Mohammed bin Salman (MBS) © Mark Wilson / Global Look Press
Riyadh (ที่ทำการรัฐบาลเซาว์ดี้)
ดูเหมือนว่ารัฐบาลมีทางออกแล้ว
ในการแก้ไขปัญหางการขาดดุลย์งบประมาณ
เพราะราคาน้ำมันตกต่ำลงมาหลายปีแล้ว
ตามรายงานข่าวจาก Financial Times
เจ้าหน้าที่ทางการ Saudi กำลังยื่นข้อเสนอกับ
บรรดาเจ้าชายกับนักธุรกิจที่ถูกจับกุมคุมขังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้วยเงื่อนไขว่าถ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับ
อิสรภาพ
ต้องจ่ายในอัตรา 70% จากทรัพย์สิน/ความมั่งคั่งทั้งหมดที่มีอยู่
จากตัวเลขที่มีการประมาณการไว้เบื้องต้นราว 800 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คาดว่ารัฐบาลเซาว์ดี้จะได้รับเงินคืนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
จากบรรดาผู้ต้องหาเพื่อนำเงินมาชดเชยเงินทุนสำรองของชาติที่ขาดดุลย์อยู่ได้
คิดว่าน่าจะได้ราว 560 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชดเชยได้ราว 7 ปี
จากที่ขาดดุลย์ปีที่แล้วเพียง 79 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้ต้องหารายสำคัญมี
1. เจ้าชาย Al-Waleed bin Talal
นักลงทุนระดับโลกดังพอ ๆ กับ Warret Buffets, Bill Gates
เคยออกมาพูดอย่างไม่พอใจที่ Forbes ระบุว่า ตนเองมีทรัพย์สินน้อยกว่าคนรวยรายอื่น
2. นักธุรกิจ Waleed al-Ibrahim ผู้ก่อตั้ง Middle East Broadcasting Center
เจ้าของสถานีโทรทัศน์กระจายเสียงและภาพผ่านดาวเทียม ทางช่องรายการ Al Arabiya
3. Bakr bin Laden ประธานธุรกิจก่อสร้าง Saudi Binladin
เกี่ยวพันเป็นพี่น้องกับ Usama bin Ladin หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายตอลีบัน ที่ถูกสังหารไปแล้ว
โดยต้นตระกูลนี้คือ Mohammed bin Awad bin Laden อพยพมาจากเยเมน
อดีตเคยเป็นกรรมกรท่าเรือ ต่อมารับเหมาก่อสร้างมีผลงานดีมาก
จนทำให้รับเหมางานก่อสร้างผูกขาดกับส่วนราชการเซาว์ดี้
บรรดาเศรษฐีระดับพันล้านต่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่
Ritz-Carlton Hotel ที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเรือนจำชั่วคราวใน Riyadh
ซึ่งในวันที่ทำการจับกุมคนเหล่านี้ มีการไล่บรรดาแขกที่พักออกจากโรงแรมทันที
แล้วแยกย้ายให้ไปพักที่โรงแรมแห่งอื่น หรือนำส่งตัวขึ้นเครื่องบินโดยสารทันที
“ พวกเขากำลังเจรจาทำข้อตกลงกันในโรงแรม Ritz
ให้ยอมจ่ายเงิน แล้วค่อยกลับบ้าน ” แหล่งข่าวภายในบอก
เมื่อสัปดาห์ก่อน Wall Street Journal ได้รายงานข่าว
การจับกุมราชวงศ์ รัฐมนตรี นักธุรกิจ
ที่ประมาณการว่ามีเงินสดและทรัพย์สินต่าง ๆ
มูลค่าราว 800 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Saudi Arabia กำลังเผชิญหน้ากับ
ปัญหางบประมาณขาดดุลย์
ตั้งแต่ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างมาก
เฉพาะในปีที่แล้วขาดดุลย์ 79 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลต้องนำมาตรการทางการเงิน
และวินัยทางการเงินมาใช้บังคับ ด้วยการหั่นรายจ่าย ขึ้นภาษี
ขายพันธบัตร และขายตราสารหนี้ที่รับรองโดยราชอาณาจักร
ที่มีธุรกิจด้านพลังงานที่ผูกขาดในนาม Saudi Aramco
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กระแสต่อต้านคอรัปชั่นใน Saudi
เริ่มมีการลงมืออย่างจริงจังหลังจาก
มกุฏราชกุมาร Mohammed bin Salman
เตรียมการขึ้นครองราชย์ (คาดว่าในปีหน้า)
แต่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเห็นว่า คือ
ความพยายามทำให้ Saudi Arabia ไปสู่ความทันสมัย
และเปิดกว้างสิทธิสตรีมากขึ้น
มกุฏราชกุมารได้ทรงอธิบายการจับกุมครั้งนี้
เพื่อทำลายรากเง่าการคอรัปชั่น
และเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้น
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/9M7qBZ
เกิดการปฏิวัติในเซาว์ดี้ ที่จะเปลี่ยนแปลงราชอาณาจักรนี้ไปตลอดกาล
Thomas Friedman ผู้รับรางวัลชนะ Pulitzer Prize ถึง 3 ครั้ง
จาก New York Times นักคอลัมนิสต์ และนักเขียนหนังสือขายดีติดอันดับ
ให้สัมภาษณ์ CNBC ใน Squawk Box เมื่อวันจันทร์
" เรากำลังเฝ้ามองการสิ้นสุดการปกครองราชวงเซาว์ดี้ อย่างที่ชาวโลกกำลังจับตามอง “
หลังจากวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการจับกุมรัฐมนตรี 4 พระองค์ กับเจ้าชายอีก 11 พระองค์ (พระประยูรญาติ)
รวมทั้งนักธุรกิจจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นมีนักลงทุนระดับพันล้านที่รู้จักกันดีคือ Alwaleed bin Talal
ด้วยข้อหาการฉ้อราษฏร์บังหลวงตามขั้นตอนการจัดการของ
มกุฏราชกุมาร Mohammed bin Salman หรือชื่อย่อ MBS
มีข้อมูลว่า มีการจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วม 200 กว่าคนเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย
เพื่อนำมาสืบสวนสอบสวนแบบจารีตนครบาลเซาว์ดี้ คือ เฆี่ยนก่อนถาม
เป็นการรีดหาความจริงที่นำไปสู่การซัดทอด/เอาโทษหัวหน้า/เจ้านายของตน
อนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ ที่มีข่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ของเจ้าชายอีกพระองค์
ผู้ที่ทรงมีบทบาทในการเมืองเซาว์ดี้ก็เพิ่งจะตกกลางอากาศเป็นเหตุให้ทิวงคต
แต่บางกระแสข่าวว่าถูกทหารเซาว์ดี้สอยด้วยขีปนาวุธ
เพราะเอาใจออกห่างกับมีส่วนพัวพันกับเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง
ขณะเดียวกัน Robert Jordan อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐ
ใน Saudi Arabia ช่วงอดีตประธานาธิบดี George W. Bush
ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับราชอาณาจักรนี้ผ่าน U.S.Lens
" นี่มันเหมือนกับการจับกุม Warren Buffett หรือ Bill Gates
และเป็นการแสดงถึงพระราชอำนาจของ MBS “
Warren Buffett นักลงทุน กับ Bill Gates นักธุรกิจ
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนซี้ต่างวัยกัน ชอบเล่นไพ่กันทางออนไลน์กัน
บางครั้งก็นัดกันไปจะเล่นกันที่
https://goo.gl/tkcDFj (ใช้ชื่อปลอมทั้งคู่)
และมักจะนัดกันไปกินไปเดินเที่ยวกันตามห้างสรรพสินค้า
Bill Gates เคยให้สัมภาษณ์ว่า
มีคนรู้จักนัดให้เจอกับ Warren Buffet
โดยขอเวลาพบปะกันไม่เกิน 10 นาที
Bill Gates บอกเองว่า
ไม่รู้จะคุยอะไรกัน
เพราะวิชาชีพต่างกันมาก รวมทั้งวัยทั้งคู่ก็ยังต่างกันด้วย
แต่ปรากฎว่าทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอและอย่างสนิทสนมนานชั่วโมงกว่า
แล้ว Bill Gates ได้เสนอว่าจะมอบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะพร้อม Software
และให้คนไปติดตั้งให้ Warren Buffet แบบไม่คิดเงิน
ซึ่งในตอนแรก Warren Buffet ก็ไม่สนใจใช้งานคอมพิวเตอร์เลย
หรือยอมแตะต้องคอมพิวเตอร์มาก่อนที่จะเจอ Bill Gates
แต่พอกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว
Warren Buffet จึงเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์และหัดเล่นเกมส์ต่าง ๆ
และหัดเล่น Poker Online กับ Bill Gates
ที่ Microsoft มีให้ Download ที่
https://goo.gl/wYyyos ในตอนแรก
ก่อนที่ทั้งคู่จะพัฒนาไปเล่นบริดจ์กันในภายหลัง
เพราะ Warren Buffet มีพื้นฐานเล่นบริดจ์ได้ดี
แต่ไม่นิยมเล่นการพนันแบบเดิมพันสูง ๆ
ตามประสานักลงทุนที่นิยมถือหุ้นในมือมากกว่าถือไพ่ในมือ
Bill Gates and Warren Buffet visit Nebraska furniture Mart
ประเทศนี้ปกครองด้วยคนในตระกูลที่ร่วมบรรพบุรุษคนเดียวกัน
และพี่น้องที่เป็นสายเลือดร่วมบรรพบุรุษคนเดียวกัน ที่ต่างผลัดกันขึ้นครองราชย์
นี่คือ เชื้อสายของตระกูลเดียวกันที่ปกครองมานานกว่า 20 ปีแล้ว
และเป็นใหญ่สูงสุดแค่คนเดียวท่ามกลางพี่น้องอีกหลายคนที่รอจะขึ้นครองราชย์
แต่ตอนนี้มันต้องจบแล้ว มันต้องเป็นหนทางใหม่ คือเป็นของตระกูลเดียวเท่านั้น
ประมาณว่าคนที่เกี่ยวดองนับญาติกันในราชวงศ์นี้มีมากกว่า 15,000 คน
ที่เป็นชนชั้นนำ/ทำงานได้แล้วมากกว่า 2,500 คน
เรียกว่าทำงานได้ครบทุกกระทรวงทบวงกรม แทบไม่มีที่ยืนให้คนตระกูลอื่นเลย “
MBS ทรงมีพระชนม์ 32 ชันษา ทรงเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ Salman
คาดว่าจะขึ้นครองราชย์ในปี 2018 หลังจากพระบิดา 81 ชันษา
จะสละราชบัลลังค์ในปีหน้าตามที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่รัสเซีย
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่งจะมีพระราชโองการปลด
พระมหาอุปราช Mohammed Bin Nayef 58 ชันษา(พระราชอนุชา)
แล้วให้พระราชนัดดาที่เป็นพระราชโอรสกษัตริย์ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
งานหนักของมกุฏราชกุมาร คือ การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ
จากเดิมที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน เป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ Vision 2030
เน้นเปิดเสรีทางศาสนา ให้ผู้หญิงขับรถยนต์ด้วยตนเองได้ ไปไหนมาไหนตามลำพังได้
เข้าชมกีฬาในสนามกีฬาได้ มุ่งลงทุนเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองได้แทนการนำเข้า
พยายามญาติดีกับพวกมุสลิมชีอะห์ ที่อิหร่านเป็นแกนนำในตอนนี้
และเมื่อถามว่า นักลงทุนและผู้บริหารธุรกิจ
ควรจับตามอง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร
Thomas Friedman ตอบว่า
“
ถ้ามอง Saudi Arabia เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง
ราคาหุ้นคือให้ถือไว้ อย่าซื้อ อย่าขาย ให้ถือไว้ “
คาดว่าความวุ่นวายในราชวงศ์เซาว์ดี้
จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเพราะกำลังการผลิตและส่งออกอาจจะลดลง
พร้อม ๆ กับระบบการเงินที่ปั่นป่วนเพราะการตีแผ่และยึดทรัพย์คนที่ถูกตราหน้าว่าทุจริต
อนึ่ง MBS ได้สั่งให้ธนาคารกลางเซาว์ดี้
ทำการอายัติบัญชีและทรัพย์สินภายในธนาคาร
ที่คาดว่าเป็นบุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้อง ที่ถูกกล่าวหาคอรัปชั่นในครั้งนี้
รวมแล้วเบื้องต้นประมาณ 40.47 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
การได้เม็ดเงินใหม่นี้จะทำให้ฐานะการคลังและการเงินของซาอุดิอาราเบียฟื้นขึ้นมาทันที
และยังมีการติดตามยึดทรัพย์สินที่คาดว่าหลบซ่อนอยู่ในต่างประเทศอีกจำนวนมาก
เรียบเรียง/ย่อจาก
CNBC Aljazeera
หมายเหตุ
Saudi Arabia มีประชากรราว 35 ล้านคน
อยู่ในวัยเจริญพันธุ์มากถึงร้อยละ 45
วัยเด็กและเยาวชนมากถึงร้อยละ 45 ไล่เลี่ยกัน
สัดส่วนหญิงกับชายมีอัตราใกล้เคียงกัน
ประชาชนว่างงานมากกว่าร้อยละ 50
มีสตรีทำงานภายนอกเพียง 5 แสนคนจาก 15.8 ล้านคน
เพราะความคร่ำครึจากการตีความศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด
โดยผู้สอนศาสนานิกายวาฮาบี(มุสลิมสุดโต่ง) ที่ราชวงศ์นี้นับถือ
เพราะมีหลักการสอดคล้องกับหัวหน้าชนเผ่าผู้ก่อตั้งใช้ในการปกครองช่วงสร้างชาติ
โดยหลัก ๆ ส่วนมากแล้วห้ามแต่พวกสตรีมากกว่าพวกบุรุษ
เช่น ห้ามสตรีขับรถยนต์ ห้ามออกนอกบ้านโดยไม่มีผู้ชายไปด้วย
(ผู้ชายที่ร่วมทางได้มี ญาติพี่น้อง พ่อ สามี และบุตรชาย)
สตรีต้องแต่งกายรัดกุมทั่วทั้งร่างกายและปิดหน้า
ให้เหลือแต่เฉพาะดวงตาเวลาอยู่ข้างนอกบ้าน
ห้ามสตรีพูดคุยกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่ญาติของตน
แม้ว่าจะเป็นพนักงานขายของ/ส่งสินค้าตามบ้าน
จะมีตำรวจศาสนาคอยจัดการกับคนทำผิดหลักการศาสนา
เบาะ ๆ ก็เฆี่ยนตีในที่ชุมชนหรือจับคาหนังคาเขาได้เลย
หรือจับตัวนำส่งเรือนจำลงโทษตามหลักศาสนาอิสลาม
ทำให้สตรีส่วนใหญ่มักจะเป็นแม่บ้านอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
เพราะไปไหนมาไหน/ไปทำงานก็มักจะลำบากมาก
ถ้าไม่มีผู้ชายที่เป็นร่วมเดินทางไปด้วย
ประชาชนส่วนใหญ่ที่ว่างงานอยู่ได้ด้วยเงินยังชีพจากรัฐบาล
ถ้าเกิดรัฐบาลถังแตกไม่มีเงินเลี้ยงดูให้แล้ว
อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เผลอ ๆ อาจจะเป็นแบบ Arab Spring
https://goo.gl/fWyP46
รัฐบาลจึงต้องเน้นการเปลี่ยนแปลง/ยกระดับเศรษฐกิจให้คนมีงานทำมากขึ้น
และถ้ามีการแก้ไขให้สตรีเข้ามาทำงานได้ด้วย
โดยการยกเลิกหลักการที่มีความคร่ำครึเรื่องสตรี
จะมีแรงงานสตรีพร้อมทำงานจำนวนมากทันที
เพราะสตรีส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับสูงจำนวนมากแล้ว
Al ใช้กับเพศชายหรือนำหน้าผู้ชาย
bin บอกว่าเป็นบุตรชายของใคร
เพราะทางอาหรับถือว่าเพศชายเป็นใหญ่
ขออภัยถ้าใช้ราชาศัพท์ผิดพลาด
ยอมจ่ายเงินหรือยอมติดคุก (ผู้ต้องหาเซาว์ดี้)
Mohammed bin Salman (MBS) © Mark Wilson / Global Look Press
Riyadh (ที่ทำการรัฐบาลเซาว์ดี้)
ดูเหมือนว่ารัฐบาลมีทางออกแล้ว
ในการแก้ไขปัญหางการขาดดุลย์งบประมาณ
เพราะราคาน้ำมันตกต่ำลงมาหลายปีแล้ว
ตามรายงานข่าวจาก Financial Times
เจ้าหน้าที่ทางการ Saudi กำลังยื่นข้อเสนอกับ
บรรดาเจ้าชายกับนักธุรกิจที่ถูกจับกุมคุมขังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้วยเงื่อนไขว่าถ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพ
ต้องจ่ายในอัตรา 70% จากทรัพย์สิน/ความมั่งคั่งทั้งหมดที่มีอยู่
จากตัวเลขที่มีการประมาณการไว้เบื้องต้นราว 800 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คาดว่ารัฐบาลเซาว์ดี้จะได้รับเงินคืนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
จากบรรดาผู้ต้องหาเพื่อนำเงินมาชดเชยเงินทุนสำรองของชาติที่ขาดดุลย์อยู่ได้
คิดว่าน่าจะได้ราว 560 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชดเชยได้ราว 7 ปี
จากที่ขาดดุลย์ปีที่แล้วเพียง 79 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้ต้องหารายสำคัญมี
1. เจ้าชาย Al-Waleed bin Talal
นักลงทุนระดับโลกดังพอ ๆ กับ Warret Buffets, Bill Gates
เคยออกมาพูดอย่างไม่พอใจที่ Forbes ระบุว่า ตนเองมีทรัพย์สินน้อยกว่าคนรวยรายอื่น
2. นักธุรกิจ Waleed al-Ibrahim ผู้ก่อตั้ง Middle East Broadcasting Center
เจ้าของสถานีโทรทัศน์กระจายเสียงและภาพผ่านดาวเทียม ทางช่องรายการ Al Arabiya
3. Bakr bin Laden ประธานธุรกิจก่อสร้าง Saudi Binladin
เกี่ยวพันเป็นพี่น้องกับ Usama bin Ladin หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายตอลีบัน ที่ถูกสังหารไปแล้ว
โดยต้นตระกูลนี้คือ Mohammed bin Awad bin Laden อพยพมาจากเยเมน
อดีตเคยเป็นกรรมกรท่าเรือ ต่อมารับเหมาก่อสร้างมีผลงานดีมาก
จนทำให้รับเหมางานก่อสร้างผูกขาดกับส่วนราชการเซาว์ดี้
บรรดาเศรษฐีระดับพันล้านต่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่
Ritz-Carlton Hotel ที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเรือนจำชั่วคราวใน Riyadh
ซึ่งในวันที่ทำการจับกุมคนเหล่านี้ มีการไล่บรรดาแขกที่พักออกจากโรงแรมทันที
แล้วแยกย้ายให้ไปพักที่โรงแรมแห่งอื่น หรือนำส่งตัวขึ้นเครื่องบินโดยสารทันที
“ พวกเขากำลังเจรจาทำข้อตกลงกันในโรงแรม Ritz
ให้ยอมจ่ายเงิน แล้วค่อยกลับบ้าน ” แหล่งข่าวภายในบอก
เมื่อสัปดาห์ก่อน Wall Street Journal ได้รายงานข่าว
การจับกุมราชวงศ์ รัฐมนตรี นักธุรกิจ
ที่ประมาณการว่ามีเงินสดและทรัพย์สินต่าง ๆ
มูลค่าราว 800 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Saudi Arabia กำลังเผชิญหน้ากับ
ปัญหางบประมาณขาดดุลย์
ตั้งแต่ราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างมาก
เฉพาะในปีที่แล้วขาดดุลย์ 79 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลต้องนำมาตรการทางการเงิน
และวินัยทางการเงินมาใช้บังคับ ด้วยการหั่นรายจ่าย ขึ้นภาษี
ขายพันธบัตร และขายตราสารหนี้ที่รับรองโดยราชอาณาจักร
ที่มีธุรกิจด้านพลังงานที่ผูกขาดในนาม Saudi Aramco
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กระแสต่อต้านคอรัปชั่นใน Saudi
เริ่มมีการลงมืออย่างจริงจังหลังจาก
มกุฏราชกุมาร Mohammed bin Salman
เตรียมการขึ้นครองราชย์ (คาดว่าในปีหน้า)
แต่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเห็นว่า คือ
ความพยายามทำให้ Saudi Arabia ไปสู่ความทันสมัย
และเปิดกว้างสิทธิสตรีมากขึ้น
มกุฏราชกุมารได้ทรงอธิบายการจับกุมครั้งนี้
เพื่อทำลายรากเง่าการคอรัปชั่น
และเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้น
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/9M7qBZ
เกิดการปฏิวัติในเซาว์ดี้ ที่จะเปลี่ยนแปลงราชอาณาจักรนี้ไปตลอดกาล
Thomas Friedman ผู้รับรางวัลชนะ Pulitzer Prize ถึง 3 ครั้ง
จาก New York Times นักคอลัมนิสต์ และนักเขียนหนังสือขายดีติดอันดับ
ให้สัมภาษณ์ CNBC ใน Squawk Box เมื่อวันจันทร์
" เรากำลังเฝ้ามองการสิ้นสุดการปกครองราชวงเซาว์ดี้ อย่างที่ชาวโลกกำลังจับตามอง “
หลังจากวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการจับกุมรัฐมนตรี 4 พระองค์ กับเจ้าชายอีก 11 พระองค์ (พระประยูรญาติ)
รวมทั้งนักธุรกิจจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นมีนักลงทุนระดับพันล้านที่รู้จักกันดีคือ Alwaleed bin Talal
ด้วยข้อหาการฉ้อราษฏร์บังหลวงตามขั้นตอนการจัดการของ
มกุฏราชกุมาร Mohammed bin Salman หรือชื่อย่อ MBS
มีข้อมูลว่า มีการจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วม 200 กว่าคนเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย
เพื่อนำมาสืบสวนสอบสวนแบบจารีตนครบาลเซาว์ดี้ คือ เฆี่ยนก่อนถาม
เป็นการรีดหาความจริงที่นำไปสู่การซัดทอด/เอาโทษหัวหน้า/เจ้านายของตน
อนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ ที่มีข่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ของเจ้าชายอีกพระองค์
ผู้ที่ทรงมีบทบาทในการเมืองเซาว์ดี้ก็เพิ่งจะตกกลางอากาศเป็นเหตุให้ทิวงคต
แต่บางกระแสข่าวว่าถูกทหารเซาว์ดี้สอยด้วยขีปนาวุธ
เพราะเอาใจออกห่างกับมีส่วนพัวพันกับเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง
ขณะเดียวกัน Robert Jordan อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐ
ใน Saudi Arabia ช่วงอดีตประธานาธิบดี George W. Bush
ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับราชอาณาจักรนี้ผ่าน U.S.Lens
" นี่มันเหมือนกับการจับกุม Warren Buffett หรือ Bill Gates
และเป็นการแสดงถึงพระราชอำนาจของ MBS “
Warren Buffett นักลงทุน กับ Bill Gates นักธุรกิจ
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนซี้ต่างวัยกัน ชอบเล่นไพ่กันทางออนไลน์กัน
บางครั้งก็นัดกันไปจะเล่นกันที่ https://goo.gl/tkcDFj (ใช้ชื่อปลอมทั้งคู่)
และมักจะนัดกันไปกินไปเดินเที่ยวกันตามห้างสรรพสินค้า
Bill Gates เคยให้สัมภาษณ์ว่า
มีคนรู้จักนัดให้เจอกับ Warren Buffet
โดยขอเวลาพบปะกันไม่เกิน 10 นาที
Bill Gates บอกเองว่า ไม่รู้จะคุยอะไรกัน
เพราะวิชาชีพต่างกันมาก รวมทั้งวัยทั้งคู่ก็ยังต่างกันด้วย
แต่ปรากฎว่าทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอและอย่างสนิทสนมนานชั่วโมงกว่า
แล้ว Bill Gates ได้เสนอว่าจะมอบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะพร้อม Software
และให้คนไปติดตั้งให้ Warren Buffet แบบไม่คิดเงิน
ซึ่งในตอนแรก Warren Buffet ก็ไม่สนใจใช้งานคอมพิวเตอร์เลย
หรือยอมแตะต้องคอมพิวเตอร์มาก่อนที่จะเจอ Bill Gates
แต่พอกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว
Warren Buffet จึงเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์และหัดเล่นเกมส์ต่าง ๆ
และหัดเล่น Poker Online กับ Bill Gates
ที่ Microsoft มีให้ Download ที่ https://goo.gl/wYyyos ในตอนแรก
ก่อนที่ทั้งคู่จะพัฒนาไปเล่นบริดจ์กันในภายหลัง
เพราะ Warren Buffet มีพื้นฐานเล่นบริดจ์ได้ดี
แต่ไม่นิยมเล่นการพนันแบบเดิมพันสูง ๆ
ตามประสานักลงทุนที่นิยมถือหุ้นในมือมากกว่าถือไพ่ในมือ
Bill Gates and Warren Buffet visit Nebraska furniture Mart
ประเทศนี้ปกครองด้วยคนในตระกูลที่ร่วมบรรพบุรุษคนเดียวกัน
และพี่น้องที่เป็นสายเลือดร่วมบรรพบุรุษคนเดียวกัน ที่ต่างผลัดกันขึ้นครองราชย์
นี่คือ เชื้อสายของตระกูลเดียวกันที่ปกครองมานานกว่า 20 ปีแล้ว
และเป็นใหญ่สูงสุดแค่คนเดียวท่ามกลางพี่น้องอีกหลายคนที่รอจะขึ้นครองราชย์
แต่ตอนนี้มันต้องจบแล้ว มันต้องเป็นหนทางใหม่ คือเป็นของตระกูลเดียวเท่านั้น
ประมาณว่าคนที่เกี่ยวดองนับญาติกันในราชวงศ์นี้มีมากกว่า 15,000 คน
ที่เป็นชนชั้นนำ/ทำงานได้แล้วมากกว่า 2,500 คน
เรียกว่าทำงานได้ครบทุกกระทรวงทบวงกรม แทบไม่มีที่ยืนให้คนตระกูลอื่นเลย “
MBS ทรงมีพระชนม์ 32 ชันษา ทรงเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ Salman
คาดว่าจะขึ้นครองราชย์ในปี 2018 หลังจากพระบิดา 81 ชันษา
จะสละราชบัลลังค์ในปีหน้าตามที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่รัสเซีย
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่งจะมีพระราชโองการปลด
พระมหาอุปราช Mohammed Bin Nayef 58 ชันษา(พระราชอนุชา)
แล้วให้พระราชนัดดาที่เป็นพระราชโอรสกษัตริย์ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
งานหนักของมกุฏราชกุมาร คือ การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ
จากเดิมที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน เป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ Vision 2030
เน้นเปิดเสรีทางศาสนา ให้ผู้หญิงขับรถยนต์ด้วยตนเองได้ ไปไหนมาไหนตามลำพังได้
เข้าชมกีฬาในสนามกีฬาได้ มุ่งลงทุนเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองได้แทนการนำเข้า
พยายามญาติดีกับพวกมุสลิมชีอะห์ ที่อิหร่านเป็นแกนนำในตอนนี้
และเมื่อถามว่า นักลงทุนและผู้บริหารธุรกิจ
ควรจับตามอง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร
Thomas Friedman ตอบว่า
“ ถ้ามอง Saudi Arabia เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง
ราคาหุ้นคือให้ถือไว้ อย่าซื้อ อย่าขาย ให้ถือไว้ “
คาดว่าความวุ่นวายในราชวงศ์เซาว์ดี้
จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเพราะกำลังการผลิตและส่งออกอาจจะลดลง
พร้อม ๆ กับระบบการเงินที่ปั่นป่วนเพราะการตีแผ่และยึดทรัพย์คนที่ถูกตราหน้าว่าทุจริต
อนึ่ง MBS ได้สั่งให้ธนาคารกลางเซาว์ดี้
ทำการอายัติบัญชีและทรัพย์สินภายในธนาคาร
ที่คาดว่าเป็นบุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้อง ที่ถูกกล่าวหาคอรัปชั่นในครั้งนี้
รวมแล้วเบื้องต้นประมาณ 40.47 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
การได้เม็ดเงินใหม่นี้จะทำให้ฐานะการคลังและการเงินของซาอุดิอาราเบียฟื้นขึ้นมาทันที
และยังมีการติดตามยึดทรัพย์สินที่คาดว่าหลบซ่อนอยู่ในต่างประเทศอีกจำนวนมาก
เรียบเรียง/ย่อจาก
CNBC Aljazeera
หมายเหตุ
Saudi Arabia มีประชากรราว 35 ล้านคน
อยู่ในวัยเจริญพันธุ์มากถึงร้อยละ 45
วัยเด็กและเยาวชนมากถึงร้อยละ 45 ไล่เลี่ยกัน
สัดส่วนหญิงกับชายมีอัตราใกล้เคียงกัน
ประชาชนว่างงานมากกว่าร้อยละ 50
มีสตรีทำงานภายนอกเพียง 5 แสนคนจาก 15.8 ล้านคน
เพราะความคร่ำครึจากการตีความศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด
โดยผู้สอนศาสนานิกายวาฮาบี(มุสลิมสุดโต่ง) ที่ราชวงศ์นี้นับถือ
เพราะมีหลักการสอดคล้องกับหัวหน้าชนเผ่าผู้ก่อตั้งใช้ในการปกครองช่วงสร้างชาติ
โดยหลัก ๆ ส่วนมากแล้วห้ามแต่พวกสตรีมากกว่าพวกบุรุษ
เช่น ห้ามสตรีขับรถยนต์ ห้ามออกนอกบ้านโดยไม่มีผู้ชายไปด้วย
(ผู้ชายที่ร่วมทางได้มี ญาติพี่น้อง พ่อ สามี และบุตรชาย)
สตรีต้องแต่งกายรัดกุมทั่วทั้งร่างกายและปิดหน้า
ให้เหลือแต่เฉพาะดวงตาเวลาอยู่ข้างนอกบ้าน
ห้ามสตรีพูดคุยกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่ญาติของตน
แม้ว่าจะเป็นพนักงานขายของ/ส่งสินค้าตามบ้าน
จะมีตำรวจศาสนาคอยจัดการกับคนทำผิดหลักการศาสนา
เบาะ ๆ ก็เฆี่ยนตีในที่ชุมชนหรือจับคาหนังคาเขาได้เลย
หรือจับตัวนำส่งเรือนจำลงโทษตามหลักศาสนาอิสลาม
ทำให้สตรีส่วนใหญ่มักจะเป็นแม่บ้านอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
เพราะไปไหนมาไหน/ไปทำงานก็มักจะลำบากมาก
ถ้าไม่มีผู้ชายที่เป็นร่วมเดินทางไปด้วย
ประชาชนส่วนใหญ่ที่ว่างงานอยู่ได้ด้วยเงินยังชีพจากรัฐบาล
ถ้าเกิดรัฐบาลถังแตกไม่มีเงินเลี้ยงดูให้แล้ว
อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เผลอ ๆ อาจจะเป็นแบบ Arab Spring https://goo.gl/fWyP46
รัฐบาลจึงต้องเน้นการเปลี่ยนแปลง/ยกระดับเศรษฐกิจให้คนมีงานทำมากขึ้น
และถ้ามีการแก้ไขให้สตรีเข้ามาทำงานได้ด้วย
โดยการยกเลิกหลักการที่มีความคร่ำครึเรื่องสตรี
จะมีแรงงานสตรีพร้อมทำงานจำนวนมากทันที
เพราะสตรีส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับสูงจำนวนมากแล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/ciJPGq
Al ใช้กับเพศชายหรือนำหน้าผู้ชาย
bin บอกว่าเป็นบุตรชายของใคร
เพราะทางอาหรับถือว่าเพศชายเป็นใหญ่
ขออภัยถ้าใช้ราชาศัพท์ผิดพลาด