มาจากคลิปตอนต้นเรื่องที่เด็ก ๆ ถามซุปเปอร์แมน "คุณเคยสู้กับฮิปโปมั้ยครับ เฮ้ย อย่าถามอะไรไร้สาระสิ อ๋อ งั้นอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกครับ" อะไร นั่นสิ หนังเริ่มมาให้เราได้คิดเหมือนกันว่าอะไรคือสิ่งดีที่สุดบนโลกนี้ ใครที่ดูหนังจนจบอาจจะพอได้คำตอบแล้วรึเปล่าครับ จะคิดเหมือนกันรึเปล่า ลองมาหาคำตอบกัน
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิว + วิเคราะห์แบบสปอยล์ 100% เฉพาะคนที่ดูมาแล้วเท่านั้น เริ่มกันเลย
โลกหลังซุปเปอร์แมนตาย
ก่อนอื่นเคยนึกสงสัยกันมั้ยว่าทำไมต้องตั้งชื่อนี้ ทำไมต้องชื่อจัซติสลีค หรือทำไมต้อง Avengers ทำไม Power Rangers ทำไม พอดีนึกสงสัยก็เลยตั้งข้อสังเกตดู โลกหลังซุปเปอร์แมนตายมันก็คือความโศกเศร้า ทั้งจากคนใกล้ชิด บ้านถูกยึด โลอิซหมดไฟ ทำข่าวเกี่ยวกับแมว ผลกระทบในวงกว้างคือ โลกไร้ซึ่งความหวัง ดั่งเห็นได้จากใน Suicide Squad ความหวังอาจฟังดูเป็นคำลอย ๆ ถ้าให้แปลก็คือ ความฮึกเหิมของการสามารถดำรงชีวิตอยู่รอดในกาแลคซี่ คือภาวะที่โลกเรากำลังเผชิญ (ในหนัง) บางคนหันไปบูชาลัทธิปีศาจบุกวางระเบิด บางคนสาปแช่งพวกต่างดาวแต่ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่เวลาใกล้เข้ามา กล่องมาเธอร์บ็อกซ์ 3 กล่องถูกนำมาที่โลกตั้งแต่ยุคโบราณกาล ได้ตื่นขึ้น เรียกสเตพเพนวูฟ เขาบอกว่าเพราะความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความหวังของมนุษย์เองนี่แหละที่เรียกเขามา กล่อง 3 กล่องว่าไปมันก็คล้ายเครื่องจักรสร้างโลกใน Man Of Steel แต่มันจะใช้เปลี่ยนโลกเป็นนรกได้ต่อเมื่อนำทั้ง 3 มารวมพลังกัน สเตพเพนวูฟได้ไปแล้ว 2 กล่องจากชาวอเมซอน และแอตแลนติส ยังเหลืออีก 1 กล่อง ที่มนุษย์ยังคงเก็บซ่อนไว้ อยู่ที่บริษัทสตาร์แลป
วันเดอร์วูเมนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้แบทแมนฟัง ครั้งอดีต คนทุกเผ่าพันธุ์ร่วมกันต่อสู้ มีฮีโร่มากมายในยุคนั้นร่วมกัน สู้และเอาชนะสเตพเพนวูฟจนล่าถอยไปได้ แบทแมนบอกว่า ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มนุษย์นั้นสิ้นหวัง เขาจะไม่ฝากความหวังไว้กับมนุษย์ มนุษย์นับวันรอความตายตั้งแต่ซุปจากไป เขาต้องสร้างความหวังขึ้นมาใหม่ จึงเป็นที่มาของการรวมทีม
ในภาวะที่โลกเหมือนกำลังถูกความมืดเข้าปกคลุม สมาชิกที่เพิ่มมาใหม่แต่ละคน ก็เหมือนกำลังจมอยู่กับปัญหาของตัวเองเช่นกัน
แบรี่ อัลเลน (
เดอะแฟลช) : จมอยู่กับการพยายามช่วยพ่อที่ติดคุกคดีฆ่าแม่ตาย พ่อบอกว่าเลิกจมอยู่กับพ่อเถอะ หันไปสร้างอนาคตของลูกเองได้แล้ว เรียนหนังสือจบ มีงานทำ อะไรพวกนี้ ที่จริงแบรี่มีงานฟรีแลนซ์อยู่หลายงานจนพอมีตังค์มาสร้างชุดฮีโร่ได้ เช่น เขียนเว็บไซต์ และอื่น ๆ ฟังไม่ทัน เขาคล้ายบรูซเวนย์ กำพร้าเหมือนกัน พยายามเรียกร้องความยุติธรรมเหมือนกัน แล้วบรูซเวนย์กลายเป็นแบทแมน แบรี่กลายเป็นเดอะแฟลช แต่แบรี่น่าสงสารกว่า บรูซเวนย์ยังมี อัลเฟลด แบรี่ตัวคนเดียว เหมือนเด็กที่อยู่ตัวคนเดียว
วิคเตอร์ สโตน (
ไซบอร์ก) : ถูกระเบิดจนพิการ พ่อเขาเป็นเจ้าของสตาร์แลปช่วยชีวิตเขาไว้โดยใช้พลังจากมาเธ่อบ็อกซ์ดัดแปลงเขาให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์-ไซบอร์ก ที่มาของมาเธอร์บอกซ์นั้นชั่วร้าย และมันกำลังครอบงำเขาให้กลายเป็นปีศาจ วิคเตอร์ต่อสู้กับจิตใจตัวเองไม่ให้ด้านที่เป็นเครื่องจักรเข้าครอบงำ ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นวายร้ายอีกคน ตอนนี้เขาเป็นคนที่เก็บซ่อนมาเธ่อบ็อกซ์กล่องของมนุษย์เอาไว้
อาเธอร์ เคอรี่ (
ดิ อควาแมน) : เข้าร่วมทีมเพราะสูญเสียมาเธ่อบ็อกซ์ฝั่งชาวแอตแลนติสไป หนังบอกว่าเขาเป็นบุตรคนแรกของราชินี แต่ถูกนำมาทิ้งไว้กับพ่อ เหมือนกับว่าราชินีนั้นตายแล้ว เขาต้องทำหน้าที่แทน คือต้องไปหยุดอสูรร้ายสเตพเพนวูฟ เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วจงทำตัวให้คู่ควร ฟังเข้าใจประมาณนี้ ซึ่งตอนแรกแบทแมนมาชวนเข้ากลุ่ม เขาก็ปฏิเสธ บอกว่าแอตแลนดิสให้ข้าทำนั้น เจ้าบอกให้ข้าทำนี่ ข้าต้องการอยู่คนเดียว ปัญหาของดิอควาแมนคือตรงนี้แหละ การต้องแบกรับความรับผิดชอบ แล้วที่บอกว่าเป็นลูกคนแรก แสดงว่าต้องมีคนอื่นอีก คงเป็นการทิ้งปมไว้ทำภาคต่อไปครับ
การรวมทีมต่อสู้ครั้งแรกเกิดขึ้นที่อุโมงท่าเรือก็อทแธม เมื่อสเตพเพนวูฟจับตัวคนในบริษัทสตาร์แลปไปรวมทั้งพ่อของไซบอร์ก ถือว่าเป็นฉากเซอร์วิสแฟน ๆ ปกติหนังดีซีจะชอบปูเรื่องยาว ๆ แล้วอัดฉากแอคชั่นไว้ท้ายเรื่อง แต่มีมาอยู่กลางเรื่องแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน แม้ว่าการต่อสู้จะทำให้เห็นปัญหาว่าทีมยังไม่สามารถเอาชนะสเตพเพนวูฟได้ แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ ทั้งปัญหาความกลัวของแบรี่ แบทแมนบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องสู้กับใคร แค่ช่วยคน แค่วิ่งไป ช่วยคน ชอบมากโดยเฉพาะฉากที่ช่วยจิ้มดาบให้วันเดอร์วูเมน ฮา และเนียนตาสุด ๆ และปัญหาความไม่ไว้ใจใครของวิคเตอร์ จากที่เก็บกล่องมาเธ่อบ็อกซ์ไว้คนเดียว ไม่เชื่อใจใคร ก็มาเชื่อใจทีม เพราะคำพูดวันเดอร์วูเมนที่บอกว่า "ฉันก็เคยบอกกับตัวเองว่าอยู่คนเดียวได้เหมือนกัน แต่ว่าคุณต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจ อันที่จริงตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในช่วงที่กำลังปรับตัว"
การได้กล่องมาเธ่อบ็อกซ์ และรู้ว่าพลังของกล่องถ้าผนวกเข้ากับเทคโนโลยีคริปโตเนี่ยนจะฟื้นคืนชีพคนที่มีเซลล์ร่างกายแข็งแกร่งกว่าโลกได้ คืนชีพซุปเปอร์แมนได้ ซึ่งแบทแมนต้องการใช้มัน วันเดอร์วูเมนไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าเราต้องมองไปข้างหน้าไม่ใช่กลับหลัง คนตายไปสู่สุขคติแล้ว เรารู้สึกชอบประโยคคำพูดที่วันเดอร์วูเมนตอบแบทแมนมาก เรื่องการใช้เทคโนโนโลยีเพื่อเอาชนะสเตพเพนวูฟ
วันเดอร์วูเมน : 1. การใช้เทคโนโลยีที่ไม่มีหัวใจมันจะทำร้ายเราเอง การคืนชีพซุปเปอร์แมน เหมือนการใช้เทคโนโลยีสร้างเครื่องจักร โดยไม่คำนึงถึงคนที่ตาย ฟังแล้วนึกถึงโลกของเราเลย มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าไม่คำนึงถึงโลก เช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลพิษ ต่าง ๆ หรือไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณการแพทย์ การใช้เทคโนโลยี(เพื่อความก้าวหน้า)นั้นแหละ จะเป็นการทำร้ายเราเอง และ 2. เป็นตอนที่พูดถึงผลกระทบจากสตีฟเทรเวอร์ ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนรีวิวเรื่องวันเดอร์วูเมนโดยบอกว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เกี่ยวกับความรัก โดยมองผลกระทบจากความรักที่สตีฟบอกไดอาน่าว่า "ผมช่วยวันนี้ คุณช่วยโลกนี้" ทำให้ไดอาน่าก้าวเดินต่อไป และกลับมาเชื่อในตัวมนุษย์ แต่ก็ลืมมองผลกระทบอีกอย่างไปว่า ความรักทำให้เราอ่อนแอได้เช่นกัน แบทแมนบอกว่าแล้วทำไมคุณไม่เป็นแสงสว่างให้กับโลกละ ไม่เป็นผู้นำให้คนมีความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ละ วันเดอร์วูเมนบอกว่า เธอสู้เพื่อคนที่เธอรัก สู้เพื่อมนุษย์ เธอทำได้ แต่การที่บอกให้คนที่รัก ต่อสู้ ในสงครามที่ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะ แล้วเกิดการตาย เกิดความสูญเสีย เหมือนเธอเองนั้นแหละทำให้คนที่รักต้องตาย ทำให้สตีฟเทรเวอร์ตาย ซึ่งในแง่นี้เธอทำใจไม่ได้
การคืนชีพซุปเปอร์แมน ฉากนี้น่าจะตราตรึงทุกคนอยู่แล้วไม่ขอกล่าวถึง เรามาดูมุมมองของทางฝั่งแบทแมนกันบ้างดีกว่า
แบทแมน : รู้สภาพว่าไม่สามารถเอาชนะสเตพเพนวูฟได้ เขาจะต้องมีปืนใหญ่สำหรับจัดการสเตพเพนวูฟ ปืนใหญ่นั้นคือซุปเปอร์แมน และสำหรับจัดการซุปเปอร์แมน ปืนใหญ่ของเขาก็คือโลอิซเลนส์ วันเดอร์วูเมนถามว่าทำไมถึงพาโลอิซมา "จำเรื่องเทคโนโลยีที่มีหัวใจได้มั้ย คิดว่าผมไม่ได้ฟังที่คุณพูดรึ" กร๊อบ! เสียงไดอาน่าต่อแขนให้แบทแมน 555 เราชอบโมเมนต์นี้มาก และอีกเหตุผลนึงที่สำคัญมาก ว่าทำไมแบทแมนถึงต้องยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ซุปเปอร์แมนกลับมาคือ จำได้มั้ยสเตพเพนวูฟบอกว่ากลับมาโลกนี้เพราะซุปเปอร์แมนตาย เพราะคนไร้ความหวัง ถ้าวันนั้น วันที่เขาหยิบหอกคริปโตไนท์แล้วฆ่าซุปเปอร์แมน มันหมายถึง ความผิดพลาดของเขาทำให้คนทั้งโลกต้องตาย (ต้องเผชิญกับสเตพเพนวูฟ หรืออื่น ๆ ) มองในแง่นี้ แบทแมนนั้นแหละคือคนที่เรียกสเตพเพนวูฟมา โอเค ความผิดเขา คุณจะฆ่าแบทแมนก็ได้ แต่ฆ่าแล้วมีประโยชน์อะไรเมื่อคนบนโลกต้องตายหมดอยู่ดี แบทแมนตายคนเดียวแล้วให้ซุปรอดเพื่อปกป้องโลกนี้ไว้ได้ ไม่ดีกว่าหรือ เขามีพลังที่สามารถปกป้องโลกไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว นี่คือเหตุผลที่ทำให้แบทยอมเสี่ยง มองว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้นด้วย ถ้าเทียบกับการปลุกระดมคนทั้งโลกเช่นในอดีต
ผมชอบฉากที่แบทแมนขับแบทโมบิลเปิดเสียงรถไอติม (ขอตั้งชื่อเอง มาจากเสียงที่ทำให้ตัวพาราเดมอนคลั่งตอนต้นเรื่อง) อาศัยล่อพวกพาราเดมอนไป เพื่อเปิดทางให้คนอื่น ๆ ในทีมบุกถึงตัวสเตพเพนวูฟ ซึ่งเป็นภารกิจฆ่าตัวตาย คือเหมือนแบทแมนเขารู้ตัวดี ว่าไม่ได้มีพลังพิเศษเหมือนคนอื่น คือบอกไม่ถูก แต่เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกเขานะ จนกระทั่งเมื่อทีมมาช่วย แล้วตะโกนว่า "เฮ้ ต้องขอบคุณเจ้าหญิงของเรานะ เราจะทิ้งนาย แต่เธอไม่ยอม" แล้วภาพตัดมาที่วันเดอร์วูเมนยิ้มให้แบทแมน ช็อตนี้ผมปลื้มปริ่มน้ำตาแทบไหลเลย มีความสุขมาก ในที่สุดก็ประสานกันได้สำเร็จ แล้วใครลองจับความรู้สึกในใจตัวเองดู สเตพเพนวูฟที่บอกว่าร้ายกาจจนน่ากลัวในตอนแรก ความกลัวนั้นมันหายไปรึเปล่า จากมืดมาสว่าง จากไม่มีความหวังมามีความหวัง จากความกลัวเป็นไม่กลัว เพราะหนังมันทำสำเร็จที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ไม่กลัวสเตพเพนวูฟอีกต่อไป ก็คือความหวัง(=ความฮึกเหิมของการมีชีวิต) ที่ขาดหายไปตอนต้นเรื่อง มันกลับมาแล้วนั่นเอง
บทสรุปตอนท้ายเรื่อง อาจจะจำผิด ๆ ถูก ๆ ที่บอกว่า ความมืด ไม่ใช่หมายความว่าแสงสว่างหายไป มันเพียงถูกบดบังไว้เท่านั้น แสงกลับมาเสมอเพื่อให้เราได้พบได้เห็นสิ่งที่เรารัก บ้าน ครอบครัว และสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา แต่เมื่อใดที่เผชิญความมืด ให้มีความหวัง วันนี้เหล่าฮีโร่ออกจากเงามืด เพื่อสร้างความหวัง เมื่อใดความมืดครอบงำจนทำให้รู้สึกสิ้นหวัง สิ่งที่ต้องทำก็คือ จงมองไปบนท้องฟ้า
เอาละ ถึงเวลาที่ผมต้องตอบคำถามแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลก ตอนแรกผมนึกถึงความหวัง ความหวังเป็นเหมือนกุญแจ(ที่เราทำหายบ่อย ๆ )พาเราไปพบแสงสว่าง แสงสว่างคือสิ่งดีงาม พอมาคิดดูช่วงเวลาที่เราเอาชนะความมืดไปสู่แสงสว่างนี่แหละน่าจดจำที่สุด การได้เอาชนะอุปสรรค ซึ่งชัยชนะมันก็มีหลายรูปแบบ ชัยชนะในการเรียน หน้าที่การงาน (แบรี่ อัลเลน) ชัยชนะของครอบครัว (วิคเตอร์) ชนะใจตนเอง (ไดอาน่า) หรือเอาชนะความรู้สึกผิด (แบทแมน) แต่ถ้าเป็นเรื่องความดีชนะความชั่วร้าย เรียกว่า ความยุติธรรม เราชอบที่จะเห็นว่าโลกยังมีความยุติธรรม เหมือนกับทีเราชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เพราะเราชอบที่จะเห็นด้านที่ดีงามของโลกยังชนะด้านที่ชั่วร้ายอยู่
ซุปเปอร์แมน : ฉากนึงตอนที่สู้กับสเตพเพนวูฟ สเตพเพนวูปบอกว่า "พวกเจ้าอ่อนแอ และข้าเชื่อในความจริง โลกต้องถูกยึดครอง" เหมือนกับบอกว่า ถ้าเทียบกันจริง ๆ โลกอ่อนแอกว่าสู้ความแข็งแกร่งของผู้รุกรานไม่ได้หรอก ทำไมพวกเจ้าไม่เชื่อในความจริง ซุปบอกว่า "ข้าเชื่อความจริง และข้าก็คลั่งใคล้ในความยุติธรรมด้วย" ประมาณว่าถึงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ความดีต้องเอาชนะได้ในที่สุด ผมถือว่านี้คือคำตอบของซุป จากคำถามของเด็ก ๆ ว่า "อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกครับ" ก็คือการที่ได้เห็นความยุติธรรมยังคงอยู่ คือที่มาของชื่อ จัซติซลีก แปลว่า ผู้ผดุงความยุติธรรม ดังนั้น ถ้าถามว่าสิ่งที่ดีของโลกคืออะไร จะตอบแบบง่าย ๆ ก็คือความสวยงามของโลก ถ้าสิ่งที่ดีที่สุดของโลกคืออะไร ก็คือการที่โลกยังคงความสวยงามเอาไว้ได้อยู่ยังไงละครับ มีความเห็นยังไงกันบ้าง
จบแล้วครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ
[CR] รีวิว Justice League อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกครับ? (รีวิวแบบสปอยล์)
กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิว + วิเคราะห์แบบสปอยล์ 100% เฉพาะคนที่ดูมาแล้วเท่านั้น เริ่มกันเลย
โลกหลังซุปเปอร์แมนตาย
ก่อนอื่นเคยนึกสงสัยกันมั้ยว่าทำไมต้องตั้งชื่อนี้ ทำไมต้องชื่อจัซติสลีค หรือทำไมต้อง Avengers ทำไม Power Rangers ทำไม พอดีนึกสงสัยก็เลยตั้งข้อสังเกตดู โลกหลังซุปเปอร์แมนตายมันก็คือความโศกเศร้า ทั้งจากคนใกล้ชิด บ้านถูกยึด โลอิซหมดไฟ ทำข่าวเกี่ยวกับแมว ผลกระทบในวงกว้างคือ โลกไร้ซึ่งความหวัง ดั่งเห็นได้จากใน Suicide Squad ความหวังอาจฟังดูเป็นคำลอย ๆ ถ้าให้แปลก็คือ ความฮึกเหิมของการสามารถดำรงชีวิตอยู่รอดในกาแลคซี่ คือภาวะที่โลกเรากำลังเผชิญ (ในหนัง) บางคนหันไปบูชาลัทธิปีศาจบุกวางระเบิด บางคนสาปแช่งพวกต่างดาวแต่ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่เวลาใกล้เข้ามา กล่องมาเธอร์บ็อกซ์ 3 กล่องถูกนำมาที่โลกตั้งแต่ยุคโบราณกาล ได้ตื่นขึ้น เรียกสเตพเพนวูฟ เขาบอกว่าเพราะความรู้สึกที่ไร้ซึ่งความหวังของมนุษย์เองนี่แหละที่เรียกเขามา กล่อง 3 กล่องว่าไปมันก็คล้ายเครื่องจักรสร้างโลกใน Man Of Steel แต่มันจะใช้เปลี่ยนโลกเป็นนรกได้ต่อเมื่อนำทั้ง 3 มารวมพลังกัน สเตพเพนวูฟได้ไปแล้ว 2 กล่องจากชาวอเมซอน และแอตแลนติส ยังเหลืออีก 1 กล่อง ที่มนุษย์ยังคงเก็บซ่อนไว้ อยู่ที่บริษัทสตาร์แลป
วันเดอร์วูเมนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้แบทแมนฟัง ครั้งอดีต คนทุกเผ่าพันธุ์ร่วมกันต่อสู้ มีฮีโร่มากมายในยุคนั้นร่วมกัน สู้และเอาชนะสเตพเพนวูฟจนล่าถอยไปได้ แบทแมนบอกว่า ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มนุษย์นั้นสิ้นหวัง เขาจะไม่ฝากความหวังไว้กับมนุษย์ มนุษย์นับวันรอความตายตั้งแต่ซุปจากไป เขาต้องสร้างความหวังขึ้นมาใหม่ จึงเป็นที่มาของการรวมทีม
ในภาวะที่โลกเหมือนกำลังถูกความมืดเข้าปกคลุม สมาชิกที่เพิ่มมาใหม่แต่ละคน ก็เหมือนกำลังจมอยู่กับปัญหาของตัวเองเช่นกัน
แบรี่ อัลเลน (เดอะแฟลช) : จมอยู่กับการพยายามช่วยพ่อที่ติดคุกคดีฆ่าแม่ตาย พ่อบอกว่าเลิกจมอยู่กับพ่อเถอะ หันไปสร้างอนาคตของลูกเองได้แล้ว เรียนหนังสือจบ มีงานทำ อะไรพวกนี้ ที่จริงแบรี่มีงานฟรีแลนซ์อยู่หลายงานจนพอมีตังค์มาสร้างชุดฮีโร่ได้ เช่น เขียนเว็บไซต์ และอื่น ๆ ฟังไม่ทัน เขาคล้ายบรูซเวนย์ กำพร้าเหมือนกัน พยายามเรียกร้องความยุติธรรมเหมือนกัน แล้วบรูซเวนย์กลายเป็นแบทแมน แบรี่กลายเป็นเดอะแฟลช แต่แบรี่น่าสงสารกว่า บรูซเวนย์ยังมี อัลเฟลด แบรี่ตัวคนเดียว เหมือนเด็กที่อยู่ตัวคนเดียว
วิคเตอร์ สโตน (ไซบอร์ก) : ถูกระเบิดจนพิการ พ่อเขาเป็นเจ้าของสตาร์แลปช่วยชีวิตเขาไว้โดยใช้พลังจากมาเธ่อบ็อกซ์ดัดแปลงเขาให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์-ไซบอร์ก ที่มาของมาเธอร์บอกซ์นั้นชั่วร้าย และมันกำลังครอบงำเขาให้กลายเป็นปีศาจ วิคเตอร์ต่อสู้กับจิตใจตัวเองไม่ให้ด้านที่เป็นเครื่องจักรเข้าครอบงำ ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นวายร้ายอีกคน ตอนนี้เขาเป็นคนที่เก็บซ่อนมาเธ่อบ็อกซ์กล่องของมนุษย์เอาไว้
อาเธอร์ เคอรี่ (ดิ อควาแมน) : เข้าร่วมทีมเพราะสูญเสียมาเธ่อบ็อกซ์ฝั่งชาวแอตแลนติสไป หนังบอกว่าเขาเป็นบุตรคนแรกของราชินี แต่ถูกนำมาทิ้งไว้กับพ่อ เหมือนกับว่าราชินีนั้นตายแล้ว เขาต้องทำหน้าที่แทน คือต้องไปหยุดอสูรร้ายสเตพเพนวูฟ เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วจงทำตัวให้คู่ควร ฟังเข้าใจประมาณนี้ ซึ่งตอนแรกแบทแมนมาชวนเข้ากลุ่ม เขาก็ปฏิเสธ บอกว่าแอตแลนดิสให้ข้าทำนั้น เจ้าบอกให้ข้าทำนี่ ข้าต้องการอยู่คนเดียว ปัญหาของดิอควาแมนคือตรงนี้แหละ การต้องแบกรับความรับผิดชอบ แล้วที่บอกว่าเป็นลูกคนแรก แสดงว่าต้องมีคนอื่นอีก คงเป็นการทิ้งปมไว้ทำภาคต่อไปครับ
การรวมทีมต่อสู้ครั้งแรกเกิดขึ้นที่อุโมงท่าเรือก็อทแธม เมื่อสเตพเพนวูฟจับตัวคนในบริษัทสตาร์แลปไปรวมทั้งพ่อของไซบอร์ก ถือว่าเป็นฉากเซอร์วิสแฟน ๆ ปกติหนังดีซีจะชอบปูเรื่องยาว ๆ แล้วอัดฉากแอคชั่นไว้ท้ายเรื่อง แต่มีมาอยู่กลางเรื่องแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน แม้ว่าการต่อสู้จะทำให้เห็นปัญหาว่าทีมยังไม่สามารถเอาชนะสเตพเพนวูฟได้ แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ ทั้งปัญหาความกลัวของแบรี่ แบทแมนบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องสู้กับใคร แค่ช่วยคน แค่วิ่งไป ช่วยคน ชอบมากโดยเฉพาะฉากที่ช่วยจิ้มดาบให้วันเดอร์วูเมน ฮา และเนียนตาสุด ๆ และปัญหาความไม่ไว้ใจใครของวิคเตอร์ จากที่เก็บกล่องมาเธ่อบ็อกซ์ไว้คนเดียว ไม่เชื่อใจใคร ก็มาเชื่อใจทีม เพราะคำพูดวันเดอร์วูเมนที่บอกว่า "ฉันก็เคยบอกกับตัวเองว่าอยู่คนเดียวได้เหมือนกัน แต่ว่าคุณต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจ อันที่จริงตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในช่วงที่กำลังปรับตัว"
การได้กล่องมาเธ่อบ็อกซ์ และรู้ว่าพลังของกล่องถ้าผนวกเข้ากับเทคโนโลยีคริปโตเนี่ยนจะฟื้นคืนชีพคนที่มีเซลล์ร่างกายแข็งแกร่งกว่าโลกได้ คืนชีพซุปเปอร์แมนได้ ซึ่งแบทแมนต้องการใช้มัน วันเดอร์วูเมนไม่เห็นด้วย เธอบอกว่าเราต้องมองไปข้างหน้าไม่ใช่กลับหลัง คนตายไปสู่สุขคติแล้ว เรารู้สึกชอบประโยคคำพูดที่วันเดอร์วูเมนตอบแบทแมนมาก เรื่องการใช้เทคโนโนโลยีเพื่อเอาชนะสเตพเพนวูฟ
วันเดอร์วูเมน : 1. การใช้เทคโนโลยีที่ไม่มีหัวใจมันจะทำร้ายเราเอง การคืนชีพซุปเปอร์แมน เหมือนการใช้เทคโนโลยีสร้างเครื่องจักร โดยไม่คำนึงถึงคนที่ตาย ฟังแล้วนึกถึงโลกของเราเลย มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าไม่คำนึงถึงโลก เช่น การตัดไม้ทำลายป่า มลพิษ ต่าง ๆ หรือไม่คำนึงถึงจรรยาบรรณการแพทย์ การใช้เทคโนโลยี(เพื่อความก้าวหน้า)นั้นแหละ จะเป็นการทำร้ายเราเอง และ 2. เป็นตอนที่พูดถึงผลกระทบจากสตีฟเทรเวอร์ ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนรีวิวเรื่องวันเดอร์วูเมนโดยบอกว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เกี่ยวกับความรัก โดยมองผลกระทบจากความรักที่สตีฟบอกไดอาน่าว่า "ผมช่วยวันนี้ คุณช่วยโลกนี้" ทำให้ไดอาน่าก้าวเดินต่อไป และกลับมาเชื่อในตัวมนุษย์ แต่ก็ลืมมองผลกระทบอีกอย่างไปว่า ความรักทำให้เราอ่อนแอได้เช่นกัน แบทแมนบอกว่าแล้วทำไมคุณไม่เป็นแสงสว่างให้กับโลกละ ไม่เป็นผู้นำให้คนมีความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ละ วันเดอร์วูเมนบอกว่า เธอสู้เพื่อคนที่เธอรัก สู้เพื่อมนุษย์ เธอทำได้ แต่การที่บอกให้คนที่รัก ต่อสู้ ในสงครามที่ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะ แล้วเกิดการตาย เกิดความสูญเสีย เหมือนเธอเองนั้นแหละทำให้คนที่รักต้องตาย ทำให้สตีฟเทรเวอร์ตาย ซึ่งในแง่นี้เธอทำใจไม่ได้
การคืนชีพซุปเปอร์แมน ฉากนี้น่าจะตราตรึงทุกคนอยู่แล้วไม่ขอกล่าวถึง เรามาดูมุมมองของทางฝั่งแบทแมนกันบ้างดีกว่า
แบทแมน : รู้สภาพว่าไม่สามารถเอาชนะสเตพเพนวูฟได้ เขาจะต้องมีปืนใหญ่สำหรับจัดการสเตพเพนวูฟ ปืนใหญ่นั้นคือซุปเปอร์แมน และสำหรับจัดการซุปเปอร์แมน ปืนใหญ่ของเขาก็คือโลอิซเลนส์ วันเดอร์วูเมนถามว่าทำไมถึงพาโลอิซมา "จำเรื่องเทคโนโลยีที่มีหัวใจได้มั้ย คิดว่าผมไม่ได้ฟังที่คุณพูดรึ" กร๊อบ! เสียงไดอาน่าต่อแขนให้แบทแมน 555 เราชอบโมเมนต์นี้มาก และอีกเหตุผลนึงที่สำคัญมาก ว่าทำไมแบทแมนถึงต้องยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ซุปเปอร์แมนกลับมาคือ จำได้มั้ยสเตพเพนวูฟบอกว่ากลับมาโลกนี้เพราะซุปเปอร์แมนตาย เพราะคนไร้ความหวัง ถ้าวันนั้น วันที่เขาหยิบหอกคริปโตไนท์แล้วฆ่าซุปเปอร์แมน มันหมายถึง ความผิดพลาดของเขาทำให้คนทั้งโลกต้องตาย (ต้องเผชิญกับสเตพเพนวูฟ หรืออื่น ๆ ) มองในแง่นี้ แบทแมนนั้นแหละคือคนที่เรียกสเตพเพนวูฟมา โอเค ความผิดเขา คุณจะฆ่าแบทแมนก็ได้ แต่ฆ่าแล้วมีประโยชน์อะไรเมื่อคนบนโลกต้องตายหมดอยู่ดี แบทแมนตายคนเดียวแล้วให้ซุปรอดเพื่อปกป้องโลกนี้ไว้ได้ ไม่ดีกว่าหรือ เขามีพลังที่สามารถปกป้องโลกไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว นี่คือเหตุผลที่ทำให้แบทยอมเสี่ยง มองว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้นด้วย ถ้าเทียบกับการปลุกระดมคนทั้งโลกเช่นในอดีต
ผมชอบฉากที่แบทแมนขับแบทโมบิลเปิดเสียงรถไอติม (ขอตั้งชื่อเอง มาจากเสียงที่ทำให้ตัวพาราเดมอนคลั่งตอนต้นเรื่อง) อาศัยล่อพวกพาราเดมอนไป เพื่อเปิดทางให้คนอื่น ๆ ในทีมบุกถึงตัวสเตพเพนวูฟ ซึ่งเป็นภารกิจฆ่าตัวตาย คือเหมือนแบทแมนเขารู้ตัวดี ว่าไม่ได้มีพลังพิเศษเหมือนคนอื่น คือบอกไม่ถูก แต่เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกเขานะ จนกระทั่งเมื่อทีมมาช่วย แล้วตะโกนว่า "เฮ้ ต้องขอบคุณเจ้าหญิงของเรานะ เราจะทิ้งนาย แต่เธอไม่ยอม" แล้วภาพตัดมาที่วันเดอร์วูเมนยิ้มให้แบทแมน ช็อตนี้ผมปลื้มปริ่มน้ำตาแทบไหลเลย มีความสุขมาก ในที่สุดก็ประสานกันได้สำเร็จ แล้วใครลองจับความรู้สึกในใจตัวเองดู สเตพเพนวูฟที่บอกว่าร้ายกาจจนน่ากลัวในตอนแรก ความกลัวนั้นมันหายไปรึเปล่า จากมืดมาสว่าง จากไม่มีความหวังมามีความหวัง จากความกลัวเป็นไม่กลัว เพราะหนังมันทำสำเร็จที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ไม่กลัวสเตพเพนวูฟอีกต่อไป ก็คือความหวัง(=ความฮึกเหิมของการมีชีวิต) ที่ขาดหายไปตอนต้นเรื่อง มันกลับมาแล้วนั่นเอง
บทสรุปตอนท้ายเรื่อง อาจจะจำผิด ๆ ถูก ๆ ที่บอกว่า ความมืด ไม่ใช่หมายความว่าแสงสว่างหายไป มันเพียงถูกบดบังไว้เท่านั้น แสงกลับมาเสมอเพื่อให้เราได้พบได้เห็นสิ่งที่เรารัก บ้าน ครอบครัว และสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา แต่เมื่อใดที่เผชิญความมืด ให้มีความหวัง วันนี้เหล่าฮีโร่ออกจากเงามืด เพื่อสร้างความหวัง เมื่อใดความมืดครอบงำจนทำให้รู้สึกสิ้นหวัง สิ่งที่ต้องทำก็คือ จงมองไปบนท้องฟ้า
เอาละ ถึงเวลาที่ผมต้องตอบคำถามแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลก ตอนแรกผมนึกถึงความหวัง ความหวังเป็นเหมือนกุญแจ(ที่เราทำหายบ่อย ๆ )พาเราไปพบแสงสว่าง แสงสว่างคือสิ่งดีงาม พอมาคิดดูช่วงเวลาที่เราเอาชนะความมืดไปสู่แสงสว่างนี่แหละน่าจดจำที่สุด การได้เอาชนะอุปสรรค ซึ่งชัยชนะมันก็มีหลายรูปแบบ ชัยชนะในการเรียน หน้าที่การงาน (แบรี่ อัลเลน) ชัยชนะของครอบครัว (วิคเตอร์) ชนะใจตนเอง (ไดอาน่า) หรือเอาชนะความรู้สึกผิด (แบทแมน) แต่ถ้าเป็นเรื่องความดีชนะความชั่วร้าย เรียกว่า ความยุติธรรม เราชอบที่จะเห็นว่าโลกยังมีความยุติธรรม เหมือนกับทีเราชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เพราะเราชอบที่จะเห็นด้านที่ดีงามของโลกยังชนะด้านที่ชั่วร้ายอยู่
ซุปเปอร์แมน : ฉากนึงตอนที่สู้กับสเตพเพนวูฟ สเตพเพนวูปบอกว่า "พวกเจ้าอ่อนแอ และข้าเชื่อในความจริง โลกต้องถูกยึดครอง" เหมือนกับบอกว่า ถ้าเทียบกันจริง ๆ โลกอ่อนแอกว่าสู้ความแข็งแกร่งของผู้รุกรานไม่ได้หรอก ทำไมพวกเจ้าไม่เชื่อในความจริง ซุปบอกว่า "ข้าเชื่อความจริง และข้าก็คลั่งใคล้ในความยุติธรรมด้วย" ประมาณว่าถึงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ความดีต้องเอาชนะได้ในที่สุด ผมถือว่านี้คือคำตอบของซุป จากคำถามของเด็ก ๆ ว่า "อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกครับ" ก็คือการที่ได้เห็นความยุติธรรมยังคงอยู่ คือที่มาของชื่อ จัซติซลีก แปลว่า ผู้ผดุงความยุติธรรม ดังนั้น ถ้าถามว่าสิ่งที่ดีของโลกคืออะไร จะตอบแบบง่าย ๆ ก็คือความสวยงามของโลก ถ้าสิ่งที่ดีที่สุดของโลกคืออะไร ก็คือการที่โลกยังคงความสวยงามเอาไว้ได้อยู่ยังไงละครับ มีความเห็นยังไงกันบ้าง
จบแล้วครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ