พระเจ้ากับความยุติธรรม

พอดีได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาชิกท่านหนึ่งในกระทู้ข้างล่าง ที่ว่าคนดีแต่ไม่เชื่อในเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีพระเจ้าต้องตกนรกตลอดกาล ยุติธรรมแล้วในอิสลาม

ซึ่งสมาชิกท่านนั้นได้แสดงความคิดเห็นตามข้อความด้านล่าง​ ว่าในเมื่อพระเจ้าบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า"คนดี" ที่ไม่เชื่อจะต้องตกนรก ยุติธรรมแล้วเพราะพระเจ้าบอกเอาไว้ (สรุป คำกล่าวที่ว่าศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีคงใช้กับบางศาสนาไม่ได้) ผมว่าการที่ใครคนใดคนหนึ่งบอกกฎเกณฑ์อะไรบางอย่างเอาไว้ไม่ได้ หมายความว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องยุติธรรมนะครับ

”ในเมื่อไม่ทำความดีตามที่พระเจ้าบอก ก็โดนลงโทษ ตามที่พระเจ้าบอก

มันก็สมเหตุสมผล ของผมนิครับ

และท่านก็บอกอยู่แล้วว่า อะไรคือความดีความชั่ว รวมถึงศรัทธาในพระเจ้าด้วยคือหนึ่งในนั้น"


แบบนี้แสดงว่าความยุติธรรม​ ความดี​ ความชั่ว​ ไม่ไช่​ absolute ไม่ไช่หลักสากล​ ไม่มีหลักเกณฑ์​ที่ตายตัว

ยกตัวอย่างในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่เผด็จการในยุโรปคนหนึ่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์​ยิว​ ก็คงคล้ายๆกับที่พระเจ้าลงโทษ" คนดี" ที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงน่ะสิ​ เผด็จการ​คนนั้นก็บอกแล้วว่าใครที่มีความเชื่อในยิวต้องลงนรกนะ

ในเมื่อไม่ทำตามที่เผด็จการบอกบอก ก็โดนลงโทษ ตามที่บอก

มันก็สมเหตุสมผล ของผมนิครับ

อันนี้เอาตามหลักตรรกะที่สมาชิกมุสลิมได้ยกมาเป๊ะ​ๆเลยนะครับ

จะเห็นได้ว่าตรรกะแบบนี้ไม่น่าจะใช้ได้​
เมื่อไหร่หลักความยุติธรรม​ไม่ใช่​ absolute ไม่ไช่​หลักสากล แต่สามารถ​เปลี่ยนผันได้ก็จะเกิดปัญหา​ตามมา​

ยกตัวอย่างอีกอันละกัน
ประธานบริษัท​ๆหนึ่งมีนโยบายว่าใครที่ไม่เชื่อในซานตาคลอสจะถูกไล่ออก​ (ถ้าจะให้เหมือนกับอิสลามประธานคนนี้ต้องจ้างคนตามจองล้างจองผลาญ​ไอ้พนักงานคนนี้ให้เหมือนตกนรกตลอดชาติด้วย​นะ) พนักงานต่อให้ทำงานดีแค่ไหนถ้าไม่เชื่อในซานตาคลอส​แล้วก็ไม่มีการปรานี​ กลับกันพนักงานธรรมดาแต่ยอมเชื่อเรื่องซานตาคลอส​กับได้พนักงานสาวๆ72นางมาให้เป็นเลขาส่วนตัว​ แบบนี้ก็ยุติธรรม​ตามตรรกะอิสลามสินะครับ​ เพราะประธานก็บอกชัดเจนแล้วว่าถ้าไม่เชื่อ​จะเป็นแบบใด ถ้าเรามีบริษัท​ดีๆ​ แบบนี้ที่เอาหลักอิสลามไปใช้ประเทศเราคงเจริญ​มากนะครับ

อ้าวแล้วทำไมยังมีคนเชื่อในศาสนานี้อยู่อีก​ ลองจินตนาการดินแดนแห่งหนึ่งที่ปกครองโดยผู้นำสูงสุดที่ประชาชนคนไหนยอมเชื่อเรื่องผี​ ตามที่ผู้นำคนนี้บอก​ ผู้นำคนนั้นจะสร้างฮาเล็มพร้อมทาสสาวพรหมจรรย์72 คน (อาจมีบางคนเป็นเด็กๆอายุ6-9ขวบด้วย) เอาไว้ให้สนองตัณหา ส่วยผู้หญิงจะได้หนุ่มๆ​ 72​ คนเอาไว้ให้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน....... แค่คุยกันจริงๆนะ

แต่กับคนไม่ยอมเชื่อไม่ว่าเค้าจะเป็นคนดีเพียงใดก็จะจับมาขังคุกมาทรมาร คือใช้ความกลัวมาปกครองมาครอบงำประชาชนแทนที่จะใช้หลักเมตตา​ ในอดีตในประวัติศาสตร์เคยมีผู้ปกครองที่ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือแล้วประชาชนเต็มไปด้วยความสุขไหมครับ แต่กฏแบบนี้ก็ยุติธรรมใช่ไหมครับ เพราะในเมื่อไม่ทำความดีตามที่ผู้นำบอก (คือให้เชื่อเรื่องผี) ก็โดนลงโทษ ตามที่ผู้นำบอก มันก็สมเหตุสมผล ของผมนิครับ ตามตรรกะแบบอิสลามเลย​ แบบนี้คือความยุติธรรม​ใช่ไหมครับ?

สรุปความดี/ความชั่ว ควรเป็นหลักสากล เป็น absolute ที่ไม่ควรแปลเปลี่ยนตามใครคนใดคนหนึ่ง คนที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างบริสุทธ์ใจ ด้วยความประเสริฐ ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครผิวสีอะไร หน้าตาแบบไหน นับถืออะไร ผมยาวหรือสั้น เค้าก็คือคนดี เช่นเดียวกัน กับคนที่เลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องใด ซึ่งไม่เป็นการกระทบบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่วครับ (มุสลิมเคยบอกเอาไว้ว่าการที่มนุษย์เลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในพระเจ้าก็ไม่ทำให้พระเจ้าต่ำลงหรือสูงขึ้นแต่ประการใด)

ซึ่งตามหลักสากลแล้วคนดี หรือคนที่ไม่ทำความชั่วควรตกนรกหรือ?

ปล ไม่ได้เรียกร้องเพื่อให้พระเจ้า(ที่เป็นconcept ที่สมมติขึ้นมา เพราะถ้าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและมนุษย์ขึ้นมาพระเจ้าคนนี้คงทำงานช้ามาก ใช้เวลาตั้ง 4พันล้านปีแน่ะจึงสร้างโลกกับมนุษย์ขึ้นมาได้) ตอบแทนอะไรนะครับอย่าหลงประเด็นแต่แค่ต้องการความคิดเห็นจากเพื่อนชาวมุสลิมเรื่องด้านบน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่