สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ผมเชื่อว่าเราทราบมาแต่ยุคสมัยโบราณแล้วหน่ะครับ
1) สยามมีการใช้คำว่าจิ้มก้อง ในเอกสารพงศาวดาร กับประเทศราชของสยามเอง ซึ่งมีความหมายคล้ายและพ้องกับคำว่าบรรณาการ หรือการมอบสินน้ำใจแก่ผู้ใหญ่โดยผู้น้อย
2) เราเอาแผนที่และสิ่งมีค่าไปถวายจักรพรรดิจีน แล้วก็ได้ตราตั้ง ผ้าแพร หมวกยศกลับมา พระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนก็ใช้ตราตั้งจากจักรพรรดิจีนประทับในราชโองการหรือเอกสารราชการผสมปะปนกับตราตั้งที่ไทยเรามีอยู่แล้ว
แสดงว่าเรามีธรรมเนียมการประทับตราและพระราชทานตราตั้งประจำตำแหน่งหรือเพื่อใช้ในการลงนามกำกับเอกสารมาแต่โบราณครับ ซึ่งหากสยามเข้าใจธรรมเนียมตรงนี้ การยอมรับเอาตราโลโตจากจีนมาประทับเอกสาร คงไม่ใช่เพราะว่าเห็นจีนให้มาเลยเอามาประทับเล่นๆแน่นอน แต่มันต้องมีนัยสำคัญอะไรบางอย่าง
3) สมัยโบราณหลายครั้งที่มีการผลัดแผ่นดิน ก็ต้องส่งทูตไปจีนเพื่อแจ้งข่าวการผลัดแผ่นดินแล้วขอตราตั้งกับหมวกยศใหม่จากจักรพรรดิจีน ซึ่งธรรมเนียมนี้เราจะไม่เข้าใจเชียวหรือว่า มันมีความหมายทางสัญลักษณ์ว่าอะไร?
ดังนั้นผมเชื่อว่า การที่เราส่งบรรณาการไปจิ้มก้องจีนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา และก็ได้ตราตั้ง หมวกยศ และเอกสารต่างๆจากจีนกลับมานี่ คงไม่ใช่เพราะถูกหลอกต่อๆกันมาหลายร้อยปีแน่นอน แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าแผ่นดินของเรากับคณะทูตทราบอยู่แล้ว และทำตามๆกันมาเนื่องจาก
- มันกลายเป็นโบราณราชประเพณีไปแล้ว ที่ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจประจำโลกตะวันออกอย่างจีนกับอาณาจักรสยาม ในฐานะอาณาจักรใหญ่และอาณาจักรน้อย แม้ในทางปฏิบัติจีนจะไม่เคยส่งกองทัพหรือแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในเขตปริมณฑลทางอำนาจของสยามเลยก็ได้ (อาจจะยกเว้นการยุ่งย่ามกับมะละกา และเรื่องเล่าที่เจิ้งเหอมาช่วยเจ้านครอินทร์ปฏิวัติยึดอำนาจในอยุธยา)
- การได้รับการยอมรับจากจีนว่า พระมหากษัตริย์องค์นี้เป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างถูกต้องของสยาม มีส่วนสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิของพระราชอำนาจครับ เพราะหากตั้งตนเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว เหล่ากษัตริย์ของอาณาจักรรอบๆไม่ได้ยกย่องให้เป็นกษัตริย์ ก็เท่ากับว่าพระราชเดชานุภาพและพระบารมีไม่ครบถ้วน
- ผลประโยชน์ทางการค้าที่ได้รับมันมหาศาลมาก เพราะจีนเป็นทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกในสมัยนั้น
1) สยามมีการใช้คำว่าจิ้มก้อง ในเอกสารพงศาวดาร กับประเทศราชของสยามเอง ซึ่งมีความหมายคล้ายและพ้องกับคำว่าบรรณาการ หรือการมอบสินน้ำใจแก่ผู้ใหญ่โดยผู้น้อย
2) เราเอาแผนที่และสิ่งมีค่าไปถวายจักรพรรดิจีน แล้วก็ได้ตราตั้ง ผ้าแพร หมวกยศกลับมา พระเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนก็ใช้ตราตั้งจากจักรพรรดิจีนประทับในราชโองการหรือเอกสารราชการผสมปะปนกับตราตั้งที่ไทยเรามีอยู่แล้ว
แสดงว่าเรามีธรรมเนียมการประทับตราและพระราชทานตราตั้งประจำตำแหน่งหรือเพื่อใช้ในการลงนามกำกับเอกสารมาแต่โบราณครับ ซึ่งหากสยามเข้าใจธรรมเนียมตรงนี้ การยอมรับเอาตราโลโตจากจีนมาประทับเอกสาร คงไม่ใช่เพราะว่าเห็นจีนให้มาเลยเอามาประทับเล่นๆแน่นอน แต่มันต้องมีนัยสำคัญอะไรบางอย่าง
3) สมัยโบราณหลายครั้งที่มีการผลัดแผ่นดิน ก็ต้องส่งทูตไปจีนเพื่อแจ้งข่าวการผลัดแผ่นดินแล้วขอตราตั้งกับหมวกยศใหม่จากจักรพรรดิจีน ซึ่งธรรมเนียมนี้เราจะไม่เข้าใจเชียวหรือว่า มันมีความหมายทางสัญลักษณ์ว่าอะไร?
ดังนั้นผมเชื่อว่า การที่เราส่งบรรณาการไปจิ้มก้องจีนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา และก็ได้ตราตั้ง หมวกยศ และเอกสารต่างๆจากจีนกลับมานี่ คงไม่ใช่เพราะถูกหลอกต่อๆกันมาหลายร้อยปีแน่นอน แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าแผ่นดินของเรากับคณะทูตทราบอยู่แล้ว และทำตามๆกันมาเนื่องจาก
- มันกลายเป็นโบราณราชประเพณีไปแล้ว ที่ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจประจำโลกตะวันออกอย่างจีนกับอาณาจักรสยาม ในฐานะอาณาจักรใหญ่และอาณาจักรน้อย แม้ในทางปฏิบัติจีนจะไม่เคยส่งกองทัพหรือแผ่ขยายอำนาจเข้ามาในเขตปริมณฑลทางอำนาจของสยามเลยก็ได้ (อาจจะยกเว้นการยุ่งย่ามกับมะละกา และเรื่องเล่าที่เจิ้งเหอมาช่วยเจ้านครอินทร์ปฏิวัติยึดอำนาจในอยุธยา)
- การได้รับการยอมรับจากจีนว่า พระมหากษัตริย์องค์นี้เป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างถูกต้องของสยาม มีส่วนสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิของพระราชอำนาจครับ เพราะหากตั้งตนเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว เหล่ากษัตริย์ของอาณาจักรรอบๆไม่ได้ยกย่องให้เป็นกษัตริย์ ก็เท่ากับว่าพระราชเดชานุภาพและพระบารมีไม่ครบถ้วน
- ผลประโยชน์ทางการค้าที่ได้รับมันมหาศาลมาก เพราะจีนเป็นทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกในสมัยนั้น
แสดงความคิดเห็น
ระหว่างที่สยามส่งจิ้มก้องไปจีน สยามรู้ตัวไหมครับว่าถูกอ้างเป็นประเทศราช