Review iPad Pro12.9 G2(จากผู้ไม่เคยใช้apple)
ขอบอกก่อนว่านี่คือสินค้าจากappleชิ้นแรกที่ได้ซื้อมาใช้เองอาจreviewได้ไม่เต็มที่เพราะเพิ่งเคยใช้เอาเป็นว่าความรู้สึกของผู้ที่ไม่เคยใช้ ใช้แล้วเป็นยังไงดีกว่า
เครื่องที่ผมได้มานี่คือเครื่องอเมริกาได้มาในราคาที่ถูกกว่าเครื่องไทยออกศูนย์พอสมควร+กับความอยากได้iPad Proตัว12.9ตั้งแต่รุ่นแรกเพราะอยากได้เอามาวาดรูป แต่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเพราะไม่มีตัง555 โดยตอนแรกหลังแกะกล่องเปิดเครื่องก็พบความวุ่นวายในการเชื่อมต่อที่ต้องบังคับให้ต่อwifiทันทีโดยที่skipขั้นตอนนั้นไม่ได้แบบพวกAndroid os พอเข้าหน้าhome screenแล้วก็ยังคงเป็นiOS style ที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่iPhoneรุ่นแรกจนถึงตอนนี้
รูปประกอบอาจไม่ตรงค่าเริ่มต้น
หลังจากsetup Apple ID ผ่านwifiเสร็จแล้วโดยการที่ผมไม่ได้ต่อผ่านiTunesผ่านคอม ประจวบกับเพิ่งupdate iOS 11.1.1ถึงขั้นงานเข้าเลย เพราะคอมที่เอาไว้ใช้แค่โหลดหนังเพลงและทำงานเอกสารนิดหน่อยนั้นยังเป็นwindows vista 32bitเลยทำให้เชื่อมต่อกับiTunesผ่านคอมไม่ได้เพราะiOS 11บังคับให้ใช้เป็น64bitเท่านั้น ทีนี่ลำบากเครื่องคอมเพื่อนที่ต้องยืมลงiTunesแล้วต้องพาลพบปัญหาของคนที่ไม่ได้ศึกษาระบบiOSเช่นผมคือมันจับเพลงหนังรูปโยนเข้าtabletโดยตรงไม่ได้แบบพวกandroidต้องแบ่งแยกเป็นหมวดอีก หนังลงผ่านiTunesได้แค่ตระกูลmp4ส่วนพวกหนังmkvพวกFullHD,4K นี่ลงผ่านiTunesโดยตรงไม่ได้ แต่ตรงนี้ลงผ่านโปรแกรมitoolsได้ง่ายกว่า แต่ตัวitoolsก็มีหลายเวอร์ชั่นและส่วนมากเป็นภาษาจีนแล้วหาโหลดยากพอตัว
เมื่อผ่านพ้นความยุ่งยากทั้งปวงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หลังจากนี้จะเป็นอะไรที่โคตรจะถูกใจผมโดยเฉพาะappที่มากะเครื่องอย่างiBook
เพราะส่วนตัวเป็นคนอ่านหนังสือเยอะแล้วมีfileหนังสือเป็นพวกpdfเยอะมาก แล้วตัวiBookก็โหลดได้ไวแล้วมีการจดจำหน้าที่เราอ่านไว้ไม่ว่าจะอ่านไปหลาย10เล่มกลับไปเปิดเล่มแรกก็ยังจดจำหน้าที่อ่านไว้ได้โดยไม่มีอาการรอโหลดหรือคืนค่ากลับไปหน้าแรก อันนี้คือดีงามพระราม8ได้ใจมากดีกว่าของandroidเยอะ
ต่อมาเรื่องกล้องที่ดีสุดๆสำหรับtabletในตอนนี้อาจจะดีสุดในท้องตลาดด้วย รายละเอียดภาพความคมอะไรอาจไม่มากแต่ยกแล้วถ่ายเลยคุณภาพที่เอาไว้ดูแค่ฉาบฉวยลงIG,Facebookหรือpantipก็สวยงามเพียงพอต่อการใช้งาน การวัดแสงอะไรต่างๆถือว่าดีแต่มาตายตรงที่ไม่มีmanualบังคับautoอย่างเดียว
รูปตัวอย่างแบบยกถ่าย
ถัดมาapp notesที่มากะเครื่องถือว่าแจ่มเป็ดพอตัววาดได้เขียนได้แม้จะมีtoolsให้เลือกไม่มากแต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นหรือฉาบฉวยแบบคุณภาพดี
วาดโดยใช้นิ้ววาดยังไม่ได้ซื้อapple pencil
การว้าวกับappsที่มากับเครื่องหมดลงทีนี้ก็มาวุ่นวายกับระบบดู โดยส่วนตัวไม่รู้ว่าiOS 10กับ11ต่างกันขนาดไหนแต่จะขอเทียบกับการใช้Android osว่าการใช้multitaskหรือเปิดหลายๆโปรแกรมร่วมกันนั้นiOS โหดมากจัดการได้เปิดเกมเปิดหนังดูเวปหรือappsอื่นๆสลับไปๆมาๆได้โดยที่appsเหล่านั้นไม่คืนค่าเริ่มต้นต้องโหลดใหม่ ถือว่าจัดการกับระบบได้ดีมากขนาดแค่ram4gbถือว่าเริ่มน้อยสำหรับandroid osแต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็แอบมีปัญหาบ้างในการใช้appsแบ่ง2หน้าจอ คือถ้าappsที่มากะเครื่องโดยตรงนั้นปัญหาไม่มีแบ่งหน้าจอได้สวยงามแต่ถ้าเป็นappsที่ต้องโหลดเพิ่มจากAppStore บางตัวแบ่งหน้าจอไม่ได้หรือบางทีแบ่งได้แต่จะพอจะปิดอีกฝั่งดันต้องกลับไปหน้าhomeเลยปิดแบบหน้าใดหน้าหนึ่งไม่ได้
Appsที่มากะเครื่องแบ่งหน้าจอได้สวยงามเต็มหน้าปิดอีกหน้าแค่เลื่อนเข้าด้านข้าง
ส่วนappsที่โหลดเพิ่มบางครั้งยังไม่รองรับแบบการแบ่ง2หน้าจอแบบเต็มที่มีerrorบ้าง
เรื่องการดูหนังหรือเล่นเกมนี่บอกเลยลื่นๆสบายๆ4Kก็ไหวเหลือๆแต่จอที่มากับอัตราส่วน4:3(หรือเปล่า)บางครั้งหนังบางเรื่องที่มีอัตราส่วนแบบ16:9ก็เหลือขอบดำเยอะเหมือนกัน การเล่นเกมบางครั้งจำพวกเกมที่ต้องบังคับตลอดเวลาจำพวกmoba,actionจำพวกRoVนี่ลำบากหน่อยเพราะจอที่ใหญ่และน้ำหนักที่เยอะ แต่ถ้าเกมไหนต่อจอยBluetoothก็สบายไปได้จอใหญ่แรงลื่นถึงกับฟินกันเลยทีเดียว
ขอบดำบนล่างถ้าตัดcontrol barออกยิ่งเหลือเยอะ(แต่อันนี้รับได้)
ส่วนเกมจอใหญ่เต็มตาแต่อาจไม่คุ้นกับขนาดอัตราส่วนแบบนี้บ้าง
ส่วนหนังพวกmkvต้องอาศัยappsที่โหลดในAppStoreเพราะapp videosที่มากะเครื่องลงผ่านiTunesตรงๆไม่ได้ ถือว่าเป็นจุดที่หน้าหงุดหงิดเพราะiPadมีประสิทธิภาพสูงน่าจะทำให้รองรับfile mkvหรือนามสกุลอื่นๆไปเลยโดยที่ไม่ต้องไปโหลดappsมาเพิ่ม แต่ที่อาจไม่ใส่มาเพราะอาจจะมีเหตุผลทางการตลาดก็เป็นได้
หนังพวกmkvต้องใช้appsที่ต้องโหลดเพิ่มอาจมีerrorบ้างบางครั้ง
การจดบันทึกหรือการเขียนemailด้วยเสียงก็ทำได้ดีผิดพลาดน้อยถ้าอยู่ในที่เงียบฟังสำเนียงได้หลากหลายขึ้น หรือแม้แต่ตัวช่วยสะกดคำล่วงหน้าก็คาดเดาได้แม่นขึ้นแถมสามารถทำได้เป็นประโยคไม่ใช่เป็นแค่คำๆ
แม่นยำราวๆ80-90%
ส่วนเรื่องการจับสัญญาณWi-Fiถือว่าทำได้แม่นยำไม่หลุดทำได้ดีระดับlaptopตัวแพงๆ ช่องหูฟัง3.5ยังมีมาให้ แต่contacts3ขาด้านซ้ายของเครื่องมีอุปกรณ์อะไรต่อเสริมได้นอกsmart keyboardของapple หรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ ส่วนช่องlighting portใต้เครื่องใช้สายชาร์จร่วมกับiPhone,iPadsตัวอื่นๆได้ปกติแถมiPad proรุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็วมาตรฐานPD2.0แต่ที่ชาร์จที่แถมมาappleยังงกใส่แค่ตัวธรรมดา12wมาให้ส่วนอยากได้แบบPDต้องซื้อแยก พวกsmart keyboard,pencil และPD chargerของapple เป็นของที่ต้องซื้อแยกเองหมดทั้ง3อย่างนี้รวมราคาราวๆ11000-12000นิดๆ.....แค่คิดก็หมดตัวแล้ว ส่วนพวกเศส,กันรอยหน้าจอหาซื้อได้ทั่วไปมีตั้งแต่ถูกยันแพงหาซื้อง่าย
สรุปแล้วสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นเกมหรือเอ็นเตอร์เทนอย่างเดียวผมมองว่าแพงไปiPadตัวธรรมดาปี2017ก็ใช้งานได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนแบบปีต่อปีแต่ถ้ากะจะใช้3ปีเปลี่ยนก็ถือว่าคุ้มความแรงมันถือว่าไม่แพ้laptopแค่appมันคนละงานเท่านั้น ความยุ่งยากในการโอนfileสู่คอมที่ต้องแบ่งหมวดหมู่จะทำให้คุณมีความเป็นระเบียบขึ้นมาอีกนิดนึง สำหรับสายวาดรูปผมมองว่าเป็นtabletที่ทำงานแบบstand aloneได้ดีที่สุดตอนนี้เลย ถ้าให้เทียบกับWacom cintiqคงไม่ไหว แต่iPad proตัวนี้พกพาง่ายวาดที่ไหนก็ได้แล้วไม่ต้องต่อคอมแบบcintiqถือว่าได้อย่างเสียอย่างน่ะ ส่วนถ้าวาดรูปแนะนำว่าติดฟีมกันรอยดีกว่าคิดกระจกครับ แต่ถ้าเน้นจดโน๊ตตัว10.5น่าจะดีกว่าหนักน้อยกว่า แล้วถ้าซื้อทั้งทีควรซื้อตัว256gbขึ้นไปครับ เพราะเดียวนี้appเวลาupdateทีใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ64gbน่าจะเริ่มลำบากแล้ว
ข้อดี
จอใหญ่
วาดรูปตามนิ้วตามปากกามาก
เครื่องแรง
เสียงดี
แบตเตอรี่อยู่ได้นานพอตัว
กล้องดี
ข้อเสีย
หนัก
อุปกรณ์ขายแยกแพง
เชื่อมต่อยุ่งยาก
ตัวเครื่องที่ดูไม่แข็งแรง(ส่วนตัว)
[CR] Review iPad Pro12.9 G2(จากผู้ไม่เคยใช้apple)
ขอบอกก่อนว่านี่คือสินค้าจากappleชิ้นแรกที่ได้ซื้อมาใช้เองอาจreviewได้ไม่เต็มที่เพราะเพิ่งเคยใช้เอาเป็นว่าความรู้สึกของผู้ที่ไม่เคยใช้ ใช้แล้วเป็นยังไงดีกว่า
เครื่องที่ผมได้มานี่คือเครื่องอเมริกาได้มาในราคาที่ถูกกว่าเครื่องไทยออกศูนย์พอสมควร+กับความอยากได้iPad Proตัว12.9ตั้งแต่รุ่นแรกเพราะอยากได้เอามาวาดรูป แต่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเพราะไม่มีตัง555 โดยตอนแรกหลังแกะกล่องเปิดเครื่องก็พบความวุ่นวายในการเชื่อมต่อที่ต้องบังคับให้ต่อwifiทันทีโดยที่skipขั้นตอนนั้นไม่ได้แบบพวกAndroid os พอเข้าหน้าhome screenแล้วก็ยังคงเป็นiOS style ที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่iPhoneรุ่นแรกจนถึงตอนนี้
หลังจากsetup Apple ID ผ่านwifiเสร็จแล้วโดยการที่ผมไม่ได้ต่อผ่านiTunesผ่านคอม ประจวบกับเพิ่งupdate iOS 11.1.1ถึงขั้นงานเข้าเลย เพราะคอมที่เอาไว้ใช้แค่โหลดหนังเพลงและทำงานเอกสารนิดหน่อยนั้นยังเป็นwindows vista 32bitเลยทำให้เชื่อมต่อกับiTunesผ่านคอมไม่ได้เพราะiOS 11บังคับให้ใช้เป็น64bitเท่านั้น ทีนี่ลำบากเครื่องคอมเพื่อนที่ต้องยืมลงiTunesแล้วต้องพาลพบปัญหาของคนที่ไม่ได้ศึกษาระบบiOSเช่นผมคือมันจับเพลงหนังรูปโยนเข้าtabletโดยตรงไม่ได้แบบพวกandroidต้องแบ่งแยกเป็นหมวดอีก หนังลงผ่านiTunesได้แค่ตระกูลmp4ส่วนพวกหนังmkvพวกFullHD,4K นี่ลงผ่านiTunesโดยตรงไม่ได้ แต่ตรงนี้ลงผ่านโปรแกรมitoolsได้ง่ายกว่า แต่ตัวitoolsก็มีหลายเวอร์ชั่นและส่วนมากเป็นภาษาจีนแล้วหาโหลดยากพอตัว
เมื่อผ่านพ้นความยุ่งยากทั้งปวงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หลังจากนี้จะเป็นอะไรที่โคตรจะถูกใจผมโดยเฉพาะappที่มากะเครื่องอย่างiBook
เพราะส่วนตัวเป็นคนอ่านหนังสือเยอะแล้วมีfileหนังสือเป็นพวกpdfเยอะมาก แล้วตัวiBookก็โหลดได้ไวแล้วมีการจดจำหน้าที่เราอ่านไว้ไม่ว่าจะอ่านไปหลาย10เล่มกลับไปเปิดเล่มแรกก็ยังจดจำหน้าที่อ่านไว้ได้โดยไม่มีอาการรอโหลดหรือคืนค่ากลับไปหน้าแรก อันนี้คือดีงามพระราม8ได้ใจมากดีกว่าของandroidเยอะ
ต่อมาเรื่องกล้องที่ดีสุดๆสำหรับtabletในตอนนี้อาจจะดีสุดในท้องตลาดด้วย รายละเอียดภาพความคมอะไรอาจไม่มากแต่ยกแล้วถ่ายเลยคุณภาพที่เอาไว้ดูแค่ฉาบฉวยลงIG,Facebookหรือpantipก็สวยงามเพียงพอต่อการใช้งาน การวัดแสงอะไรต่างๆถือว่าดีแต่มาตายตรงที่ไม่มีmanualบังคับautoอย่างเดียว
ถัดมาapp notesที่มากะเครื่องถือว่าแจ่มเป็ดพอตัววาดได้เขียนได้แม้จะมีtoolsให้เลือกไม่มากแต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นหรือฉาบฉวยแบบคุณภาพดี
การว้าวกับappsที่มากับเครื่องหมดลงทีนี้ก็มาวุ่นวายกับระบบดู โดยส่วนตัวไม่รู้ว่าiOS 10กับ11ต่างกันขนาดไหนแต่จะขอเทียบกับการใช้Android osว่าการใช้multitaskหรือเปิดหลายๆโปรแกรมร่วมกันนั้นiOS โหดมากจัดการได้เปิดเกมเปิดหนังดูเวปหรือappsอื่นๆสลับไปๆมาๆได้โดยที่appsเหล่านั้นไม่คืนค่าเริ่มต้นต้องโหลดใหม่ ถือว่าจัดการกับระบบได้ดีมากขนาดแค่ram4gbถือว่าเริ่มน้อยสำหรับandroid osแต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็แอบมีปัญหาบ้างในการใช้appsแบ่ง2หน้าจอ คือถ้าappsที่มากะเครื่องโดยตรงนั้นปัญหาไม่มีแบ่งหน้าจอได้สวยงามแต่ถ้าเป็นappsที่ต้องโหลดเพิ่มจากAppStore บางตัวแบ่งหน้าจอไม่ได้หรือบางทีแบ่งได้แต่จะพอจะปิดอีกฝั่งดันต้องกลับไปหน้าhomeเลยปิดแบบหน้าใดหน้าหนึ่งไม่ได้
เรื่องการดูหนังหรือเล่นเกมนี่บอกเลยลื่นๆสบายๆ4Kก็ไหวเหลือๆแต่จอที่มากับอัตราส่วน4:3(หรือเปล่า)บางครั้งหนังบางเรื่องที่มีอัตราส่วนแบบ16:9ก็เหลือขอบดำเยอะเหมือนกัน การเล่นเกมบางครั้งจำพวกเกมที่ต้องบังคับตลอดเวลาจำพวกmoba,actionจำพวกRoVนี่ลำบากหน่อยเพราะจอที่ใหญ่และน้ำหนักที่เยอะ แต่ถ้าเกมไหนต่อจอยBluetoothก็สบายไปได้จอใหญ่แรงลื่นถึงกับฟินกันเลยทีเดียว
ส่วนหนังพวกmkvต้องอาศัยappsที่โหลดในAppStoreเพราะapp videosที่มากะเครื่องลงผ่านiTunesตรงๆไม่ได้ ถือว่าเป็นจุดที่หน้าหงุดหงิดเพราะiPadมีประสิทธิภาพสูงน่าจะทำให้รองรับfile mkvหรือนามสกุลอื่นๆไปเลยโดยที่ไม่ต้องไปโหลดappsมาเพิ่ม แต่ที่อาจไม่ใส่มาเพราะอาจจะมีเหตุผลทางการตลาดก็เป็นได้
การจดบันทึกหรือการเขียนemailด้วยเสียงก็ทำได้ดีผิดพลาดน้อยถ้าอยู่ในที่เงียบฟังสำเนียงได้หลากหลายขึ้น หรือแม้แต่ตัวช่วยสะกดคำล่วงหน้าก็คาดเดาได้แม่นขึ้นแถมสามารถทำได้เป็นประโยคไม่ใช่เป็นแค่คำๆ
ส่วนเรื่องการจับสัญญาณWi-Fiถือว่าทำได้แม่นยำไม่หลุดทำได้ดีระดับlaptopตัวแพงๆ ช่องหูฟัง3.5ยังมีมาให้ แต่contacts3ขาด้านซ้ายของเครื่องมีอุปกรณ์อะไรต่อเสริมได้นอกsmart keyboardของapple หรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ ส่วนช่องlighting portใต้เครื่องใช้สายชาร์จร่วมกับiPhone,iPadsตัวอื่นๆได้ปกติแถมiPad proรุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็วมาตรฐานPD2.0แต่ที่ชาร์จที่แถมมาappleยังงกใส่แค่ตัวธรรมดา12wมาให้ส่วนอยากได้แบบPDต้องซื้อแยก พวกsmart keyboard,pencil และPD chargerของapple เป็นของที่ต้องซื้อแยกเองหมดทั้ง3อย่างนี้รวมราคาราวๆ11000-12000นิดๆ.....แค่คิดก็หมดตัวแล้ว ส่วนพวกเศส,กันรอยหน้าจอหาซื้อได้ทั่วไปมีตั้งแต่ถูกยันแพงหาซื้อง่าย
สรุปแล้วสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นเกมหรือเอ็นเตอร์เทนอย่างเดียวผมมองว่าแพงไปiPadตัวธรรมดาปี2017ก็ใช้งานได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนแบบปีต่อปีแต่ถ้ากะจะใช้3ปีเปลี่ยนก็ถือว่าคุ้มความแรงมันถือว่าไม่แพ้laptopแค่appมันคนละงานเท่านั้น ความยุ่งยากในการโอนfileสู่คอมที่ต้องแบ่งหมวดหมู่จะทำให้คุณมีความเป็นระเบียบขึ้นมาอีกนิดนึง สำหรับสายวาดรูปผมมองว่าเป็นtabletที่ทำงานแบบstand aloneได้ดีที่สุดตอนนี้เลย ถ้าให้เทียบกับWacom cintiqคงไม่ไหว แต่iPad proตัวนี้พกพาง่ายวาดที่ไหนก็ได้แล้วไม่ต้องต่อคอมแบบcintiqถือว่าได้อย่างเสียอย่างน่ะ ส่วนถ้าวาดรูปแนะนำว่าติดฟีมกันรอยดีกว่าคิดกระจกครับ แต่ถ้าเน้นจดโน๊ตตัว10.5น่าจะดีกว่าหนักน้อยกว่า แล้วถ้าซื้อทั้งทีควรซื้อตัว256gbขึ้นไปครับ เพราะเดียวนี้appเวลาupdateทีใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ64gbน่าจะเริ่มลำบากแล้ว
ข้อดี
จอใหญ่
วาดรูปตามนิ้วตามปากกามาก
เครื่องแรง
เสียงดี
แบตเตอรี่อยู่ได้นานพอตัว
กล้องดี
ข้อเสีย
หนัก
อุปกรณ์ขายแยกแพง
เชื่อมต่อยุ่งยาก
ตัวเครื่องที่ดูไม่แข็งแรง(ส่วนตัว)