ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าโดยส่วนตัวผมเองแล้วเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นงมงายซะจนเชื่อไปทุกอย่างนะครับ เพียงแต่ว่าตัวเองเจอมาบ่อยตั้งแต่เด็กๆ อย่างที่เข้าใจกันแหละครับ คนเจอก็เชื่อคนไม่เคยเจอพูดยังไงก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่เรื่องที่อยากจะเล่าครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาเนื้อของตัวเอง แบบชัดๆ ไม่ใช่แว๊บไปแว๊บมาเหมือนที่เคยเจอ เริ่มเลยแล้วกันครับ
ตอนที่ 1 : ปฐมบท
ช่วงปลายปีที่แล้วผมป่วยหนักเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เอ ตอนแรกอาการก็เหมือนคนเป็นไข้หวัดธรรมดานี่แหละครับแต่เป็นติดต่อกันประมาณ 3 วัน ได้แต่นอนซมอยู่ที่ห้องพัก ไม่มีเรี่ยวแรงไข้ขึ้นสูง พอที่เข้าวันที่ 4 รู้สึกตัวเองเริ่มไม่ไหวเลยโทรให้น้องที่ทำงานพาไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ผมไปรักษาตัวเป็นประจำนี่แหละครับ น้องเค้าขับรถพาผมไปถึงที่โรงพยาบาลประมาน 10 โมงเช้า พยาบาลเห็นว่าอาการหนักเลยให้รอหมอแล้วนอนรออยู่ในห้องฉุกเฉินให้ยาแก้ไข้ รักษาตามอาการมาเรื่อยๆโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ จนสักเที่ยงกว่าๆคุณหมอก็มาตรวจผลออกมามีไข้สูงมาก 40 กว่าๆ เลยขอให้ผมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนน้องที่มาส่งขอกลับไปทำงานต่อเนื่องจากมีงานด่วนต้องรีบทำ ผมก็นอนรอไปเรื่อยๆเพื่อที่จะย้ายไปอยู่เตียงประจำ ด้วยความที่ผมเจออะไรพวกนี้มาบ่อยผมเลยบอกพยาบาลว่าขอนอนห้องเตียงรวม ไม่นอนเตียงเดี่ยว เพราะไม่มีคนมาเฝ้าด้วยไม่อยากให้ญาติพี่น้องต้องมาลำบาก และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไรมาก
จนแล้วจนรอดผมนอนรอแล้วรออีก ตั้งแต่เที่ยงที่หมอตรวจจนถึงประมาน 6 โมงเย็นก็ยังหาเตียงให้ไม่ได้ แต่ได้ยินพยาบาลคุยกันว่าข้างบนมีเตียงว่างอยู่เตียงนึงทำไม่ไม่รับขึ้นไป แล้วได้ยินเค้าโทรเช็คให้ตลอดแต่ก็ยังไม่ได้ย้ายขึ้นไปสักที จนสัก 3 ทุ่มพยาบาลเปลี่ยนเวรมาอีกชุดก็พูดคำเดิมว่าทำไมไม่ย้ายเตียงนี้ขึ้นข้างบน แล้วก็ได้ยินเสียงโทรประสานอีก ตอนนั้นผมเริ่มไม่คิดอะไรหละมึนๆยา ง่วงๆหลับๆตื่นๆ สะดุ้งอีกทีมีพยาบาลมาปลุกเหลือบดูนาฬิกาก็ประมาณ 5 ทุ่มกว่าได้ บอกให้ย้ายขึ้นไปเตียงข้างบนชั้น 6 ห้องรวมไม่มีเตียงว่าง แต่เป็นห้องคู่ได้ไหม ผมบอกได้อย่างน้อยก็มีคนนอนเป็นเพื่อนกัน พอขึ้นมาถึงที่ห้องก็เจอเตียงข้างๆเขานอนติดหน้าต่างปิดผ้าม่าน ส่วนผมนอนติดกำแพงห้องน้ำ สภาพของเตียงข้างๆเป็นลุงอายุสัก 50 กว่าๆ ตัวผอมเกร็ง ผมนอนมองหน้าเค้าแวปนึงเห็นแต่ตาขาวๆ แทบจะมองไม่เห็นตาดำ สภาพแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย อยู่กับเมียเค้าซึ่งมาเฝ้าอยู่ พยาบาลถามผมว่าจะอาบน้ำก่อนทานยานอนไหม ผมบอกว่าไม่มีแรง ขอให้เช็ดตัวให้หน่อยพยาบาลก็มารุมเช็ดตัวให้ 3-4 คน พอเสร็จพยาบาลถามผมว่าจะเปลี่ยนชุดไหมผมบอกว่ายังก่อนเพราะคิดว่าคงนอนดูอาการอย่างเดียว เช้าคงกลับบ้านได้ สักพักพยาบาลก็ออกไปกันหมดเหลือแต่ผม คุณลุงและแฟนของแกซึ่งกำลังจะกลับบ้าน ลุงแกก็คุยกับผมดีอยู่ถามว่าเป็นอะไร บลาๆๆ ตามประสาคนป่วยคุยกัน ผมจะโทรบอกที่บ้านแต่มือถือกลับแบตหมดพอดี ผมเลยขอยืมที่ชาร์ตจากแฟนลุง แกบอกว่าไม่ได้ติดมาด้วย แต่แกกำลังจะกลับบ้านพรุ่งนี้เช้าแกจะเอามาจากที่บ้านให้ ผมก็เลยไม่ได้บอกใครเลยคืนนั้น จากนั้นพยาบาลก็เอายามาให้ ผมกินยานอนไป ลืมบอกไปว่าเสื้อที่ผมใส่นอนเป็นเหมือนเสื้อกันหนาวมีตราของมหาวิทยาลัยที่ผมจบมาเป็นรูปธรรมจักร(ที่ต้องบอกเพราะมันมีเหตุผล) สรุปคืนนั้นก็นอนหลับไปด้วยความเพลียมาก มีไข้ หนาวสั่น จนถึงตอนประมานตี 5 พยาบาลมาปลุกบอกผลตรวจเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอให้ผมสวมแมสตลอดเวลาเพราะกลัวไปติดลุงข้างๆ เท่าที่รู้แกเป็นโรคเกี่ยวกับช่องท้องอะไรสักอย่าง คืนแรกผ่านไปด้วยดี
จนมาช่วงสายๆ คุณหมอบอกผมว่าคงต้องนอนพัก 4-5 วันถึงจะหายเพราะไข้ยังสูงอยู่ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาบน้ำแต่พยาบาลเอาชุดของโรงพยาบาลมาเปลี่ยนให้ วันนั้นผมก็นอนซมอยู่ทั้งวัน แต่ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งก็คือคุณลุงแกจะไม่ยอมให้แฟนแกเปิดม่านหน้าต่างเลย แกบอกผมว่าแสบตา แกถามผมว่าอยู่มืดๆได้ไหม ผมก็บอกแกไปว่าสบายมากผมชอบมืดๆหลับสบายดี ระหว่างวันนั้นผมก็หลับๆตื่นๆ ส่วนแฟนแกมาแป๊บเดียวเพราะแกบอกจะต้องรีบไปขายของ ซื้อขนมมาฝากผมด้วย พร้อมกับเอาที่ชาร์ตแบตมาให้ผมเสียบชาร์ตไว้ แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสที่จะบอกใคร มีแต่ที่ทำงานโทรมาถามอาการผมเลยบอกว่าหมอให้นอน 4-5 วัน กว่าจะหาย สรุปวันนั้นนอนทั้งวัน พอตอนเย็นมีแรงลุกนั่งบ้างเลยสงสัยที่ปลายเตียงมียาที่ผมต้องกินตามรอบวางอยู่เต็มไปหมด เลยแอบสงสัยว่าทำไมพยาบาลไม่ปลุกผมเวลาเอายามาให้ ปกติทั่วไปพยาบาลต้องถามชื่อคนไข้ บอกว่ายาต้องกินยังไงนิ งง แต่ก็ไม่เอะใจอะไร คุณลุงเตียงข้างๆก็ถามผมจะกินข้าวกินปลาไหม เห็นนอนทั้งวัน ผมบอกไม่หิว จากนั้นก็ต่างคนต่างนอน ที่ผมจำได้คือปิดไฟมืดหมดเหลือแต่ไฟหน้าห้องน้ำ สีแดงๆที่ส่องมาถึงแค่ปลายเตียงของผม แต่หากมองไปทางเตียงของคุณลุงจะเห็นแกนอนชัดเจน ที่จำได้ติดตาคือสายตาเวลาแกหันหน้ามาเจอกับผมแกมองตาแข็งๆ เห็นตาขาวเยอะๆตาดำไม่ค่อยจะมี แล้วเรื่องของเรื่องก็เกิดขึ้นคืนนี้แหละครับ
เดะมาต่อนะ ทำงานก่อน
----------------------------------------------------------------------------------------
เพื่อเป็นการที่จะได้ไม่เสียอรรรถรส
ตอนที่ 2 อยู่ที่คห.ที่ 3 ครับ
ตอนที่ 3 อยู่ที่คห.ที่ 7 ครับ
ตอนที่ 4 อยู่ที่คห.ที่ 47 ครับ
บทส่งท้าย อยู่ที่คห.ที่ 54 ครับ
ประสบการณ์ตรงจากโรงพยาบาล "ห้องเตียงคู่"
ตอนที่ 1 : ปฐมบท
ช่วงปลายปีที่แล้วผมป่วยหนักเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เอ ตอนแรกอาการก็เหมือนคนเป็นไข้หวัดธรรมดานี่แหละครับแต่เป็นติดต่อกันประมาณ 3 วัน ได้แต่นอนซมอยู่ที่ห้องพัก ไม่มีเรี่ยวแรงไข้ขึ้นสูง พอที่เข้าวันที่ 4 รู้สึกตัวเองเริ่มไม่ไหวเลยโทรให้น้องที่ทำงานพาไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ผมไปรักษาตัวเป็นประจำนี่แหละครับ น้องเค้าขับรถพาผมไปถึงที่โรงพยาบาลประมาน 10 โมงเช้า พยาบาลเห็นว่าอาการหนักเลยให้รอหมอแล้วนอนรออยู่ในห้องฉุกเฉินให้ยาแก้ไข้ รักษาตามอาการมาเรื่อยๆโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ จนสักเที่ยงกว่าๆคุณหมอก็มาตรวจผลออกมามีไข้สูงมาก 40 กว่าๆ เลยขอให้ผมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนน้องที่มาส่งขอกลับไปทำงานต่อเนื่องจากมีงานด่วนต้องรีบทำ ผมก็นอนรอไปเรื่อยๆเพื่อที่จะย้ายไปอยู่เตียงประจำ ด้วยความที่ผมเจออะไรพวกนี้มาบ่อยผมเลยบอกพยาบาลว่าขอนอนห้องเตียงรวม ไม่นอนเตียงเดี่ยว เพราะไม่มีคนมาเฝ้าด้วยไม่อยากให้ญาติพี่น้องต้องมาลำบาก และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไรมาก
จนแล้วจนรอดผมนอนรอแล้วรออีก ตั้งแต่เที่ยงที่หมอตรวจจนถึงประมาน 6 โมงเย็นก็ยังหาเตียงให้ไม่ได้ แต่ได้ยินพยาบาลคุยกันว่าข้างบนมีเตียงว่างอยู่เตียงนึงทำไม่ไม่รับขึ้นไป แล้วได้ยินเค้าโทรเช็คให้ตลอดแต่ก็ยังไม่ได้ย้ายขึ้นไปสักที จนสัก 3 ทุ่มพยาบาลเปลี่ยนเวรมาอีกชุดก็พูดคำเดิมว่าทำไมไม่ย้ายเตียงนี้ขึ้นข้างบน แล้วก็ได้ยินเสียงโทรประสานอีก ตอนนั้นผมเริ่มไม่คิดอะไรหละมึนๆยา ง่วงๆหลับๆตื่นๆ สะดุ้งอีกทีมีพยาบาลมาปลุกเหลือบดูนาฬิกาก็ประมาณ 5 ทุ่มกว่าได้ บอกให้ย้ายขึ้นไปเตียงข้างบนชั้น 6 ห้องรวมไม่มีเตียงว่าง แต่เป็นห้องคู่ได้ไหม ผมบอกได้อย่างน้อยก็มีคนนอนเป็นเพื่อนกัน พอขึ้นมาถึงที่ห้องก็เจอเตียงข้างๆเขานอนติดหน้าต่างปิดผ้าม่าน ส่วนผมนอนติดกำแพงห้องน้ำ สภาพของเตียงข้างๆเป็นลุงอายุสัก 50 กว่าๆ ตัวผอมเกร็ง ผมนอนมองหน้าเค้าแวปนึงเห็นแต่ตาขาวๆ แทบจะมองไม่เห็นตาดำ สภาพแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย อยู่กับเมียเค้าซึ่งมาเฝ้าอยู่ พยาบาลถามผมว่าจะอาบน้ำก่อนทานยานอนไหม ผมบอกว่าไม่มีแรง ขอให้เช็ดตัวให้หน่อยพยาบาลก็มารุมเช็ดตัวให้ 3-4 คน พอเสร็จพยาบาลถามผมว่าจะเปลี่ยนชุดไหมผมบอกว่ายังก่อนเพราะคิดว่าคงนอนดูอาการอย่างเดียว เช้าคงกลับบ้านได้ สักพักพยาบาลก็ออกไปกันหมดเหลือแต่ผม คุณลุงและแฟนของแกซึ่งกำลังจะกลับบ้าน ลุงแกก็คุยกับผมดีอยู่ถามว่าเป็นอะไร บลาๆๆ ตามประสาคนป่วยคุยกัน ผมจะโทรบอกที่บ้านแต่มือถือกลับแบตหมดพอดี ผมเลยขอยืมที่ชาร์ตจากแฟนลุง แกบอกว่าไม่ได้ติดมาด้วย แต่แกกำลังจะกลับบ้านพรุ่งนี้เช้าแกจะเอามาจากที่บ้านให้ ผมก็เลยไม่ได้บอกใครเลยคืนนั้น จากนั้นพยาบาลก็เอายามาให้ ผมกินยานอนไป ลืมบอกไปว่าเสื้อที่ผมใส่นอนเป็นเหมือนเสื้อกันหนาวมีตราของมหาวิทยาลัยที่ผมจบมาเป็นรูปธรรมจักร(ที่ต้องบอกเพราะมันมีเหตุผล) สรุปคืนนั้นก็นอนหลับไปด้วยความเพลียมาก มีไข้ หนาวสั่น จนถึงตอนประมานตี 5 พยาบาลมาปลุกบอกผลตรวจเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอให้ผมสวมแมสตลอดเวลาเพราะกลัวไปติดลุงข้างๆ เท่าที่รู้แกเป็นโรคเกี่ยวกับช่องท้องอะไรสักอย่าง คืนแรกผ่านไปด้วยดี
จนมาช่วงสายๆ คุณหมอบอกผมว่าคงต้องนอนพัก 4-5 วันถึงจะหายเพราะไข้ยังสูงอยู่ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาบน้ำแต่พยาบาลเอาชุดของโรงพยาบาลมาเปลี่ยนให้ วันนั้นผมก็นอนซมอยู่ทั้งวัน แต่ที่สังเกตได้อย่างหนึ่งก็คือคุณลุงแกจะไม่ยอมให้แฟนแกเปิดม่านหน้าต่างเลย แกบอกผมว่าแสบตา แกถามผมว่าอยู่มืดๆได้ไหม ผมก็บอกแกไปว่าสบายมากผมชอบมืดๆหลับสบายดี ระหว่างวันนั้นผมก็หลับๆตื่นๆ ส่วนแฟนแกมาแป๊บเดียวเพราะแกบอกจะต้องรีบไปขายของ ซื้อขนมมาฝากผมด้วย พร้อมกับเอาที่ชาร์ตแบตมาให้ผมเสียบชาร์ตไว้ แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสที่จะบอกใคร มีแต่ที่ทำงานโทรมาถามอาการผมเลยบอกว่าหมอให้นอน 4-5 วัน กว่าจะหาย สรุปวันนั้นนอนทั้งวัน พอตอนเย็นมีแรงลุกนั่งบ้างเลยสงสัยที่ปลายเตียงมียาที่ผมต้องกินตามรอบวางอยู่เต็มไปหมด เลยแอบสงสัยว่าทำไมพยาบาลไม่ปลุกผมเวลาเอายามาให้ ปกติทั่วไปพยาบาลต้องถามชื่อคนไข้ บอกว่ายาต้องกินยังไงนิ งง แต่ก็ไม่เอะใจอะไร คุณลุงเตียงข้างๆก็ถามผมจะกินข้าวกินปลาไหม เห็นนอนทั้งวัน ผมบอกไม่หิว จากนั้นก็ต่างคนต่างนอน ที่ผมจำได้คือปิดไฟมืดหมดเหลือแต่ไฟหน้าห้องน้ำ สีแดงๆที่ส่องมาถึงแค่ปลายเตียงของผม แต่หากมองไปทางเตียงของคุณลุงจะเห็นแกนอนชัดเจน ที่จำได้ติดตาคือสายตาเวลาแกหันหน้ามาเจอกับผมแกมองตาแข็งๆ เห็นตาขาวเยอะๆตาดำไม่ค่อยจะมี แล้วเรื่องของเรื่องก็เกิดขึ้นคืนนี้แหละครับ
เดะมาต่อนะ ทำงานก่อน
----------------------------------------------------------------------------------------
เพื่อเป็นการที่จะได้ไม่เสียอรรรถรส
ตอนที่ 2 อยู่ที่คห.ที่ 3 ครับ
ตอนที่ 3 อยู่ที่คห.ที่ 7 ครับ
ตอนที่ 4 อยู่ที่คห.ที่ 47 ครับ
บทส่งท้าย อยู่ที่คห.ที่ 54 ครับ