(สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าหากขาดตกบกพร่อง หรือผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)
ใครอยากดูตอนการเดินทางเชิญลิงค์นี้ครับ
ตอนที่ 1 เตรียมตัวก่อนไป
https://ppantip.com/topic/37109722
ตอนที่ 2 ดอนเมือง - กัวลาลัมเปอร์ - โอซาก้า
https://ppantip.com/topic/37113408
ตอนที่ 3 Universal Studio Japan 1 วัน พิชิต 9 เครื่องเล่น
https://ppantip.com/topic/37123692
ช่วงเกริ่น
เนื่องจากมีความฝันมาตั้งนานแล้วอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้สักครั้ง
ในลิสต์ก็มีพวก สิงค์โปร์ ฮองกง เกาหลี แต่ที่อยากไปมากๆคือ ประเทศญี่ปุ่น และด้วยจังหวะเหมาะมีเพื่อนคนนึงอยากไปพอดี
เลยตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินเลยครับ โดยที่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง เที่ยวยังไงบ้าง รถไฟขึ้นยากมั้ย ที่สำคัญคือเรื่องภาษาที่อ่อนแอมาก
แต่ตอนที่จอง ก็คิดแค่ว่า ถ้าจองแล้วจ่ายตังแล้วก็ต้องไปให้ได้สิว่ะ
ผมจองเครื่องวันที่ 5 ก.ย.60 และไปจริง 4 พ.ย.60 ซึ่งมีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 เดือน ด้วยที่ว่านี่คือการไปต่างประเทศครั้งแรก ด้วยงบประมาณที่จำกัด
จึงต้องวางแผนให้รัดกุม และถูกที่สุดจึงเป็นที่มาของโปรเจค "เจแปนนี้พี่ต้องรอด" ไปดูกันเลยครับ
(หยอดภาพทีละนิด)
ก่อนอื่นไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็หาข้อมูลในพันทิปนี้หละครับ อ่านไปอ่านมาก็จะเริ่มเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น
ว่าเค้าแบ่งเป็นเมืองอะไรบ้าง แล้วแต่ละเมืองมีอะไรน่าเที่ยว แล้วก็เลือกเลยครับ
ผมเลือก 3 เมือง คือ โอซาก้า เกียวโต และก็โตเกียว
สถานที่ๆผมคิดว่าต้องไปให้ได้ในแต่ละเมือง
โอซาก้า -> Universal studio japan , ปราสาทโอซาก้า,ป้ายกุลิโกะ
เกียวโต -> วัดที่มีเสาแดงๆ , ป่าไผ่
โตเกียว -> ห้าแยกชิบูย่า , กันดั้ม ,โตเกียวทาวเวอร์
ณ ตอนนั้นรู้จักแค่นี้ เลยเอาสถานที่นี่ตั้งต้นเลยครับ
ต่อไปผมก็หารีวิวเที่ยวแต่ละเมืองเพื่อวางแผน เช่น โอซาก้าวันเดียวเที่ยวทั่วเมือง , รีวิวเที่ยวเกียวโตใน 1 วัน ,
สถานที่ห้ามพลาดในโตเกียว ,USJ วันเดียวเล่นยังไงให้ครบ ฯลฯ
ค้นหาประมาณนี้ เราจะได้ชื่อสถานที่เที่ยวพร้อม การเดินทาง และภาพประกอบมาจัดแผนของเรากัน
ตามด้านล่างนี่เลยครับ
รายละเอียดทริป "เจแปนนี้พี่ต้องรอด"
ไปตั้งแต่วันที่ 4-12 พฤศจิกายน 2017 รวม 9 วัน 8 คืน
กรุงเทพ > มาเลเซีย > โอซาก้า > เกียวโต > โตเกียว > มาเลเซีย > กรุงเทพ
Day 1 Donmuang > transit Kuala Lumpur
Day 2 Kuala Lumpur > Osaka Airport > Namba > หอคอยทสึเทงคาคุ > ป้ายกุลิโกะ > ชินไซบาชิ
Day 3 Universal Studio Japan
Day 4 วัดชิเทนโนจิ > ปราสาทโอซาก้า > ล่องเรือ Cruise Ship Santa Maria > kaiyukan aquarium >
ขึ้นชิงช้าTempozan > ชมวิว Umeda Sky Building > ขึ้นชิงช้าแดง HIPFive > ป้ายกุลิโกะ
Day 5 สถานีรถไฟเกียวโต > วัดเทนริวจิ > ถนนป่าไผ่ > สะพานโทเก็ทสึเคียว> ร้านค้าย่านอาราชิม่า >
สถานีรถไฟเกียวโต > ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ > อุโมงค์เสาโทริอิ > วัดคิโยมิสุเดระ(วัดน้ำใส) > ดื่มน้ำ น้ำตกโอตะวะ
Day 6 วัด Sensoji > tokyo Dome City > tokyo tower > shinjuku > shibuya 5 แยก > ซูชิ100เยน > วัด Sensoji
> shinjuku > shibuya 5
แยก starbuck > วัด Sensoji
Day 7 วัด Sensoji > พระราชวังอิมพีเรียว(ปิด)> สวนสาธารณะเมจิจินกู > ศาลเจ้าเมจิ > Harajuku > ซูชิ 100 เยน
> shibuya > odiba เทพีเสรีภาพ กันดัม > Oedo Onsen Monogatari > วัด Sensoji
Day 8 วัด Sensoji > Akihabara > shinjuku > shibuya 5แยก > ตึกม่วงTakeya > สนามบินฮาเนดะ > Kuala Lumpur
Day 9 transit Kuala Lumpur > Donmuang BKK
เมื่อวางแผนแล้วเรามาดูว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนไปบ้าง
1) ตั๋วเครื่องบิน
ด้วยเราจองล่วงหน้าแค่สองเดือน ไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราคาจึงอาจจะสูง และอยากเที่ยวหลายๆเมืองเลยไปลงที่โอซาก้า กลับทางโตเกียว
จากการเปรียบเทียบราคาจาก Skyscanner expedia จึงตกลงเลือกแบบต่อเครื่อง ไม่บินตรง เพราะจะถูกกว่าประมาณ 2,000 บาทเมื่อรวมกระเป๋าแล้ว
อาจจะต้องใช้เวลารอต่อเครื่องนาน แต่ด้วยเราไม่ได้รีบเลยเลือกไฟท์นี้ ถือว่าได้แวะเที่ยวดูสนามบินเพื่อนบ้านด้วย
ไปด้วยสายการบิน AirAsia และ AirAsia x
ขาไป ดอนเมือง กรุงเทพ 23:00 - Kuala Lumpur 02:10 รอเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง 55 นาที
Kuala Lumpur 08:05 - ญี่ปุ่น สนามบิน Kansai (KIX) 15:25
ขากลับ โตเกียว สนามบิน Haneda (HND) 23:45 - Kuala Lumpur 6:35 รอเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง 10 นาที
Kuala Lumpur 11:45 - ดอนเมือง กรุงเทพ 12:50
2) ซื้อบัตร Universal Studio Japan + express pass 4
ความตั้งใจอีกอย่างคือต้องไปเที่ยวปราสาทฮอกวอตส์ ให้ได้ และได้เล่นเครื่องเล่นให้เยอะที่สุด
เราจึงซื้อบัตรเข้าส่วนสนุกและเพิ่ม express pass แบบ 4 เครื่องเล่นคือ
1 The Flying Dinosaur
2 Harry potter
3 Spider-Man หรือ Jurassic Park – The Ride
4 JAWS® หรือ Terminator 2:3-D® หรือ Backdraft®
รายละเอียดว่าจะเล่นยังไงให้ได้เยอะที่สุดจะมาเล่าให้ฟัง
เราซื้อบัตรผ่านเว็บไซต์ www.kkday.com
จะได้รับ QR code เข้าสวนสนุก ทาง E-mail
ส่วนนี้จะเป็น QR code express pass ที่ใช้ตอนไปถึงที่เครื่องเล่นที่เราเลือกแพ็คเก็จไว้ก็สแกนแล้วเข้าเล่นแบบไม่ต้องรอคิวนานได้เลย
3) ตั๋วรถบัส จากเกียวโต ไปโตเกียว
เพราะความตั้งใจจะประหยัด และให้คุ้มค่ามากที่สุด เราจึงไม่ได้ซื้อตั๋วแบบ JR Rail pass ที่สามารถนั่งรถไฟได้ทั่วญี่ปุ่น หรือนั่งข้ามจังหวัดด้วยรถไฟ ชิงกันเซ็ง
Jr Rail pass 7 วัน ราคาประมาณ 7800 บาท ซึ่งแพงกว่าค่าเดินทาง + ค่าเข้าสถานที่ ทั้งทริปของเราซะอีก (เดี๋ยวจะมาแจกแจงให้ฟัง)
เลยเลือกซื้อ Night bus ของ willer express นั่งกลางคืนจากเกียวโต ถึงเช้าโตเกียวพอดี ซึ่งจะประหยัดค่าที่พักได้อีก 1 คืน (นอนบนรถ)
ปล. รถขับได้นิ่มมาก ไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ขึ้นปุ๊บหลับปั๊บเลย ตื่นมาอีกทีที่โตเกียว ระหว่างทางเค้าบอกมีหยุดพักด้วยแต่ด้วยความเหนื่อยเลยไม่รู้ว่าที่แวะพักเป็นยังไง ^_^
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
สามารถชาร์ตแบต และก็ปิดม่านได้ด้วย มีห้องน้ำ
4) ตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางในญี่ปุ่น (ตอนแรกจะซื้อก่อนไปแต่ซื้อไม่ทัน เลยซื้อจากญี่ปุ่นทั้งหมด)
อย่างที่บอกข้อที่ 3 ว่าเราคำนวณแล้ว ถ้าซื้อ JR Rail pass 7 วัน ข้อดีคือเดินทางด้วยรถไฟเอกชนได้ทั่วญี่ปุ่นไม่จำกัดครั้ง แต่ถ้าเราซื้อจะไม่คุ้ม
จึงซื้อแบบแยก หากคิดค่ารถไฟทั้งหมด + ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว แบบนี้จะถูกกว่า JR หลายพันทีเดียว
การเดินทางด้วยรถไฟรัฐบาลในญี่ปุ่น
4.1 รถไฟจากสนามบินคันไซ ไปยังนัมบะ Limited express Rapl:t
4.2 Osaka amazing pass แบบ 1 วัน สามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 35 แห่ง ฟรี
4.3 tokyo subway 72 ชั่วโมง ใช้เดินทางในโตเกียวเมโทรทุกสายและรถไฟใต้ดิน Toei ไม่จำกัดเที่ยว 72 ชั่วโมง
4.4 นอกนั้นหยอดเหรียญหน้าสถานี (ไม่ยากเลย)
5) ที่พัก
เริ่มจากหาสถานที่ที่อยากไปเที่ยวได้ทุกวันและก็หาที่พักระแวกนั้น สรุปทั้งทริปเราจะพักแค่สองที่คือ
- โอซาก้า พักที่ Lore Hostel Dotonbori เป็นโฮสเทล ที่ห้องนึงจะนอนรวมกันหลายๆเตียง แยกชาย หญิง
เป็นเตียงสองชั้น แยกเป็นซอยๆ ซอยนึงสองด้าน ด้านละ 6 เตียง ปลอดภัย และสะอาดมาก แนะนำๆ
และที่สำคัญใกล้กับป้ายกุลิโกะมาก เดินแค่ไม่กี่ร้อยเมตร สามารถเดินไปเที่ยวได้ทุกวันเลย
ใกล้กับสถานีรถไฟอีกด้วย
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
- โตเกียว พักที่ Asakusa Hotel Wasou เป็นห้องพัก 2 คน สไตล์ญี่ปุ่นที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ
อยู่หลังวัด Asakusa ที่คนไทยถ้ามาโตเกียวแล้วต้องมาให้ได้ หรือวัดที่มีโคมแดงใหญ่อยู่ด้านหน้า
หากจะไปขึ้นรถไฟก็ต้องเดินผ่านวัดนี้ทุกวัน เหมือนได้มาเที่ยววัดทุกวันเลย
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ตอนที่ 2 จะสรุปค่าใช้จ่าย และรีวิวการเดินทางตลอดทริปแบบละเอียด ให้นะครับ
[CR] รีวิวแบ็คแพ็ค 7 วันในญี่ปุ่น Osaka kyoto tokyo"เจแปนนี้พี่ต้องรอด"ตอนที่ 1 เตรียมตัวก่อนไป
(สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าหากขาดตกบกพร่อง หรือผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)
ใครอยากดูตอนการเดินทางเชิญลิงค์นี้ครับ
ตอนที่ 1 เตรียมตัวก่อนไป https://ppantip.com/topic/37109722
ตอนที่ 2 ดอนเมือง - กัวลาลัมเปอร์ - โอซาก้า https://ppantip.com/topic/37113408
ตอนที่ 3 Universal Studio Japan 1 วัน พิชิต 9 เครื่องเล่น https://ppantip.com/topic/37123692
ช่วงเกริ่น
เนื่องจากมีความฝันมาตั้งนานแล้วอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้สักครั้ง
ในลิสต์ก็มีพวก สิงค์โปร์ ฮองกง เกาหลี แต่ที่อยากไปมากๆคือ ประเทศญี่ปุ่น และด้วยจังหวะเหมาะมีเพื่อนคนนึงอยากไปพอดี
เลยตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินเลยครับ โดยที่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง เที่ยวยังไงบ้าง รถไฟขึ้นยากมั้ย ที่สำคัญคือเรื่องภาษาที่อ่อนแอมาก
แต่ตอนที่จอง ก็คิดแค่ว่า ถ้าจองแล้วจ่ายตังแล้วก็ต้องไปให้ได้สิว่ะ
ผมจองเครื่องวันที่ 5 ก.ย.60 และไปจริง 4 พ.ย.60 ซึ่งมีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 เดือน ด้วยที่ว่านี่คือการไปต่างประเทศครั้งแรก ด้วยงบประมาณที่จำกัด
จึงต้องวางแผนให้รัดกุม และถูกที่สุดจึงเป็นที่มาของโปรเจค "เจแปนนี้พี่ต้องรอด" ไปดูกันเลยครับ
(หยอดภาพทีละนิด)
ก่อนอื่นไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็หาข้อมูลในพันทิปนี้หละครับ อ่านไปอ่านมาก็จะเริ่มเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้น
ว่าเค้าแบ่งเป็นเมืองอะไรบ้าง แล้วแต่ละเมืองมีอะไรน่าเที่ยว แล้วก็เลือกเลยครับ
ผมเลือก 3 เมือง คือ โอซาก้า เกียวโต และก็โตเกียว
สถานที่ๆผมคิดว่าต้องไปให้ได้ในแต่ละเมือง
โอซาก้า -> Universal studio japan , ปราสาทโอซาก้า,ป้ายกุลิโกะ
เกียวโต -> วัดที่มีเสาแดงๆ , ป่าไผ่
โตเกียว -> ห้าแยกชิบูย่า , กันดั้ม ,โตเกียวทาวเวอร์
ณ ตอนนั้นรู้จักแค่นี้ เลยเอาสถานที่นี่ตั้งต้นเลยครับ
ต่อไปผมก็หารีวิวเที่ยวแต่ละเมืองเพื่อวางแผน เช่น โอซาก้าวันเดียวเที่ยวทั่วเมือง , รีวิวเที่ยวเกียวโตใน 1 วัน ,
สถานที่ห้ามพลาดในโตเกียว ,USJ วันเดียวเล่นยังไงให้ครบ ฯลฯ
ค้นหาประมาณนี้ เราจะได้ชื่อสถานที่เที่ยวพร้อม การเดินทาง และภาพประกอบมาจัดแผนของเรากัน
ตามด้านล่างนี่เลยครับ
รายละเอียดทริป "เจแปนนี้พี่ต้องรอด"
ไปตั้งแต่วันที่ 4-12 พฤศจิกายน 2017 รวม 9 วัน 8 คืน
กรุงเทพ > มาเลเซีย > โอซาก้า > เกียวโต > โตเกียว > มาเลเซีย > กรุงเทพ
Day 1 Donmuang > transit Kuala Lumpur
Day 2 Kuala Lumpur > Osaka Airport > Namba > หอคอยทสึเทงคาคุ > ป้ายกุลิโกะ > ชินไซบาชิ
Day 3 Universal Studio Japan
Day 4 วัดชิเทนโนจิ > ปราสาทโอซาก้า > ล่องเรือ Cruise Ship Santa Maria > kaiyukan aquarium >
ขึ้นชิงช้าTempozan > ชมวิว Umeda Sky Building > ขึ้นชิงช้าแดง HIPFive > ป้ายกุลิโกะ
Day 5 สถานีรถไฟเกียวโต > วัดเทนริวจิ > ถนนป่าไผ่ > สะพานโทเก็ทสึเคียว> ร้านค้าย่านอาราชิม่า >
สถานีรถไฟเกียวโต > ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ > อุโมงค์เสาโทริอิ > วัดคิโยมิสุเดระ(วัดน้ำใส) > ดื่มน้ำ น้ำตกโอตะวะ
Day 6 วัด Sensoji > tokyo Dome City > tokyo tower > shinjuku > shibuya 5 แยก > ซูชิ100เยน > วัด Sensoji
> shinjuku > shibuya 5
แยก starbuck > วัด Sensoji
Day 7 วัด Sensoji > พระราชวังอิมพีเรียว(ปิด)> สวนสาธารณะเมจิจินกู > ศาลเจ้าเมจิ > Harajuku > ซูชิ 100 เยน
> shibuya > odiba เทพีเสรีภาพ กันดัม > Oedo Onsen Monogatari > วัด Sensoji
Day 8 วัด Sensoji > Akihabara > shinjuku > shibuya 5แยก > ตึกม่วงTakeya > สนามบินฮาเนดะ > Kuala Lumpur
Day 9 transit Kuala Lumpur > Donmuang BKK
เมื่อวางแผนแล้วเรามาดูว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนไปบ้าง
1) ตั๋วเครื่องบิน
ด้วยเราจองล่วงหน้าแค่สองเดือน ไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราคาจึงอาจจะสูง และอยากเที่ยวหลายๆเมืองเลยไปลงที่โอซาก้า กลับทางโตเกียว
จากการเปรียบเทียบราคาจาก Skyscanner expedia จึงตกลงเลือกแบบต่อเครื่อง ไม่บินตรง เพราะจะถูกกว่าประมาณ 2,000 บาทเมื่อรวมกระเป๋าแล้ว
อาจจะต้องใช้เวลารอต่อเครื่องนาน แต่ด้วยเราไม่ได้รีบเลยเลือกไฟท์นี้ ถือว่าได้แวะเที่ยวดูสนามบินเพื่อนบ้านด้วย
ไปด้วยสายการบิน AirAsia และ AirAsia x
ขาไป ดอนเมือง กรุงเทพ 23:00 - Kuala Lumpur 02:10 รอเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง 55 นาที
Kuala Lumpur 08:05 - ญี่ปุ่น สนามบิน Kansai (KIX) 15:25
ขากลับ โตเกียว สนามบิน Haneda (HND) 23:45 - Kuala Lumpur 6:35 รอเปลี่ยนเครื่อง 5 ชั่วโมง 10 นาที
Kuala Lumpur 11:45 - ดอนเมือง กรุงเทพ 12:50
2) ซื้อบัตร Universal Studio Japan + express pass 4
ความตั้งใจอีกอย่างคือต้องไปเที่ยวปราสาทฮอกวอตส์ ให้ได้ และได้เล่นเครื่องเล่นให้เยอะที่สุด
เราจึงซื้อบัตรเข้าส่วนสนุกและเพิ่ม express pass แบบ 4 เครื่องเล่นคือ
1 The Flying Dinosaur
2 Harry potter
3 Spider-Man หรือ Jurassic Park – The Ride
4 JAWS® หรือ Terminator 2:3-D® หรือ Backdraft®
รายละเอียดว่าจะเล่นยังไงให้ได้เยอะที่สุดจะมาเล่าให้ฟัง
เราซื้อบัตรผ่านเว็บไซต์ www.kkday.com
จะได้รับ QR code เข้าสวนสนุก ทาง E-mail
ส่วนนี้จะเป็น QR code express pass ที่ใช้ตอนไปถึงที่เครื่องเล่นที่เราเลือกแพ็คเก็จไว้ก็สแกนแล้วเข้าเล่นแบบไม่ต้องรอคิวนานได้เลย
3) ตั๋วรถบัส จากเกียวโต ไปโตเกียว
เพราะความตั้งใจจะประหยัด และให้คุ้มค่ามากที่สุด เราจึงไม่ได้ซื้อตั๋วแบบ JR Rail pass ที่สามารถนั่งรถไฟได้ทั่วญี่ปุ่น หรือนั่งข้ามจังหวัดด้วยรถไฟ ชิงกันเซ็ง
Jr Rail pass 7 วัน ราคาประมาณ 7800 บาท ซึ่งแพงกว่าค่าเดินทาง + ค่าเข้าสถานที่ ทั้งทริปของเราซะอีก (เดี๋ยวจะมาแจกแจงให้ฟัง)
เลยเลือกซื้อ Night bus ของ willer express นั่งกลางคืนจากเกียวโต ถึงเช้าโตเกียวพอดี ซึ่งจะประหยัดค่าที่พักได้อีก 1 คืน (นอนบนรถ)
ปล. รถขับได้นิ่มมาก ไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ขึ้นปุ๊บหลับปั๊บเลย ตื่นมาอีกทีที่โตเกียว ระหว่างทางเค้าบอกมีหยุดพักด้วยแต่ด้วยความเหนื่อยเลยไม่รู้ว่าที่แวะพักเป็นยังไง ^_^
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
สามารถชาร์ตแบต และก็ปิดม่านได้ด้วย มีห้องน้ำ
4) ตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางในญี่ปุ่น (ตอนแรกจะซื้อก่อนไปแต่ซื้อไม่ทัน เลยซื้อจากญี่ปุ่นทั้งหมด)
อย่างที่บอกข้อที่ 3 ว่าเราคำนวณแล้ว ถ้าซื้อ JR Rail pass 7 วัน ข้อดีคือเดินทางด้วยรถไฟเอกชนได้ทั่วญี่ปุ่นไม่จำกัดครั้ง แต่ถ้าเราซื้อจะไม่คุ้ม
จึงซื้อแบบแยก หากคิดค่ารถไฟทั้งหมด + ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว แบบนี้จะถูกกว่า JR หลายพันทีเดียว
การเดินทางด้วยรถไฟรัฐบาลในญี่ปุ่น
4.1 รถไฟจากสนามบินคันไซ ไปยังนัมบะ Limited express Rapl:t
4.2 Osaka amazing pass แบบ 1 วัน สามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 35 แห่ง ฟรี
4.3 tokyo subway 72 ชั่วโมง ใช้เดินทางในโตเกียวเมโทรทุกสายและรถไฟใต้ดิน Toei ไม่จำกัดเที่ยว 72 ชั่วโมง
4.4 นอกนั้นหยอดเหรียญหน้าสถานี (ไม่ยากเลย)
5) ที่พัก
เริ่มจากหาสถานที่ที่อยากไปเที่ยวได้ทุกวันและก็หาที่พักระแวกนั้น สรุปทั้งทริปเราจะพักแค่สองที่คือ
- โอซาก้า พักที่ Lore Hostel Dotonbori เป็นโฮสเทล ที่ห้องนึงจะนอนรวมกันหลายๆเตียง แยกชาย หญิง
เป็นเตียงสองชั้น แยกเป็นซอยๆ ซอยนึงสองด้าน ด้านละ 6 เตียง ปลอดภัย และสะอาดมาก แนะนำๆ
และที่สำคัญใกล้กับป้ายกุลิโกะมาก เดินแค่ไม่กี่ร้อยเมตร สามารถเดินไปเที่ยวได้ทุกวันเลย
ใกล้กับสถานีรถไฟอีกด้วย
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
- โตเกียว พักที่ Asakusa Hotel Wasou เป็นห้องพัก 2 คน สไตล์ญี่ปุ่นที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ
อยู่หลังวัด Asakusa ที่คนไทยถ้ามาโตเกียวแล้วต้องมาให้ได้ หรือวัดที่มีโคมแดงใหญ่อยู่ด้านหน้า
หากจะไปขึ้นรถไฟก็ต้องเดินผ่านวัดนี้ทุกวัน เหมือนได้มาเที่ยววัดทุกวันเลย
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ตอนที่ 2 จะสรุปค่าใช้จ่าย และรีวิวการเดินทางตลอดทริปแบบละเอียด ให้นะครับ