'เธอ' ในน้ำ

เรื่องราวของผีสางหรือสิ่งลี้ลับนั้นมักไม่เข้าใครออกใคร และมันก็ไม่เลือกด้วยว่าจะไปเกิดขึ้นกับใคร หลายครั้งเป็นเรื่องที่คิดไปเอง หรือเรื่องโกหก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกันที่มันเกิดขึ้นจริง
          เรื่องราวของผีสางนั้นอาจพูดได้ว่าไม่สามารถจะหยิบยกเอามาให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากผู้ที่ประสบด้วยตนเอง แต่ไม่ว่าจะเคยเจอหรือไม่เคยก็แล้วแต่ คนเราก็มักจะกลัวไว้ก่อนเสมอ
          เรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นเรื่องราวของ ความกลัว ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมจะขอเรียกเธอว่า ‘พี่ปลา’ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุบังเอิญหรือความจงใจของใครบางคนเราได้มารู้จักกันในช่วงเวลาหนึ่ง พร้อมทั้งเรื่องที่ไม่อาจพิสูจน์ได้แต่ทิ้งไว้เพียงแผลใจและความกลัวให้เธอเท่านั้น
           ทุกคนต่างมีสิ่งที่ไม่ชอบและไม่อยากเข้าใกล้ บางอย่างที่เรากลัว ความกลัวเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ อาจเป็นความหลัง ประสบการณ์ คำบอกเล่าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มีความกลัวอย่างหนึ่งที่เราไม่รู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร เรารู้แค่ว่า เรากลัว แม้ว่าเราจะไม่รู้ที่มาและสาเหตุ แต่เชื่อเถอะว่าเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อหนีจากมัน
          เรื่องราวความกลัวของ พี่ปลา ที่จะเล่าให้ฟังนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆคนอาจจะเป็นกันแต่สำหรับเธอคนนี้มันมากไปกว่านั้น เธอเป็นคน ‘กลัวน้ำ’ การกลัวน้ำลึกๆหรือน้ำเชี่ยวนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พี่ปลาเป็นมากกว่านั้น เธอกลัวที่จะต้องสัมผัสกับน้ำ แม้กระทั่งการอาบน้ำก็สร้างความรู้สึกด้านลบให้เธอในบางที
          ตั้งแต่จำความได้เธอไม่ค่อยถูกโรคกับน้ำสักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ต้องเรียนว่ายน้ำเพราะที่บ้านไม่อยากให้เธอจมน้ำเมื่อเกิดอุบัติเหตุมักเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน เธอพยายามกลั้นใจทำตามความหวังดีนั้น แต่มันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จใดๆ เธอทำได้เพียงลอยตัวในน้ำไม่ให้จม แค่นั้น
          หลายครั้งที่เธอต้องไปเที่ยวกับเพื่อนๆและที่หมายก็มักจะเป็นทะเลเพราะใกล้กับที่อยู่อาศัยและสถานศึกษาในช่วงชีวิตนั้นของเธอ เธอรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่จะต้องลงไปในน้ำ แม้จะเพียงข้อเท้าเธอก็รู้สึกได้ว่า มันมีอะไรอยู่ในนั้น
           หลายๆคนอาจบอกว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเธอได้เลย รวมถึงผมด้วยเช่นกันผมไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะมากมายอะไรจนเธอต้องการความช่วยเหลือที่ไม่ใช่ทางออกทางวิทยาศาสตร์แบบนี้
          เธอค่อยเล่าไปเรื่อยๆถึงความกลัวที่มีแม้ว่าเนื้อหามันจะวนไปวนมาเหมือนเธอไม่สามารถจะอธิบายสิ่งที่เธอรู้สึกได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอเล่าได้อย่างชัดเจนถึงความกลัวของเธอคือ เธอรู้สึกว่ามีใคร หรืออะไรบางอย่างที่อยู่ในน้ำ
          ไม่ใช่น้ำลึกของทะเลหรืออะไรแม้แต่สระว่ายน้ำสวยๆในโรงแรมมันก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน ทุกครั้งที่เธอต้องลงไปในน้ำเธอจะรู้สึกถึงเสียงของใครบางคนที่สะท้อนก้องอยู่ในน้ำ ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่ได้ยินชัดเจนแต่รู้ว่ามี เสียงนั้นเหมือนเรียก เรียกเธออยู่ตลอด
          ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่เธอได้พบเจอ ครั้งหนึ่งเธอเคยพยายามจะรักษาความกลัวของเธอเพื่อชีวิตที่ปกติสุข เธอลองเดินลงไปในทะเลตื้นๆที่มีเพื่อนๆของเธออยู่ใกล้ๆคอยดูอยู่ไม่ห่าง เธอค่อยก้าวลงไปทีละนิดพร้อมต่อสู้กับความกลัวในใจ
          ครึ่งตัว เธอบอกกับผมอย่างนั้น เมื่อลงไปได้ครึ่งตัวเธอรู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนจับอยู่ตรงข้อเท้าแล้วออกแรงดึงจนเธอล้มลงแล้วจมลงไปในน้ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงดึงนั้นหรือคลื่นที่ซัดขึ้นลงตรงชายฝั่งทำให้เธอลอยไกลออกไปห่างจากที่ที่เพื่อนๆของเธอยืนอยู่
          พี่ปลาจำความรู้สึกนั้นได้ดี สัมผัสของมือที่ดึงเธอลงไปใต้น้ำ มันชัดเจน มากกว่าคำว่า คิดไปเอง จากเรื่องนั้นความกลัวที่มีค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิด จนในที่สุดก็เกิดเรื่องที่ทำให้เธอ กลัว จนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
          หลังจากวันเกิดของเธอในช่วงครบรอบ 27 ปีเต็ม ปีนั้นพี่ปลาบอกว่าชีวิตของเธอค่อยๆแย่ลง พูดได้เลยว่าดวงตกแน่ๆ เธอคอยไปตรวจดวงชะตากับหมอดูตามที่ต่างๆด้วยนิสัยของผู้หญิง และเกือบจะทุกที่ก็พูดเหมือนกันหมดว่า เธอกำลังดวงตกอย่างหนัก
          หลักจากถูกทำนายทายทักเหมือนๆกันจากหลายๆที่ เธอก็เริ่มเป็นกังวลและหาทางออกเพื่อความสบายใจของตนเอง ซึ่งในแต่ละที่นั้นก็มีพิธีกรรมแตกต่างกันไป เธอเลือกที่จะทำทุกอย่างที่เธอทำได้ ด้วยความที่เธอไม่มีปัญหาด้านการเงิน การสิ้นเปลืองกับเรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
          แต่แล้วเรื่องราวรอบๆตัวเธอก็ไม่ดีขึ้นอย่างที่หวัง มันแย่ลง และเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาทำให้เกิดความยากลำบากทั้งในการทำงานและการดำเนินชีวิตนั้นจะมาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของสาวแกร่งอย่างเธอ แต่สิ่งที่เธอไม่สามารถจัดการกับมันได้กลับทำให้เธอแทบจะเสียสติ
           หลายต่อหลายคืนที่เธอมักฝันแปลกๆ ในฝันนั้นเธอมักจะเดินอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำซึ่งเธอไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำนั้นเป็น สระ หรือว่าทะเล เพียงแต่รู้ว่ามีน้ำอยู่ใกล้ๆ บางคืนตัวเธอในความฝันจะเดินเข้าใกล้น้ำนั้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็เดินลงไปในนั้น
          เธอฝันอย่างนั้นอยู่ร่วมเดือนจนเธอเริ่มกลัวและสงสัยในตัวเอง แต่พี่ปลาก็ยังบอกกับตัวเองว่ามันคงเป็นความเครียดสะสมผสมกับความกลัวส่วนตัวเท่านั้น
          เวลาผ่านไปความฝันของเธอก็เริ่มจะเปลี่ยนไปด้วยเช่น เธอเริ่มฝันว่าเธอเหมือนลอยอยู่ในน้ำ เธอจมอยู่ใต้น้ำ แต่ไม่อึดอัด ความรู้สึกนั้นเธออธิบายไม่ถูกแม้แต่ในตอนที่เล่าให้ผมฟังเธอก็ขมวดคิ้วพูดวนไปวนมาไม่ได้ความ
          ความฝันที่มากขึ้นเรื่อยๆเริ่มมีผลกับชีวิตประจำวันของเธอ เธอเริ่มได้ยินเสียงแว่วในหู เสียงนั้นฟังไม่ได้ยิน เหมือนกับมันไม่ได้มาจากที่ไหน เหมือนกับดังอยู่ในหัว เธอฟังไม่รู้เรื่องในตอนแรกว่าเสียงนั้นพูดอะไร แต่เสียงนั้นมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มเข้าใจในความหมายนั้น มันเป็นชื่อของใครบางคน เธอมั่นใจอย่างนั้น
          ‘บุษบา’ ชื่อที่เธอได้ยินก้องอยู่ในหัวแต่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเข้าใจความหมายของชื่อที่ได้ยินเลยสักครั้ง
          เธอเริ่มกลัวในสิ่งที่ตัวเองเป็น เรื่องผีอาจเป็นส่วนหนึ่งที่เธอคิดแต่มากไปกว่านั้นเธอกลัวว่าเธอจะเสียสติ หรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา
          การรักษานั้นไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและผลสรุปของเธอก็ไม่ต่างไปจากที่คาดเท่าไหร่นัก ทุกอย่างเกิดมาจากความเครียด เธอจึงได้รับยามากิน และการดูแลตัวเองเบื้องต้น
          แน่นอนว่าอาการเหล่านั้นมันไม่ได้หายไป และแล้วมันก็เกิดเรื่องที่ตอกย้ำความคิดของเธอให้ชัดเจนขึ้น
          คืนหนึ่งที่เธอไปออกงานต่างจังหวัดเธอได้พักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใกล้กับแม่น้ำใหญ่ ที่พักนั้นสวยมากจนเธอคิดว่าคงเป็นโอกาสดีให้เธอได้ผ่อนคลายตัวเองจากเรื่องราวที่มีบ้าง
          คืนแรก เธอหลับไปตั้งแต่หัววันเพราะงานที่หนักหน่วงและการเดินทางข้ามจังหวัดในวันเดียวกัน คืนนั้นเธอไม่ฝันอะไรเลยหลับได้อย่างเป็นสุขที่สุดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แต่ในตอนเช้าที่เธอตื่นขึ้นมานั้น เธอก้าวขาลงจากเตียงแล้วก็ลื่นเสียงหลักลงไปนั่งบนเตียงครั้งหนึ่ง เพราะน้ำที่นองอยู่บนพื้น
          พี่ปลามองน้ำที่นองอยู่บนพื้นอย่างตกใจ เธอพยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะนอน เธอบอกผมว่าเธอแค่อาบน้ำแล้วมานั่งเป่าผมอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งมันอยู่อีกฝั่งกับที่เธอเจอน้ำบนพื้น
           เธอเล่าให้ผมฟังว่าห้องพักในวันนั้นเป็นห้องขนาดกลาง เป็นเตียงคู่ เข้าห้องมาจะเป็นทางเดินเล็กๆมีห้องน้ำอยู่ขวามือเหมือนกับโรงแรมทั่วๆไป แต่โต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ตรงช่องว่างระหว่างกำแพงห้องน้ำกับเตียงนอนที่หันข้างให้ไม่ได้อยู่ตรงปลายเท้าของเตียงเพราะตรงนั้นจะเป็นหน้าต่างไว้ให้ชมวิว
          นั่นหมายถึงหยดน้ำควรจะอยู่อยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งที่เธอเป่าผมเท่านั้นไม่น่าจะเลยมาจนถึงเตียงหลังที่สองที่เธอนอนได้ เธอเลือกนอนเตียงด้านในที่ไม่ใช่ตัวติดโต๊ะเครื่องแป้งเพราะมันติดกับประตูระเบียงที่เป็นกระจกยาวทำให้มองเห็นวิวด้านนอกได้
          น้ำที่นองอยู่บนพื้นนั้นมากพอสมควร แต่มันไม่ได้นองไปทั่วห้อง มันเลอะอยู่ตรงข้างเตียงระหว่างช่องว่างของทางเดินกับประตูระเบียงห้อง แล้วก็เลยไปจนเกือบถึงปลายเตียงนิดหน่อย พอพ้นเตียงมาตรงกลางห้องก็ไม่มีแล้ว ยิ่งหน้าห้องน้ำยิ่งแห้งมาก
          แต่เธอบอกว่า อาจจะเป็นฝนสาดเข้ามาก็ได้เพราะเมื่อคืนมีฝนตกพรำๆ ระเบียงด้านนอกก็ยังมีละอองน้ำเปียกตามพื้นให้เห็นบ้าง เธอออกไปเรียกแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก็โดนบ่นนิดหน่อย แม่บ้านคิดว่าเธอทำน้ำหก ประตูกระจกมันดีพอที่จะไม่รั่วให้ฝนสาดเข้ามา แม่บ้านยืนกราน
          เรื่องแปลกในคืนนั้นยังติดอยู่ในสมองของเธอไปทั้งวันแม้ว่าเธอต้องทำงานไปด้วย และที่สำคัญเธอยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกหลายคืน
           ในช่วงเย็นก่อนจะกลับเข้าที่พักเธอแวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อพวงมาลัยสวยๆมาหนึ่งพวงด้วยความคิดที่ว่าอาจจะเป็นเพราะไม่ได้ไปสักการะบอกกล่าวก่อนเข้าพัก เลยเป็นเหตุให้โดนรบกวน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่