Justice League (Zack Snyder, 2017) คะแนน C+
By Form Corleone
"ส่งมอบความบันเทิงในรูปแบบย่อยง่าย แต่มีรอยแผลมากมายในส่วนขององค์ประกอบ" ถ้าหวังที่จะเข้าไปดูความสนุกสนานแบบไม่คิดอะไรมาก ตัวหนังคงจะตอบโจทย์ความบันเทิงได้ไม่ยาก และแน่นอนว่าคงจะไม่รอช้าในการโจมตีตึกรามบ้านช่องให้พังพินาศตามสไตล์ 'แซ็ค สไนเดอร์' เพียงแต่งานนี้ลดความดาร์กไซด์ลงไปเยอะจนน่าใจหายว่านี้คืองานทางฝั่ง 'DC' ถ้ามองเปรียบเทียบกับ 'BvS' ความดาร์ดและประเด็นของพล็อตเรื่องดูจะลดถอยและกลายเป็นหนังสูตรสำเร็จธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง ซึ่งมองในบริบทของการนั่งดูแบบเพลินๆงานนี้ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว กล้าๆกลัวๆอยู่พอสมควร เพราะหนังเองมีประเด็นที่น่าสนใจแต่ก็ยิงไปไม่สุด ทั้งการต่อยอดประเด็นจาก BvS ในยุคที่โลกมนุษย์ไม่มีซุปเปอร์แมน ความหวาดกลัวครอบงำเหล่ามนุษย์ และการสำนึกบาปของแบทแมนรวมไปถึงการปะทะความเศร้าใจของวันเดอร์วูแมน และตัวละครลับ(ที่ไม่ลับเท่าไหร่) ทั้งหมดมีให้เห็นแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ไปต่ออะไรในจุดนั้น ทำให้ตัวบทภาพยนตร์ยังเป็นสิ่งที่ไม่แข็งแรงจนไม่สามารถค้ำสาระข้อความไว้ได้แบบเอาอยู่เช่นเดิม สำหรับเรา ตัวละครของ 'DC' นั้นมีความเป็นฮีโร่ที่มีเนื้อมีหนังและสามารถถ่ายทอดสภาพจิตใจที่หม่นเศร้าและทุกข์ใจกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้อย่างดี แต่สำหรับ JL ซุปเปอร์ฮีโร่ในเรื่องเป็นเพียงตัวละครที่ยืนยิ้มเรียงหน้าให้กับการพังตึกต่างๆอย่างไร้มิติ จนออกแนวลูกทุ่งผสมลิเกชวนให้ขำอย่างบอกไม่ถูก ในส่วนของฉากแอคชั่นมีจุดที่ไม่เนียนและคิดว่าน่าจะสังเกตเห็นได้ไม่ยาก การตัดต่อมีปัญหาและมีช่องว่าง ส่วนงานภาพถ้าใครชอบแนวล้ำๆเหนือจริงตามสไตล์ 'แซ็ค สไนเดอร์' ก็คงจะออกมาแนวๆเหมือนเดิมไม่ต่างอะไร เพียงแต่รู้สึกถึงความสดใสมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองภาพรวมของงานนี้ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร เพราะการที่ตัวหนังเจียมตัวในการเล่าเรื่องหรือลดความดาร์กลง+เล่นท่าง่ายลง ใส่มุกตลกลงไป ที่บางทีก็ขำ บางครั้งก็ฝืด สิ่งที่ดีของงานนี้คือการบอกเล่าที่มาของตัวละครแบบไม่เยิ่นเย้อจนเกินไป แม้จะมีตัวละครใหม่และเยอะก็ตาม ตัวละครแต่ละตัวพอมีเรื่องราวภูมิหลังที่น่าสนใจเพื่อรอต่อยอดในการเป็นหนังภาคแยกของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่หนังเลือกที่จะเล่าในรูปแบบนี้ ทำให้เราไม่ต้องทนรอการเล่าที่มาที่ไปของตัวละครจนรู้สึกเบื่อไปเสียก่อน ดนตรีประกอบและเพลงประกอบเข้ากับสถานการณ์และเร่งเร้าอารมณ์ได้ดีมาก ทั้งหมดจึงทำให้เราสามารถดูงานนี้ได้แบบเพลินๆแม้จะไม่ได้ร่วมลุ้นหรือเอาใจช่วยตัวละครอะไรมากมาย เรียกว่าดูได้แต่ไม่น่าจดจำอะไรสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูน DC หรือคลั่งไคล้หนังซุปเปอร์ฮีโร่
ความยาวของหนังสำหรับเราคิดว่าเหมาะสมแล้ว เพราะงานของ DC ตั้งแต่ Man of Steel มาจนถึง JL นั้นมีปัญหาในการเล่าเรื่องมากและดูพยายามจนฝืนเกินตัวให้คล้ายๆกับ 'Batman trilogy' งานของโนแลนที่เล่าเรื่องโดยอาศัยความดราม่าและดาร์กไซด์แบบที่หนังฮีโร่ไม่กล้านำเสนอ จงเหมือนเป็นบรรทัดฐานให้ค่าย DC ยึดเป็นแบบแผนแล้วหวังว่าจะเล่าเรื่องได้แบบนั้นบ้าง แต่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าการพยายามเล่าเรื่องแบบที่โนแลนเคยทำดูจะห่างชั้นเกินตัวจากหนังก่อนหน้านี้ จึงทำให้งานนี้ลดระดับการเล่าเรื่องให้ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นข้อดีอยู่ไม่น้อยและน่าชื่นชม+เป็นกำลังใจให้ และเอาใจช่วยว่างานต่อๆไปจะดีขึ้นมากแค่ไหน สำหรับเรื่องนี้คงจะเป็นเพียงความพยายามหาสิ่งที่ลงตัวที่สุดในทิศทางของตัวเองอยู่ เพราะดูแล้วจะค่อยๆหาทางใหม่ของตัวเอง แม้จะมีไปทับทางเดิมๆของคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้ามันจะออกมาดีกว่าของเดิมที่ตัวเองเคยทำ ยอมลดทิฐิลงบ้างเพื่อให้เข้าถึงใจคนดูทั่วๆไปที่ไม่ได้ชอบหนังฮีโร่และไม่ต้องการความเครียดจัดในช่วงขณะดู กลับมาเป็นหนังฮีโร่ธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยในการรับชมอะไร และถ้าจะมองกันที่ส่วนนี้สำหรับเรา 'Justice League' ก็น่าจะประสบความสำเร็จได้แล้วระดับหนึ่ง
ท้ายสุด 'Justice League' จึงเป็นการรวมพลฮีโร่ที่ดูง่าย+ย่อยง่าย และอาจจะลืมง่ายเมื่อหนังจบลง แต่ไม่น่าที่จะทำให้หัวเสียและรู้สึกรำคาญ เพราะตัวงานดูได้เพลินๆสำหรับคนไม่สันทัดงานภาพยนตร์แนวฮีโร่ ส่วนใครที่ชื่นชอบการ์ตูน DC น่าจะสมใจสมการรอคอยหรือเปล่า(ไม่แน่ใจ) งานนี้มีจุดที่ผิดพลาดที่น่าจะมองออกได้ไม่ยาก เป็นเหมือนแผลเป็นและมีแผลสดผสมกันไป ความไม่เนียนตา ความขาดๆเกินๆ ความไม่ลงตัวในจังหวะต่างๆ แต่ก็คงจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากในภาพรวมและสามารถมองข้ามผ่านๆไปได้ และถึงตัวงานจะมีแผลมากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าเราไม่คาดหวังอะไรมาก ไม่คิดมาก ความสนุกสนานก็น่าจะตอบสนองในสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นอะไรสำหรับหนังรวมเหล่ายอดมนุษย์ทั่วๆไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: Justice League (Zack Snyder, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ส่งมอบความบันเทิงในรูปแบบย่อยง่าย แต่มีรอยแผลมากมายในส่วนขององค์ประกอบ" ถ้าหวังที่จะเข้าไปดูความสนุกสนานแบบไม่คิดอะไรมาก ตัวหนังคงจะตอบโจทย์ความบันเทิงได้ไม่ยาก และแน่นอนว่าคงจะไม่รอช้าในการโจมตีตึกรามบ้านช่องให้พังพินาศตามสไตล์ 'แซ็ค สไนเดอร์' เพียงแต่งานนี้ลดความดาร์กไซด์ลงไปเยอะจนน่าใจหายว่านี้คืองานทางฝั่ง 'DC' ถ้ามองเปรียบเทียบกับ 'BvS' ความดาร์ดและประเด็นของพล็อตเรื่องดูจะลดถอยและกลายเป็นหนังสูตรสำเร็จธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง ซึ่งมองในบริบทของการนั่งดูแบบเพลินๆงานนี้ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว กล้าๆกลัวๆอยู่พอสมควร เพราะหนังเองมีประเด็นที่น่าสนใจแต่ก็ยิงไปไม่สุด ทั้งการต่อยอดประเด็นจาก BvS ในยุคที่โลกมนุษย์ไม่มีซุปเปอร์แมน ความหวาดกลัวครอบงำเหล่ามนุษย์ และการสำนึกบาปของแบทแมนรวมไปถึงการปะทะความเศร้าใจของวันเดอร์วูแมน และตัวละครลับ(ที่ไม่ลับเท่าไหร่) ทั้งหมดมีให้เห็นแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ไปต่ออะไรในจุดนั้น ทำให้ตัวบทภาพยนตร์ยังเป็นสิ่งที่ไม่แข็งแรงจนไม่สามารถค้ำสาระข้อความไว้ได้แบบเอาอยู่เช่นเดิม สำหรับเรา ตัวละครของ 'DC' นั้นมีความเป็นฮีโร่ที่มีเนื้อมีหนังและสามารถถ่ายทอดสภาพจิตใจที่หม่นเศร้าและทุกข์ใจกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้อย่างดี แต่สำหรับ JL ซุปเปอร์ฮีโร่ในเรื่องเป็นเพียงตัวละครที่ยืนยิ้มเรียงหน้าให้กับการพังตึกต่างๆอย่างไร้มิติ จนออกแนวลูกทุ่งผสมลิเกชวนให้ขำอย่างบอกไม่ถูก ในส่วนของฉากแอคชั่นมีจุดที่ไม่เนียนและคิดว่าน่าจะสังเกตเห็นได้ไม่ยาก การตัดต่อมีปัญหาและมีช่องว่าง ส่วนงานภาพถ้าใครชอบแนวล้ำๆเหนือจริงตามสไตล์ 'แซ็ค สไนเดอร์' ก็คงจะออกมาแนวๆเหมือนเดิมไม่ต่างอะไร เพียงแต่รู้สึกถึงความสดใสมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองภาพรวมของงานนี้ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร เพราะการที่ตัวหนังเจียมตัวในการเล่าเรื่องหรือลดความดาร์กลง+เล่นท่าง่ายลง ใส่มุกตลกลงไป ที่บางทีก็ขำ บางครั้งก็ฝืด สิ่งที่ดีของงานนี้คือการบอกเล่าที่มาของตัวละครแบบไม่เยิ่นเย้อจนเกินไป แม้จะมีตัวละครใหม่และเยอะก็ตาม ตัวละครแต่ละตัวพอมีเรื่องราวภูมิหลังที่น่าสนใจเพื่อรอต่อยอดในการเป็นหนังภาคแยกของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่หนังเลือกที่จะเล่าในรูปแบบนี้ ทำให้เราไม่ต้องทนรอการเล่าที่มาที่ไปของตัวละครจนรู้สึกเบื่อไปเสียก่อน ดนตรีประกอบและเพลงประกอบเข้ากับสถานการณ์และเร่งเร้าอารมณ์ได้ดีมาก ทั้งหมดจึงทำให้เราสามารถดูงานนี้ได้แบบเพลินๆแม้จะไม่ได้ร่วมลุ้นหรือเอาใจช่วยตัวละครอะไรมากมาย เรียกว่าดูได้แต่ไม่น่าจดจำอะไรสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูน DC หรือคลั่งไคล้หนังซุปเปอร์ฮีโร่
ความยาวของหนังสำหรับเราคิดว่าเหมาะสมแล้ว เพราะงานของ DC ตั้งแต่ Man of Steel มาจนถึง JL นั้นมีปัญหาในการเล่าเรื่องมากและดูพยายามจนฝืนเกินตัวให้คล้ายๆกับ 'Batman trilogy' งานของโนแลนที่เล่าเรื่องโดยอาศัยความดราม่าและดาร์กไซด์แบบที่หนังฮีโร่ไม่กล้านำเสนอ จงเหมือนเป็นบรรทัดฐานให้ค่าย DC ยึดเป็นแบบแผนแล้วหวังว่าจะเล่าเรื่องได้แบบนั้นบ้าง แต่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าการพยายามเล่าเรื่องแบบที่โนแลนเคยทำดูจะห่างชั้นเกินตัวจากหนังก่อนหน้านี้ จึงทำให้งานนี้ลดระดับการเล่าเรื่องให้ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นข้อดีอยู่ไม่น้อยและน่าชื่นชม+เป็นกำลังใจให้ และเอาใจช่วยว่างานต่อๆไปจะดีขึ้นมากแค่ไหน สำหรับเรื่องนี้คงจะเป็นเพียงความพยายามหาสิ่งที่ลงตัวที่สุดในทิศทางของตัวเองอยู่ เพราะดูแล้วจะค่อยๆหาทางใหม่ของตัวเอง แม้จะมีไปทับทางเดิมๆของคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรถ้ามันจะออกมาดีกว่าของเดิมที่ตัวเองเคยทำ ยอมลดทิฐิลงบ้างเพื่อให้เข้าถึงใจคนดูทั่วๆไปที่ไม่ได้ชอบหนังฮีโร่และไม่ต้องการความเครียดจัดในช่วงขณะดู กลับมาเป็นหนังฮีโร่ธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยในการรับชมอะไร และถ้าจะมองกันที่ส่วนนี้สำหรับเรา 'Justice League' ก็น่าจะประสบความสำเร็จได้แล้วระดับหนึ่ง
ท้ายสุด 'Justice League' จึงเป็นการรวมพลฮีโร่ที่ดูง่าย+ย่อยง่าย และอาจจะลืมง่ายเมื่อหนังจบลง แต่ไม่น่าที่จะทำให้หัวเสียและรู้สึกรำคาญ เพราะตัวงานดูได้เพลินๆสำหรับคนไม่สันทัดงานภาพยนตร์แนวฮีโร่ ส่วนใครที่ชื่นชอบการ์ตูน DC น่าจะสมใจสมการรอคอยหรือเปล่า(ไม่แน่ใจ) งานนี้มีจุดที่ผิดพลาดที่น่าจะมองออกได้ไม่ยาก เป็นเหมือนแผลเป็นและมีแผลสดผสมกันไป ความไม่เนียนตา ความขาดๆเกินๆ ความไม่ลงตัวในจังหวะต่างๆ แต่ก็คงจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากในภาพรวมและสามารถมองข้ามผ่านๆไปได้ และถึงตัวงานจะมีแผลมากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าเราไม่คาดหวังอะไรมาก ไม่คิดมาก ความสนุกสนานก็น่าจะตอบสนองในสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นอะไรสำหรับหนังรวมเหล่ายอดมนุษย์ทั่วๆไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/