีแอร์ ตู้เย็น ทีวี wi-fi และยังทำอาหารปิ้งย่างได้ ราคาแค่ 1,200 บาท เรามากับเพื่อนอีก 1 คน หารกัน ก็ถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับวิวหน้าบ้าน
ดีงามจริงๆ ที่สำคัญป้าเจ้าของบ้านน่ารักมาก ใส่ใจแนะนำทุกอย่าง หากใครไปพักอย่าลืมทักทาย "ป้าเดือน" นะ


จากมุมระเบียงหน้าห้อง มีกังหันลมตกแต่ง น่ารักดี

คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมาย กับที่นั่งเล่นริมทะเลชิลๆ รู้สึกเลือกที่พักไม่ผิดเลยจริงๆ


ช่วงสาย...น้ำจะเริ่มลดลงจนโขดหินโผล่ หากอยากเล่นน้ำก็สามารถลงเล่นหน้าบ้านได้เลยแหละ


เสียงคลื่นกระทบฟัง ฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิม 555 ซู่ซู่


หลังจากได้บ้านพักเรียบร้อย ก็ออกตะเวนตามหา แลนด์มาร์คต่างๆ ที่แรกที่จะไปคือ
"พระจุฑาธุชราชฐาน" เป็นพระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 5

ประกอบไปด้วย...
1.พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร
2.เรือนไม้ริมทะเล
3.เรือนวัฒนา
4.เรือนผ่องศรี
5.เรือนอภิรมย์

ประวัติสถานที่ในพระจุฑาธุชราชฐาน
https://travel.mthai.com/blog/149659.html
Cr.MThai

ว่าแล้วหันไปเห็นหินก้อนยักษ์ตรงทางเข้า พร้อมคำว่า "ห้ามยก"
อืม...เคยมีคนยกได้ใช่มั้ย ^_^


ที่นี่เข้าชมฟรีนะ ไม่ต้องแลกบัตรหรือมัดจำอะไรเลย
สีมอ'ไซต์กับน้ำทะเล อะไรพาสเทลกว่ากัน


"สะพานอัษฎางค์" สะพานไม้สีขาวที่ทอดยาวลงไปในทะเล


ไม่รู้เพราะบรรยากาศมันได้ หรือกลิ่นอายความโรแมนติกที่นี่ มองอะไรก็ดูดีไปหมด


เราโชคดีมากที่มาที่นี่ในวันที่อากาศเย็นสบาย มีลมพัดตลอด แสงแดดอ่อนๆ ที่สำคัญน้ำทะเลก็เป็นใจ หากมาตอนน้ำลง เราจะเห็นแต่ตอสะพานแน่

ความเป็นมาของสะพานอัษฎางค์
http://www.painaidii.com/business/144168/asdang-bridge-/lang/thTh/
Cr.Painaidii


ที่นี่คนนิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง
หากมาวันธรรมดา คนก็จะน้อยหน่อย มีเวลานั่งรับลมเย็นๆ เราอยากให้เวลาหยุดเดินซะตรงนี้เลย เพราะเราตกหลุมรักทันทีที่เห็น


นางแบบตัวจิ๋ว หยุดนิ่งให้ถ่ายรูปด้วย


เดินมาอีกฝั่งของสะพานอัษฎางค์จะเจอ "เรือนไม้ริมทะเล"
เรือนไม้สีเขียวโดดเด่น ช่างเข้ากันกับบรรยากาศโดยรอบ

ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00-17.00 ยกเว้นวันจันทร์ เราเลยอดเข้าชม เพราะมาวันจันทร์พอดี 😂


เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมใครๆก็ชอบมาถ่ายรูปเก้าอี้ที่นี่ และเราเป็นหนึ่งในนั้น 555+
ตกเย็นหน่อยคนก็จะเริ่มมานั่งรับลมเย็นๆริมทะเล
โอ๊ย...ฟินระดับ 10


เดินเลยมาจากเรือนไม้ริมทะเล ก็จะเจอ "เรือนวัฒนา"
ไม่รู้คิดไปเองมั้ย ทำไมเรือนนี้ดูเหงาจัง


ทุกครั้งที่เดินทาง เชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า "หากมีทางให้เดินต่อ ต้องไปให้สุด"


ก็เดินขึ้นมาตามทางเรื่อยๆ พักถ่ายรูปเป็นระยะๆ นี่คือภาพที่เห็น


การเดินทางบนเกาะสีชัง เชื่อเถอะไม่มีหลง ไม่ว่าจะไปที่ไหนบนเกาะ เรามักจะเจอป้ายบอกทางเป็นระยะ


หากจะมีดอกไม้สักชนิด เป็นเหมือนเจ้าของบ้านต้อนรับผู้มาเยือน
เราว่า "ลีลาวดี" นี่แหละ เหมาะสมที่สุด
สวยงามแม้ยามร่วงโรย


ต้นลีลาวดี ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนนำทาง เพราะเราจะเจอต้นนี้ตลอดเส้นทางของที่นี่


ต่อมาคือ "เรือนอภิรมย์" เงียบ สงบ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเองเหยียบใบไม้แห้งดังมากกว่าที่เคย


"เรือนผ่องศรี" มุมมองผ่านแมกไม้ อดคิดถึงฉากละครย้อนยุคไม่ได้เลย


"วัดอัษฎางคนิมิตร" พระอุโบสถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


ช่วงนี้ใบไม้เริ่มทิ้งตัวลง ปล่อยให้กิ่งไม้เคว้งคว้างกลางอากาศ เราชอบนะสวยดี เพราะพอมองลงพื้นจะเห็นเงาทอดยาวเป็นลวดลาย


จุดสุดท้ายของอาณาเขตแห่งนี้ "จุดชมวิว"
เราเห็นวิวได้ไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะต้นไม้ด้านล่างสูงจนบดบัง


หลังจากเที่ยวชมพระจุฑาธุชราชฐานครบทุกจุดแล้ว เราก็มาต่อที่ "จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก" เราจะพบกับหินผาขนาดใหญ่ และเดินยากนิดนึง แต่ก็พอมีบริเวณที่เป็นลานบ้าง สำหรับใครที่อยากนอนกางเต๊นท์ ซึ่งวันนี้เราเจอละหนึ่งคู่ ได้บรรยากาศ adventure มาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวและชาวบ้านจะนิยมมากตกปลาที่นี่กัน


"แสงและเงาที่ดีไม่ได้เกิดจากฝีมือของมนุษย์ แต่เกิดจากความงามของธรรมชาติ"

แอบงอนพระอาทิตย์ตรงที่วันนี้หนีกลับบ้านไปพร้อมก้อนเมฆ เลยอดเห็นแก้มแดงๆเป็นลูกตำลึง


หมดไปแล้วหนึ่งวันกับภารกิจ Backpacker
ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้ว ก่อนกลับก็แวะซื้ออาหารซีฟู้ด ที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านพักเข้าไปนั่งกิน บอกให้เค้าปิ้งย่างให้เรียบร้อย ตอนแรกว่าจะนั่งกินริมทะเล แต่ลมเย็นจนเราหนาว เลยวาร์ปไปนั่งกินในห้อง ก่อนออกมานั่ง ตาก-ลม ชมจันทร์อย่างที่เห็น นั่งมองตั้งแต่เริ่มขึ้นมา จนลอยไล่ระดับขึ้นไปก่อนหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น ขอบคุณจริงๆที่เป็นเพื่อนนั่งเล่นริมทะเล เพราะเป็นวันธรรมดาด้วยแหละ ทั้งบ้านพักจึงมีแค่เรากับเพื่อน รวมทั้งสิ้น 2 คนถ้วน ส่วนตัวสุดๆ


"หอคอยประจำเกาะสีชัง" สัญลักษณ์ที่ทำให้รู้ว่า "คุณมาถึงแล้ว" ถ้าเป็นตอนกลางคืนหอคอยจะเปิดไฟ มีแสงสีสลับกัน มองแล้วก็เพลินตาดีนะ


หมดไปแล้วสำหรับภารกิจเที่ยววันแรกบนเกาะสีชัง

วันที่ 2 เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ชื่อสินค้า:   เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่