เพิ่งไปดูมาเมื่อคืนแต่หมดแรงจะรีวิว เพราะลุ้นหนังจนหมดแรง แต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น
เข้าใจสิ เอาใจช่วยด้วยว่าจะ
1.เปลี่ยนโทนหนังจากมืดมาสว่าง
2.เน้นความสนุกมากขึ้น
3.หรือแม้แต่จะเดินตามรอยความสำเร็จของมาร์เวล
ในฐานะคนที่ชอบแบทไตรภาคของโนแลน MOS และ BVS มาก ก็ทำใจไว้แล้ว (ตั้งแต่ดูวันเดอร์วูแมนแล้ว) ว่าต่อไปนี้หนังดีซีจะเดินออกจากเงาของโนแลน(และแซค??) แล้วนะ ต่อไปจะไม่เหมือนเดิมอย่างที่เราชอบแล้ว แต่ผมผูกพันกับแบทมาตั้งแต่ยุคทิม เบอร์ตัน ปี 1989 แล้วยังไงก็เอาใจช่วยปรากฏว่าก็ไม่วายจะผิดหวัง
ข้อที่ไม่ชอบ
1.แมสเสจของเรื่อง
คุณจะด่า MOS และ BVS ยังไง แต่ทั้งสองเรื่องก็มีแมสเสจของเรื่องชัดเจน (MOS ว่าด้วยการเติบใหญ่และเรียนรู้ชีวิตของซุป รวมถึงFreewill ในการเลือกใช้ชีวิต - BVS ว่าด้วยประเด็นทางการเมืองเรื่องการควบคุมอำนาจที่ควบคุมไม่ได้และจริยธรรมทางกฎหมาย)
ไม่ใช่ว่าหนังเครียดๆ เท่านั้นที่จะมีแกนเรื่องหรือแมสเสจชัด ๆ หนังดูสนุก ๆ อย่างเดอะการ์เดี้ยน 2 ก็มีแกนเรื่องที่ชัดและคมคายท่ามกลางธีมตลกเบาสมอง (ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัว – เราสามารถเลือกเป็น/เลือกเชื่อ ในสิ่งที่ครอบครัวไม่คาดหวังก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง “แบก” สิ่งที่ครอบครัวเราอยากให้แบก ไกลกว่านั้นคือ “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่เราสร้างได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผูกติดว่าเราเกิดมาแบบไหนหรือเกิดมาจากใคร)
แต่...JL คืออะไร....ดูหนังจบ 2 ชั่วโมง แล้วก็จบ.... ย้ำอีกทีนะครับ นี่ไม่ได้คาดหวังว่าหนังต้องเครียด ดราม่า ดาร์คนะ เพียงแต่ของให้มันมีแมสเสจบ้าง ที่จะบอกอะไรกับคนดู
2.วิธีการเล่าเรื่อง
ดูแล้วนึกถึง suicide squad คือมีความเร่งค่อนข้างสูง และมีเส้นเรื่องเดี่ยวตรงไปสู่ไคลแมกซ์คล้าย ๆ กัน แต่ต่างกันตรง SS มีซับพลอตที่พาเรา “แวะ” ไปดูเรื่องย่อยของแต่ละตัวละครที่ไม่หลุดธีมออกจากเส้นเรื่องหลักเช่น มีปมความรักของฮาร์ลี่ย์ มีปมลูกสาวของเดธชอต ทั้งสองปมผูกอยู่กับเส้นเรื่องหลักในการไปปราบตัวร้าย ที่ไม่แน่ว่าทีมง่อนแง่นๆ ของ SS นี่จะมีศักยภาพปราบได้ไหม (แม้ว่าตอนจบจะตัดฉับปราบได้ง่ายๆ ก็เหอะ)
แต่ตัว JL มันไม่มีซับพลอตแบบนั้น ซับพลอตในส่วนแบท ซุป วันเดอร์วูแมนนี่แทบไม่มี โอเคจะบอกว่าเล่าแล้วในหนังเรื่องก่อนก็พอถูไถ แต่อควาแมนและไซบอร์กนี่แทบจะโดนทอดทิ้ง มีปูมหลังให้นิดหน่อยแล้วลุยเลย จนเราไม่รู้แรงขับเบื้องหลังของอควาแมนและไซบอร์กเลย (ต่างกับเดธชอตและฮาร์เลย์ใน SS ที่ปูปูมเรื่องครอบครัวและความรักอยู่ ทำให้เราผูกพันกับตัวละครมากขึ้น)
ส่วนแฟลชโชคดีตรงที่ปูมที่ปูให้แม้จะมีนิดเดียว แต่เป็นอะไรที่กินใจอยู่(แต่มันไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลักเลย) และความน่ารักของตัวละครพาเอาตัวรอดมาได้
คือการเล่าเรื่องที่ไม่มีซับพลอตหรือซับพลอตไม่แข็งแรงพอ ในหนังที่ตัวละครหลักยังไม่ได้แนะนำตัวสู่สาธารณะชนอย่างทั่วถ้วน ทำให้เรารู้จักแค่ อ๋อ อควาแมนยอดมนุษย์จากใต้น้ำ อ๋อไซบอร์กหุ่นครึ่งคนดูๆ เหมือนจะมีปัญหาอะไรกับพ่อนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแน่ ๆ แล้วทำไมต้องดูเก็บกดหน้าบูดตลอดเวลา
ยิ่งตัวร้ายยิ่งแล้วใหญ่ (เรื่องนี้แย่เหมือน เอจออฟอัลตรอนเป๊ะเลย) ฝีมือจะกากไม่กากยังไม่เป็นไร แต่ปูมมันไม่มี อยู่ ๆ ก็โผล่มาจะบุกโลก มีเนื้อเรื่องบาง ๆ ว่าเป็นเอเลี่ยนโบราณที่เคยบุกโลกแล้วไม่สำเร็จและจบ
ตัวร้ายแย่ ๆ อย่างแม่มดใน SS เรายังรู้สึกว่ามันมีปูมเรื่อง need ที่ให้มนุษย์บูชาในโลกที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปหมดแล้ว นายพลซอดใน MOS นี่ลึกนะ (เขาคือเผด็จการที่เน้นผลลัพธ์-ความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ โดยไม่ตั้งคำถามอื่น ซึ่งขัดกับสิ่งที่ซุปเติบโตมาในไร่ในประเทศเสรี)
3.แอคชั่นซีน
มาตรฐานตกต่ำกว่าทุกเรื่อง องค์ประกอบด้าน CG ที่แย่เป็นประการหนึ่ง การเลือกธีมดนตรีแบบเอลฟ์แมนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการส่งเสริมอารมณ์ความดุเดือด ดุดัน จัดจ้าน มันในอารมณ์ (พอตัดเป็นดนตรีของฮาน ซิมเมอร์และจังกี้ xl มาตอนไหนก็รู้สึกว่ามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลยทันที)
สรุป อาจจะเพราะโดนวิจารณ์เละใน MOS และ BVS เละเทะ ทางค่ายเลยจะปรับทิศทางใหม่ แต่บอกตามตรง มันไม่ควรทำอย่างที่ทำ เพราะมันเละเทะเอามาก ๆ และสันนิษฐานได้ว่า มันเป็นเพราะ ไม่ได้วางแผนมาแต่แรก แต่เลือกให้วีดอนมาปรับหนังที่แซคถ่ายเสร็จแล้ว ผลลัพธ์เลยออกมาแบบนี้
นี่ตัวเองไม่ได้อะไรนะ สมัยนักวิจารณ์ถล่ม BVS ผมยังยืนหยัดว่า เห้ย ของมันดีอยู่ แต่รอบนี้บอกตามตรงไม่ไหวแล้วจริง ๆ ครับ สมแล้วที่มะเขือเน่าให้คะแนนแค่นั้น
แต่ท้ายที่สุด ด้วยความผูกพันกับตัวละครแบทแมนมาตั้งแต่เด็ก ๆ เห็นหลายๆ คนดูสนุก ดูแล้วชอบ ก็ยินดีด้วย ก็อยากให้ประสบความสำเร็จในทิศทางใหม่ที่ทางค่ายเลือกครับ
Justice league เมื่อไม่ยืนหยัดในจุดยืน ก็แกว่งสิครับ (ไม่สปอยล์) 5/10
เข้าใจสิ เอาใจช่วยด้วยว่าจะ
1.เปลี่ยนโทนหนังจากมืดมาสว่าง
2.เน้นความสนุกมากขึ้น
3.หรือแม้แต่จะเดินตามรอยความสำเร็จของมาร์เวล
ในฐานะคนที่ชอบแบทไตรภาคของโนแลน MOS และ BVS มาก ก็ทำใจไว้แล้ว (ตั้งแต่ดูวันเดอร์วูแมนแล้ว) ว่าต่อไปนี้หนังดีซีจะเดินออกจากเงาของโนแลน(และแซค??) แล้วนะ ต่อไปจะไม่เหมือนเดิมอย่างที่เราชอบแล้ว แต่ผมผูกพันกับแบทมาตั้งแต่ยุคทิม เบอร์ตัน ปี 1989 แล้วยังไงก็เอาใจช่วยปรากฏว่าก็ไม่วายจะผิดหวัง
ข้อที่ไม่ชอบ
1.แมสเสจของเรื่อง
คุณจะด่า MOS และ BVS ยังไง แต่ทั้งสองเรื่องก็มีแมสเสจของเรื่องชัดเจน (MOS ว่าด้วยการเติบใหญ่และเรียนรู้ชีวิตของซุป รวมถึงFreewill ในการเลือกใช้ชีวิต - BVS ว่าด้วยประเด็นทางการเมืองเรื่องการควบคุมอำนาจที่ควบคุมไม่ได้และจริยธรรมทางกฎหมาย)
ไม่ใช่ว่าหนังเครียดๆ เท่านั้นที่จะมีแกนเรื่องหรือแมสเสจชัด ๆ หนังดูสนุก ๆ อย่างเดอะการ์เดี้ยน 2 ก็มีแกนเรื่องที่ชัดและคมคายท่ามกลางธีมตลกเบาสมอง (ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัว – เราสามารถเลือกเป็น/เลือกเชื่อ ในสิ่งที่ครอบครัวไม่คาดหวังก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง “แบก” สิ่งที่ครอบครัวเราอยากให้แบก ไกลกว่านั้นคือ “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่เราสร้างได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผูกติดว่าเราเกิดมาแบบไหนหรือเกิดมาจากใคร)
แต่...JL คืออะไร....ดูหนังจบ 2 ชั่วโมง แล้วก็จบ.... ย้ำอีกทีนะครับ นี่ไม่ได้คาดหวังว่าหนังต้องเครียด ดราม่า ดาร์คนะ เพียงแต่ของให้มันมีแมสเสจบ้าง ที่จะบอกอะไรกับคนดู
2.วิธีการเล่าเรื่อง
ดูแล้วนึกถึง suicide squad คือมีความเร่งค่อนข้างสูง และมีเส้นเรื่องเดี่ยวตรงไปสู่ไคลแมกซ์คล้าย ๆ กัน แต่ต่างกันตรง SS มีซับพลอตที่พาเรา “แวะ” ไปดูเรื่องย่อยของแต่ละตัวละครที่ไม่หลุดธีมออกจากเส้นเรื่องหลักเช่น มีปมความรักของฮาร์ลี่ย์ มีปมลูกสาวของเดธชอต ทั้งสองปมผูกอยู่กับเส้นเรื่องหลักในการไปปราบตัวร้าย ที่ไม่แน่ว่าทีมง่อนแง่นๆ ของ SS นี่จะมีศักยภาพปราบได้ไหม (แม้ว่าตอนจบจะตัดฉับปราบได้ง่ายๆ ก็เหอะ)
แต่ตัว JL มันไม่มีซับพลอตแบบนั้น ซับพลอตในส่วนแบท ซุป วันเดอร์วูแมนนี่แทบไม่มี โอเคจะบอกว่าเล่าแล้วในหนังเรื่องก่อนก็พอถูไถ แต่อควาแมนและไซบอร์กนี่แทบจะโดนทอดทิ้ง มีปูมหลังให้นิดหน่อยแล้วลุยเลย จนเราไม่รู้แรงขับเบื้องหลังของอควาแมนและไซบอร์กเลย (ต่างกับเดธชอตและฮาร์เลย์ใน SS ที่ปูปูมเรื่องครอบครัวและความรักอยู่ ทำให้เราผูกพันกับตัวละครมากขึ้น)
ส่วนแฟลชโชคดีตรงที่ปูมที่ปูให้แม้จะมีนิดเดียว แต่เป็นอะไรที่กินใจอยู่(แต่มันไม่เกี่ยวกับเส้นเรื่องหลักเลย) และความน่ารักของตัวละครพาเอาตัวรอดมาได้
คือการเล่าเรื่องที่ไม่มีซับพลอตหรือซับพลอตไม่แข็งแรงพอ ในหนังที่ตัวละครหลักยังไม่ได้แนะนำตัวสู่สาธารณะชนอย่างทั่วถ้วน ทำให้เรารู้จักแค่ อ๋อ อควาแมนยอดมนุษย์จากใต้น้ำ อ๋อไซบอร์กหุ่นครึ่งคนดูๆ เหมือนจะมีปัญหาอะไรกับพ่อนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแน่ ๆ แล้วทำไมต้องดูเก็บกดหน้าบูดตลอดเวลา
ยิ่งตัวร้ายยิ่งแล้วใหญ่ (เรื่องนี้แย่เหมือน เอจออฟอัลตรอนเป๊ะเลย) ฝีมือจะกากไม่กากยังไม่เป็นไร แต่ปูมมันไม่มี อยู่ ๆ ก็โผล่มาจะบุกโลก มีเนื้อเรื่องบาง ๆ ว่าเป็นเอเลี่ยนโบราณที่เคยบุกโลกแล้วไม่สำเร็จและจบ
ตัวร้ายแย่ ๆ อย่างแม่มดใน SS เรายังรู้สึกว่ามันมีปูมเรื่อง need ที่ให้มนุษย์บูชาในโลกที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปหมดแล้ว นายพลซอดใน MOS นี่ลึกนะ (เขาคือเผด็จการที่เน้นผลลัพธ์-ความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ โดยไม่ตั้งคำถามอื่น ซึ่งขัดกับสิ่งที่ซุปเติบโตมาในไร่ในประเทศเสรี)
3.แอคชั่นซีน
มาตรฐานตกต่ำกว่าทุกเรื่อง องค์ประกอบด้าน CG ที่แย่เป็นประการหนึ่ง การเลือกธีมดนตรีแบบเอลฟ์แมนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการส่งเสริมอารมณ์ความดุเดือด ดุดัน จัดจ้าน มันในอารมณ์ (พอตัดเป็นดนตรีของฮาน ซิมเมอร์และจังกี้ xl มาตอนไหนก็รู้สึกว่ามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลยทันที)
สรุป อาจจะเพราะโดนวิจารณ์เละใน MOS และ BVS เละเทะ ทางค่ายเลยจะปรับทิศทางใหม่ แต่บอกตามตรง มันไม่ควรทำอย่างที่ทำ เพราะมันเละเทะเอามาก ๆ และสันนิษฐานได้ว่า มันเป็นเพราะ ไม่ได้วางแผนมาแต่แรก แต่เลือกให้วีดอนมาปรับหนังที่แซคถ่ายเสร็จแล้ว ผลลัพธ์เลยออกมาแบบนี้
นี่ตัวเองไม่ได้อะไรนะ สมัยนักวิจารณ์ถล่ม BVS ผมยังยืนหยัดว่า เห้ย ของมันดีอยู่ แต่รอบนี้บอกตามตรงไม่ไหวแล้วจริง ๆ ครับ สมแล้วที่มะเขือเน่าให้คะแนนแค่นั้น
แต่ท้ายที่สุด ด้วยความผูกพันกับตัวละครแบทแมนมาตั้งแต่เด็ก ๆ เห็นหลายๆ คนดูสนุก ดูแล้วชอบ ก็ยินดีด้วย ก็อยากให้ประสบความสำเร็จในทิศทางใหม่ที่ทางค่ายเลือกครับ